Group Blog
 
<<
กรกฏาคม 2551
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
14 กรกฏาคม 2551
 
All Blogs
 
โรควุ้นในลูกตาเสื่อม : โรคสำหรับคนยุคไอที

ได้รับ Forward E-Mail ฉบับนี้มา หลังจากไปตรวจแล้วคุณหมอบอกว่าผมเป็นโรคนี้ที่ตาข้างซ้าย
ไปหาหมออีกคน เขาจ่ายวิตามินเอมาให้ทานครับ คงต้องลองดูก่อน
คุยกับคุณหมอโจ ชาว Bloggang เรียกโรคนี้ว่า Vitreous degeneration
ลองอ่านดูนะครับ

วุ้นในลูกตาเสื่อม คนใช้คอมพิวเตอร์ต้องอ่าน?
Written by panmanee
Friday, 06 June 2008 11:17

'โรควุ้นในลูกตาเสื่อม'

คนที่เล่นคอมพ์เกือบทุกคน เป็นโรค 'วุ้นในลูกตาเสื่อม' ตอนนี้ในประเทศไทย มีคนเป็นโรคนี้ถึง 14 ล้านคนแล้ว จากข้อมูลทางหนังสือพิมพ์ (นี่เฉพาะแค่ที่มีข้อมูลบันทึกไว้ คนที่ไม่รู้ตัวว่าตัวเองเป็นจะมากขนาดไหน?)

อาการก็คือ !
คุณจะเห็นเป็นคราบดำๆ เหมือนหยากใย่ ลอยไปลอยมาเหมือนคราบที่ติดกระจก จะเห็นชัดกต่อเมื่อ คุณมองไปยังภาพแบล็คกราวนด์ที่มีสีสว่าง เช่น ท้องฟ้าขาวๆ ฝาห้องขาวๆ ฝาห้องน้ำขาวๆ จะเห็นเป็นคราบดำๆ ลอยไปลอยมา ถ้าอาการมากกว่านั้นก็คือ ประสาทตาฉีกขาด คุณจะมองเห็นแสงแฟลชในที่มืด ไม่ว่าหลับตาหรือลืมตา (น่ากลัวมากๆ) และถึงขั้นนี้จะต้องผ่าตัด ซึ่งไม่มีอะไรรับประกันว่าจะดีเหมือนเดิม จะตาบอดหรือไม่?)
สาเหตุของโรคนี้คือ !
'การใช้สายตามากเกินไป' (เล่นคอม) แต่ก่อนโรคนี้จะเกิดกับผู้สูงอายุ หรือ คนที่มีอาชีพใช้ที่สายตามากๆ เช่น ช่างเจียระไนเพชรพลอย ! ที่ต้องใช้สายตาเพ่งมากๆ แต่เดี๋ยวนี้คนเป็นโรควุ้นในลูกตาเสื่อมกันมากเพราะ เล่นเนต หรือ เล่นคอม (คุณฟังไม่ผิดหรอก เดี๋ยวนี้คนเป็นโรค
นี้กันมากเพราะเล่นคอมนี่แหละ)
ถามว่าทำไม คนเล่นเนต เล่นคอม ถึงเป็นกันมาก?
ไม่ว่าคุณจะเล่นเนต, เล่นเกมส์, อ่านไดอารี่, อ่านบทความ, อ่านหนังสือหรืออะไรก็ตาม ที่อยู่บนจอคอมพิวเตอร์ ล้วนทำให้สายตาคุณเสียได้ทั้งสิ้นเพราะว่า ถ้าคุณอ่านหนังสือที่เป็นแผ่นกระดาษธรรมดาๆ 'ระยะห่างระหว่าง ลูกตา กับ ตัวหนังสือ จะคงที่ แน่นอนเพราะขอบของตัว
หนังสือจะคมชัด ทำให้สมองกะระยะโฟกัสได้ถูกต้องแน่นอนกว่า กล้ามเนื้อและประสาทตาจึงทำงานค่อนข้างคงที่
แต่ ! ตัวหนังสือบนจอคอมพิวเตอร์นั้น มีลักษณะเป็นจุดๆ ประกอบกัน เหมือนแขวนลอยบนจอ ขอบของตัวหนังสือไม่คมชัด สมองจะสับสนในการปรับระยะโฟกัส ( เพราะจอแก้ว จะมีความหนาของแก้ว แต่เรามองผ่านมันไป ) (จอ LCD เราก็ต้องมองผ่านเข้าไปเหมือนกัน ตัวหนังสือไม่ได้ติดอยู่ด้านบนเหมือน อยู่บนแผ่นกระดาษ)
การปรับระยะโฟกัสจึงไม่แน่นอน บวกกับ ลักษณะการอ่านหนังสือในคอมนั้น จะต้องใช้เม้าส์จิ้ม ลากแถบด้านข้างจอ เพื่อเลื่อนบรรทัดหนังสือขึ้นลง เพื่อที่จะอ่านบรรทัดด้านล่างได้หรือไม่ก้อ ใช้ลูกหมุนที่อยู่บนเม้าส์หมุนเพื่อเลื่อนบรรทัดหนังสือ
แต่ การเลื่อนบรรทัดนี้ ไม่เหมือนกับการอ่านหนังสือจากแผ่นกระดาษ ที่แขนกับคอเราจะปรับการมองขึ้นลงโดยอัตโนมัติ มีระยะที่แน่นอน สัมพันธ์กัน แต่ว่าการเลื่อนบรรทัดด้วยแถบด้านข้าง หรือลูกกลิ้งบนม้าส์นั้น มันจะมีลักษณะการเลื่อนแบบกระตุกๆ (คุณสังเกตุดู ) มันจึง
ทำให้ปวดตามากๆ เพราะจะต้องลากลูกตาเลื่อนตามบรรทัดที่กระตุกๆ นั้นไปตลอด บวกกับ การพิมพ์ตัวหนังสือนั้น บางทีคุณต้องก้มเพื่อมองนิ้ว ว่ากดตำแหน่งบนแป้นพิมพ์ถูกตัวอักษรหรือไม่ ทำให้เดี๋ยวก้ม เดี๋ยวเงย ลูกตาปรับโฟกัสบ่อยเกิน ทำให้ลูกตาทำงานหนัก กว่าจะพิมพ์งานเสร็จ คุณจะปวดตามากๆ ตัวอย่างเช่นกรณีเด็กนักศึกษา เร่งพิมพ์รายงานส่งอาจารย์ ติดต่อกันข้ามคืน ! สองสามวัน ตาจะปวดมากๆ
รวมทั้งเวลาการเปิดใช้โปรแกรม word ในการพิมพ์ตัวหนังสือมักจะมีสีพื้นที่เป็นสีขาวสว่าง (ที่นิยมก็คือ ตัวหนังสือสีดำบนพื้นสีขาว) สีพื้นที่สว่างจ้านี่เอง ทำให้ตาคุณจะเกิดอาการแพ้แสง ถ้ามีการพิมพ์ติดต่อกันนานๆ เพราะจ้องจอสีขาวนานเกินไป หรือไม่ก็คนที่ชอบเล่นเกมส์บ่อย ๆ
มักจะมีการปรับแสงสว่าง เพราะเวลาเล่นเกมส์ ภาพพื้นหลังของเกมส์มักจะมืดๆ


ภาพแสดงของจอประสาทตาที่หลุดลอกออกมาแยกชั้นออกจากส่วนหลังของลูกตา

สรุปก็คือ
1. การมองตัวหนังสือที่แขวนลอยอยู่ในจอ โฟกัสไม่แน่นอน กล้ามเนื้อลูกตาทำงานหนัก 'ทำให้สายตาเสีย'
2. การเลื่อนตัวหนังสือและแถบบรรทัด ในหน้าคอม หรือ หน้าเนต มันจะเลื่อนแบบเป็นกระตุกๆ ทำให้สายตาเสีย การกระตุกๆ ของแถบบรรทัดนี่เอง ที่ทำให้สายตาเสีย
3. การก้มๆเงยๆ มองแป้นพิมพ์ และมองจอคอม กลับไปกลับมา 'ทำให้สายตาเสีย '
4. การปรับจอภาพที่! มีแสงสว่างจ้า มากเกินไปโดยไม่รู้ตัว 'ทำให้สายตาเสีย' (คล้ายๆ กับการเปิดดูทีวี ในห้องมืดๆ เป็นประจำ แล้วทำให้สายตาเสียน่ะเอง อย่างเดียวกัน)
5. การใช้จอคอม ที่มีความกว้างมากเกิน !! (จอคอมกว้างๆ นั้น เหมาะสำหรับการดูภาพ ดูหนัง แต่ไม่เหมาะกับการดูตัวหนังสือ !!) เพราะว่า สายตาคนเรานั้นมีระยะการมองตัวอักษรที่ 1 ฟุต (12นิ้ว) แต่จอคอมสมัยใหม่ กลับมีความกว้าง 17 นิ้ว 19 นิ้ว หรือมากกว่านั้น ซึ่งมันกว้างเกิน
ระยะกวาดสายตามอง จากขอบหนึ่งไปสู่ อีกขอบหนึ่ง (ทำให้ปวดทั้งคอ ทั้งลูกตา)

ถามกลับไปว่า ทำไม กระดาษเอกสาร ที่ใช้ในการอ่านการเขียนทั่วไปจึงมีขนาด A4 ?
คำตอบ ก็คือ ความกว้างของกระดาษ A4 ไม่กว้างเกินไป กำลังพอดีกับการกวาดสายตามอง และเป็นคำตอบเดียวกับที่ว่าทำไมขนาดของจอคอมคุณที่ใช้ ไม่ควรเกิน 15 นิ้ว นั่นเอง

ส่วนมากคนทั่วไป มักจะคิดไม่ถึงว่า การเล่นคอมทุกวันนั้น จะเป็นสาเหตุใหญ่ที่สามารถทำให้ตาบอดได้ ถ้าเกิดอาการรุนแรงเพราะกว่าจะรู้ตัวแล้วไปหาหมอ หมอก็อาจจะบอกว่า คุณไม่สามารถรักษาหายได้แล้ว และต้องรักษาด้วยการผ่าตัดเท่านั้น!!!

******************
อ้างอิงจาก
//www.fwdder.com/topic/9673
กลับด้านบน

ช่วงนี้เลยพยายามลดการใช้คอมฯ ลงครับ
รักษาสุขภาพกันด้วยนะครับ
ใครมีข้อมูลเพิ่มเติม แนวทางแก้ไขป้องกัน บอกกันด้วยนะครับ
ขอบคุณครับ

ไปตรวจเพิ่มเติมที่โรงพยาบาลจักษุรัตนิน ปรากฎว่ามีเส้นเลือดอุดตันที่จอประสาทตาแทน โรคเยอะดีจัง
ตอนนี้ติดตามผล คุณหมอว่าจะหายเอง




Create Date : 14 กรกฎาคม 2551
Last Update : 22 พฤศจิกายน 2551 10:18:35 น. 16 comments
Counter : 3028 Pageviews.

 
คุณเฮียแมว ค้น Web ทางการแพทย์ ได้ความดังนี้
"In most cases, vitreous degeneration does not cause permanent vision loss. But some patients have attachments between the vitreous (the clear gel that fills 80% of the inside of the eye) and the retina (the 1mm thick layer of tissue in the back of your eye that creates vision); and tension on these attachments can sometimes lead to retinal detachments."

----------------------------------------------------------

"VITREOUS DEGENERATION
The vitreous is a transparent gel that fills two-thirds of the of the eye. The vitreous is three times more viscous than water. It acts as a shock absorber for the retina. In the young eye the vitreous is firmly attached to the retina. As a result of age, occurring in 50% of adults over age 60 the vitreous liquefies. Some degree of vitreous degeneration is natural and expected. Typically, vitreous degeneration is a benign occurrence and 85% of the time there is no significant consequence. However, in a small percentage is can cause a retinal tear and/or retinal detachment. Only a dilated retinal examination can determine if the retina was affected Age-related vitreous degeneration is the most common cause for floaters. "


โดย: คนขับช้า วันที่: 15 กรกฎาคม 2551 เวลา:6:06:29 น.  

 
ข้อมูลจากอีกที่
อาการที่คนไข้มักพบ: เห็นจุดหรือเส้นรูปร่างต่างๆลอยไปมานั้นลอยค้างอยู่ในตา

โดยความเป็นจริงแล้ว ในลูกตาของคนเราจะมีน้ำวุ้นบรรจุอยู่ภายใน น้ำวุ้นตาเสื่อมเป็นภาวะที่น้ำวุ้นตามีการละลายเป็นน้ำเริ่มแรกจะละลายตรงกลางก่อน ( Vitreous Liquefaction ) เมื่อเป็นมากขึ้นจะเกิดการร่อนตัวของน้ำวุ้นออกจากจอประสาทตา ( Posterior Vitreous Detachment )






ระยะนี้มักพบในคนที่อายุมากกว่า 50 ปี ขึ้นไป ปัจจัยบางอย่างอาจส่งผลให้เกิดความเสื่อมของน้ำวุ้นตาเร็วกว่าปกติ เช่น สายตาสั้น , อุบัติเหตุที่ตา , การอักเสบในลูกตา อาการของน้ำวุ้นตาเสื่อมจะมองเห็นจุดหรือเส้นรูปร่างต่างๆ เช่น คล้ายหยักใย้ลอยไปมา เกิดจากขณะที่น้ำวุ้นตาละลาย บางส่วนจะจับตัวกันเป็นตะกอน ขณะที่น้ำวุ้นตาร่อนตัวออกจากจอประสาทตาจะเห็นคล้าย แสงแฟลต หรือ แสงฟ้าแลบ


น้ำวุ้นตาเสื่อมเป็นภาวะที่เกิดกับตาทั้ง 2 ข้างแต่อาจเกิดขึ้นในระยะเวลาต่างกันเมื่อเกิดอาการควรพบจักษุแพทย์เพื่อตรวจดูจอประสาทตาเนื่องจากอาจเกิดการฉีกขาดของจอประสาทตาขณะที่น้ำวุ้นตาร่อนตัวออกจากจอประสาทตา ซึ่งต้องรีบให้การรักษาเพื่อป้องกันการเกิดจอประสาทตาหลุดลอก ส่วนอาการเห็นจุดหรือเส้นรูปร่างต่างๆลอยไปมานั้นไม่จำเป็นต้องรักษาเนื่องจากไม่ทำให้เกิดอันตรายและมักจะชินไปเอง



แต่ถ้ามีอาการ จะมองเห็น เหมือนสายฟ้าแลบทางหางตา(เป็นอาการ จอประสาทตาฉีกขาด)

การดูแล เมื่อเกิด อาการ ขึ้น

1. พยายามอย่าเครียด

2. นอนพักผ่อนให้เพียงพอ ถ้าให้ดีไม่เกิน 4 ทุ่ม หรือ อย่างมากเที่ยงคืน

3. อย่า ออกแรงหนัก

4. อย่า หักโหมงาน

5. พยายาม อย่าหันหน้า เร็วๆ ให้ทำ อะไรช้าๆ ลงบ้าง

6. ทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ อย่าให้ขาด วิตามิน และ เกลือแร่นะครับ.....

รักษาโดยการใช้เลเซอร์ เพื่อเป็นการเย็บยับยั้ง ไม่ให้ ผนังจอประสาทตา หลุดลอกมากไปกว่านี้


โดย: คนขับช้า วันที่: 15 กรกฎาคม 2551 เวลา:6:11:02 น.  

 
ขอบคุณค่ะที่มาให้ความรู้กัน ต้องไปสังเกตตัวเองแล้วล่ะค่ะ


โดย: ฝอยทองน้อย IP: 203.131.217.16 วันที่: 16 กรกฎาคม 2551 เวลา:8:40:28 น.  

 
บล็อคนี้มีประโยชน์มากเลยครับ ขอบคุณสำหรับข้อมูลคัรบแฟนยังไม่ยอมไปตรวจเลยคับ แต่คาดว่า 23 วันหยุดผมคงจะพาไป ถ้ายังไม่ดีขึ้น


โดย: Job IP: 202.57.132.197 วันที่: 19 กรกฎาคม 2551 เวลา:9:23:49 น.  

 
๒๑ ก.ค. ๕๑ ไปตรวจละเอียดที่ รพ.จักษุรัตนิน ปรากฎว่าเป็นหลอดเลือดอุดตันที่จอประสาทตาข้างซ้าย
ทำให้เลือดออกในตา เอาเข้าไป แต่ก็แค่ตามดูอาการ

รักษาสุขภาพกันเยอะๆ นะครับ


โดย: คนขับช้า วันที่: 26 กรกฎาคม 2551 เวลา:11:50:52 น.  

 
ผ่าตัดจอประสาทตาเมื่อปี 2548 ช่วงต้นปีใหม่พอดีค่ะ ตอนนั้นอายุ 28 ปีค่ะ อาการก็คือที่อ่านมาด้านบนแต่ไม่เคยรู้ตัวมาก่อนว่าจุดดำที่เห็นนั้นคืออาการเตือน เนื่องจากจอประสาทตาบางกว่าปกติ เข้ารักษาตัวที่ รพ.ศิริราช 7 วัน 6 คืน ต้องตรวจตาทุกวันจาก นศ. แพทย์ที่เก่งบ้าง ไม่เก่งบ้าง จนทำให้จอประสาทตาลอกหลุด ก็เลยย้ายมาผ่าตัดที่รพ.กรุงเทพค่ะ คุณหมอ เก่งมาก ผ่าตัดแล้วแผลไม่ช้ำเลย....ปัจจุบันก็ต้องคอยระวังเรื่องสายตาเป็นพิเศษค่ะ ผ่าตัดตาข้างขวาทำให้สายตาสั้นกว่าข้างซ้ายมาก จึงทำให้ใช้สายตาข้างซ้ายเท่านั้น เพราะเลนส์ของแว่นต้องวัดสายตาจากข้างที่สั้นน้อยที่สุด ตอนนี้เลเซอร์ข้างซ้ายไว้ และต้องตรวจขยายม่านตาทุกปีค่ะ "ผ่านมาเล่าสู่กันฟังค่ะ"


โดย: ผ่านมา IP: 118.174.212.179 วันที่: 12 สิงหาคม 2551 เวลา:18:17:30 น.  

 

อ่านผ่านจำได้ว่าไปรัตนิน แต่ไม่ได้คิดว่าคุณคนขับช้สเป็นคนไข้เอง หรือเป็นญาติคนไข้

ตอนนี้ดีขึ้นแล้วหรือยังคะ ทานวิตามินและใช้สายตาน้อยลง น่าจะดีขึ้นบ้าง ควรใส่แว่นกันแดดด้วยนะคะ คุณแม่มีอาการดีขึ้นจากวิตามินเช่นกันค่ะ อายุเกือบ 60 ไม่ใช่คอมพ์ แต่ก็ยังเป็นวุนในตาเสื่อม ถ้าอายุน้อยและใช้คอมพ์เป็นกิจวัตร เป็นได้ง่ายขึ้น

เคยผ่าตัดจอประสาทตาหลุดลอกเมื่อหลายปีแล้ว ล่าสุดผ่าต้อกระจก ไว้จะเล่าให้ฟังนะคะ (ยังไม่ได้เล่าตั้งแต่ตอนผ่าจอประสาทตา นานแล้ว..)



โดย: อั๊งอังอา IP: 124.120.115.254 วันที่: 20 สิงหาคม 2551 เวลา:10:05:57 น.  

 
๒ ก.ย. ๕๑ ไปตรวจติดตาม ไม่ลุกลาม เส้นเลือดยังอุดตัน มีโอกาสหาย หมอว่างั้น ก็ดูกันต่อไป

รักษาสุขภาพนะครับ


โดย: คนขับช้า วันที่: 5 กันยายน 2551 เวลา:0:47:28 น.  

 
คือตอนนี้ก็เป็นเหมือนกันคือ อย่างที่บอกเลย กังวลมาก แต่ถ้ายังงัยรักษาได้ผลดีก็บอกด้วยน่ะค่ะ อยากรูมากเลย กลุ้มมมมมมมมม


โดย: 001 IP: 114.128.168.39 วันที่: 19 ตุลาคม 2551 เวลา:16:00:40 น.  

 
ทราบมั้ยคับ ตัวผมก็เป็นนะคับ
เพิ่งรู้ตัวเมื่อเดือนก่อนนี่แหละครับ
เฮ้อ.........มีเรื่องอยากจะพูดนิดหน่อย คือ...........ผมก็อยากจะปริ้น
ไรยงานให้เพื่นฟังน่ะครับแต่ว่า....
.........................................
หมึกดันหมดน่ะ...............
จบล่ะครับ Bye bye




โดย: นภสิทธิ์ IP: 124.121.50.36 วันที่: 7 พฤศจิกายน 2551 เวลา:16:51:09 น.  

 
ผมก็เป็นเหมือนกันคับ
ผมใช้คอมมาก คับ
แล้วมีวิธีแก้ไข้หรือป่าวคับ
ตามันลายๆ มีเส้นอย่างที่ว่าเนี่ยคับ

ต้องกินยาหรืออาหารอะไรหรือป่าวคับ
เพื่อให้มันดีขึ้น

ผู้รู้ช่วยแนะนำหน่อยคับ ถือว่าเอาบุญคับ

ด้วยความหวัง


โดย: ampsa IP: 124.157.141.251 วันที่: 29 พฤศจิกายน 2551 เวลา:13:31:45 น.  

 
๑ ธ.ค. ๕๑ ไปหาหมออีกครั้ง หมอบอก "หายแล้ว" เป็นภาษาใต้ คุณหมอสมบัติเป็นคนหาดใหญ่ บ้านเดียวกัน

คุณหมอให้ตามดู จุดไม่ควรจะมากขึ้น ถ้ามีแสงวาบ รีบมาหาหมอ


โดย: คนขับช้า วันที่: 2 ธันวาคม 2551 เวลา:5:54:19 น.  

 
ปัจจุบัน ได้มีการคิดค้าและผลิต ผลิตภัณฑ์ที่สามารถ ป้องกันและแก้ปัญหา โรควุ้นในตาเสื่อม ได้แล้ว ในต่างประเทศ โดยการรับประทาน
ผลิตภัณฑ์ ได้รับมาตรฐานระดับ CGMP ปลอดภัย ได้ผลแน่นอน และไม่มีผลข้างเคียง
สามารถเข้าไปดูที่ //veerachai.wellness21.com หรือ //www.wellness21.com



โดย: วีระชัย IP: 58.10.152.145 วันที่: 13 มกราคม 2552 เวลา:17:15:59 น.  

 
เป็นเหมือนกันค่ะ "มองเห็นจุดดำลอยไปมา 3-4 จุด" ตอนแรกตกใจมาก เลยไปหาหมอ ที่คลินิคตา 2000 ถ.สพานใหม่ เมื่อวันที่ 31 มก.ค. 2552 หมอบอกว่าเป็นวุ้นในตาเสื่อม หมอก็ทำการตรวจวัดความดันตา เปิดม่านตาและก็สแกนม่านตา ตรวจจอประสาทตา ตรวจละเอียดมากเหมือนกัน และหมอก็บอกว่าจอประสาทตา ม่านตา เป็นปรกติดี ไม่มีอะไรน่ากลัว แต่ก็ให้พยายามสังเกตุว่ามีแสงแว๊บๆๆ เวลามองหรือหลับตาหรือเปล่า ถ้ามีก็ให้รีบมาพบหมอทันที หมอบอกว่าโรควุ้นในตาเสื่อมไม่อันตรายไม่มีทางรักษา เมื่อเวลานานไปอาจชินไปเอง และอาจมองไม่เห็นจุดดำไปเลย (แต่เราก็กลัวอยู่ดี) หมอบอกว่าอีก 1 สัปดาห์หมอนัดมาดูอาการอีกที ก็ได้ยามาทานเป็นยาวิตามิน เมื่อไปพบหมอครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 4 ก.พ. 2552 หมอก็ตรวจเช็คจอประสาทตา และม่านตาเหมือนครั้งที่ 1 หมอก็บอกว่าไม่พบอาการอะไรจากเดิม แต่ก็มั่นให้สังเกตุตัวเองและใช้สายตาตามปกติ แล้วก็ได้ยาวิตามินมากิน ตอนนี้ (วันนี้ 18 ก.พ.2552) มีบ้างที่เรามองไม่เห็นจุดดำ พอนึกถึงมันก็มองเห็น บางทีมันอาจจะคุ้นเคยไปเอง แต่อย่างไรสำหรับคนที่เป็นโรคนี้เหมือนกัน ก็ขอเป็นกำลังใจให้แล้วกันนะค่ะ และถ้ามีอะไรดีดีก็เขียนแนะนำให้ด้วยนะค่ะ


โดย: arovana IP: 125.25.11.76 วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:17:29:51 น.  

 
คุณarovana ค่ะ ช่วยบอกทีได้ไหมค่ะ คุณarovana ทานวิตามินอะไรค่ะ คือว่าเริ่มมีอาการนี้เหมือนกานอ่ะค่ะ กัวมากๆ เพาะต้องใช้คอมพิวเตอร์ทำงานทุกวัน
ขอบคุนมากค่ะ


โดย: kookai IP: 203.146.16.141 วันที่: 10 พฤศจิกายน 2552 เวลา:11:31:27 น.  

 
โรคตาถ้ารักษาไม่หายให้ลองย้ายที่อยู่ดู


โดย: tc IP: 101.108.46.8 วันที่: 15 มกราคม 2559 เวลา:18:10:29 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

คนขับช้า
Location :
นครศรีธรรมราช Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [?]




ย้ายมาเป็นคนสระบุรี ตั้งแต่ ๑ มกราคม ๒๕๖๖

เคยมาเป็นคนนครศรีธรรมราช ตั้งแต่ ๑ เมษายน ๒๕๕๘

เคยมาเป็นคนสระบุรี ตั้งแต่ ๑ มกราคม ๒๕๕๗

เคยเป็นคนกรุงเทพฯ ตั้งแต่ ๑ เมษายน ๒๕๕๒

ย้ายที่ทำงานในจังหวัดสระบุรี ตั้งแต่ ๑ มีนาคม ๒๕๔๖
เคยเป็นคนสระบุรี ตั้งแต่ ๑ มิถุนายน ๒๕๔๕

เคยเป็นคนนครศรีธรรมราช ตั้งแต่ ๑ สิงหาคม ๒๕๓๙

เคยเป็นคนระยอง ตั้งแต่ ๒๕๓๗
Friends' blogs
[Add คนขับช้า's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friends


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.