ซึ่งในวันนี้อีแมกกาซีนจะชวนทุกท่านมารู้จักกับการดูแลผู้วัยด้วยวิธีง่ายๆ อย่างการเลือกสรรอาหารดีมีประโยชน์ให้พวกท่านได้รับประทานอย่างไม่ต้องกลัวโรคภัยไข้เจ็บจะถามถึง สำหรับอาหารของผู้สูงอายุนั้นควรจะมีปริมาณที่ลดน้อยลง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ความต้องการจากสารอาหารอื่นๆ ยังคงเท่าเดิม ซึ่งอาหารของวัยชราจึงควรมีปริมาณและคุณภาพพอเพียงกับความต้องการของร่างกาย คือ ครบทั้ง 5 หมู่ โดยหน่วยสุขศึกษา โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย เผยถึงวิธีในการเลือกรับประทาน ดังนี้ อาหารหมู่ที่ 1 เนื้อสัตว์ ไข่ นม และถั่วเมล็ดแห้งต่างๆ เนื้อสัตว์ ควรทำให้สะดวกต่อการเคี้ยว โดยสับให้ละเอียดหรือต้มให้เปื่อย อาหารปลาจะเหมาะมากสำหรับผู้สูงอายุ แต่ควรเลือกก้างออกให้หมด ตามปกติควรให้ผู้สูงอายุได้บริโภคเนื้อสัตว์ ประมาณวันละ 120-160 กรัม (น้ำหนักขณะดิบ) ปริมาณนี้สามารถลดลงได้ถ้ามีการบริโภค ไข่ ถั่วหรือนมอีก ไข่ เป็นอาหารที่เหมาะสมสำหรับผู้สูงอายุ เพราะมีคุณค่าทางอาหารสูงมาก ในไข่แดงมีแร่ธาตุเหล็กในปริมาณสูง ไข่เป็นอาหารที่นิ่มเคี้ยวง่าย ย่อยและดูดซึมได้ดี โดยปกติในผู้สูงอายุที่ไม่มีปํญหาเรื่องไขมันในเลือดสูง ควรได้บริโภคไข่ สัปดาห์ละ 3-4 ฟอง โดยต้มหรือทอดจนสุกหรือผสมลงในกับข้าว ถ้าผู้สูงอายุมีปัญหาเรื่องไขมันในเลือดสูง ควรเลือกรับประทานเฉพาะไข่ขาวเท่านั้น นม เป็นอาหารที่ให้แคลเซียมและโปรตีนสูง ผู้สูงอายุควรดื่มนมวันละ 1 แก้ว สำหรับผู้สูงอายุที่มีปัญหาเรื่องไขมันในเลือดสูง หรือน้ำหนักตัวมากแนะนำให้ดื่มนมพร่องมันเนยหรือนมถั่วเหลืองแทนได้ ถั่วเมล็ดแห้ง เป็นอาหารที่ให้โปรตีนสูงและมีราคาถูก ใช้แทนอาหารจำพวกเนื้อสัตว์ได้ ก่อนบริโภคควรนำมาปรุงให้มีลักษณะนิ่มเสียก่อน ถั่วเมล็ดแห้งนำไปประกอบเป็นทั้งอาหารคาว และอาหารหวานได้ หรือจะบริโภคในรูปของผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น เต้าหู้ เต้าเจี้ยว เป็นต้น อาหารหมู่ที่ 2 ข้าว แป้ง น้ำตาล เผือก มัน อาหารหมู่นี้เป็นอาหารที่ให้พลังงานเป็นส่วนใหญ่ ผู้สูงอายุควรรับประทานในปริมาณที่พอเหมาะไม่ควรรับประทานมากเกินไป อาหารหมู่ที่ 3 ผักต่างๆ เป็นอาหารที่ผู้สูงอายุเลือกรับประทานได้ค่อนข้างมาก เพราะผักเป็นอาหารที่อุดมด้วยวิตามินและแร่ธาตุ ทั้งผักสีเขียว และสีเหลือง เป็นแหล่งของวิตามินเอ วิตามินซี เป็นต้น ผู้สูงอายุควรเลือกรับประทานผักหลายๆ ชนิดสลับกัน แต่ควรเป็นผักที่ต้มสุกหรือนึ่งจนสุกนุ่ม ไม่ควรบริโภคผักดิบเพราะย่อยยากและจะทำให้เกิดปัญหามีแก๊ส ท้องอืด ท้องเฟ้อได้ อาหารหมู่ที่ 4 ผลไม้ต่างๆ ผลไม้เป็นอาหารที่มีคุณค่าต่อร่างกายคล้ายกับอาหารหมู่ที่ 3 มีวิตามินและแร่ธาตุต่างๆ มากมาย ผู้สูงอายุควรรับประทานผลไม้ทุกวันเพื่อที่จะได้รับวิตามินซีและเส้นใยอาหาร ควรเลือกผลไม้ที่มีเนื้อนุ่มเคี้ยวง่าย ได้แก่ มะละกอ กล้วยสุก ส้ม สำหรับผู้ที่อ้วนมาก หรือเป็นเบาหวานไม่ควรรับประทานผลไม้ที่มีรสหวานจัดมากนัก เช่นลำไย ทุเรียน ขนุน น้อยหน่า เป็นต้น อาหารหมู่ที่ 5 ไขมันจากสัตว์ และพืช อาหารหมู่นี้ให้พลังงานแก่ร่างกาย และช่วยในการดูดซึมวิตามินบางชนิดแม้ว่าจะมีความสำคัญ แต่ก็ไม่ควรรับประทานมาก เพราะจะทำให้อ้วนและไขมันอุดตันในเส้นเลือดได้ นอกจากนี้ อาหารไขมันยังทำให้มีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อหลังอาหารได้ ควรใช้น้ำมันพืชที่มีกรดไลโนเลอิคในการปรุงอาหาร เช่น น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันรำ หลีกเลี่ยงการใช้ไขมันจากสัตว์ และน้ำมันมะพร้าว ทริคง่ายๆ ให้ผู้สูงวัยได้รับสารอาหารครบถ้วน 1. ดัดแปลงลักษณะของอาหารให้สามารถเคี้ยวได้ง่าย เช่น สับละเอียด ต้มเปื่อย หรือปรุงให้มีลักษณะค่อนข้างเหลว 2. ปรุงรสชาติของอาหารตามความชอบของแต่ละคน เช่น หวานขึ้นเล็กน้อยหรือจืดลง หรือไม่ควรเค็มมาก เป็นต้น 3. อาจลดปริมาณอาหารแต่ละมื้อ แล้วเพิ่มมื้ออาหารให้มากขึ้น เช่นจากวันละ 3 มื้อ เป็น 5 มื้อ โดยแต่ละมื้อให้รับประทานในปริมาณที่น้อยลง 4. จัดแต่งอาหาร โดยใช้พืชผักที่มีสีสันสวยงาม และเสิร์ฟอาหารที่เพิ่งทำเสร็จใหม่ๆ ร้อนๆเพื่อช่วยกระตุ้นน้ำย่อย 5. ควรให้ผู้สูงอายุได้บริโภคอาหารมื้อหนักตอนกลางวัน หรือบ่ายแทนการบริโภคอาหารหนักในมื้อเย็นเพื่อช่วยให้การนอนหลับพักผ่อนดีขึ้น 6. พยายามหลีกเลี่ยงน้ำชา กาแฟ เพราะจะทำให้นอนไม่หลับในตอนกลางคืน ที่มาข้อมูล : //www.e-magazine.info |