Group Blog
 
<<
มกราคม 2551
 12345
6789101112
13141516171819
20212223242526
2728293031 
 
30 มกราคม 2551
 
All Blogs
 

พระสุรินทฦๅไชยฯ (ขุนช้าง-ขุนแผน ฉบับนิทานข้างกองฟาง) ตอนที่ ๒๕ กลางไพร

ขุนช้างขุนแผน ฉบับนิทานข้างกองฟาง
ตอนที่ ๒๕ กลางไพร

พ่อแม่พี่น้องที่เคารพขอรับ เมื่อคราวที่แล้ว กระผมได้เล่าให้พ่อแม่พี่น้องฟังไว้ว่า ขุนแผนได้ เชิด นางวันทองออกจากบ้านขุนช้างได้อย่างลอยนวล แต่จริง ๆ แล้ว เขาก็ยังมีอาลัยอาวรณ์กันอยู่เหมือนกัน เช่นตอนที่ผ่านต้นไม้ต้นไร่ในบ้านขุนช้าง ที่คุณครูเพลงไทยท่านนำมาบรรจุไว้ในเพลง แขกลพบุรี อันลือชื่ออย่างไรเล่าขอรับ

ลำดวนเอ๋ยจะด่วนไปก่อนแล้ว
ทั้งเกดแก้วพิกุลยี่สุ่นสี
จะโรยร้างห่างสิ้นกลิ่นมาลี
จำปีเอ๋ยกี่ปีจะมาพบ

ที่มีกลิ่นก็จะคลายหายหอม
จะพลอยตรอมเหือดสิ้นกลิ่นตรลบ
ที่มีดอกก็จะวายระคายครบ
จะเหี่ยวแห้งเซาซบสลบไป

ต้นน้อยน้อยลูกย้อยระย้าดี
ตั้งแต่นี้จะไปชมต้นไม้ใหญ่
จะทิ้งเรือนไปร้างอยู่กลางไพร
ยุงร่านริ้นไรจะตอมกาย

รากไม้จะต่างหมอนนอนอนาถ
ดาวดาดจะต่างไต้น่าใจหาย
ลงบันไดใจเจียนจะขาดตาย
น้ำตาตกกระจายพรั่งพรายลง ฯ


หรือเพลงที่สำคัญยิ่งอีกเพลงหนึ่งคือเพลง เชิดจีน ของคุณครู พระประดิษฐ์ไพเราะ (มี ดุริยางกูร) ที่ว่า

ว่าพลางทางจูงสีหมอกม้า
เบาะอานพานหน้าดูงามสม
ดังจะปลิวลิ่วลอยไปตามลม
อย่าปรารมภ์เลยนะเจ้ามาขี่ม้า

ปลอบพลางทางกอดกระซิบบอก
ม้าสีหมอกตัวนี้มีสง่า
เนื้ออ่อนงอนง้อขอษมา
อย่าให้สีหมอกม้ากระเดื่องใจ

วันทองสองมือประนมมั่น
พรั่นพรั่นกลัวม้าไม่เข้าใกล้
พี่สีหมอกของน้องอย่าจองภัย
จะขอขี่พี่ไปทั้งผัวเมีย

ขุนแผนพานางมาใกล้ม้า
ลูบหลังอาชาให้เชื่องเสีย
หยิบมือลูบม้าว่าปลอบเมีย
ม้าเลียมือหวีดประหวั่นกลัว ฯ


และขออนุญาตบันทึกเพลง แขกบรเทศ (เถา) ต่ออีกสักเพลงหนึ่งเถิดขอรับ อย่าเพิ่งเบื่อกันเลย ดนตรีไทยเรานี้มีคุณค่าออกจะเหลือประมาณได้

นี่อะไรตกใจไปเปล่าเปล่า
นิจจาเจ้าช่างไม่เชื่อน้ำใจผัว
โดดขึ้นหลังม้าเถิดอย่ากลัว
ประคองตัววันทองย่องเหยียบโกลน

นางหวั่นหวั่นครั่นคร้ามไม่ขึ้นได้
ขุนแผนกดสีหมอกไว้มิให้โผน
ม้าดีฝีเท้าไม่ก้าวโจน
นางกลัวตัวโอนเข้าแนบชิด

สองมือกอดผัวให้ตัวแน่น
ขุนแผนยิ้มหยอกศอกสะกิด
เบือนหน้าว่าเจ้าเข้ามาให้ชิด
ขอจูบนิดหนึ่งแล้วจะรีบไป ฯ


ความในช่วงนี้นั้นถ้าจำไม่ผิด กระผมรู้สึกว่าจะเคยอ่านในหนังสือ หรือนิตยสารฉบับหนึ่งว่า มีคณะนักปราชญ์คณะหนึ่งท่านเคยถกเถียงกัน (เล่น ๆ)ว่าที่ขุนแผนขี่ม้าตัวเดียวกันกับนางวันทองนั้น นางวันทอง นั่งข้างหน้า หรือ นั่งข้างหลังขุนแผนกันแน่...?

เออ...? ก็เป็นข้อสังเกตที่น่าคิดอยู่เหมือนกันนะขอรับ แต่กระผมดูเหมือนว่าคณะนักปราชญ์คณะนั้นท่านจะไม่มีข้อสรุป ฉะนั้น กระผมจึงขออนุญาตยกคำตอบลอยตัวไว้ให้พ่อแม่พี่น้องไปคิดดูเล่นสนุก ๆ กันเองก็แล้วกันนะขอรับ

ก็ขี่ม้าผ่าน วัดตะลุ่มโปง พ้นสุพรรณไปได้ จนถึงลำน้ำบ้านพลับก็ได้จ้าง มะถ่อ ธะบม มอญเรือจ้างด้วยราคาที่แพงมากคือแหวนประดับก้อยของขุนแผนเอง แต่ก็ยังอุตส่าห์หลอกมอญว่ามีพระราชโองการให้ไปหาข่าวโขลงช้างเสียอีกแน่ะ

ตกลงว่าก็ข้ามน้ำกันไปได้ โดยต้องยอมให้พี่สีหมอกม้าว่ายน้ำแต่ผ่านไปได้ด้วยดี พอถึงฝั่งก็ใส่อานผูกบังเหียนให้อย่างเดิม แล้วก็ขับขี่กันต่อมาจนถึง บ้านกล้วยยุ้งทะลาย

พ่อขุนแผนก็เกิดนึกห่ามอะไรขึ้นมาก็ไม่ทราบชักม้าเข้าหาต้นไม้แล้วก็ถากไม้จารึกข้อความท้าทายอันดุเด็ดเผ็ดมันไว้เสียอีก

เอาดาบถากต้นไม้ถ่านไฟเขียน
อ้ายหัวเลี่ยนตามมาจะฉิบหาย
ให้มันซ้อนกันมาตาขี่ยาย
กูจะป่ายลงให้ใจริกริก

ไม่ครือดาบห้ำหั่นจะฟันฟาด
ฉะฉาดขาดสิ้นลงดิ้นดิก
จะผ่าอกยกกายหงายพลิก
จิกสับฟันซ้ำให้หนำใจ

ถึงจะเป็นความกันก็ไม่กลัว
เมื่อตัวมันตายแล้วทำไม่ได้
ฟันเล่นเป็นไรก็เป็นไป
ปู่ย่าอยู่ที่ไหนไปขุดมา

อ้ายพี่น้องชายทรามทั้งสามคน
ผีขอดตลอดกำด้นอ้ายชาติข้า
แสนขลาด ราทยา ศรพระยา
พี่จะฆ่าคนเดียวเจ้าคอยดู ฯ


จากคำท้าทายของขุนแผนนี้ทำให้เราได้รับความรู้ใหม่อย่างหนึ่งก็คือ ขุนช้างนั้นมีพี่น้องอยู่อีกสองคนคือ ราทยา และ ศรพระยา พอถึง เขาพระ ก็ดึกดื่นมากแล้ว ก็มีการเกี้ยวกันตอนกลางคืนเป็นที่โรแมนติคยิ่งนัก

รื่นรื่นชื่นรสเสาวคนธ์
ปนกับกลิ่นแก้มเกษมสันต์
หอมกลิ่นบุปผาสารพัน
พระจันทร์ดั้นหมอกออกแดงดวง

ส่องต้องบุปผชาติสะอาดช่อ
อ่อนละออเกสรขจรร่วง
น่ารักโกสุมเป็นพุ่มพวง
โน้มหน่วงกิ่งเก็บให้วันทอง

ทัดหูชูชมภิรมย์จิต
ขอดมดอกไม้นิดอย่าปิดป้อง
พี่สูดแต่น้อยน้อยค่อยประคอง
ไฮ้อย่าต้องของฉันจะชอกช้ำ

พี่ต้องแต่เบาเบาดอกเจ้าพี่
พอยินดีหายระหวยเมื่อยามค่ำ
อันตัวพี่ไม่มีจะหยามทำ
นั่นช้ำเก่าเจ้าแกล้งพาโลกัน ฯ


และก็ยังมีสำนวนกลอนที่ไว้ฝีมืออีกสำนวนหนึ่งขอรับ

ฝูงลิงไต่กิ่งลางลิงไขว่
ลางลิงแล่นไล่กันวุ่นวิ่ง
ลางลิงชิงค่างขึ้นลางลิง
กาหลงลงกิ่งกาหลงลง

เพกากาเกาะทุกก้านกิ่ง
กรรณิกากาชิงกันชมหลง
มัดกากากวนล้วนกาดง
กาฝากกาลงทำรังกา

เสือมองย่องแอบต้นตาเสือ
ร่มหูกวางกวางเฝือฝูงกวางป่า
อ้อยช้างช้างน้าวเป็นราวมา
สาลิกาจับกิ่งพิกุลกิน

เขาคุ่มกระลุมพูคูขันจ้อ
นกกระทาปักก้อในไพรสิณฑ์
คิริบูนบ่นบ้ากระพือบิน
ขมิ้นจับโมงหมายอยู่ชายไพร ฯ


แล้วก็ยังมีฉากน่ารัก ๆ อีกฉากหนึ่งขอรับ

มาถึงเนินผาท่าต้นไทร
น้ำเปี่ยมสระใสสะอาดหนัก
ที่ธารแก่งแรงไหลมาคักคัก
เป็นชะงักชะง่อนผาน่าสำราญ

บัวใสใบบังระบุดอก
เผยออกกลิ่นชวยห้วยละหาน
ต้นไม้สูงสะพรั่งบังริมธาร
ที่ดอกบานแล้วก็หล่นละอองลง

พระพายชายพัดมาเชยชื่น
หอมรื่นรอบในไพรระหง
จักจั่นสนั่นเสียงเสนาะดง
รับวันทองน้องลงจากหลังม้า

ปลดปล่อยสีหมอกให้กินน้ำ
ขัดสีเสกซ้ำแล้วสาดหน้า
ชักชวนวันทองน้องยา
ผลัดผ้าโผลงในท้องธาร

ว่ายกระทุ่มเที่ยวท่องในท้องน้ำ
ผุดดำปรีดิ์เปรมเกษมสานติ์
หัวระริกซิกซี้กันสำราญ
บัวบานเกสรอ่อนละออ ฯ


พออาบน้ำอาบท่ากันเสร็จสรรพสำราญใจก็ตัดใบตองมาปูเตรียมพักผ่อนอิริยาบถ กันที่ใต้ร่มไทรนั้นเอง โดยบอกโหงพรายกุมารทองให้ช่วย ดูต้นทาง ให้ด้วย

จึงร้องสั่งโหงพรายกุมารทอง
คอยสอดมองคนมาอย่าให้ใกล้
แล้วตัดตองมารองใต้ร่มไม้
ปูให้วันทองน้องทันที

แล้วเปลื้องเครื่องคาดจากกายา
ปลดผ้าประเจียดจบเกศี
เสื้อย้อมว่านยาล้วนอย่างดี
ประคำถมตุ้มปี่สะอิ้งรัด

ไหมทองกรองถักเป็นอักษร
สอดซ้อนเส้นด้ายสายเข็มขัด
ตะกรุดโทนลงยาสารพัด
ประจงจัดวางเสร็จสำเร็จพลัน

อิงแอบแนบชิดสนิทน้อง
สวมสอดกอดวันทองเกษมสันต์
จงษมาพระไทรเสียด้วยกัน
เป็นกลางวันทั่นอยู่จะดูแคลน ฯ


ครั้นเสร็จสมตามความมุ่งหมายแล้ว ขุนแผนก็นอนหลับไปที่ใต้ต้นไทรนั้นเอง นางวันทองก็นั่งพัดให้อยู่ไหว ๆ แต่ในใจก็คำนึงถึงตน

กระบวนกลอนในตอนนี้ คุณครู หลวงประดิษฐ์ไพเราะ (ศร ศิลปบรรเลง)ท่านก็ได้นำไปบรรจุไว้ในเพลง แสนคำนึง (เถา) ส่วนหนึ่งขอรับ

นางหยิบใบยางมาต่างพัด
โบกปัดยุงริ้นที่บินว่อน
ปรนนิบัติมิให้ขัดอนาทร
จนผัวนอนหลับสนิทด้วยเหนื่อยนัก

นั่งอยู่ข้างผัวตัวคนเดียว
ให้เปล่าเปลี่ยวเงียบเหงาเศร้าใจหนัก
พอมนตร์หายคลายหลงพะวงรัก
เห็นประจักษ์ทุกข์ร้อนก็ถอนใจ

อนิจจาครานี้นะตัวกู
มาอ้างว้างค้างอยู่ในป่าใหญ่
จะเป็นเหยื่อเสือสางที่กลางไพร
เอาป่าไม้เป็นเรือนเหมือนป่าช้า

นี่จะอยู่อย่างไรไม่เล็งเห็น
ตายเป็นก็คงป่นอยู่กลางป่า
มิได้คิดถึงตัวมัวจะมา
ไม่รู้ว่าจะเป็นเช่นนี้เลย

ขุนแผนพามาด้วยความรัก
ก็ประจักษ์ใจจริงมินิ่งเฉย
แต่ทุกข์ยากอย่างนี้ยังมิเคย
อกเอ๋ยเกิดมาเพิ่งจะพบ

ไม่เคยเห็นก็มาเห็นอนาถนัก
ไม่รู้จักก็มารู้อยู่เจนจบ
ร่านริ้นบินต่ายระคายครบ
ไม่เคยพบก็มาพบทุกสิ่งอัน

ยังพรุ่งนี้นี่จะเป็นกระไรเล่า
จะลำบากยิ่งกว่าเก่าฤาไรนั่น
คิดมาน้ำตาตกอกใจตัน
กลับหวั่นหวั่นหวนคะนึงถึงขุนช้าง

นิจจาเอ๋ยเคยสำราญอยู่บ้านช่อง
ถนอมน้องมิให้หน่ายระคายหมาง
คลึงเคล้าเช้าเย็นไม่เว้นวาง
อยู่กินก็สำอางลออองค์ ฯ


พอผัวหลับเหลือตัวอยู่คนเดียว ก็ได้แต่นั่งคิดฟุ้งซ่านไปเรื่อย ๆความจริงก็น่าสงสารแกอยู่เหมือนกันนะขอรับ...เฮ้อ...

ร่ำพลางทางสะท้อนถอนใจใหญ่
ง่วงเหงาเศร้าใจอยู่กับที่
เอาความรักหักหวนอยู่รวนรี
ได้เสียทีทำกระไรไปตามเกิน

จะเคืองขุ่นขุนแผนก็ไม่ได้
เขารักใคร่จริงจังไม่ห่างเหิน
ไปจากกันนานช้าน่าจะเพลิน
หมางเมินลูกเมียเขาก็มี

สู้บากหน้ามาตามด้วยความรัก
ลอบลักเข้าป่าพากันหนี
ไม่กลัวความลามลุกคลุกคลี
เอาชีวีแลกน้องวันทองมา

จะทิ้งขว้างอย่างไรต้องไปด้วย
จะมอดม้วยก็ตามแต่วาสนา
นางทอดตัวกอดผัวแล้วโศกา
ซบหน้านิ่งหลับระงับไป ฯ


เกิดเป็นนางวันทองนี่ก็ช่างมี เคราะห์ซ้ำกรรมซัดวิบัติเป็น อยู่ได้ตลอดชีวิตนะขอรับ...แต่ตอนนี้...เขาหลับกันทั้งคู่แล้ว....พวกเราค่อย ๆ ทยอยถอยห่างกันออกมาดีกว่า ให้เขาพักผ่อนกันให้เต็มที่เถิดขอรับ ลำบากกันมามากแล้ว

แถมพอตื่นขึ้นมาก็ยังมี ภัยอันตรายใหญ่หลวง รออยู่เสียอีก แต่จะเป็นอย่างไรนั้น...ก็ต้องขออุบไว้คราวหน้าตามเคย...ขอรับกระผม.
##############################

...
...




 

Create Date : 30 มกราคม 2551
6 comments
Last Update : 30 มกราคม 2551 20:22:02 น.
Counter : 4533 Pageviews.

 

..
กระผมลองเทียบตามข้อมูลในฉบับหลวงแล้วเมื่อไปรบเชียงทอง
อายุได้ สิบเจ็ดปีกลับมาจนกระทั่ง ลาวทอง ต้องโทษก็ในราวยี่สิบปีเศษไปตระเวณด่านจนได้ของดีสามอย่าง ก็อีกราวสองปีเพราะกว่าจะแต่งงานกับนางบัวคลี่ก็ราวปีหนึ่ง

จนนางบัวคลี่ท้อง
แล้วเปนกุมารทอง ก็ราวอีกปีหนึ่ง

ฉะนั้น จึงพอจะคำนวณได้คร่าว ๆ
ว่าตอนที่ฉุดคร่าพาวันทองหนีนั้น
คงราวๆ เบญจเพสได้ ขอรับ

กับลองนับล่วงหน้าไปจนถึงตอนที่ได้เปนเจ้าเมืองกาญจน์ในอายุ สี่สิบปีพ่อลูกชายพลายงามก็ราว ยี่สิบปีจึงพอมีเหตุผล ขอรับ

ทั้งนี้

หากท่านผู้รู้ที่ได้ทราบความะเอียดกว่ากระผมกรุณาบอกมาเปนทยาทานด้วยเถิด ขอรับ.

 

โดย: พจนารถ๓๒๒ 30 มกราคม 2551 20:24:42 น.  

 

ได้ความรู้เยอะเลยขอรับท่านสหาย

ว่าแต่ยังจำสหายคนนี้ได้หรือไม่ขอรับครับผม


ไม่ได้แวะเวียนมาเยี่ยมนานแล้ว สบายดีไหมค่ะ

 

โดย: มัยดีนาห์ 30 มกราคม 2551 22:12:30 น.  

 

เอ๊า. . .

จำได้สิ ขอรับ ทั่น

คุณก็หายไปนานเลยนะ ขอรับ

เขียนอะไรมาให้อ่านบ้างสิ ขอรับ

จะรอ.

 

โดย: พจนารถ๓๒๒ IP: 58.9.187.12 1 กุมภาพันธ์ 2551 2:03:28 น.  

 

 

โดย: วิ IP: 58.10.12.93 7 กุมภาพันธ์ 2551 16:28:13 น.  

 

เกิดอะไรขึ้น

แปลว่าอะไร นั่นน่ะ. . .

 

โดย: พจนารถ๓๒๒ IP: 58.9.183.244 8 กุมภาพันธ์ 2551 3:21:44 น.  

 

ขอบคุณขอรับ
ที่ช่วยเฉลยการบ้านให้

 

โดย: คนที่แวะมา IP: 125.25.171.80 6 มิถุนายน 2552 12:16:53 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 


พจนารถ๓๒๒
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add พจนารถ๓๒๒'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.