Group Blog
 
<<
กุมภาพันธ์ 2551
 12
3456789
10111213141516
17181920212223
242526272829 
 
25 กุมภาพันธ์ 2551
 
All Blogs
 
พระสุรินทฦๅไชยฯ (ขุนช้าง-ขุนแผน ฉบับนิทานข้างกองฟาง) ตอนที่ ๓๑ ลูกชาย

ขุนช้างขุนแผน ฉบับนิทานข้างกองฟาง ตอนที่ ๓๑ ลูกชาย

พ่อแม่พี่น้องที่เคารพครับ ตั้งแต่ขุนแผนชนะความได้นางวันทองไปครอง เจ้าขุนช้างก็ให้ร้อนรุ่มรุมเร้าอยู่ไม่เป็นสุขด้วยความกลุ้มใจเป็นนักหนา

อยู่มาวันหนึ่งก็ได้มีโอกาสระบายกับ ศรพระยา น้องชาย ศรพระยาก็คุยให้ฟังว่า

........เออเขาลือกันวุ่นแต่วังใน

ว่าขุนแผนทูลขอเจ้าลาวทอง
ถูกกริ้วจำจองไว้คุกใหญ่
วันทองอยู่เดียวคงเปลี่ยวใจ
เราน่าไปพูดจาดูตามที

เมื่อจากไปใช่ว่านางโกรธแค้น
อ้ายขุนแผนมันมาพาเจ้าหนี
บัดนี้เข้าคุกทุกข์เต็มที
เห็นจะคืนมาดีไม่มีงอน ฯ



เท่านั้นเอง นายขุนช้างซึ่งหัวใส (จริง ๆ อยู่แล้ว) ก็คิดแผนชั่วร้ายขึ้นมาทันที จึงสั่งให้ผูกช้างแล้วยกโขยงพวกบ่าว นักเลงหัวไม้ไปยังกรุงศรีอยุธยา แล้วก็มาฉุดวันทองไปทั้ง ๆ ที่กำลังท้องแก่

ครั้นถึงกลางย่านสะพานช้าง
ไกลบ้านที่นางอยู่อาศัย
มันเข้าห้อมล้อมพลันด้วยทันใด
ไปไหนไม่ปะพะพานตัว

กู้เงินเจ้าคุณมาห้าชั่ง
ตั้งแต่หลบเสียทั้งเมียผัว
วันนี้มาพบเข้าจะเอาตัว
วันทองกลัวตัวสั่นร้องอึงไป ฯ


แม่วันทองก็พยายามบอกว่าไม่รู้เรื่อง แล้วก็เรียกให้ชาวบ้านช่วย แต่ผู้คนเห็นอันธพาลรุมล้อมอยู่อย่างนั้น ก็ไม่มีใครกล้า อ้ายพวกเปรตนั่นก็เลยหน่วงตัวแม่วันทองเอาไปได้


จนออกประตูวัดสวนหลวง
ฝูงคนทั้งปวงไม่ช่วยได้
ฝ่ายพวกเรือคอยรับก็ฉับไว
ลงเรือข้ามไปถึงฝั่งพลัน

ขึ้นบกตะบึงถึงฉับไว
ขุนช้างดีใจจนตัวสั่น
แม่อย่าร้องไห้ไปด้วยกัน
พี่หมายมั่นมารับเจ้ากลับไป ฯ


นางวันทองก็ดิ้นรนผลักไสด่าทออยู่ในกูบช้างไปเรื่อย ๆ แต่ก็ไม่มีปัญญาจะทำอะไรมากไปกว่านั้น ตัวเองก็ท้องไส้อยู่ เพราะฉะนั้น พอวันกะคืนหนึ่งที่ถึงบ้านขุนช้างที่เมืองสุพรรณ ก็เลยโดนมันอุ้มเข้าห้องเสียเลย...เลวแท้แท้นะขอรับ...

แล้วนางวันทองก็เลยต้องจำยอมอยู่กับขุนช้างอีกวาระหนึ่ง จนกระทั่งครบกำหนดคลอดในอีกไม่กี่เดือนต่อมาก็คลอดลูกออกมาเป็นผู้ชาย ก็เลี้ยงดูกันมาเรื่อยจนเจ้าหนูอายุได้เข้าเก้าปี และขุนแผนผู้เป็นพ่อที่แท้จริงก็ยังติดคุกอยู่อย่างนั้น

นางวันทองแกก็ร้ายจริงเหลือก็เล่นตั้งชื่อลูกเสียใกล้พ่อเลยว่า พลายงาม

ทีนี้อยู่มาวันหนึ่ง นายขุนช้างก็เกิดหมั่นไส้เด็กน้อย ที่เห็นคาตาอยู่ทุกวี่ทุกวันว่าเป็นลูกศัตรู จึงลวงเจ้าหนูพลายงามไปเที่ยวป่า แล้วก็กะ หมก เสียเลย แต่โชคดีที่ผีพรายของขุนแผนช่วยไว้ทัน

เจ้าพลายงามก็ร้องไห้มอมแมมไปหาแม่ แม่วันทองก็ตกใจว่าถ้าเป็นอย่างนี้ก็เห็นจะอยู่กับแม่ไม่ได้แล้วเจ้าประคุณเอ๋ย เจ้าจงไปหาย่าที่เมืองกาญจนบุรีเถิด เจ้าพลายงามก็เก็บข้าวของไปหาย่าตั้งแต่บัดนั้น

พอไปพบย่าเข้า ก็ได้อยู่กับย่า ย่าก็กล่อมเกลี้ยงเลี้ยงถนอมจนเติบโต แล้วจนกระทั่งอยู่มาวันหนึ่ง ย่าก็จะพาไปหาพ่อที่ในคุก

มาจะกล่าวถึงขุนแผนบ้าง ติดคุกอยู่อย่างไร ก็อยู่อย่างนั้นแหละขอรับ สิบปีเข้าไปแล้ว เผลอแผล็บเดียว

จะกล่าวฝ่ายนายขุนแผนที่แสนทุกข์
แต่ติดคุกขัดข้องให้หมองหมาง
อยู่หับเผยเคยสะอาดขาดสำอาง
จนผอมซูบรูปร่างดูรุงรัง

ผมยาวเกล้ากระหวัดตัดไม่เข้า
เหตุด้วยเขาคงทนทั้งมนตร์ขลัง
อยู่เปล่าเปล่าเล่าก็จนพ้นกำลัง
อุตส่าห์นั่งทำการสานกระทาย

ให้นางแก้วกิริยาช่วยทารัก
ขุนแผนถักขอบรัดกระหวัดหวาย
ใบละบาทคาดได้ด้วยง่ายดาย
แขวนไว้ขายทั้งเรือนออกเกลื่อนไป

พอมารดามาถึงทับรับเข้าห้อง
ทั้งข้าวของผู้คนขนมาให้
เห็นลูกชายพลายงามถามทันใด
นี่ลูกใครหน้าตาน่าเอ็นดู ฯ


ขออนุญาตนอกเรื่องอีกแล้วขอรับ คือว่าเมื่อสมัยที่กระผมผู้เล่านิทานเรื่องนี้ ได้มีโอกาสเรียนวรรณคดี ตอนนี้กับ ท่านอาจารย์ศักดิ์ศรี แย้มนัดดา (ขออภัยที่เอ่ยนาม) ท่านอาจารย์ได้เคยสอนไว้ว่า สำนวนกลอนตอนนี้มีกลอนพาไปอยู่สองแห่งคือ

หนึ่ง ตอนที่ว่าผมยาวเกล้ากระหวัด ตัดไม่เข้า เหตุด้วยเขาคงทนทั้งมนตร์ขลัง นั้น น่าจะเป็นกลอนพาไปเพราะไม่อย่างนั้นคนมีเวทมนตร์ก็คง หนวดถึงเข่า เคราถึงนม ผม ถึงตีน กันไปหมดแล้วสิขอรับ

แต่ที่ว่าตัดผมไม่ได้นั้น ก็ได้ มีอรรถาธิบายอยู่ว่า ผู้คนผู้ชายในสมัยนั้นไม่มีใครไว้ผมยาวกัน เพราะฉะนั้นถ้ามีใครผมยาวเฟื้อยมาเดินเทิ่ง ๆ อยู่กลางตลาดละก็ ท่านให้สันนิษฐานไว้ก่อนว่า เป็นนักโทษแหกคุกมา เพื่อที่จะได้เป็นที่สังเกต ก็เท่านั้นเองขอรับ

ส่วนอีกประการหนึ่งนั้น ที่ว่าขุนแผนสานกระทายขาย ใบละบาทนั้นท่านอาจารย์ศักดิ์ศรีท่านว่า กลอนพาไป อย่างแน่นอนขอรับ เพราะถ้าในสมัยกรุงศรีอยุธยามีงาน ผลิตภัณฑ์ราชทัณฑ์ แล้วนักโทษขายกระทายหวายสานได้ถึง ใบละบาท แล้วละก็ ถนนหนทางคงจะว่างโล่งเพราะผู้คนสมัครใจไปหารายได้งาม ๆ ในคุกกันเสียหมดน่ะขอรับ

โม้มามากแล้ว...เข้าเรื่องกันเถิดขอรับ...

พอขุนแผนทราบความว่าเป็นลูกชายของตัว แล้วโดนก็เขาทารุณกรรมมาอย่างนั้นด้วยก็โกรธเป็นอันมาก แทบจะแหกคุกแล่นไปฆ่าขุนช้างเสียเดี๋ยวนั้นเลย

แต่แม่ทองประศรีก็ห้ามไว้ว่า ลูกเอ๋ย เราก็ทนทุกข์ทรมานมากพออยู่แล้ว จะไปทำกรรมซ้ำเพิ่มไปทำไมกัน ส่วนลูกของเจ้ามาอยู่กับแม่ก็ดีแล้ว แม่ก็จะเลี้ยงให้ดีที่สุดละ

โบราณท่านสมมุติมนุษย์นี้
ยากแล้วมีใหม่สำเร็จถึงเจ็ดหน
ที่ทุกข์โศกโรคร้อนค่อยผ่อนปรน
คงจะพ้นโทษทัณฑ์ไม่บรรลัย ฯ


สุภาษิตมากอยู่หน่อย ตามแบบฉบับของท่านสุนทรภู่นะขอรับ แล้วขุนแผนก็สั่งเสียลูกให้เรียนวิชากับย่า

ครานั้นขุนแผนแสนสุภาพ
ก้มกราบมารดาน้ำตาไหล
ลูกเห็นแต่แม่คุณค่อยอุ่นใจ
ช่วยสอนให้พลายงามเรียนความรู้

อันตำรับตำราสารพัด
ลูกเก็บจัดแจงไว้ที่ในตู้
ถ้าลืมหลงตรงไหนไขออกดู
ทั้งของครูของพ่อต่อกันมา

แล้วลูบหลังสั่งความพลายงามน้อย
เจ้าจงค่อยร่ำเรียนเขียนคาถา
รู้สิ่งไรก็ไม่สู้รู้วิชา
ไปเบื้องหน้าเติบใหญ่จะให้คุณ ฯ


พอกลับบ้านที่เมืองกาญจน์ เจ้าพลายงามก็รื้อตำราของพ่อมาร่ำเรียนกับย่าเสียยกใหญ่ เวลาก็ผ่านไป จนพลายงามอายุได้สิบสามปี ก็ได้เวลาโกนจุกของเด็กชายในสมัยนั้น ท่านย่าทองประศรีก็จัดพิธีให้หลานอย่างใหญ่โตพอโกนจุกแล้วก็นึกอยากจะเข้าเฝ้าถวายตัว เผื่อว่าจะได้มีช่องทางขอพระราชทานโทษพ่อออกจากคุก นี่...เด็กอายุสิบสามนะขอรับ ที่คิดได้อย่างนี้

ท่านย่าก็ดีใจว่า หลานเอ๋ย คิดอะไรได้อย่างนี้ก็ประเสริฐที่สุดแล้ว แล้วก็เลยส่งหลานไปหาพ่อที่ในคุกอีกครั้งหนึ่ง

ขุนแผนพอได้ทราบความประสงค์ของลูก ก็เลยไปขออนุญาตท่านเจ้าคุณยมราช พาลูกไปหาท่านจมื่นศรี

ท่านจมื่นศรีก็ยังดีใจ ทักทายขุนแผนเสมือนเพื่อนเสมือนญาติเช่นเดิม ไม่ได้รังเกียจรังงอนแต่ประการใด แต่ก็ถามว่า นั่นพาลูกใครมาด้วยหรือ

ขุนแผนบอกออกว่าลูกเจ้าวันทอง
ที่มีท้องเกือบแก่มาแต่ป่า
เอาความหลังทั้งนั้นพรรณนา
จะพามอบไว้ให้เจ้าคุณ

ด้วยไม่มีที่เห็นแต่เป็นโทษ
พระนายโปรดช่วยเหลือทั้งเกื้อหนุน
เป็นที่พึ่งจึงมาจงการุญ
เอาแต่บุญเถิดพ่อเจ้าเมื่อคราวจน

อันวิชาย่าสอนลูกอ่อนแล้ว
เห็นคล่องแคล่วการศึกพ่อฝึกฝน
ถ้ากระไรได้ช่องเห็นชอบกล
ช่วยผ่อนปรนโปรดถวายเจ้าพลายงาม ฯ


ท่านจมื่นศรีก็หัวร่อร่า บอกว่า โธ่เอ๋ย เรื่องแค่นี้เองจะเป็นอะไรไปเล่า ลูกของเพื่อนก็เหมือนลูกของเรานั่นแหละ ขุนแผนก็บอกขอบอกขอบใจเป็นอันมาก แล้วพลายงามก็ได้ฝึกราชการอยู่ที่บ้านท่านจมื่นศรีนั้นเอง

จนกระทั่งถึงเวลาอันสมควร ที่ท่านจมื่นศรีเห็นว่าน่าจะถวายตัวได้ ก็จึงพาพลายงามเข้าเฝ้า พ่อแม่พี่น้องลองฟังสำนวนกลอน ตอนออกท้องพระโรงรัตนาฝีมือท่านสุนทรภู่ดูบ้างนะขอรับ ว่าจะมีความแตกต่างจากสำนวนอื่นอย่างไร

ครานั้นพระองค์ผู้ทรงเดช
มงกุฎเกศอยุธยามหาสถาน
สถิตแท่นแว่นฟ้าโอฬาฬาร
ดังวิมานเมืองฟ้าสุราลัย

ห้ามแหนแน่นหนุนละมุลหมอบ
งามประกอบกิริยาอัชฌาสัย
ระเรื่อยรับขับร้องทำนองใน
สำราญราชหฤทัยทุกเวลา

ยามกลางวันนั้นก็ออกพระโรงรัตน์
มีแต่ตรัสสรวลสันต์ทรงหรรษา
ทั้งเหนือใต้ไพรีไม่มีมา
สำราญใจไพร่ฟ้าประชาชี

ด้วยเดชะบุญญาอานุภาพ
มีแต่ลาภมาประมูลพูนภาษี
แต่บรรดาข้าเฝ้าเหล่าเสนี
ใครทำดีได้ประทานถึงพานทอง ฯ


ฝ่ายท่านจมื่นศรีก็เข้าเฝ้าถวายตัวพลายงาม ให้รับใช้ใต้เบื้องพระยุคลบาท สมเด็จพระพันวษาพอทอดพระเนตรเห็นพลายงาม ก็ตรัสถามถึงชื่อและเหล่าตระกูล พอทรงทราบก็ทรงพระดำริถึงขุนแผน แต่ก็เหมือนกรรมมาบัง

ครานั้นสมเด็จพระพันวษา
เหลือบเห็นหน้าพลายงามทรามสงสาร
จะออกโอษฐ์โปรดขุนแผนแสนสะท้าน
แต่กรรมนั้นบันดาลดลพระทัย

ให้เคลิ้มพระองค์ทรงกลอนละครนอก
นึกไม่ออกเวียนวงให้หลงใหล
ลืมประภาษราชกิจที่คิดไว้
กลับเข้าในแท่นที่ศรีไสยา ฯ


เป็นอันว่าลูกชายก็ได้รับราชการแล้ว แต่พ่อก็ยังติดคุกอยู่ ส่วนเหตุการณ์ข้างหน้าจะเป็นอย่างไรนั้น ก็ต้องรอไว้พบกันคราวหน้าเช่นเคยขอรับ.

##############################







Create Date : 25 กุมภาพันธ์ 2551
Last Update : 25 กุมภาพันธ์ 2551 21:02:17 น. 1 comments
Counter : 1167 Pageviews.

 
สุดๆไปเลย


โดย: หฤทัย IP: 113.53.152.94 วันที่: 10 มิถุนายน 2554 เวลา:11:46:26 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

พจนารถ๓๒๒
Location :


[ดู Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add พจนารถ๓๒๒'s blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.