ธันวาคม 2556

3
4
7
8
15
18
20
27
29
 
 
All Blog
ปางอุ๋ง โครงการพระราชดำริปางตอง 2 บ้านรวมไทย
 ไม่ว่าจะต้องขึ้นเขา.....ลงห้วย.....เดินป่า หรือต้องฟันฝ่าสภาพภูมิประเทศอันยากลำบากสักเพียงไหน “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช” และ “สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ” ก็ยังคงเสด็จพระราชดำเนินไปเกือบทุกหนแห่งในประเทศไทยเพื่อเยี่ยมเยียนราษฎรของพระองค์.....จากการเสด็จฯ นี้เองที่ได้ทำให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวและสมเด็จพระบรมราชินีนาถทรงรับทราบถึงปัญหาความยากจน – ความทุกข์ร้อนลำบากต่างๆ ของราษฎรในแต่ละท้องถิ่นเป็นอย่างดี.....และด้วยน้ำพระราชหฤทัยอันเปี่ยมล้นของทั้งสองพระองค์ที่ทรงมุ่งหวังจะช่วยให้ราษฎรเหล่านั้นได้มีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น.....โครงการอันเนื่องมาจากพระราชดำรินับร้อยนับพันโครงการจึงได้ถือกำเนิดขึ้น



ปางอุ๋ง-53 ปางอุ๋ง-194 ปางอุ๋ง-117 ปางอุ๋ง-18

บรรยากาศทั่วๆ ไปภายใน โครงการพระราชดำริปางตอง 2 : ปางอุ๋ง


ปางอุ๋ง-82


...........................ทิวสนริมอ่างเก็บน้ำ...........................




ปางอุ๋งจากพื้นที่ป่าเสื่อมโทรม กลับฟื้นคืนสู่ความอุดมสมบูรณ์ด้วยแนวพระราชดำริ

เดิมทีพื้นที่บริเวณ “อ่างเก็บน้ำปางตอง(ใหม่)” และ “ฝายปางอุ๋ง” ในเขต บ้านรวมไทย ตำบลหมอกจำแป่ อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน เป็นพื้นที่ซึ่งมีการทำไร่เลื่อนลอย.....ปลูกฝิ่น.....ตัดไม้ทำลายป่ากันอย่างกว้างขวางต่อเนื่อง จวบจนกระทั่ง “พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดช” และ “สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ” ได้เสร็จฯ มาเยี่ยมเยียนราษฎรในเขตพื้นที่ดังกล่าว.....ณ กาลนั้น.....พระองค์ทรงเล็งเห็นว่าหากปล่อยให้สภาพการณ์เป็นเช่นนี้ต่อไป อีกไม่ช้านานประชาชนซึ่งอาศัยอยู่ในเขต “พื้นที่ลุ่มน้ำแม่สะงา” ทั้งหมดจะต้องได้รับผลกระทบจากระบบนิเวศที่เปลี่ยนแปลงเสียหายจนเกินเยียวยาอย่างแน่นอน เมื่อวันที่ 7 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2527 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวจึงทรงมีพระราชกระแสรับสั่งกับ “พลเอกปิ่น ธรรมศรี” หัวหน้าคณะทำงานส่วนพระองค์ในขณะนั้นว่า “ให้มีการปรับปรุงสภาพป่าบริเวณอ่างเก็บน้ำปางตอง(ใหม่) และฝายปางอุ๋ง ต.หมอกจำแป่ อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน ให้กลับคืนสู่สภาพเดิม”.......... โครงการพระราชดำริปางตอง 2 (ปางอุ๋ง) จึงถือกำเนิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2528



ปางอุ๋ง-17


...............แสงเงา.........................ยามเช้า...............




     การสร้าง “ป่าเปียก” เพื่อใช้เป็นแนวป้องกันไฟ , การปลูก “ป่า 3 อย่าง ประโยชน์ 4 อย่าง” , การปลูกหวายตามแนวพระราชดำริ , การจัดทำโครงการธนาคารอาหารชุมชน , ฯลฯ คือ สิ่งที่ราษฎรในท้องถิ่นร่วมกับเจ้าหน้าที่ของ “โครงการพระราชดำริปางตอง 2 (ปางอุ๋ง)” ช่วยกันดำเนินการมาอย่างต่อเนื่องยาวนานนับ 10 ปี จนกระทั่งผืนป่าที่เคยเสื่อมโทรมโดยรอบ “บ้านรวมไทย” กลับฟื้นคืนสู่ความอุดมสมบูรณ์อีกครั้ง


ปางอุ๋ง-59


..........ทิวทัศน์สวยๆ ที่ทำให้ใครๆ ก็อยากมาเยือน ปางอุ๋ง..........


ปางอุ๋ง-50


.....จากผืนป่าเสื่อมโทรมกลับฟื้นคืนสู่ความอุดมสมบูรณ์ด้วยแนวพระราชดำริ.....




     เมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2540 สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ได้เสด็จฯ มาติดตามความคืบหน้าของโครงการพระราชดำริปางตอง 2 (ปางอุ๋ง) .....ในกาลนั้น.....พระองค์ท่านทรงมีพระราชเสาวนีย์ซึ่งเน้นย้ำให้เจ้าหน้าที่ในโครงการฯ และประชาชนในท้องถิ่นตระหนักถึงความสำคัญของผืนป่า โดยมีใจความสำคัญตอนหนึ่งว่า “ข้าพเจ้ารู้สึกดีใจมากที่ได้กลับมาเยี่ยมที่นี่อีกครั้ง เยี่ยมประชาชนทุกหมู่เหล่า และได้เห็นความตั้งใจของทุกๆ ท่านที่ช่วยกันรักษาป่า อันที่จริงคำว่า “ป่า” นี้ที่สำคัญก็หมายถึง “ต้นน้ำ” แหล่งที่ผลิตน้ำ.....ทำให้เกิดน้ำขึ้น เวลาฝนตกในหน้าฝน.....ต้นไม้นี้คอยเป็นที่เก็บน้ำไว้ใต้ดิน เก็บไว้ตามลำต้น ตามกิ่งก้าน ตามใบ และเสร็จแล้วจะกลับเลี้ยงผืนแผ่นดินนี้ด้วยน้ำที่เขาเก็บเอาไว้ .....ทุกคนก็รู้ดีว่า.....ในชีวิตของเราสิ่งที่สำคัญที่สุด คือ “น้ำ” เราขาดข้าวขาดอาหารได้หลายวันแต่จะอยู่ได้ไม่กี่วันถ้าไม่มีน้ำ น้ำนี่เป็นสิ่งที่เลี้ยงดูชีวิตของสัตว์ทั้งหลาย..........โลกของเรานี้น้ำมีค่ามากที่สุด เป็นของที่มีน้อย มีจำกัด..........เพราะฉะนั้นถ้าเราทุกคนรู้ถึงความหายาก ความที่มีค่าของน้ำ ก็ต้องรู้ด้วยว่าอะไรที่รักษาน้ำไว้ในดินให้กับเรา.....ก็คือ “ป่า”.....ก็คือ “ต้นไม้” และต้นไม้นี้เองทำให้เกิดฝนฟ้าตกต้องตามฤดูกาล ประชาชนหลายแห่งพูดกับข้าพเจ้าว่า เดี๋ยวนี้ไม่ทราบว่าอะไรทำให้ฝนคลาดไปไม่ตรงต่อฤดูกาล อันที่จริงพวกเรานั่นเองที่ทำให้ฝนแล้ง.....ฝนคลาดเคลื่อนจากฤดูกาล จากการที่เราทำลายป่าเป็นจำนวนมาก..........ไม่ใช่ใครอื่นที่เราจะไปโทษได้ เพราะฉะนั้นขอให้ทุกคนรู้ว่าการรักษาป่า การดูแลโลกนี้.....ดูแลแผ่นดินนี้ให้มีต้นไม้นี่แหละ คือ เราสร้าง เราเก็บ “น้ำ” ทรัพยากรที่มีค่าที่สุดในชีวิตของเราไว้”




ปางอุ๋ง-48


ล่องแพใน อ่างเก็บน้ำปางตอง(ใหม่) ท่ามกลางความเหน็บหนาว



     .....ปัจจุบัน.....นอกจากโครงการพระราชดำริปางตอง 2 (ปางอุ๋ง) จะถือเป็นพื้นที่ต้นน้ำที่สำคัญของจังหวัดแม่ฮ่องสอนแล้ว สถานที่แห่งนี้ยังได้กลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวซึ่งมีชื่อเสียงโด่งดังเป็นที่รู้จักในหมู่นักท่องเที่ยวผู้รักธรรมชาติ ภาพทิวทัศน์อันงดงามของหมู่สนที่ยืนต้นเรียงรายเป็นแถวเป็นแนว ประกอบกับอากาศที่บริสุทธิ์เย็นสบายเกือบตลอดทั้งปี (ยกเว้นฤดูร้อน อากาศจะร้อนอบอ้าวครับ) อีกทั้งมีสายหมอกจางๆ ลอยเหนืออ่างเก็บน้ำในช่วงฤดูหนาว คือ สิ่งที่สร้างความประทับให้แก่ผู้คนซึ่งได้มีโอกาสเดินทางมาเยือน.....ทั้งนี้.....นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะนิยมเรียกชื่อ “โครงการพระราชดำริปางตอง 2” สั้นๆ ว่า “ปางอุ๋ง”.....



ปางอุ๋ง-23


.........ภาพไอหมอกยามเช้าที่งดงามราวกับชิ้นงานจิตรกรรมเลื่องชื่อ.........
(นี่เป็นภาพถ่ายจริงที่ webmaster ของเราตกแต่งจนดูคล้ายกับภาพวาดครับ)


ปางอุ๋ง-36


.........................รุ่งอรุณ ณ ปางอุ๋ง.........................



มาทำความรู้จักกับข้อมูลพื้นฐานของปางอุ๋งกันเถอะ

     ในภาษาเหนือคำว่า “ปาง” หมายถึง ที่พักของคนทำงานในป่า.....ส่วนคำว่า “อุ๋ง” นั้นก็คือ ที่ลุ่มต่ำคล้ายกระทะใบใหญ่มีน้ำขังเฉอะแฉะ เมื่อนำมารวมกันเป็น “ปางอุ๋ง” จึงมีความหมายว่า.....ที่ลุ่มน้ำขังอันเป็นแหล่งพำนักของคนทำงานในป่า.....นั่นเอง

     “ปางอุ๋ง” หรือ “โครงการพระราชดำริปางตอง 2” ตั้งอยู่ ณ บ้านรวมไทย ตำบลหมอกจำแป่ อำเภอเมือง จังหวัดแม่ฮ่องสอน มีความสูงจากระดับน้ำทะเลปานกลางราว 1,200 เมตร มีเนื้อที่โครงการประมาณ 20,710 ไร่ อาณาเขตทางด้านทิศเหนือของ “ปางอุ๋ง” ติดต่อกับพื้นที่ “โครงการพระราชดำริปางตอง 1(ห้วยมะเขือส้ม)” และบ้านนาป่าแปก.....ทิศตะวันออกติดต่อกับพื้นที่ “โครงการพระราชดำริปางตอง 3 (แม่สะงา – หมอกจำแป่)” และถนนสายแม่ฮ่องสอน – บ้านรักไทย.....ทิศตะวันตกติดต่อกับพื้นที่ชายแดนของสหภาพพม่าราว 14.57 กิโลเมตร.....ส่วนทิศใต้ติดต่อกับพื้นที่บ้านดอยแสง ..........จนกระทั่ง..........เมื่อวันที่ 24 ธันวาคม พ.ศ. 2552 พื้นที่ทั้งหมดของปางอุ๋งก็ได้ถูกประกาศให้ควบรวมเข้าไปอยู่ในเขต “อุทยานแห่งชาติถ้ำปลาน้ำตกผาเสื่อ



ปางอุ๋ง-99 ปางอุ๋ง-77

........................................มุมถ่ายภาพยอดนิยม........................................


ปางอุ๋ง-84 ปางอุ๋ง-114

....................ปางอุ๋ง : ที่ลุ่มน้ำขังอันเป็นแหล่งพำนักของคนทำงานในป่า....................

 นักท่องเที่ยวมาทำอะไรกันบ้างที่ “ปางอุ๋ง” ?

     ในแต่ละปีจะมีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาเยี่ยมเยือนปางอุ๋งมากกว่า 100,000 คน..........สำหรับผู้อ่านบทความบางท่านซึ่งยังไม่เคยเดินทางมายังปางอุ๋งก็อาจสงสัยว่าผู้คนนับแสนเหล่านี้เขาแห่มาทำอะไรกันบ้าง ? ซึ่งจากการสังเกตของทีมงานท่องเที่ยวดอทคอม (www.thongteaw.com) ก็ทำให้พวกเราได้พบว่า นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เดินทางมายังปางอุ๋งเพื่อ..........

     1. ตื่นมาชมไอหมอกจางๆ ซึ่งลอยอยู่เหนือ “อ่างเก็บน้ำปางตอง(ใหม่)” ท่ามกลางอากาศที่หนาวเหน็บในยามเช้า : ถึงแม้ว่าเราจะสามารถเห็นสายหมอกสีขาวลอยเหนืออ่างเก็บน้ำหลายๆ แห่งได้ในช่วงฤดูหนาว แต่ดูเหมือนทิวทัศน์ของต้นสนสามใบริมอ่างเก็บน้ำปางตอง(ใหม่)ที่มีไอหมอกเบาบางลอยล้อคลอเคลียอยู่ คือ สิ่งที่นักท่องเที่ยวซึ่งเดินทางมายังปางอุ๋งต้องการจะเห็นมากที่สุด.....ในยามสาย.....เมื่อดวงตะวันค่อยๆ สาดทอแสงทองผ่านยอดไม้ลงมาต้องกระทบกับผิวน้ำเกิดเป็นประกายระยับ ความงดงามของปางอุ๋งก็ยิ่งเพิ่มขึ้นมากเท่าทวีคูณ

ปางอุ๋ง-130 ปางอุ๋ง-138

........................................ทุ่งรวงข้าวสีทอง........................................


ปางอุ๋ง-126


.........................เส้นทางแห่งความพอเพียง.........................



     2. เดินชมดอกไม้ใน “สวนปางอุ๋ง” : เดิมทีพื้นที่บริเวณสวนปางอุ๋งนั้นเคยเป็นไร่ฝิ่นร้างมาก่อน ต่อมาภายหลังจากที่ได้มีการก่อตั้งโครงการพระราชดำริปางตอง 2 (ปางอุ๋ง) ขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2528.....พื้นที่แห่งนี้จึงได้รับการพัฒนาโดยการปลูกพืชสมุนไพร พืชที่ใช้เป็นอาหาร ไม้ดอกไม้ประดับ และใช้เป็นแหล่งอนุรักษ์พันธุ์ไม้รวมถึงสัตว์พื้นเมืองที่ใกล้จะสูญพันธุ์.....ระหว่างเส้นทางเดินชมทิวทัศน์ภายในสวนแห่งนี้ คุณอาจได้เห็นต้นผกากรองดัด , พุดสามสี , พวงแสด , นางพญาเสือโคร่ง , บ๊วย , สาลี่ , ฯลฯ หรืออาจจะได้พบกล้วยไม้หายากบางชนิด เช่น เอื้องเงินแดง , เอื้องนิ่มตาข่าย , เอื้องตาเหิน , เอื้องพญาไร้ใบ เป็นต้น.....กล้วยไม้เหล่านี้ส่วนใหญ่จะถูกปลูกไว้บนไม้ยืนต้นใกล้ๆ กับ “เส้นทางศึกษาธรรมชาติริมน้ำ” อันเป็นสถานที่ซึ่งคุณจะสามารถพบเห็นฝูงหงส์ดำและหงส์ขาวกำลังลอยตัวแหวกว่ายอยู่กลางธาราวารีอย่างสบายอารมณ์.....นอกจากนี้หากคุณอยากจะเห็น “เขียดแลว” กบภูเขาที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก ก็ลองแวะไปยืนดูที่บ่อเพาะเลี้ยงซึ่งอยู่ไม่ไกลจากเส้นทางศึกษาธรรมชาติริมน้ำได้ [“เขียดแลว” หรือ “กบทูด” เป็นกบภูเขาชนิดหนึ่ง เมื่อโตเต็มที่จะมีความยาวประมาณ 10 – 28 ซม.ถือเป็นกบภูเขาที่มีขนาดใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 2 ของโลก สามารถพบได้ตามเขตภูเขาสูงแถบภาคเหนือและภาคกลางของประเทศไทย เนื้อของเขียดแลวมีรสชาติดีทำให้ชาวบ้านนิยมจับมาบริโภคจนมีแนวโน้มใกล้จะสูญพันธุ์.....ปัจจุบัน.....โครงการพระราชดำริปางตอง 2 (ปางอุ๋ง) จึงได้จัดตั้งศูนย์เพาะเลี้ยงเขียดแลวขึ้นเพื่ออนุรักษ์พันธุ์สัตว์ประจำถิ่นชนิดนี้]



ปางอุ๋ง-107 ปางอุ๋ง-88

.....ที่นี่.....โครงการพระราชดำริปางตอง 2 : ปางอุ๋ง อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน.....


ปางอุ๋ง-200 ปางอุ๋ง-118

.........................มวลหมู่ดอกไม้ในสวน.........................


     3. ล่องแพปล่อยอารมณ์ชมธรรมชาติ : นักท่องเที่ยวที่ต้องการจะสัมผัสกับบรรยากาศของอ่างเก็บน้ำปางตอง(ใหม่) แบบใกล้ชิดสนิทแนบแน่นก็สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่โครงการฯ เพื่อขอล่องแพชมธรรมชาติโดยรอบอ่างเก็บน้ำได้ ค่าบริการอยู่ที่ 150 บาท/แพ 1 ลำ (อนุญาตให้ผู้ใหญ่นั่งได้ 2 คน/ลำ ค่าบริการรวมเสื้อชูชีพแล้วครับ) ใช้เวลาในการล่องแพประมาณ 15 – 20 นาที/รอบ

สำหรับนักท่องเที่ยวซึ่งเดินทางมายังปางอุ๋งแต่ไม่ได้ตระเตรียมเสบียงกรังใดๆ มา ทีมงานท่องเที่ยวดอทคอมแนะนำว่าให้เดินไปยัง “หมู่บ้านรวมไทย (อยู่ห่างจากปางอุ๋งเพียงแค่ไม่ถึง 200 เมตร) ที่นี่เขามีทั้งร้านกาแฟสด , ร้านอาหารตามสั่ง , ร้านก๋วยเตี๋ยว , ฯลฯ แถมยังสามารถหาซื้อไปรษณียบัตรสวยๆ ส่งกลับไปฝากคนไกลที่คุณคิดถึงได้ด้วย



ปางอุ๋ง-127


........................................บัวตองผลิบาน........................................


ปางอุ๋ง-164


.........................ครอบครัวของหงส์ดำ.........................



ข้อควรรู้ : พื้นที่ปางอุ๋งสามารถต้อนรับนักท่องเที่ยวซึ่งมาพักค้างแรมได้ประมาณ 500 คน/วัน ช่วงฤดูท่องเที่ยว(ราวเดือน ส.ค. – ม.ค.ของทุกๆ ปี) ผู้ซึ่งต้องการจะพักค้างแรม ณ ปางอุ๋งจำเป็นต้องลงทะเบียนรับบัตรคิวที่ศูนย์ศิลปาชีพแม่ฮ่องสอนซึ่งตั้งอยู่ภายในตัวเมืองจึงจะสามารถนำรถเข้าไปยังพื้นที่ปางอุ๋งได้ (สามารถติดต่อขอรับบัตรคิวได้ทุกวันตั้งแต่เวลา 8.30 – 16.30 น. แต่หากเป็นช่วงนอกฤดูท่องเที่ยวจะสามารถขับรถเข้าไปติดต่อที่พัก ณ ปางอุ๋งได้เลยครับ) สำหรับนักท่องเที่ยวซึ่งไม่ได้พักค้างแรมแต่อยากจะเข้าไปเยี่ยมชมโครงการฯ ต้องนำรถยนต์ไปจอดบริเวณใกล้ๆ กับด่านตรวจ “บ้านนาป่าแปก”  แล้วต่อรถสองแถวเข้าไปยังปางอุ๋งโดยเสียค่าบริการ 50 บาท/คน/รอบ มีรถให้บริการตั้งแต่เวลา 04.00 – 18.00 น. (นักท่องเที่ยวซึ่งไม่ได้พักค้างแรม ณ ปางอุ๋งจะไม่ได้รับอนุญาตให้นำรถเข้าไปยังพื้นที่โครงการฯ เนื่องจากถนนบางช่วงค่อนข้างแคบ รถยนต์วิ่งสวนทางกันลำบากครับ) นักท่องเที่ยวสามารถติดต่อสอบถามข้อมูลต่างๆ เกี่ยวกับปางอุ๋งเพิ่มเติมได้ที่ หมายเลขโทรศัพท์ (053) 611 – 244 หรือ (087) 611 – 8594

ปางอุ๋ง-101


...................................ปางอุ๋ง ในห้วงแห่งความรัก...................................


ปางอุ๋ง-147 ปางอุ๋ง-143

บ้านรวมไทย คือ สถานที่ตั้งของ โครงการพระราชดำริปางตอง 2 : ปางอุ๋ง




     การเดินทางสู่ปางอุ๋ง :

     รถยนต์ส่วนบุคคล จากตัวเมืองแม่ฮ่องสอนให้ใช้ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1095 มุ่งหน้าไปทาง อ.ปางมะผ้า ก่อนถึง “ถ้ำปลา” เล็กน้อยจะพบทางแยกซ้ายมือไป “บ้านหมอกจำแป่” ให้เลี้ยวซ้ายบริเวณแยกดังกล่าวแล้วขับรถตรงไปเรื่อยๆ จนพบกับสามแยก จากนั้นให้เลี้ยวขวามุ่งตรงไปเรื่อยๆ ผ่านน้ำตกผาเสื่อ.....ผ่านแยกเข้าพระตำหนักปางตอง จนกระทั่งถึงสามแยกบ้านนาป่าแปก ให้เลี้ยวซ้ายไปตามป้ายบอกทางจนถึงด่านตรวจ กรณีที่ติดต่อรับบัตรคิวพักค้างแรม ณ ปางอุ๋งมาแล้วเจ้าหน้าที่จะอนุญาตให้ขับรถผ่านไปได้จนถึงที่ทำการโครงการฯ.....ส่วนกรณีที่ไม่ได้ติดต่อรับบัตรคิวมาจะต้องจอดรถไว้บริเวณใกล้ๆ ด่านตรวจแล้วต่อรถสองแถวเข้าไปยังปางอุ๋ง (หากอยู่นอกช่วงฤดูท่องเที่ยวจะสามารถขับรถผ่านด่านตรวจเข้าไปได้เลยโดยไม่มีการตรวจบัตรคิวครับ)

รถประจำทาง
มีรถประจำทางจาก “ตลาดสายหยุด” ในตัวเมืองแม่ฮ่องสอนไปยังปางอุ๋งได้ทุกวัน วันละ 2 เที่ยว เวลา 9.00 น.และ 14.00 น. ส่วนขากลับมีรถออกจากปางอุ๋งวันละ 2 เที่ยว เวลา 5.00 น. และ 11.00 น.

     ฤดูกาลท่องเที่ยวที่เหมาะสม : สามารถท่องเที่ยวได้ทุกฤดู แต่ช่วงฤดูหนาวจะเป็นช่วงที่ปางอุ๋งมีความสวยงามมากที่สุด (กรณีเดินทางมายังปางอุ๋งในช่วงฤดูฝนจะต้องใช้ความระมัดระวังในการขับขี่ยานพาหนะมากกว่าปกติ เนื่องจากเส้นทางบางช่วงคดเคี้ยวและสูงชันครับ)





Create Date : 24 ธันวาคม 2556
Last Update : 24 ธันวาคม 2556 21:58:35 น.
Counter : 2307 Pageviews.

11 comments
  

Shred, slice, chop, puree, knead, and more with ease thanks to the KitchenAid 9 Cup Food Processor! Designed for precise slicing, this reliable processor boasts a pulse feature and two speed options - low, great for soft foods like bananas or tomatoes; and high, great for firmer items like potatoes, carrots, or hard cheeses. Plus the 3-in-1 wide mouth feed tube can handle food items with varying sizes.


โดย: Feeds (cmanus2020 ) วันที่: 24 ธันวาคม 2556 เวลา:22:00:14 น.
  

Braise with abandon in the Tramontina Gourmet Enameled Cast Iron 4 qt. Covered Braiser - Gradated Red. It's made of cast iron with a sizzling red enamel that provides even heating. The enameled interior offers long life and is oven-safe up to 450 degrees. It holds up to four quarts and includes a smart lid with self-basting ridges to lock juices in.


โดย: Feeds (cmanus2020 ) วันที่: 24 ธันวาคม 2556 เวลา:22:00:32 น.
  

A large skillet that can be washed in the dishwasher will quickly become the pan reached for over and over again to help create an array of meals. The skillet's generous size and long-lasting nonstick interior make it a must-have for any kitchen.


โดย: Feeds (cmanus2020 ) วันที่: 24 ธันวาคม 2556 เวลา:22:00:58 น.
  

Joyce Chen opened her first restaurant in Cambridge, Massachusetts in 1958. She found that the selection and quality of Chinese cookware in America didn't live up to her high standards… so she developed her own. Today, Joyce Chen Products sources from all over the Pacific Rim to bring the best of Asia to you.


โดย: Feeds (cmanus2020 ) วันที่: 24 ธันวาคม 2556 เวลา:22:01:14 น.
  

Inspired by nearly a century of culinary craftsmanship, Le Creuset is proud to present the Signature collection as the next evolution of its enameled cast-iron cookware. Signature seamlessly blends Le Creusets classic form and feel with the latest ergonomic and functional innovations.


โดย: Feeds (cmanus2020 ) วันที่: 24 ธันวาคม 2556 เวลา:22:01:36 น.
  

Holding 6-1/2 quarts, this attractive pressure cooker handles most recipes and offers many conveniences to simplify both use and cleanup. Made of heavy-gauge, 18/10 stainless steel, the main chamber offers strength and durability while a polished exterior shine gives it an eye-catching appearance. A Trans Therm base evenly distributes heat and brings excellent high-temperature retention.


โดย: Feeds (cmanus2020 ) วันที่: 24 ธันวาคม 2556 เวลา:22:01:46 น.
  

The versatility of this cookware set makes these pots and pans essential for the cook who wants high performance every day. Cook recipes from around the world��_try West African Black-Eyed Pea Soup, Jamaican Corn Soup or Grandma's chicken noodle in the generous stockpot.


โดย: Feeds (cmanus2020 ) วันที่: 24 ธันวาคม 2556 เวลา:22:02:52 น.
  

The Cuisinart CSO-300 Steam Oven is truly a unique oven that incorporates all the functions of a professional steam oven in a countertop footprint. It's a countertop convection oven with full steaming capability. Steam heat cuts cooking time by as much as 40%. Choose from 9 single and combination functions.


โดย: Feeds (cmanus2020 ) วันที่: 24 ธันวาคม 2556 เวลา:22:03:09 น.
  

This Anolon Advanced 9-Piece Hard-Anodized Nonstick Cookware Set plus 2-Piece Bake ware Set features revolutionary Anolon Sure Grip handles, a combination of silicone rubber and durable stainless steel. The handles not only provide a comfortable grip, they are also oven safe to 400°F. The cookware's heavy gauge, hard-anodized construction ensures efficient, even heat distribution for exceptional gourmet cooking performance. Restaurant tested by professional chefs, DuPont Autograph 2 inside and out delivers superior durability that stands up to the rigors of a professional kitchen. It's also metal utensil-safe and offers easy cleanup for added convenience. The break-resistant, dome-shaped tempered glass lids allow foods to be monitored during cooking without sacrificing heat or moisture.


โดย: Feeds (cmanus2020 ) วันที่: 24 ธันวาคม 2556 เวลา:22:03:59 น.
  

This Farberware High Performance Stainless Steel 12-piece Cookware Set serves up modern convenience in the kitchen, combining the beauty and value of Farberware cookware that has been around for generations. The stainless steel saucepans make it easy to reheat leftovers, start a sauce for dinner or melt butter for a cake.


โดย: Feeds (cmanus2020 ) วันที่: 24 ธันวาคม 2556 เวลา:22:04:29 น.
  

This cookware goes through a hard anodization process which treats the aluminum to make it harder and more durable. The result is a solid coating distinguished by its dark gray color. This process creates a surface typically harder than other conventional cookware.


โดย: Feeds (cmanus2020 ) วันที่: 24 ธันวาคม 2556 เวลา:22:04:46 น.
ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
 *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

cmanus2020
Location :
  

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ฝากข้อความหลังไมค์
 Rss Feed
 Smember
 ผู้ติดตามบล็อก : 4 คน [?]