1 2 3 4 5
6 7 8 9 10 11 12
13 14 15 16 17 18 19
20 21 22 23 24 25 26
27 28 29 30 31
โรควุ้นในลูกตาเสื่อม : โรคสำหรับคนยุคไอที
ได้รับ Forward E-Mail ฉบับนี้มา หลังจากไปตรวจแล้วคุณหมอบอกว่าผมเป็นโรคนี้ที่ตาข้างซ้าย ไปหาหมออีกคน เขาจ่ายวิตามินเอมาให้ทานครับ คงต้องลองดูก่อน คุยกับคุณหมอโจ ชาว Bloggang เรียกโรคนี้ว่า Vitreous degeneration ลองอ่านดูนะครับ วุ้นในลูกตาเสื่อม คนใช้คอมพิวเตอร์ต้องอ่าน? Written by panmanee Friday, 06 June 2008 11:17 'โรควุ้นในลูกตาเสื่อม' คนที่เล่นคอมพ์เกือบทุกคน เป็นโรค 'วุ้นในลูกตาเสื่อม' ตอนนี้ในประเทศไทย มีคนเป็นโรคนี้ถึง 14 ล้านคนแล้ว จากข้อมูลทางหนังสือพิมพ์ (นี่เฉพาะแค่ที่มีข้อมูลบันทึกไว้ คนที่ไม่รู้ตัวว่าตัวเองเป็นจะมากขนาดไหน?) อาการก็คือ ! คุณจะเห็นเป็นคราบดำๆ เหมือนหยากใย่ ลอยไปลอยมาเหมือนคราบที่ติดกระจก จะเห็นชัดกต่อเมื่อ คุณมองไปยังภาพแบล็คกราวนด์ที่มีสีสว่าง เช่น ท้องฟ้าขาวๆ ฝาห้องขาวๆ ฝาห้องน้ำขาวๆ จะเห็นเป็นคราบดำๆ ลอยไปลอยมา ถ้าอาการมากกว่านั้นก็คือ ประสาทตาฉีกขาด คุณจะมองเห็นแสงแฟลชในที่มืด ไม่ว่าหลับตาหรือลืมตา (น่ากลัวมากๆ) และถึงขั้นนี้จะต้องผ่าตัด ซึ่งไม่มีอะไรรับประกันว่าจะดีเหมือนเดิม จะตาบอดหรือไม่?) สาเหตุของโรคนี้คือ ! 'การใช้สายตามากเกินไป' (เล่นคอม) แต่ก่อนโรคนี้จะเกิดกับผู้สูงอายุ หรือ คนที่มีอาชีพใช้ที่สายตามากๆ เช่น ช่างเจียระไนเพชรพลอย ! ที่ต้องใช้สายตาเพ่งมากๆ แต่เดี๋ยวนี้คนเป็นโรควุ้นในลูกตาเสื่อมกันมากเพราะ เล่นเนต หรือ เล่นคอม (คุณฟังไม่ผิดหรอก เดี๋ยวนี้คนเป็นโรค นี้กันมากเพราะเล่นคอมนี่แหละ) ถามว่าทำไม คนเล่นเนต เล่นคอม ถึงเป็นกันมาก? ไม่ว่าคุณจะเล่นเนต, เล่นเกมส์, อ่านไดอารี่, อ่านบทความ, อ่านหนังสือหรืออะไรก็ตาม ที่อยู่บนจอคอมพิวเตอร์ ล้วนทำให้สายตาคุณเสียได้ทั้งสิ้นเพราะว่า ถ้าคุณอ่านหนังสือที่เป็นแผ่นกระดาษธรรมดาๆ 'ระยะห่างระหว่าง ลูกตา กับ ตัวหนังสือ จะคงที่ แน่นอนเพราะขอบของตัว หนังสือจะคมชัด ทำให้สมองกะระยะโฟกัสได้ถูกต้องแน่นอนกว่า กล้ามเนื้อและประสาทตาจึงทำงานค่อนข้างคงที่ แต่ ! ตัวหนังสือบนจอคอมพิวเตอร์นั้น มีลักษณะเป็นจุดๆ ประกอบกัน เหมือนแขวนลอยบนจอ ขอบของตัวหนังสือไม่คมชัด สมองจะสับสนในการปรับระยะโฟกัส ( เพราะจอแก้ว จะมีความหนาของแก้ว แต่เรามองผ่านมันไป ) (จอ LCD เราก็ต้องมองผ่านเข้าไปเหมือนกัน ตัวหนังสือไม่ได้ติดอยู่ด้านบนเหมือน อยู่บนแผ่นกระดาษ) การปรับระยะโฟกัสจึงไม่แน่นอน บวกกับ ลักษณะการอ่านหนังสือในคอมนั้น จะต้องใช้เม้าส์จิ้ม ลากแถบด้านข้างจอ เพื่อเลื่อนบรรทัดหนังสือขึ้นลง เพื่อที่จะอ่านบรรทัดด้านล่างได้หรือไม่ก้อ ใช้ลูกหมุนที่อยู่บนเม้าส์หมุนเพื่อเลื่อนบรรทัดหนังสือ แต่ การเลื่อนบรรทัดนี้ ไม่เหมือนกับการอ่านหนังสือจากแผ่นกระดาษ ที่แขนกับคอเราจะปรับการมองขึ้นลงโดยอัตโนมัติ มีระยะที่แน่นอน สัมพันธ์กัน แต่ว่าการเลื่อนบรรทัดด้วยแถบด้านข้าง หรือลูกกลิ้งบนม้าส์นั้น มันจะมีลักษณะการเลื่อนแบบกระตุกๆ (คุณสังเกตุดู ) มันจึง ทำให้ปวดตามากๆ เพราะจะต้องลากลูกตาเลื่อนตามบรรทัดที่กระตุกๆ นั้นไปตลอด บวกกับ การพิมพ์ตัวหนังสือนั้น บางทีคุณต้องก้มเพื่อมองนิ้ว ว่ากดตำแหน่งบนแป้นพิมพ์ถูกตัวอักษรหรือไม่ ทำให้เดี๋ยวก้ม เดี๋ยวเงย ลูกตาปรับโฟกัสบ่อยเกิน ทำให้ลูกตาทำงานหนัก กว่าจะพิมพ์งานเสร็จ คุณจะปวดตามากๆ ตัวอย่างเช่นกรณีเด็กนักศึกษา เร่งพิมพ์รายงานส่งอาจารย์ ติดต่อกันข้ามคืน ! สองสามวัน ตาจะปวดมากๆ รวมทั้งเวลาการเปิดใช้โปรแกรม word ในการพิมพ์ตัวหนังสือมักจะมีสีพื้นที่เป็นสีขาวสว่าง (ที่นิยมก็คือ ตัวหนังสือสีดำบนพื้นสีขาว) สีพื้นที่สว่างจ้านี่เอง ทำให้ตาคุณจะเกิดอาการแพ้แสง ถ้ามีการพิมพ์ติดต่อกันนานๆ เพราะจ้องจอสีขาวนานเกินไป หรือไม่ก็คนที่ชอบเล่นเกมส์บ่อย ๆ มักจะมีการปรับแสงสว่าง เพราะเวลาเล่นเกมส์ ภาพพื้นหลังของเกมส์มักจะมืดๆ ภาพแสดงของจอประสาทตาที่หลุดลอกออกมาแยกชั้นออกจากส่วนหลังของลูกตา สรุปก็คือ 1. การมองตัวหนังสือที่แขวนลอยอยู่ในจอ โฟกัสไม่แน่นอน กล้ามเนื้อลูกตาทำงานหนัก 'ทำให้สายตาเสีย' 2. การเลื่อนตัวหนังสือและแถบบรรทัด ในหน้าคอม หรือ หน้าเนต มันจะเลื่อนแบบเป็นกระตุกๆ ทำให้สายตาเสีย การกระตุกๆ ของแถบบรรทัดนี่เอง ที่ทำให้สายตาเสีย 3. การก้มๆเงยๆ มองแป้นพิมพ์ และมองจอคอม กลับไปกลับมา 'ทำให้สายตาเสีย ' 4. การปรับจอภาพที่! มีแสงสว่างจ้า มากเกินไปโดยไม่รู้ตัว 'ทำให้สายตาเสีย' (คล้ายๆ กับการเปิดดูทีวี ในห้องมืดๆ เป็นประจำ แล้วทำให้สายตาเสียน่ะเอง อย่างเดียวกัน) 5. การใช้จอคอม ที่มีความกว้างมากเกิน !! (จอคอมกว้างๆ นั้น เหมาะสำหรับการดูภาพ ดูหนัง แต่ไม่เหมาะกับการดูตัวหนังสือ !!) เพราะว่า สายตาคนเรานั้นมีระยะการมองตัวอักษรที่ 1 ฟุต (12นิ้ว) แต่จอคอมสมัยใหม่ กลับมีความกว้าง 17 นิ้ว 19 นิ้ว หรือมากกว่านั้น ซึ่งมันกว้างเกิน ระยะกวาดสายตามอง จากขอบหนึ่งไปสู่ อีกขอบหนึ่ง (ทำให้ปวดทั้งคอ ทั้งลูกตา) ถามกลับไปว่า ทำไม กระดาษเอกสาร ที่ใช้ในการอ่านการเขียนทั่วไปจึงมีขนาด A4 ? คำตอบ ก็คือ ความกว้างของกระดาษ A4 ไม่กว้างเกินไป กำลังพอดีกับการกวาดสายตามอง และเป็นคำตอบเดียวกับที่ว่าทำไมขนาดของจอคอมคุณที่ใช้ ไม่ควรเกิน 15 นิ้ว นั่นเอง ส่วนมากคนทั่วไป มักจะคิดไม่ถึงว่า การเล่นคอมทุกวันนั้น จะเป็นสาเหตุใหญ่ที่สามารถทำให้ตาบอดได้ ถ้าเกิดอาการรุนแรงเพราะกว่าจะรู้ตัวแล้วไปหาหมอ หมอก็อาจจะบอกว่า คุณไม่สามารถรักษาหายได้แล้ว และต้องรักษาด้วยการผ่าตัดเท่านั้น!!! ****************** อ้างอิงจาก //www.fwdder.com/topic/9673 กลับด้านบน ช่วงนี้เลยพยายามลดการใช้คอมฯ ลงครับ รักษาสุขภาพกันด้วยนะครับ ใครมีข้อมูลเพิ่มเติม แนวทางแก้ไขป้องกัน บอกกันด้วยนะครับ ขอบคุณครับ ไปตรวจเพิ่มเติมที่โรงพยาบาลจักษุรัตนิน ปรากฎว่ามีเส้นเลือดอุดตันที่จอประสาทตาแทน โรคเยอะดีจัง ตอนนี้ติดตามผล คุณหมอว่าจะหายเอง
Create Date : 14 กรกฎาคม 2551
Last Update : 22 พฤศจิกายน 2551 10:18:35 น.
16 comments
Counter : 3028 Pageviews.
โดย: คนขับช้า วันที่: 15 กรกฎาคม 2551 เวลา:6:06:29 น.
โดย: คนขับช้า วันที่: 15 กรกฎาคม 2551 เวลา:6:11:02 น.
โดย: ฝอยทองน้อย IP: 203.131.217.16 วันที่: 16 กรกฎาคม 2551 เวลา:8:40:28 น.
โดย: Job IP: 202.57.132.197 วันที่: 19 กรกฎาคม 2551 เวลา:9:23:49 น.
โดย: คนขับช้า วันที่: 26 กรกฎาคม 2551 เวลา:11:50:52 น.
โดย: ผ่านมา IP: 118.174.212.179 วันที่: 12 สิงหาคม 2551 เวลา:18:17:30 น.
โดย: อั๊งอังอา IP: 124.120.115.254 วันที่: 20 สิงหาคม 2551 เวลา:10:05:57 น.
โดย: คนขับช้า วันที่: 5 กันยายน 2551 เวลา:0:47:28 น.
โดย: 001 IP: 114.128.168.39 วันที่: 19 ตุลาคม 2551 เวลา:16:00:40 น.
โดย: นภสิทธิ์ IP: 124.121.50.36 วันที่: 7 พฤศจิกายน 2551 เวลา:16:51:09 น.
โดย: ampsa IP: 124.157.141.251 วันที่: 29 พฤศจิกายน 2551 เวลา:13:31:45 น.
โดย: คนขับช้า วันที่: 2 ธันวาคม 2551 เวลา:5:54:19 น.
โดย: วีระชัย IP: 58.10.152.145 วันที่: 13 มกราคม 2552 เวลา:17:15:59 น.
โดย: arovana IP: 125.25.11.76 วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2552 เวลา:17:29:51 น.
โดย: kookai IP: 203.146.16.141 วันที่: 10 พฤศจิกายน 2552 เวลา:11:31:27 น.
โดย: tc IP: 101.108.46.8 วันที่: 15 มกราคม 2559 เวลา:18:10:29 น.
Location :
นครศรีธรรมราช Thailand
[ดู Profile ทั้งหมด]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember ผู้ติดตามบล็อก : 11 คน [? ]
ย้ายมาเป็นคนสระบุรี ตั้งแต่ ๑ มกราคม ๒๕๖๖ เคยมาเป็นคนนครศรีธรรมราช ตั้งแต่ ๑ เมษายน ๒๕๕๘ เคยมาเป็นคนสระบุรี ตั้งแต่ ๑ มกราคม ๒๕๕๗ เคยเป็นคนกรุงเทพฯ ตั้งแต่ ๑ เมษายน ๒๕๕๒ ย้ายที่ทำงานในจังหวัดสระบุรี ตั้งแต่ ๑ มีนาคม ๒๕๔๖ เคยเป็นคนสระบุรี ตั้งแต่ ๑ มิถุนายน ๒๕๔๕ เคยเป็นคนนครศรีธรรมราช ตั้งแต่ ๑ สิงหาคม ๒๕๓๙ เคยเป็นคนระยอง ตั้งแต่ ๒๕๓๗
"In most cases, vitreous degeneration does not cause permanent vision loss. But some patients have attachments between the vitreous (the clear gel that fills 80% of the inside of the eye) and the retina (the 1mm thick layer of tissue in the back of your eye that creates vision); and tension on these attachments can sometimes lead to retinal detachments."
----------------------------------------------------------
"VITREOUS DEGENERATION
The vitreous is a transparent gel that fills two-thirds of the of the eye. The vitreous is three times more viscous than water. It acts as a shock absorber for the retina. In the young eye the vitreous is firmly attached to the retina. As a result of age, occurring in 50% of adults over age 60 the vitreous liquefies. Some degree of vitreous degeneration is natural and expected. Typically, vitreous degeneration is a benign occurrence and 85% of the time there is no significant consequence. However, in a small percentage is can cause a retinal tear and/or retinal detachment. Only a dilated retinal examination can determine if the retina was affected Age-related vitreous degeneration is the most common cause for floaters. "