พระเครื่อง : แหล่งข้อมูลบทความพระเครื่อง เครื่องรางของขลัง และวัตถุมงคล
Group Blog
 
<<
ตุลาคม 2556
 
9 ตุลาคม 2556
 
All Blogs
 
Trendy Review: Samsung Galaxy Gear

Trendy Review: Samsung Galaxy Gear

คู่หูคนใหม่ คู่กาย Samsung Galaxy Note 3, Galaxy Note 10.1 2014 Edition และในอนาคตก็พ่วง Samsung Galaxy S3, Galaxy S4 และ Galaxy Note 2 มาด้วย ... ใช่ครับ มันคือผลิตภัณฑ์ตัวใหม่ในสายพันธุ์ Wearable device ที่ Samsung เพิ่งเปิดตัวไปหมาดๆ พร้อมๆ กับ Samsung Galaxy Note 3 และวางจำหน่ายในประเทศไทยเมื่อเร็วๆ นี้ Samsung Galaxy Gear ครับ...

แน่นอน ต้องเริ่มจากการรีวิวรูปร่างหน้าตากันก่อน
ตอนแรกสุด มีข่าวว่ากันว่าเจ้า Samsung Galaxy Gear นี่จะออกมามีหน้าจอโค้งตามข้อมือของเรา ซึ่งมีความเป็นไปได้ เพราะ Samsung เขาทำหน้าจอที่ดัดโค้งงอได้มาพักใหญ่ๆ แล้ว แต่เอาเข้าจริงๆ ออกมาแล้ว มันไม่ได้เป็นหน้าจอโค้งขนาดนั้นครับ ยังคงมีลักษณะเหลี่ยมๆ ตามสไตล์ของนาฬิกาทั่วๆ ไปอยู่



ถ้าไม่นับว่าเจ้านี่ใช้หน้าจอ Super AMOLED ขนาด 1.63 นิ้ว ความละเอียด 320x320 พิกเซล ความหนาแน่นพิกเซล 277.64ppi ละก็ มันก็ได้อารมณ์ของนาฬิกาดิจิตอลเราดีๆ นี่เองครับ แต่ตัวบอดี้นั้นเป็นสแตนเลสสตีล มีความคงทนสูงกว่าพวกอะลูมิเนียมชัดเจน (แต่แลกมาด้วยน้ำหนักนิดนึงนะ) ... แต่ไม่ต้องถามผมนะครับว่าหน้าจอทนต่อรอยขีดข่วนแค่ไหน เพราะผมอยากแนะนำว่า หาทางติดฟิล์มกันรอยจะดีกว่าครับ กันไว้ดีกว่าแก้


สายของ Samsung Galaxy Gear นั้นใช้วัสดุเป็นลักษณะของยาง ดูแล้วคงทนดี ซึ่งไม่น่าแปลกใจอะไร เพราะว่าถ้าคุณสังเกตดีๆ จะเห็นว่า Samsung เขาฝังกล้องดิจิตอลความละเอียด 1.9 ล้านพิกเซลมาไว้บนสายนี่ด้วย ดังนั้นหากสายไม่คงทน มีเฮแน่นอน ... ในส่วนของตัวล็อกนั้นจะเป็นสแตนเลสครับ และมีการฝังลำโพงไว้ตรงนี้ด้วย เพื่อใช้สำหรับการสนทนาโทรศัพท์

จากที่ทดสอบใช้งานมาเป็นเวลา 1 สัปดาห์ คงต้องบอกว่า รู้สึกได้เลยว่าค่อนข้างคงทนทีเดียวละครับ


มาดูที่ด้านหลังของ Samsung Galaxy Gear กันซักหน่อยครับ จะเห็นว่ามีขั้วทองเหลืองเอาไว้สำหรับต่อกับอุปกรณ์ชาร์จ ซึ่งผมอยากจะขอเรียกมันว่าแจ็กเกต (Jacket) จริงๆ นะ ... นอกจากนี้ก็จะมีนอตยึดไว้ 4 ตัว เอาไว้เปิดฝาหลังออกมา ... ดูๆ แล้ว ถ้าหากไม่กลัวประกันหลุด อยากถอดก็คงไม่ยาก เพราะประแจหัวแฉกเป็นรูปดาวแบบนี้ เดี๋ยวนี้มีขายทั่วไป


มองแบบเพ่งๆ อีกซักนิด จะเห็นว่าด้านข้างของตัวเรือน ตรงฝั่งเดียวกับกล้องดิจิตอลนั่นแหละ จะมีรูเล็กๆ อยู่ทั้งสองฝั่ง นั่นคือไมโครโฟนครับ เอาไว้สำหรับอัดเสียงเวลาถ่ายวิดีโอ และเอาไว้สนทนาโทรศัพท์ด้วยในตัว


ถ้าเอาแจ็กเกตมาใส่ Samsung Galaxy Gear จะออกมาแบบนี้แหละครับ ด้านข้างของแจ็กเกตเป็นตัวล็อก ... เลื่อนตัวล็อกเเพื่อเปิดฝาปิดแจ็กเกตออก แล้วถอด Samsung Galaxy Gear ออกได้ ... ตัวแจ็กเกตนี่ทำ 2 หน้าที่ครับ คือ มี NFC ในตัว ไว้ให้เราไปแตะกับ Samsung Galaxy Note 3 (หรือ Galaxy ตัวอื่นๆ ที่รองรับการใช้งานคู่กับ Galaxy Gear เพื่อตั้งค่าการเชื่อมต่อ) และชาร์จแบตเตอรี่ให้กับ Samsung Galaxy Gear


ด้านหลังของแจ็กเกต จะมีพอร์ต Micro USB เอาไว้ให้เสียบสายชาร์จครับ ... โดยส่วนตัวไม่แนะนำให้ใส่แจ็กเกตแล้วสวมข้อมือหรอกนะ มันดูเทอะทะอย่างแรง ขอบอก


ลองเอา Samsung Galaxy Gear สวมข้อมือแล้ว โอ้ เหมาะเหม็งดีจริงๆ สำหรับข้อมือผู้ชาย แต่สำหรับผู้หญิงแล้ว มันอาจจะดูใหญ่กว่าข้อมือไปหน่อยครับ สาวๆ อาจจะไม่ชอบดีไซน์แบบนี้ แต่อย่างว่า หากทำให้มันเล็กๆ เหมือนนาฬิกาผู้หญิง ปัญหาก็คือ ขนาดของหน้าจอมันก็จะไม่ได้น่ะ

Samsung Galaxy Gear ผ่านมาตรฐาน IP55 ดังนั้นเท่ากับว่ามันกันฝุ่นได้ในระดับนึง (แต่ไม่ได้หมายความว่ากันได้ทั้งหมด) และสามารถใส่เดินตากฝนได้ ใส่ขณะล้างมือได้ แต่ไม่ใช่เอาไปใส่ลงว่ายน้ำในสระ หรือดำน้ำนะครับ มันไม่ได้กันขนาดนั้น

แล้วสเปกของ Samsung Galaxy Gear เป็นยังไง?!?
ในที่สุดก็ถึงยุคที่เมื่อเราจะซื้อนาฬิกาซักเรือน เราต้องเช็กสเปกมากกว่าแค่ว่ามันทำจากวัสดุอะไร กันน้ำได้กี่เมตร มีฟีเจอร์พื้นฐานอะไรบ้าง ซะแล้วล่ะ ... ตอนนี้เราต้องมาดูแล้วว่ามันใช้ CPU อะไร มีความจุเท่าไหร่ อะไรแบบนี้เพิ่มขึ้นด้วย (ฮา)
•    CPU: Exynos single-core 800MHz
•    GPU: Mali-400 MP4 (210/500MHz)
•    Display: Super AMOLED 1.63" 320x320 พิกเซล (277.64ppi) รองรับ Multitouch
•    RAM: 512MB
•    Internal storage: 4GB
•    Camera: 1.9 ล้านพิกเซล
•    Connectivity: Bluetooth 4.0
•    Sensors: Accelerometer 3 แกน, Gyroscope
•    Battery: 315mAh (โฆษณาว่าใช้งานต่อเนื่องได้ 25 ชั่วโมง ... จากที่ผมทดสอบสแตนด์บาย และแจ้ง Notification อย่างเดียว อยู่ได้ราวๆ 2 วันเศษ)
•    Weight: 73.8 กรัม
เป็นอะไรที่ผิดไปจากข่าวลือนิดหน่อย เพราะเขาลือๆ กันว่าจะเป็น Dual-core CPU แต่ท่าทาง Samsung จะมองว่า รันระบบปฏิบัติการ Android และไม่ได้อะไรหนักๆ เหมือนพวกสมาร์ทโฟน แค่นี้ก็คงเหลือๆ แล้ว ประมาณนั้น

แล้ว Samsung Galaxy Gear ทำอะไรได้บ้าง?!?
ด้วยตัวมันเอง แน่นอน มันบอกเวลาได้ (ฮา) และโดยพื้นฐาน ตัวนาฬิกาที่มีมาให้ จะมี Widget ในการพยากรณ์อากาศโดย AccuWeather มาให้ด้วย แต่แน่นอน อัพเดตข้อมูลไม่ได้ หากเราไม่เชื่อมต่อกับ Samsung Galaxy (รุ่นที่รองรับ) เพื่อเชื่อมต่อข้อมูลกับอินเทอร์เน็ตอีกที


นอกจากนี้ Samsung Galaxy Gear ก็ยังมี App ชื่อ Pedometer ซึ่งเอาไว้จับการก้าวเดินของเรา ก็คล้ายๆ กับพวกอุปกรณ์เสริมอื่นๆ จำพวก Jawbone หรือ Nike ที่มานับจำนวนก้าวที่เราเดิน เพื่อออกกำลังกายนั่นแหละครับ ... และเช่นเคย เจ้านี่สามารถเชื่อมต่อกับ Samsung Galaxy และส่งข้อมูลจำนวนก้าวเดินของเรา ไปยัง S Health ได้ด้วย


นอกจากนี้ ก็ยังมี App อื่นๆ ให้ใช้งานได้ ทั้งในแบบที่ทำงานได้ในตัวของมันเอง ไม่ต้องง้อสมาร์ทโฟน เช่น Stopwatch (นาฬิกาจับเวลา), Timer (นาฬิกานับเวลาถอยหลัง), Voice memo (บันทึกเสียง), Camera (กล้องถ่ายรูป), Gallery (อัลบั้มรูป)

และแน่นอน เป้าหมายหลักของ Samsung ก็คือ การให้เจ้านี่เป็น Companion หรือ คู่หู ของ Samsung Galaxy (Galaxy Note 3 และ Galaxy Note 10.1 2014 Edition ในตอนนี้ และในอนาคตจะมีอัพเดต Samsung Galaxy S3, S4 และ Note 2 ให้มาจับคู่กันได้อีก) ดังนั้น อีกหลายๆ App ก็เลยต้องใช้งานคู่กับ Samsung Galaxy ครับ ได้แก่พวก Notification (การแจ้งเตือน), Contact (ที่อยู่ติดต่อ), Dialer (หมุนเบอร์โทรศัพท์), Find my device (ตามหา Samsung Galaxy), Media Controller (ตัวควบคุมการเล่นไฟล์มัลติมีเดียบน Samsung Galaxy), S Voice สั่งโทรออก หรือ ส่ง SMS ด้วยเสียง, Today's schedule (ตารางนัดหมายวันนี้) และ Weather (พยากรณ์อากาศ)


Gear Manager



แม้ว่า Samsung Galaxy Gear จะรองรับการติดตั้ง App และมี Internal storage มาให้ 4GB แต่การจะติดตั้งอะไร ก็ต้องติดตั้งผ่านจาก Smartphone เป็นหลักครับ โดย Smartphone นั้นจะต้องติดตั้ง App ที่ชื่อว่า Gear Manager ครับ ดาวน์โหลดได้จาก Samsung Apps เลย ค้นหา App ที่ชื่อ Gear Manager นี่แหละ ดาวน์โหลดฟรีครับ

ถ้าคุณซื้อทั้ง Samsung Galaxy Note 3 (หรือ รุ่นใดก็ตามแต่ ที่ใช้กับ Galaxy Gear ได้) และ Galaxy Gear มา แต่ดันไม่ดาวน์โหลดเจ้านี่มาใช้ คุณกำลังใช้ Samsung Galaxy Gear อย่างไม่เต็มประสิทธิภาพครับ
หลักๆ เลย Gear manager นั้นสามารถ...
•    เปลี่ยนหน้าตาของนาฬิกาได้
•    เลือกลำดับการแสดงรายการ App บน Galaxy Gear ได้ และกำหนดค่าต่างๆ สำหรับ App พวกนั้นได้ (เช่น จะโอนข้อมูลจาก App มาลง Samsung Galaxy smartphone โดยอัตโนมัติ หรือ จะกำหนดเอง, จะเล่นเสียงไหม ฯลฯ)
•    ดาวน์โหลด App สำหรับ Galaxy Gear จาก Samsung Apps … ซึ่งแม้ตอนนี้จะยังไม่มีให้เลือกมาก แต่ก็น่าจะมีมากขึ้นเรื่อยๆ หลังวางจำหน่ายกันเต็มที่แล้ว
•    ตามหา Galaxy Gear ... อันนี้อาศัยหลักการ หากมันอยู่ในรัศมีการเชื่อมต่อของ Bluetooth แล้วยังหา Galaxy Gear ไม่เจอ ก็จะสั่งให้ส่งเสียงร้องได้ จะได้ตามเสียงไปหาจนเจอ ... แต่ขอย้ำนะครับ นี่ไม่ใช่ App ที่จะช่วยให้คุณตามหา Galaxy Gear ได้ หากมันถูกขโมย เพราะมันต้องอาศัยการเชื่อมต่อ Bluetooth ในการสั่งให้ Galaxy Gear ร้องครับ
•    ปรับตั้งค่าต่างๆ (Settings) ในการใช้งาน Galaxy Gear และการใช้งานร่วมกับ Samsung Galaxy smartphone



ในฐานะ Companion นั้น Samsung Galaxy Gear ทำอะไรร่วมกับ Samsung Galaxy smartphone ได้บ้าง?!?

มาดูกันดีกว่าครับว่า แล้ว Samsung Galaxy Gear เมื่อเอามาใช้คู่กับ Samsung Galaxy smartphone (ในที่นี้คือ Samsung Galaxy Note 3) มันทำอะไรได้บ้าง

ปลดล็อกหน้าจออัตโนมัติ
อันดับแรกเลยนะครับ ใน Settings ด้านบน จะเห็นหัวข้อแรกสุดที่เรียกว่า Auto lock ซึ่งเป็นการใช้ Samsung Galaxy Gear เหมือนพวกระบบ Keyless ของรถยนต์เลย คือ ตราบเท่าที่ Samsung Galaxy Gear อยู่ใกล้ๆ กับ Samsung Galaxy smartphone (การเชื่อมต่อ Bluetooth ไม่ถูกตัด) หน้าจอของ Samsung Galaxy smartphone จะไม่ถูกล็อกครับ ... แต่หาก Galaxy Gear ไปอยู่ห่างเกินไปแล้ว ระบบล็อกที่เราตั้งไว้ก็จะกลับมา

แสดงการแจ้งเตือนที่ได้รับ



และเมื่อเรากำหนดไว้ในหัวข้อ Notification ว่าจะให้ Galaxy Gear แจ้งเตือนบนหน้าจอ เวลาที่ App ดังกล่าวมี Notification เข้ามา เราก็สามารถที่จะดูบน Galaxy Gear แล้วแตะเพื่อให้ตัว Smartphone เปิด App นั้นขึ้นมาได้ ... ตรงนี้ผม Feedback กับทาง Samsung ไปว่า จริงๆ แล้ว มันควรจะ Fetch ข้อมูลจาก App นั้นๆ มาแสดงบางส่วนได้ด้วย เช่น หากแจ้งเตือนว่ามีใคร Mention เข้ามายัง Twitter account ของเรา มันก็ควรจะแสดงข้อความนั้นๆ ได้ (Galaxy Gear อ่านภาษาไทยได้) หรือหากเป็นอีเมล์ ก็ควรจะแสดง Subject ของอีเมล์นั้นได้ ทั้งนี้เพื่อเราจะได้ตัดสินใจได้ว่าจะหยิบมือถือขึ้นมาดูข้อมูลแบบเต็มๆ หรือไม่

Voice memo
ฟีเจอร์นึงที่น่าสนใจคือ ฟังก์ชั่นการอัดเสียงของ Samsung Galaxy Note 3 ที่หากเป็นการอัดเสียงสั้นๆ แค่ 5 นาที ที่เรียกว่า Voice memo แล้ว มันจะสามารถแปลงข้อความเสียงเป็นข้อความตัวอักษรได้ (เฉพาะภาษาอังกฤษ)​ ซึ่งเผอิญว่า Samsung Galaxy Gear นี่ก็มีโปรแกรมชื่อ Voice memo อยู่


เมื่ออัดเสียงเสร็จแล้ว Galaxy Gear ก็จะส่งข้อความเสียงไปยัง Samsung Galaxy smartphone โดยอัตโนมัติ ซึ่งเจ้า Galaxy Note 3 นี่จะทำการแปลงข้อความ Voice memo ภาษาอังกฤษ เป็นข้อความตัวอักษรให้เสร็จสรรพเลย ... ถือว่าสะดวกดีครับ จริงๆ มันน่าจะเป็นฟีเจอร์ที่นักข่าวชอบแน่ๆ แต่เสียดายครับ มันแปลงได้แค่เฉพาะข้อความ 5 นาทีเท่านั้นเอง (จริงๆ แล้วมันเป็นเรื่องของซอฟต์แวร์ ผมว่า Samsung ควรให้มันทำงานได้ไร้ขีดจำกัดมากกว่า เพียงแต่ผู้ใช้ก็ต้องยอมรับเรื่องเวลาที่ใช้ในการแปลงเป็นข้อความตัวอักษรจะนานขึ้นไปด้วย)


ใช้ Galaxy Gear มาคุมเครื่องเล่นเพลงบน Samsung Galaxy smartphone
แทนที่จะต้องเสียเวลาไปหยิบ Samsung Galaxy smartphone ของคุณขึ้นมาเปลี่ยนเพลง หยุดเพลง อะไรพวกนี้ คุณก็ใช้เจ้า Samsung Galaxy Gear นี่แหละ เป็นรีโมตควบคุมได้เลยครับ สะดวกดี



เอา Galaxy Gear มาใช้เป็น Bluetooth headset ซะเลย
ใช้นิ้วลากจากด้านล่างของหน้าจอขึ้นไปด้านบน จะเป็นการเรียกปุ่มกดเบอร์โทรศัพท์ขึ้นมา แต่ไม่ได้หมายความว่า Samsung Galaxy Gear นี่ใส่ซิมการ์ดแล้วโทรศัพท์ได้นะครับ แต่ว่ามันทำหน้าที่เป็น Bluetooth headset แบบไฮเทคต่างหาก คุณสามารถใช้หน้าจอสัมผัสกดเบอร์โทรศัพท์ได้ สามารถดูรายชื่อติดต่อจาก Contacts ได้ หรือหากมีใครโทรเข้ามา ก็กดรับได้เลยครับ


อย่างที่บอก ลำโพงอยู่ตรงตัวล็อกของสายนาฬิกาของ Galaxy Gear ส่วนไมโครโฟนก็อยู่ที่ด้านข้างของตัวเครื่องทั้งสองฝั่ง ดังนั้น ท่วงท่าในการโทรศัพท์ผ่าน Samsung Galaxy Gear ก็คงจะออกมาประมาณนี้ครับ


โดยส่วนตัว ผมชอบท่าที่สองมากกว่า แต่หากต้องการคุยโทรศัพท์เป็นการส่วนตัวแล้ว ควรคุยกันในท่าแรก และลดความดังของเสียงลำโพงลงพอสมควรครับ ไม่อย่างนั้นละก็ รอบๆ ข้างรู้หมดล่ะว่าเรากำลังคุยเรื่องอะไรกันอยู่


การใช้ Samsung Galaxy Gear ในการถ่ายรูป
เนื่องจากหน้าจอมีเนื้อที่จำกัด ดังนั้น User Interface ของกล้องของ Samsung Galaxy Gar เลยเรียบง่ายสุดๆ ครับ มีแค่มุมบนซ้ายเอาไว้สลับโหมดระหว่างถ่ายภาพนิ่งกับถ่ายวิดีโอ ส่วนมุมบนขวาก็คือ Options ... เข้าใน Options จะสามารถปรับโหมดโฟกัสได้, เลือกขนาดรูปได้ (มีแค่ 1392x1392 พิกเซล กับ 1280x960 พิกเซล เท่านั้นแหละ), ใช้โหมด Sound & shot คือ ถ่ายภาพ พร้อมๆ กับอัดเสียงอีก 9 วินาที, ใส่ลายเซ็นให้รูปภาพ


เมื่อแตะบนหน้าจอ กล้องก็จะทำการโฟกัสไปยังจุดที่เราแตะบนหน้าจอ แล้วถ่ายรูปเลย ... ใครเห็นว่าเจ้านี่มีกล้องในตัวแล้วกลัวคนจะแอบถ่าย ก็หมดห่วงไปได้เปลาะนึง เพราะเราปิดเสียงชัตเตอร์กล้องไม่ได้ครับ ... แต่แน่นอน พวกหัวใสก็สามารถเอานิ้วมืออุดลำโพงได้อยู่ดี แต่การทำแบบนั้น ก็จะเป็นที่ผิดสังเกตอยู่ไม่น้อย



ถ่ายภาพเสร็จ อยากจะอวดคนอื่น ถ้าเชื่อมต่ออยู่กับ Samsung Galaxy ก็สามารถโอนภาพที่ถ่าย ผ่าน Bluetooth ได้เลยทันที



พอเราถ่ายรูปเสร็จ หากไม่อยากวุ่นวายกับการโอนไปยัง Samsung Galaxy (ทั้งๆ ที่จริงๆ มันง่ายนิดเดียว) เราก็เปิด Gallery บน Samsung Galaxy Gear ดูก็ได้ อยากเห็นตรงไหนชัดๆ ก็ซูมเอา เพราะมันรองรับ Multitouch อยู่แล้ว

ส่วนคุณภาพของภาพถ่ายระดับ 1.9 ล้านพิกเซล บน Samsung Galaxy Gar เป็นแบบไหนนั้น ลองดูตัวอย่างด้านล่างได้ครับ



บทสรุปของการรีวิว Samsung Galaxy Gear
มีความเป็นไปได้ว่าจะเป็นคู่หูอนาคตไกล แต่ ณ ตอนนี้ ให้เฉพาะคนที่ซื้อ Samsung Galaxy Note 3 ใช้กันไปก่อน เอาไว้ Samsung เขาอัพเดต Samsung Galaxy S3, Galaxy S4 และ Galaxy Note 2 ให้เป็น Android 4.3 แล้ว ค่อยมาใช้ด้วยกันอีกที

ถามว่าสนนราคา 8,990 บาท แพงไหม?!? ก็ค่อนข้างเอาเรื่องเหมือนกัน แต่นั่นเป็นเพราะสเปกของฮาร์ดแวร์ที่เจ้านี่ใช้ และความที่เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่เอี่ยมด้วย จึงยังไม่มีสิ่งที่เรียกว่า Economy of Scale (ผลิตมาก ต้นทุนถูก ราคาขายก็ปรับลงได้) และยังต้องการซอฟต์แวร์มาใช้ร่วมอีกพอสมควร และน่าจะทำงานร่วมกับพวก Samsung Galaxy smartphone ได้มากกว่านี้ด้วย
Samsung Galaxy Gear ณ ตอนนี้ เหมาะสำหรับคนที่มี Samsung Galaxy Note 3 และ ชอบที่จะทดลองเทคโนโลยีใหม่ๆ ครับ




Create Date : 09 ตุลาคม 2556
Last Update : 9 ตุลาคม 2556 1:32:38 น. 0 comments
Counter : 1728 Pageviews.

amulet108
Location :
กรุงเทพฯ Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 96 คน [?]








Friends' blogs
[Add amulet108's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.