ฟุตบอล : ผมเชื่อว่าใครก็ตามที่เป็นคอลูกหนังย่อมต้องมีนักเตะในดวงใจของตัวเองกัน ทั้งนั้น บางคนอาจ ลิโอเนล เมสซี่ แนวรุกที่ขึ้นชื่อว่าเก่งที่สุดของโลกในเวลานี้
บางคนกลับชอบ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่แม้จะเป็นเบอร์ 2 ของโลกมาตลอดช่วงหลายปีที่ผ่านมา แต่ก็แอ็คท่าได้อย่างต่อเนื่อง และอีกหลายๆคนก็คงมีนักเตะอีกหลายๆรายอยู่ในดวงใจเช่นกัน
วันนี้ในคอลัมน์ "อารมณ์คมคาย" ของเราจึงหยิบเอาการจัดอันดับของ "เวิล์ด ซ็อคเกอร์" นิตยสารลูกหนังชื่อดังจากประเทศ อังกฤษ ที่เพิ่งประกาศอันดับความนิยมในหัวเรื่อง "ทีมยอดเยี่ยมของประวัติศาสตร์ลูกหนังโลก"
โดยให้ นักข่าว ผู้จัดการทีม และอดีตนักกีฬาชื่อดังจากทั่วทุกมุมโลกเป็นผู้ลงคะแนนเสียงโหวตในช่วงที่ ผ่านมา และจัดเป็นทีมในระบบ 4-4-2 (ระบบยอดนิยม) มาดูกันว่าเป็นใครกันมั่งนะครับ
1. ผู้รักษาประตู - เลฟ ยาชิน (สหภาพโซเวียต) เล ฟ อิวาโนวิช ยาชิน เจ้าของฉายา "แมงมุมดำ" ผู้รักษาประตูจากมหาอำนาจของโลกในเวลานั้นอย่าง สหภาพโซเวียต เป็นผู้รักษาประตูคนเดียวของโลกนี้ที่สามารถคว้ารางวัลนักฟุตบอลยอดเยี่ยม หรือ "บัลลงดอร์" ได้เมื่อปี 1963 เพราะฟอร์มที่ยอดเยี่ยมกับการลงรับใช้ชาติของเขานั้นเอง ว่ากันว่าปฏิกิริยาของชายคนนี้ยามยืนเฝ้าเสา แม้เอา 2 นายด่านระดับพระกาฬอย่าง จานลุยจิ บุฟฟ่อน และ อิเกร์ กาซิยาส มามัดรวมกันก็ยังไม่สามารถเทียบเท่าได้ เขาเซฟจุดโทษได้ถึง 150 ครั้ง อีกทั้งจบเกมแบบไม่เสียประตูได้ถึง 270 เกม จาก 22 ฤดูกาลในอาชีพพ่อค้าแข้งของเขา ยังไม่รวมความสำเร็จมากมายของ สหภาพโซเวียต ที่ทำได้ทั้งใน โอลิมปิกเกมส์ (1956) และ ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป (1960) หนึบขนาดนี้จึงไม่น่าแปลกใจว่าเพราะเหตุใดถึงได้รับเลือก
2. แบ็กขวา - คาฟู (บราซิล) มาร์ก อส อีแวนเกลิสต้า เด โมราเอส หรือที่รู้จักกันดีในนาม "คาฟู" คือแบ็กขวาที่ดีที่สุดคนหนึ่งที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลก การเติมเกมรุกที่ดุดัน และการมีเกมรับที่เหนียวแน่น ไหนจะเทคนิคแพรวพราวที่พร้อมโชว์เมื่อมีโอกาส ทำให้ชื่อของเขาติดโผนี้มาด้วย เขามีส่วนพา บราซิล เป็นแชมป์โลก 2 สมัย ทั้งในปี 1994 และ 2002 เขาคือนักเตะผู้ทำสถิติลงเล่นให้กับทีมชาติ บราซิล มากที่สุด จากสถิติ 142 เกม เขาประสบความสำเร็จมากมายในระดับสโมสรทั้งกับ อาแอส โรม่า และ เอซี มิลาน โดยเฉพาะทัพ "ปีศาจแดงดำ" ที่คว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ได้เมื่อปี 2007 ที่ผ่านมา
3. เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ - บ็อบบี้ มัวร์ (อังกฤษ) ใน ระดับชาติเขาคือกัปตันทีมผู้พาทัพ "สิงโตคำราม" คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกได้เป็นครั้งแรกและครั้งเดียว เมื่อปี 1966 ที่ผ่านมา แต่ในระดับสโมสรกับ เวสต์แฮม ยูไนเต็ด ทีมในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ความแข็งแกร่งและพรสวรรค์ของเขาได้รับการยอมรับไปทั่วโลก เปเล่ กองหน้าแซมบ้าที่ดีที่สุดของโลกคนหนึ่งเคยบอกว่า "มัวร์ คือกองหลังที่ผ่านได้ยากที่สุดของโลก" ขณะที่ ฟร๊านซ์ เบ็คเค่นบาวเออร์ แนวรับระดับตำนานของ "อินทรีเหล็ก" เยอรมัน ถึงกับเอ่ยปากชมเลยว่าคงไม่มีกองหลังคนใดบนโลกนี้ที่จะแข็งแกร่งได้เท่ากับ มัวร์ อีกแล้ว นี่คือกองหลังที่ล้มยากที่สุดของโลกคนหนึ่งสมัยที่เขาเป็นนักเตะ และนั่นทำให้เขาถูกเลือกมาเป็นเซ็นเตอร์ฮาล์ฟของทีมนี้
4. เซ็นเตอร์ฮาล์ฟ - ฟร๊านซ์ เบ็คเค่นบาวเออร์ (เยอรมัน) อดีต นักเตะเจ้าของฉายา "แดร์ ไกเซอร์" คือกองหลังคนหนึ่งของโลกที่ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางว่านี่คือนักเตะใน ตำแหน่งแนวรับที่ดีที่สุดเท่าที่ เยอรมัน เคยมีมา รวมทั้งโลกนี้เคยมีมาด้วย เขาคือคนเดียวที่สามารถคว้าแชมป์โลกได้ทั้งในสมัยเป็นนักเตะ (1974) และในสมัยเป็นกุนซือ (1990) เขาคือคนบุกเบิกระบบ สวีปเปอร์ หรือ กองหลังตัวสุดท้ายขึ้นมาบนโลกใบนี้ ยิ่งถ้ามองลึกไปถึงระดับสโมสรยิ่งไม่ต้องพูดถึง เพราะเขาคว้าแชมป์กับ บาเยิร์น มิวนิค มากมายแบ่งเป็น บุนเดสลีกา 4 สมัย (1968–69, 1971–72, 1972–73, 1973–74) เดเอฟเบ โพคาล อีก 4 สมัย (1965–66, 1967–68, 1968–69, 1970–71) รวมทั้ง ยูโรเปี้ยน คัพ (ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ปัจจุบัน) อีก 3 ครั้ง (1973–74, 1974–75, 1975–76) นี่มัน "โคตรเทพ" ชัดๆ
5. แบ็กซ้าย - เปาโล มัลดินี่ (อิตาลี) แบ็ก ซ้ายสุภาพบุรุษลูกหนังจากแดนมะกะโรนีรายนี้มีชื่อติดทีมนี้กับเขาด้วย จากฝีเท้า จากผลงาน จากความซื่อสัตย์ จากความสำเร็จและอะไรอีกมากมายที่เขาเคยทำไว้กับ เอซี มิลาน และทีมชาติ อิตาลี ในตลอด 25 ปีของอาชีพพ่อค้าแข้ง การลงเล่นให้กับสโมสรมากกว่า 900 เกม คว้า 5 แชมป์ถ้วยยุโรป (1988–89, 1989–90, 1993–94, 2002–03, 2006–07) และอีก 7 แชมป์ในเซเรีย อา (1987–88, 1991–92, 1992–93, 1993–94, 1995–96, 1998–99, 2003–04) คือเครื่องการันตีความยอดเยี่ยมของ มัลดินี่ ได้เป็นอย่างดี แม้จะไม่เคยพาทัพ "อัซซูรี่" คว้าแชมป์โลกได้ แต่เขาก็พาทีมบ้านเกิดลุยในเกมชิงจ้าวลูกหนังโลกถึง 4 ครั้ง และติดทีมชาติถึง 126 เกม เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน อดีตกุนซือที่ดีที่สุดของโลกยอมรับว่า มัลดินี่ คือนักเตะที่เขาชื่นชมมาตลอดการทำงานของตัวเองเลยทีเดียว
6. กองกลาง - อัลเฟรโด้ ดิ สเตฟาโน่ (อาร์เจนติน่า, โคลอมเบีย และ สเปน) กอง กลางที่ทำให้ เรอัล มาดริด กลายเป็นโคตรทีมของโลกในยุค 50 เพราะถ้าจะมีนักเตะสักคนที่ถูกขนานนามว่า "เครื่องจักรสังหารประตู" ต้องมีชื่อของ ดิ สเตฟาโน่ รวมอยู่ในนั้นด้วย จากผลงานการยิงถึง 377 ประตูในระดับสโมสร เขาเป็นชาวอาร์เจนติน่า ที่เล่นให้กับ 3 ชาติอย่าง อาร์เจนติน่า, โคลอมเบีย และ สเปน (สมัยนั้นยังไม่มีกฎเล่นชาติใดแล้วต้องเล่นไปเลย) จริงแล้วชื่อของเขาควรอยู่ในหมวดของกองหน้า แต่ตัวนักเตะเองเคยพูดว่า "การเป็นนักฟุตบอลที่ดี ต้องเล่นได้ทั้ง 11ตำแหน่งในสนาม" ดังนั้นจึงทำให้เขาถูกจัดให้อยู่ในตำแหน่งกองกลางในทีมนี้นั่นเอง
7. กองกลาง - โยฮันน์ ครัฟฟ์ (ฮอลแลนด์) นัก เตะคนเดียวบนโลกที่ได้รับฉายา "นักเตะเทวดา" เขาคือกองกลางที่สามารถคว้ารางวัล "บัลลงดอร์" ได้ถึง 3 สมัย ทั้งในปี 1971, 1973 และ 1974 เขาคือที่มาของ "โทท่อลฟุตบอล" ที่ทำให้ทัพ "อัศวินสีส้ม" ที่แม้จะไม่สามารถคว้าแชมป์โลกได้ แต่ก็กลายเป็นมหาอำนาจลูกหนังโลกทีมหนึ่งในปัจจุบันนี้ เขาถูกยกย่องให้ "นวัตกรรม" ของโลกฟุตบอลยุคใหม่ เขาพา 2 สโมสรที่ร่วมเล่นอย่าง อาแจ็กส์ อัมสเตอร์ดัม และ บาร์เซโลน่า คว้าแชมป์ลีกและแชมป์ ยูโรเปี้ยน คัพ ได้ ท่าหมุนตัวของเขาในเกมฟุตบอลโลกปี 1974 ที่ ฮอลแลนด์ พบกับ สวีเดน ยังเป็นที่จดจำ และถูกนำมาเรียกว่า "ครัฟฟ์ เทิร์น" จนถึงทุกวันนี้
8. กองกลาง - ซีเนอดีน ซีดาน (ฝรั่งเศส) นี่ คือกองกลางคนหนึ่งของโลกที่ได้รับการยอมรับว่าเปี่ยมไปด้วยทักษะและความ ทุ่มเทในการลงเล่น "ซิซู" คือไอด้อลของนักเตะอีกหลายคนของโลกในปัจจุบันนี้ เขาคือนักเตะที่ประสบความสำเร็จในทุกรายการที่ลงเล่น เขาเป็นแชมป์ลีก และแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก กับสโมสรอย่าง ยูเวนตุส และ เรอัล มาดริด ลูกยิงวอลเล่ย์ในเกมนัดชิงของรายการ "บิ๊กเอียร์" ที่มีส่วนทำให้ "ราชันชุดขาว" เอาชนะ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ได้เมื่อปี 2002 ยังติดตราตรึงอยู่ในความทรงจำของใครหลายๆคน ไหนจะการพาทีมชาติ ฝรั่งเศส เป็นทีมแรกของโลกที่สามารถคว้าแชมป์โลกและคว้าแชมป์ทวีปได้ติดต่อกันในปี 1998 และ 2000 และเกือบทำได้อีกครั้งเมื่อปี 2006 แต่ดันโดนอาเพศของ มาร์โก มาเตรัซซี่ จนถูกไล่ออกจากสนามเสียก่อนในเกมนัดชิงชนะเลิศ ที่สำคัญนั่นคือเกมสุดท้ายในอาชีพนักเตะของเจ้าตัวอีกด้วย คลาสสิคกว่า "หัวไข่ดาว" คงไม่มีอีกแล้ว
9. กองกลาง - ดีเอโก้ มาราโดน่า (อาร์เจนติน่า) "เสือ เตี้ย" คือนักฟุตบอลที่ได้รับการยอมรับจากทั่วโลกและถูกกล่าวขานถึงมาจนปัจจุบัน ทั้งในด้านดีกับภาพการเลี้ยงบอลหลบ 6 นักเตะของทีมชาติ อังกฤษ เข้าไปทำประตูในฟุตบอลโลกปี 1986 และวีรกรรมสุดเกรียนที่เจ้าตัวเคยทำไว้ทั้งการตุกติก เรื่องยาเสพติด และเขาคือนักฟุตบอลคนแรกของโลกที่เป็นผู้ก่อวีรกรรม "หัตถ์พระเจ้า" ในฟุตบอลโลกปี 1994 ยังไม่รวมความสำเร็จของการเล่นในระดับสโมสรกับ นาโปลี ที่เขาเคยพาคว้าแชมป์เซเรีย อา ได้ถึง 2 สมัย และกับ บาร์เซโลน่า ที่สามารถคว้าแชมป์ โกลปา เดล เรย์ มาได้ ไหนจะความเพี้ยนสุดโต่งของเจ้าตัวจากทั้งกิริยาและคำพูดหลายๆกรณีที่เกิด ขึ้นในช่วงที่ผ่านมา แต่ผมมั่นใจว่าไม่มีใครกล้าปฏิเสธว่า มาราโดน่า คือ "โคตรแข้ง" อีกคนหนึ่งบนโลกใบนี้
10. กองหน้า - เปเล่ (บราซิล) นี่ คือกองหน้าที่ได้รับการยอมรับว่าประสบความสำเร็จมากที่สุดของโลกคนหนึ่ง โดยสถิติที่ถูกบันทึกไว้ "ไข่มุกดำ" ยิงประตูในอาชีพนักเตะรวมทั้งในระดับสโมสรและระดับชาติมากกว่า 1,200 ประตู กูรูทุกสำนักต่างยอมรับ เปเล่ เกิดมาเพื่อสิ่งนี้ เกิดมาเพื่อเป็นกองหน้าที่ดีที่สุดของโลก เขาคือคนที่พา บราซิล เป็นแชมป์โลก 3 สมัยแรกทั้งในปี 1958, 1962 และ 1970 ขณะที่ในระดับสโมสรกับ ซานโต๊ส และ นิวยอร์ก คอสมอส เขาก็คว้าความสำเร็จมากมาย เขาคือเจ้าของสถิตินักเตะอายุน้อยที่สุดที่สามารถพาทีมคว้าแชมป์โลกได้ แถมยังเป็นการทำแฮททริกในปี 1958 อีกด้วย โดยก่อนนี้ เซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน เคยกล่าวถึง เปเล่ ว่า นี่คือนักฟุตบอลที่เล่นฟุตบอลได้ไม่ต่างจากการร่ายเวทมนตร์ ขณะที่ โยฮัน ครัฟฟ์ กล่าวถึง เปเล่ ว่า นี่คือนักฟุตบอลที่เกินขอบเขตของคำว่า "ดีที่สุดของโลก" ไปแล้ว
11. กองหน้า - ลิโอเนล เมสซี่ (อาร์เจนติน่า) นี่ คือนักเตะคนเดียวของทีมนี้ที่ยังค้าแข้งอยู่ในโลกลูกหนังยุคปัจจุบัน หาก เปเล่ คือ "ไข่มุกดำ", ครัฟฟ์ คือ "นักเตะเทวดา" และ มาราโดน่า คือ "เสือเตี้ย" แล้วล่ะก็ เมสซี่ คือ "มนุษย์ต่างดาว" เขาเป็นนักเตะคนเดียวบนโลกใบนี้ที่สามารถคว้า บัลลงดอร์ ได้ 4 สมัยติดต่อกัน เขาคือจอมทำลายสถิติการเล่นในระดับสโมสร ทั้ง ยิงประตูสูงสุดใน 1 ฤดูกาล (73 ประตู), ยิงประตูมากที่สุดในการเล่น 1 ปี (91 ประตู), ยิงประตูมากสุดในเกมระดับชาติใน 1 ปี (25 ประตูเท่ากับ วิเวียน วู้ดวาร์ด), ยิงประตูติดต่อกันในเกมลีกมากที่สุด (19 เกม/30 ประตู) เป็นต้น กับส่วนสูงเพียง 5 ฟุต 7 นิ้ว และอายุเพียง 26 ปีต้องยอมรับว่า เมสซี่ มีผลงานที่เกินตัวจริงๆ และยังเดินหน้าเก็บเกี่ยวสถิติต่างๆอย่างต่อเนื่อง ข้อครหาเดียวที่เขายังถูกตั้งแง่คือการพาทัพ "ฟ้าขาว" อาร์เจนติน่า คว้าความสำเร็จให้ได้ ซึ่งกูรูทั้งหลายต่างจับตาไปที่ ฟุตบอลโลก2014 ที่ประเทศ บราซิล ว่า "ต่างดาว" คนนี้จะทำได้หรือไม่
สุดท้าย แล้วต้องออกตัวก่อนว่านี้คือการจัดอันดับของ "เวิล์ด ซ็อคเกอร์" ที่มาจากการโหวตของอดีตนักเตะ ผู้จัดการทีม และบรรดานักข่าวของแดนผู้ดีเขานู่น มิได้จากความคิดส่วนตัวของผมแต่อย่างด จริงแล้วก็ยังมีนักเตะอีกหลายรายที่หายไปจาก "ทีมยอดเยี่ยมในประวัติศาสตร์ลูกหนังโลก" ทีมนี้ แต่ก็อย่างว่านะครับผมว่าทุกคนเองก็คงมีทีมในใจของแต่ละคนอยู่เช่นกัน ยังมีนักเตะชื่อก้องโลกอีกหลายรายที่อยู่ในใจของคอลูกหนังอย่างเรา ไม่ว่าจะเป็น ยูเซบิโอ, โรนัลโด้ (อ้วน), คริสเตียโน โรนัลโด้, ฟาบิโอ คันนาวาโร่ และอีกหลายๆต่อหลายคนที่ต้องยอมรับว่าเขาเหล่านั้น "สุดยอด" แล้วสำหรับคุณผู้อ่านล่ะครับมีทีมยอดเยี่ยมในใจของตัวเองบ้างหรือยัง
The revolutionary nonstick surface of Calphalon ONE collection allows for incredibly easy release of even the most delicate breakfast fare. Composed of three interlocking nonstick layers, the surface is engineered to stand up to years of daily use. The hard-anodized aluminum pieces conduct heat exceptionally well while resisting stains and scratches. Both pans also can be used independently: put the base pan to work frying foods and making omelettes, and use the shallow top pan to prepare crepes. This large 10-inch size makes an 10-inch diam. frittata.