Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2551
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
242526272829 
 
26 กุมภาพันธ์ 2551
 
All Blogs
 

พระสุรินทฦๅไชยฯ (ขุนช้าง-ขุนแผน ฉบับนิทานข้างกองฟาง) ตอนที่ ๓๒ ศึกชิงนาง

ขุนช้างขุนแผน ฉบับนิทานข้างกองฟาง ตอนที่ ๓๒ ศึกชิงนาง

พ่อแม่พี่น้องที่เคารพขอรับ ในกาลต่อไปนี้ จะได้มีศึกใหญ่ที่ต้องเดือดร้อนให้ทางกรุงศรีอยุธยาต้องยกทัพไปปราบปรามอีกเสียแล้วแหละขอรับ เรื่องของเรื่องก็คือ เจ้าเชียงอินทร์ เจ้าเมืองเชียงใหม่ (เจ้าเก่า ที่เคยยกทัพมาตีเมืองเชียงทองในครั้งที่ขุนแผนอาสานั่นแหละ)เกิดไปติดใจรูปโฉมของแม่นาง สร้อยทอง ธิดาของพระเจ้ากรุง ล้านช้าง ซึ่งมีอายุเพียงสิบห้าปี ก็จึงปรึกษาหารือข้าราชการว่า จะส่งกองทัพไปบังคับแต่งงานดี หรือจะส่งทูตไปขอแต่โดยดีก่อนดี ข้าราชการทั้งนั้น ก็ลงความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่า ให้ส่งทูตไปขอดีกว่า

เจ้าเชียงอินทร์จึงโปรดให้ส่งทูตไปยังกรุง ศรีสัตนาคนหุต(ล้านช้าง) เพื่อสู่ขอพระธิดาสร้อยทอง แต่พระเจ้ากรุงล้านช้าง กลับทรงพระพิโรธเสียมากมาย เนื่องจากได้ทรงทราบมาว่าเจ้าเชียงอินทร์นั้นเอง ก็มีชายามากมายอยู่แล้ว ยังจะมีหน้ามาขอพระธิดาของพระองค์อีก จึงทรงมีความเห็นว่าเจ้าเชียงอินทร์นั้นดูถูกกันอย่างร้ายกาจ แต่ก็ยังเกรงศึกสงครามอยู่ จึงได้แต่เพียงปฏิเสธไปอย่างนุ่มนวลว่า นางสร้อยทอง พระธิดานั้น ยังเด็กเกินไป เพิ่งอายุได้สิบห้าปีเท่านั้นเอง

ทีนี้พอปฏิเสธไปแล้วก็เกิดกลัวขึ้นมาเองว่า จะมีศึกเชียงอินทร์ติดพันตามกันมาอีก จึงมีดำริที่จะถวายพระธิดานั้น แด่สมเด็จพระพันวษาแห่งกรุงศรีอยุธยา เพื่อเป็นการขอพึ่งพระบรมโพธิสมภาร(นี่ก็แสดงได้ว่าในสมัยนั้น กรุงศรีอยุธยาเป็นมหาอำนาจในภูมิภาคนี้ อย่างแท้จริงที่เดียวนะขอรับ ขนาดพระเจ้ากรุงล้านช้าง เมื่อจำเป็นที่จะต้องเสียลูกสาว ยังเลือกที่จะส่งมาถวายทางกรุงศรีอยุธยาเลย) ครั้นดำริแล้ว จึงส่งทูตอัญเชิญพระราชสาส์นมาจำเริญพระราชไมตรีดังนี้

ในสารพระผู้ผ่านนิเวศน์เวียง
พิภพเพียงสมบัติไอศวรรย์
กรุงนาคนหุตผู้สัจจธรรม์
บังคมคัลยังพระเจ้าอยุธยา

อันเป็นใหญ่อยู่ในเศวตฉัตร
สูงกว่ากษัตริย์ทุกทิศา
ขอถวายเครื่องสุวรรณบรรณามา
ยังศรีอยุธยาพระนคร

ด้วยระบือฦาเกียรติพระทรงเดช
ทุกประเทศเกรงหมดสยดสยอน
ปกเกล้าเหล่าฝูงประชากร
ราษฎรทวยหาญสำราญใจ

หนึ่งพระองค์นั้นทรงทศพิธ
ครองธรรมสุจริตเป็นใหญ่
อันพระเจ้าล้านช้างวางพระทัย
จะขอพระเดชปกไว้คุ้มวันตาย

ขอถวายพระธิดาเป็นข้าบาท
พระอิศราธิราชเรืองฉาย
สืบกษัตริย์อันประเสริฐเพริศพราย
เกล้ากระหม่อมยอมถวายบังคมไป

แต่องค์นางนั้นยังไม่ส่งมา
กลางป่าหาไว้พระทัยไม่
เกลือกจะมีโจรป่ามาในไพร
ชิงไว้จะเสียซึ่งท่วงที

ขอทหารในกรุงอยุธยา
มารับพระธิดามารศรี
เห็นอันตรายสิ่งใดจะไม่มี
จะล่วงตีชิงนางที่กลางไพร

อนึ่งจะเรืองพระเกียรติยศ
ปรากฏฟุ้งเฟื่องเมืองเหนือใต้
คำคนจะระบือฦๅไป
ว่ากรุงไทยไปรับพระบุตรี

ถ้าแม้นไม่ต้องพระประสงค์
ให้ตอบราชสารส่งไปตามที่
ขอฝากพระธิดานารี
กับตัวเราเท่านี้กว่าจะตาย

ความนี้มิใช่เป็นกลศึก
อย่าทรงนึกระแวงแหนงหน่าย
เรากษัตริย์ตรัสแล้วไม่กลับกลาย
อ่านถวายทราบสิ้นทุกประการ ฯ


สมเด็จพระพันวษาจึงมีพระราชโองการให้ พระท้ายน้ำ ขุนนางผู้ใหญ่เป็นราชทูต คุมทหารกรุงศรีอยุธยาห้าร้อยคน ไปเชิญเสด็จพระราชธิดาสร้อยทองมาให้สมพระเกียรติ กองทัพไทยก็บรรลุถึงเมืองล้านช้างโดยสวัสดี

ครั้นกล่าวฝ่ายพระเจ้าเขียงอินทร์เจ้าเมืองเชียงใหม่ เห็นเมืองล้านช้างปฏิเสธมาดังนั้น ก็ให้แคลงใจว่าพระพระเจ้ากรุงล้านช้างกำลังคิดจะทำอะไรอยู่ จึงส่งสายสืบมาสืบดู ก็ได้ความว่าพระเจ้ากรุงล้านช้างกำลังจะส่งพระธิดาสร้อยทอง ไปถวายแด่พระพันวษาแห่งกรุงศรีอยุธยา

พอได้ทรงทราบเช่นนั้น พระเจ้าเชียงใหม่ก็ทรงกริ้วเป็นอันมาก หาว่าเมืองล้านช้างหักหลัง จึงคิดจะส่งกองทัพใหญ่ล่องเรือไปตีเมืองล้านช้าง เพื่อชิงพระราชธิดา แต่แสนตรีเพชรกล้า ทหารใหญ่ ก็ค้านไว้ว่าจะทันหรือ เนื่องจากอีกเพียงสิบห้าวัน เขาก็จะส่งพระราชธิดาสร้อยทองมาเมืองใต้แล้ว วิธีที่ดีที่สุดนั้นน่าจะเป็นการจัดกองโจรไปโดยทางบก แล้วตีชิงกระบวนนำเสด็จนางสร้อยทองที่ทหารอยุธยาพามา น่าจะดีที่สุด พระเจ้าเชียงใหม่ก็เห็นด้วย และตกลงตามนั้น

เมื่อกองทัพไทยเพียงห้าร้อยคน นำโดยพระท้ายน้ำซึ่งเป็นหัวหน้ากับ กึงกำกง ขุนนางใหญ่ฝ่ายล้านช้าง ที่พระเจ้าล้านช้างให้นำทางมา นำเสด็จนางสร้อยทองมาถึงตรงป่ารอยต่อระหว่างเขตแดนของกรุงล้านช้างกับเชียงใหม่ ทหารเชียงใหม่ของแสนตรีเพชรกล้าทั้งห้าพันคน ก็กลุ้มรุมกันชิงตัวพระราชธิดาสร้อยทอง และจับทหารไทยลาวได้ทั้งกองทัพ นำไปเข้าเฝ้าเจ้าเชียงอินทร์ในทันที

ฝ่ายพระเจ้ากรุงเชียงใหม่ เห็นพระธิดาสร้อยทองเพิ่งเป็นเด็กอายุสิบห้าก็งดอดใจไว้ก่อน เพราะคิดว่าต้องมีศึกใหญ่จากกรุงศรีอยุธยาอย่างแน่นอน ก็จึงคิดจะจัดการกับศึกภายนอกให้เรียบร้อยไปเสียก่อน โดยหารู้ไม่ว่าในเวลานี้ ทางกรุงศรีอยุธยามีทหารเอกทั้ง ทหารใหญ่ ที่ยังติดคุกอยู่ และ นายทหารหนุ่ม ผู้เป็นลูก ก็คือ ขุนแผน และ พลายงาม นั่นเอง

แล้วก็ปรึกษากรมการเมืองว่า ควรจะยกทัพไปตีกรุงศรีอยุธยาเสียเลย หรือจะรอให้เขายกทัพมาตีเมืองเชียงใหม่ดี ข้าราชการทั้งนั้นก็เห็นควรว่า น่าจะส่งสารไปยั่วโมโหกรุงศรีอยุธยาสักหน่อยหนึ่งก่อน รับรองว่าพวกมันจะต้องยกทัพมาด้วยความโกรธและผลีผลาม และจะต้องเสียทีเราเป็นมั่นคง จึงส่งสารไปดังนี้

ขอเดชะในสารว่าทรงเดช
ครองนิเวศน์เชียงใหม่มไหศวรรย์
ตั้งอยู่ในสัตย์สุจริตธรรม์
เป็นมหันต์อิสโรอันโอฬาร

ฦาเดชทุกเขตอาณาจักร
ปรปักษ์ย่อท้อไม่ต่อต้าน
ในตำรับข้างที่มีมานาน
จารจารึกไว้ในแผ่นทอง

ว่าพระเจ้ากษัตริย์ศึกองค์นี้
เป็นโมฬีเลื่องโลกไม่มีสอง
ดังอวตารมาผลาญศึกคะนอง
มิให้ข้องเคืองขุ่นระคายมี

เดิมให้ราชทูตจำทูลสาร
ไปขอองค์เยาวมาลย์โฉมศรี
ตามโบราณราชประเพณี
บุตรีล้านช้างนางสร้อยทอง

หวังพระทัยจะได้ซึ่งองค์เอก
มาอภิเษกสู่สมภิรมย์สอง
ยังเยาว์อยู่มิควรภิรมย์ครอง
จึงยังไม่รับรองมาแนบองค์

แต่เดิมมากรุงไทยอยู่ในสัตย์
มาวิบัติถือจิตด้วยคิดหลง
ให้พระท้ายน้ำนำจัตุรงค์
ดั้นดงล่วงแดนของเรามา

ไม่เกรงเราผู้เป็นเจ้านัคเรศ
โอหังบังเหตุแล้วมิสา
ยังซ้ำกลับรับองค์พระธิดา
สร้อยทองเสน่หาของเราไป

จึงได้เกณฑ์กองทัพออกรับรบ
ตีตลบชิงนางนั้นไว้ได้
พระท้ายน้ำนายทัพกับพวกไทย
เราจับจำคุกไว้ไม่ฆ่าตี

ครั้นจะไม่บอกมาว่าให้แจ้ง
จะเคลือบแคลงเราว่าพานางหนี
อันโฉมยงองค์ราชบุตรี
รับมาไว้ในที่ตำหนักจันทน์

ถ้าประสงค์ซึ่งองค์อัคเรศ
ละนิเวศน์ยกมาอย่าได้พรั่น
ขอเชิญเจ้าอยุธยามาประจัญ
ตัวต่อตัวสู้กันบนหลังช้าง

มีชัยก็จะได้นางสร้อยทอง
ไปสมสองสัมผัสไม่ขัดขวาง
พระท้ายน้ำเราจำเอาไว้พลาง
เป็นจำนำฝ่ายข้างอยุธยา

ครบสามเดือนจะฆ่าทั้งห้าร้อย
เราคอยฟังอย่างไรให้เร่งว่า
จะไว้ยศให้ปรากฏกัลปา
ฤๅเกรงภัยไม่มาก็ว่าไป

จะกำหนดสงครามตามแบบอย่าง
อันองค์นางยังหาร่วมภิรมย์ไม่
กว่าจะได้รบพุ่งเจ้ากรุงไทย
ให้ประจักษ์ฤทธิไกรใครรุ่งเรือง

แล้วจึงจะอภิเษกให้ปรากฏ
เกียรติยศระบือฦาเลื่อง
ว่าชนช้างได้นางเป็นศรีเมือง
อ่านสารเสร็จสิ้นเรื่องบังคมคัล ฯ


สมเด็จพระพันวษาพอฟังสาร ก็ให้ทรงกริ้วเป็นหนักหนา จัดแจงจะสั่งให้ยกพหลพลไกรไปตีเมืองเชียงใหม่ภายในสามวัน แต่เหล่าข้าราชการก็พากันทูลคัดค้านกันไว้ว่า

อันข้อราชการแต่เพียงนี้
หาควรที่จะถึงเสด็จไม่
กับรบพุ่งพวกลาวชาวพงไพร
ใช่เสนาข้าใช้จะไม่มี

เห็นพระเกียรติยศจะถดถอย
เชียงใหม่กลับจะพลอยได้ราศี
ว่าเป็นคู่สู้พระองค์ทรงธรณี
ไม่ควรที่แผ่นฟ้าลงมาดิน

ครั้งเมื่อสมเด็จพระรามา
หนุมานอาสาก็เสร็จสิ้น
จนได้นางสีดาคืนธานินทร์
อสุรินย่นย่อท้อทด

ครั้งนี้ถ้าเสด็จไปเชียงใหม่
ตกทหารกรุงไกรนี้สิ้นหมด
ขอพระองค์ทรงชัยจงไว้ยศ
ให้ปรากฏเหมือนครั้งพระรามา ฯ


แต่พอเอาเข้าจริงก็ไม่มีใครกล้าอาสาศึกเลยสักคนเดียว ก็ทรงมึนตึง แล้วก็เสด็จเข้าที่ข้างในก็คงจะเป็นใครไปไม่ได้หรอกขอรับพ่อแม่พี่น้อง ที่จะอาสาศึกในครั้งนี้ นอกจากพ่อพลายงามของเรา ซึ่งก็คงจะได้ขอให้ขุนแผนผู้บิดาไปสำแดงฤทธิ์เดชด้วยคนอีกครั้งหนึ่ง แต่จะเป็นอย่างไรต่อไป ก็คงต้องรอไว้คราวหน้าขอรับ.

##############################







 

Create Date : 26 กุมภาพันธ์ 2551
0 comments
Last Update : 26 กุมภาพันธ์ 2551 17:11:12 น.
Counter : 815 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


พจนารถ๓๒๒
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add พจนารถ๓๒๒'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.