พระเครื่อง : แหล่งข้อมูลบทความพระเครื่อง เครื่องรางของขลัง และวัตถุมงคล
Group Blog
 
<<
กันยายน 2556
 
12 กันยายน 2556
 
All Blogs
 
'อินเทล'มุ่งพัฒนาโปรเซสเซอร์เข้าสู่ยุคโมบายล์เต็มรูปแบบ

'อินเทล'มุ่งพัฒนาโปรเซสเซอร์เข้าสู่ยุคโมบายล์เต็มรูปแบบ

ซีอีโอคนใหม่และประธานบริษัทอินเทล ร่วมกันประกาศแผนการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ด้านการประมวลผลแห่งอนาคต ในงาน ไอดีเอฟ 2013 ที่จะขับเคลื่อนอินเทลและนักพัฒนา เข้าสู่ยุคโมบายล์เต็มรูปแบบ พร้อมทั้งเปิดตัวผลิตภัณฑ์กลุ่มใหม่กินไฟต่ำกว่าเดิม พร้อมสาธิตอุปกรณ์ที่รองรับ LTE และผลิตภัณฑ์ที่ใช้ระบบประมวลผลขนาด 14 นาโนเมตร...

นายไบรอัน เคอซานิทช์ ซีอีโอคนใหม่ของอินเทล กล่าวในพิธีเปิดงาน อินเทล ดิเวลล็อปเปอร์ ฟอรั่ม หรือ ไอดีเอฟ (Intel Developer Forum - IDF) ที่ซานฟรานซิสโก สหรัฐอเมริกา กล่าวว่า ทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ของ อินเทล นับตั้งแต่ระบบดาต้าเซ็นเตอร์ไปจนถึงอุปกรณ์พกพาขนาดเล็ก เช่น แท็บเล็ต โทรศัพท์มือถือและอุปกรณ์อื่นๆ ที่สามารถพกติดตัวได้ กำลังทำให้ตลาดในกลุ่มอุปกรณ์ประมวลผล ก้าวเข้าสู่ยุคของการเปลี่ยนแปลงอันน่าตื่นเต้น จนอาจทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมไอทีเลยก็ว่าได้ ทั้งนี้ ไบรอัน ได้กล่าวถึงวิสัยทัศน์ของอินเทลและกลยุทธ์ในการรับมือกับสินค้าในตลาดแต่ละกลุ่มที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เช่น ความก้าวหน้าของอินเทลในการทำตลาดอุปกรณ์พกพาขนาดเล็ก โดยเตรียมนำเสนอผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ออกสู่ตลาดในปีหน้าและปีต่อๆ ไป ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์กลุ่มใหม่ที่กินไฟต่ำกว่าเดิมด้วย

ซีอีโอ อินเทล กล่าวถึงแผนที่จะก้าวเข้าสู่ทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์ว่า ปัจจุบันนวัตกรรมและการเปลี่ยนแปลงในอุตสาหกรรมนั้นเกิดขึ้นรวดเร็วกว่าเมื่อก่อนมาก ซึ่งทำให้อินเทลได้เปรียบ เพราะเราเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยีการผลิตและมีระบบสถาปัตยกรรมที่เอื้อต่อการพัฒนาอุปกรณ์แบบประหยัดพลังงาน โดยอินเทลวางเป้าหมายที่จะเป็นผู้นำในทุกกลุ่มผลิตภัณฑ์สำหรับอุปกรณ์ประมวลผล

นายไบรอัน กล่าวถึงการที่อินเทล เตรียมเปิดตัว “เบย์เทรล” (Bay Trail) ในสัปดาห์นี้ โดย เบย์เทรล เป็นระบบประมวลผลที่ฝังอยู่บนชิพ หรือเอสโอซี (system-on-a-chip – SoC) ที่ผลิตด้วยเทคโนโลยีขนาด 22 นาโนเมตร รุ่นแรกของอินเทลเพื่อใช้ในอุปกรณ์มือถือ ทั้งนี้ “เบย์เทรล” พัฒนาจากสถาปัตยกรรมระดับไมโครรุ่นใหม่ คือ ซิลเวอร์มอนท์” (Silvermont) ที่มีสมรรถนะสูงแต่กินไฟต่ำ สามารถรองรับอุปกรณ์รูปแบบใหม่ๆ ที่ใช้ได้ทั้งระบบปฏิบัติการ แอนดรอยด์ และ วินโดวส์ โดยเฉพาะกับอุปกรณ์อย่างแท็บเล็ตและทูอินวัน การขยายตลาดผลิตภัณฑ์พกพาขนาดเล็กอย่างสมาร์ทโฟน แท็บเล็ต และแท็บเล็ตแบบทูอินวัน ซึ่งมีความสามารถเทียบเท่าพีซีเมื่อใช้งานคู่กับคีย์บอร์ด รวมถึงอุปกรณ์พกพาใหม่ๆ ที่มีสีสันและแปลกใหม่กว่าเดิม ทำให้ตลาดในกลุ่มอุปกรณ์พกพาขนาดเล็กมีการเปลี่ยนแปลงที่รวดเร็วน่าสนใจกว่า ที่เคยเป็นมา เรายังไปไม่ถึงทางตันของสมาร์ทโฟนและแท็บเล็ต คลื่นลูกใหม่ของอุปกรณ์พกพากำลังก่อตัวอยู่ส่วนอุปกรณ์ที่สามารถพกติดตัวได้ ซึ่งมาพร้อมกับระบบเซ็นเซอร์คุณภาพสูง รวมถึงหุ่นยนต์ ก็เป็นเพียงจุดเริ่มต้นเท่านั้น

ซีอีโอ อินเทล กล่าวเปิดตัวระบบประมวลผล ในตระกูล “อินเทล คว๊าค” (Intel Quark) ที่กินไฟต่ำ และจะมีส่วนสำคัญในการทำให้อินเทลก้าวเข้าสู่กลุ่มธุรกิจที่กำลังเติบโต ตั้งแต่กลุ่มที่เกี่ยวข้องกับระบบอินเทอร์เน็ต ในระดับอุตสาหกรรมไปจนถึงอุปกรณ์ที่ใช้สวมใส่และประมวลผลได้ โดยระบบนี้ถูกออกแบบมาเพื่อใช้กับอุปกรณ์ที่เน้นในเรื่องของการกินไฟต่ำกว่า เดิมและมีขนาดเล็กเหมาะแก่การพกพา มากกว่าที่จะเน้นในด้านการมีสมรรถนะที่สูงขึ้น

อินเทล จะส่งบอร์ดต้นแบบของเครื่องรุ่นตัวอย่างที่ใช้ผลิตภัณฑ์รุ่นแรกของตระกูลนี้ ในราวไตรมาสสี่ของปีนี้ เพื่อให้บริษัทพันธมิตรนำไปปรับใช้ในการออกแบบให้ตรงกับความต้องการตลาด โดยในระยะแรกจะเน้นตลาดในกลุ่มอุตสาหกรรม กลุ่มพลังงานและการขนส่ง เมื่อยุคใหม่ของระบบประมวลผลเติบโตขึ้น และมีลักษณะที่เฉพาะตัวมากขึ้น นวัตกรรมของอุปกรณ์ที่สามารถสวมใส่ติดตัวได้จะก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว ไบรอัน ได้ยกตัวอย่างของอุปกรณ์สำหรับสวมข้อมือ ซึ่งเป็นดีไซน์ต้นแบบและเป็นนวัตกรรมที่กำลังได้รับการพัฒนา โดยกล่าวว่า อินเทลและพันธมิตรกำลังสร้างโอกาสที่จะเกิดขึ้นจากตลาดในกลุ่มนี้

ในด้านเทคโนโลยีการสื่อสารไร้สารความเร็วสูง 4G นั้น ซีอีโออินเทล กล่าวว่า นวัตกรรม LTE ใหม่ของ อินเทล เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจสำหรับการเชื่อมต่อเครือข่าย 4G ที่เป็นมัลติโหมด มัลติแบนด์ และจะทำให้อินเทลก้าวข้ามอุปสรรค เพื่อทำให้ธุรกิจในตลาดสมาร์ทโฟนเติบโตขึ้น ปัจจุบันอินเทลได้จัดส่งชิพโมเด็มแบบมัลติโหมด ซึ่งมีชื่อว่า อินเทล เอ็กซ์เอ็มเอ็ม™ 7160 (Intel XMM 7160) เรียบร้อยแล้ว ซึ่งถือเป็นหนึ่งในโซลูชั่นแบบมัลติโหมด มัลติแบนด์ สำหรับการทำโรมมิ่งทั่วโลก โดยใช้เทคโนโลยี LTE ชนิดกินไฟต่ำที่สุดและมีขนาดเล็กที่สุดในโลก

นายไบรอัน กล่าวถึงตัวอย่างของการก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วของอินเทล ภายใต้การบริหารงานของทีมผู้บริหารชุดใหม่ โดยกล่าวว่า ในขณะนี้ ผลิตภัณฑ์ LTE เจนเนอเรชั่นใหม่ของ อินเทล หรือโมเด็ม อินเทล เอ็กซ์เอ็มเอ็ม 7260 ยังอยู่ในระหว่างการพัฒนา โดยคาดว่าจะสามารถจัดส่งผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ซึ่งมีคุณสมบัติขั้นสูงเพื่อใช้ในการรับส่งข้อมูลแบบ LTE เช่น carrier aggregation ได้ในปี 2557 ซึ่งเป็นช่วงเวลาเดียวกันกับการเปิดใช้เครือข่าย 4G โดยไบรอันได้สาธิตคุณสมบัติของ carrier aggregation จากโมเด็ม อินเทล เอ็กซ์เอ็มเอ็ม 7260 บนเวทีด้วย โดยสามารถเพิ่มความเร็วในการทำงานได้มากถึงสองเท่าตัว

นอกจากนี้ ไบรอันยังได้สาธิตการใช้งานของสมาร์ทโฟนที่รองรับได้ทั้งโซลูชั่น อินเทล เอ็กซ์เอ็มเอ็ม 7160 LTE และ อินเทล อะตอม เอสโอซี เจนเนอเรชั่นใหม่ ซึ่งมีชื่อรหัสว่า “เมอร์ริฟิลด์” (Merrifield) เพื่อใช้กับ แท็บเล็ต และสมาร์ทโฟนในปี 2557 โดย “เมอร์ริฟิลด์” พัฒนามาจากสถาปัตยกรรมระดับไมโคร “ซิลเวอร์มอนท์” (Silvermont) ซึ่งมีสมรรถนะที่สูงขึ้น ประหยัดพลังงาน และมีอายุการใช้งานแบตเตอรี่ที่ยาวนานกว่ารุ่นที่เป็นเจนเนอเรชั่นปัจจุบัน

ซีอีโอ อินเทล กล่าวถึงความก้าวหน้าและการพัฒนานวัตกรรมอย่างรวดเร็วสำหรับพีซีในอนาคต โดยได้สาธิตระบบประมวลผลขนาด 14 นาโนเมตร จากเครื่องที่ใช้ “บรอดเวลล์” (Broadwell) ซึ่งจะเริ่มดำเนินการผลิตภายในสิ้นปีนี้ และจะเป็นผลิตภัณฑ์นำร่องที่ใช้กระบวนการผลิตขนาด 14 นาโนเมตร สำหรับผลิตภัณฑ์รุ่นแรกที่ใช้ “บรอดเวลล์” จะมีสมรรถนะที่สูงขึ้น อายุแบตเตอรี่ที่ยาวนานขึ้น และกินไฟต่ำลง ซึ่งเหมาะกับอุปกรณ์ทูอินวันและอุปกรณ์ที่ไม่ต้องใช้พัดลมระบายความร้อน อัลตร้าบุ๊ก และพีซีดีไซน์ต่างๆ

เพื่อตอกย้ำว่า อินเทล พร้อมที่จะนำประสบการณ์การเป็นผู้นำในฐานะผู้ผลิตและออกแบบสถาปัตยกรรม มาใช้กับโปรเซสเซอร์ในตระกูล อินเทล อะตอม นายไบรอัน ยืนยันว่า อินเทลตั้งใจที่จะนำ อินเทล อะตอม โปรเซสเซอร์ และอุปกรณ์อื่นๆ ที่ใช้สถาปัตยกรรมระดับไมโคร “แอร์มอนท์” (Airmont) เจนเนอเรชั่นใหม่ ออกสู่ตลาด โดยใช้เทคโนโลยีการผลิตขนาด 14 นาโนเมตร ในราวต้นปีหน้า ตามช่วงจังหวะเวลาของสินค้าแต่ละกลุ่มในตลาด

ในส่วนของธุรกิจดาต้าเซ็นเตอร์ของอินเทลที่สร้างรายได้กว่า 10,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ต่อปีนั้น ได้สร้างโซลูชั่นใหม่ให้กับธุรกิจต่างๆ เพื่อทำให้ก้าวทันกับความต้องการของระบบคลาวด์ และการจัดการกับข้อมูลมหาศาลที่ถูกสร้างขึ้น โดยอุปกรณ์พกพาจากผู้ใช้ทั่วโลก เป้าหมายของอินเทลคือ การออกแบบสถาปัตยกรรมใหม่ให้กับ ดาต้า เซ็นเตอร์ เพื่อเป็นฐานรากของการใช้ซอฟต์แวร์เพื่อจัดการกับระบบดาต้าเซ็นเตอร์และบริการระบบคลาวด์ ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่เซิร์ฟเวอร์ ระบบเครือข่าย การจัดเก็บข้อมูล และการรักษาความปลอดภัย

อินเทล จะทำการเปิดตัวผลิตภัณฑ์ในตระกูล อินเทล ซีออน โปรเซสเซอร์ รุ่นใหม่สำหรับดาต้าเซ็นเตอร์ในวันนี้ด้วยเช่นกัน โดยเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว อินเทลได้นำเสนอผลิตภัณฑ์และเทคโนโลยีในกลุ่ม ดาต้าเซ็นเตอร์ รวมถึงผลิตภัณฑ์ในตระกูล อินเทล อะตอม ซี 2000 แบบ 64 บิต เจนเนอเรชั่นที่สองในดีไซน์แบบเอสโอซี ซึ่งได้รับการออกแบบมาเพื่อใช้กับไมโครเซิร์ฟเวอร์ และแพลตฟอร์ม cold storage ซึ่งมีชื่อรหัส “อาโวตัน” (Avoton) รวมถึงแพลตฟอร์มเครือข่ายในระดับเริ่มต้น ซึ่งมีชื่อรหัสว่า “เรนเจลี” (Rangeley)

ด้านนางเรเน่ เจมส์ ประธานบริษัท อินเทล คอร์ปอเรชั่น กล่าวถึงก้าวต่อไปของบริษัทฯ โดยมีวิสัยทัศน์ในการวางแผนให้ในศตวรรษหน้าอุปกรณ์ต่างๆ อุปกรณ์ประมวลผลรุ่นใหม่ๆ ทุกชิ้นสามารถประมวลผลได้ ซึ่งหมายถึงโซลูชั่นระบบประมวลผลแบบฝังตัวจะต้องมีขนาดเล็กลง ทำงานได้เร็วขึ้นและหลากหลายยิ่งกว่าเดิม และสามารถผลิตได้ในปริมาณที่มากขึ้น

“เทคโนโลยี บนพื้นฐานของเซมิคอนดักเตอร์ จะยังคงมีบทบาทในการทำให้เราค้นพบปัญหาต่างๆ และโอกาสอันน่าตื่นเต้นที่กระจายตัวอยู่ตามที่ต่างๆ ทั่วโลก จะสามารถเปลี่ยนแปลงรูปแบบการใช้ชีวิตของเรา บริหารเมืองของเราให้น่าอยู่ และทำให้สุขภาพของเราดีขึ้น นอกจากนี้ อินเทลยังมีบทบาทอย่างมากในทุกๆ การเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีตลอดเวลาที่ผ่านมา และยังคงมุ่งมั่นในการพัฒนานวัตกรรมต่อไปในอนาคต” ประธานบริษัทอินเทล กล่าว

นางเรเน่ ยังกล่าวเน้นว่า สมาร์ทซิตี้และบริการทางการแพทย์ที่ปรับให้เหมาะกับผู้รับบริการได้นั้น ถือเป็นตัวอย่างสำคัญที่จะนำเทคโนโลยีที่ล้ำหน้ามาประยุกต์ใช้เพื่อเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิตได้

ประธานบริษัท อินเทล กล่าวถึงการคาดการณ์ที่ว่า ภายในปี 2593 ประชากรโลกกว่าร้อยละ 70 จะอาศัยอยู่ในมหานครขนาดใหญ่ การพัฒนาเทคโนโลยีระบบประมวลผล จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการรับ-ส่งข้อมูล ระหว่างอุปกรณ์ต่างๆ ได้เป็นอย่างดี อินเทลได้ร่วมมือกับกรุงดับลินและลอนดอนในการวางระบบเพื่อเปลี่ยนโฉมหน้าการจัดการระบบต่างๆ ของเมือง เพื่อให้ประชากรได้มีคุณภาพชีวิตที่ดีโดยมีค่าใช้จ่ายที่ถูกลงกว่าเดิม

นางเรเน่ กล่าวอีกว่า การติดตั้งระบบประมวลผลไว้ในอุปกรณ์นับล้านๆ ชิ้น เป็นแค่เรื่องหนึ่ง แต่สิ่งที่เรากำลังทำอยู่นี้มันยากยิ่งกว่า นั่นคือ การสร้างระบบโซลูชั่นอันทรงพลังที่สามารถนำข้อมูลไปใช้ให้เป็นประโยชน์ และเป็นคำตอบของคำถามที่ยากและซับซ้อนที่สุด เช่น การรักษาโรคมะเร็ง เป็นต้น สิ่งที่เราเห็นในปัจจุบันนี้เป็นเพียงแค่เสี้ยวหนึ่งของสิ่งที่เทคโนโลยีจากอินเทล สามารถทำได้ เพื่อใช้ในการรักษาให้ความรู้ และมอบโอกาสให้ทุกชีวิตบนโลกใบนี้อยู่ร่วมกันได้อย่างยั่งยืน

"ซุปเปอร์คอมพิวเตอร์ของ อินเทล ถือเป็นหนึ่งตัวอย่างที่คอมพิวเตอร์ สามารถเปลี่ยนโฉมหน้าวงการสาธารณสุข ซึ่งนับเป็นส่วนที่ใหญ่ที่สุดในระบบเศรษฐกิจโลกได้ โดยอินเทลกำลังทำงานร่วมกับสถาบันมะเร็ง Knight Cancer Institute ซึ่งตั้งอยู่ที่มหาวิทยาลัยด้านสุขภาพและวิทยาศาสตร์ของ โอเรกอน ในโครงการเพื่อค้นหาวิธีที่จะวิเคราะห์รายละเอียดยีนของมนุษย์ เพื่อทำแผนภูมิของดีเอ็นเอในหลากมิติ โดยใช้งบประมาณและเวลาที่น้อยที่สุด นับเป็นครั้งแรกในวงการแพทย์ยุคใหม่ ที่ระบบประมวลผลและเทคโนโลยีก้าวเข้ามามีบทบาทสำคัญ เท่าเทียมกับชีววิทยา ยิ่งถ้าเราสามารถทำให้ระบบประมวลผลสมรรถนะสูงมีราคาถูกลงได้มากเท่าใด เราก็จะยิ่งช่วยรักษาชีวิตมนุษย์ไว้ได้มากขึ้นเท่านั้น" ประธานอินเทล กล่าวทิ้งท้าย.




Create Date : 12 กันยายน 2556
Last Update : 12 กันยายน 2556 8:13:17 น. 0 comments
Counter : 1471 Pageviews.

amulet108
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 96 คน [?]








Friends' blogs
[Add amulet108's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.