|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
พระสุรินทฦๅไชยฯ (ขุนช้าง-ขุนแผน ฉบับนิทานข้างกองฟาง) ตอนที่ ๕ ในไร่ฝ้าย
ขุนช้างขุนแผน ฉบับนิทานข้างกองฟาง ตอนที่ ๕ ในไร่ฝ้าย
พ่อแม่พี่น้องที่เคารพรักครับ อันกระบวนสำนวนความของขุนช้างขุนแผน ฉบับหลวง ที่กระผมกำลังยึดไว้เป็นครูในการที่ได้มาเล่านิทานข้างกองฟาง ให้ท่านฟังอยู่ในขณะนี้นั้น ฉากการนัดพบครั้งแรก ของ แม่พิมพิลาไลย กับ พลายแก้ว ในไร่ฝ้าย นับว่าเป็นที่เลื่องลือมาแต่นาน ว่ามีสำเนียงและสำนวนที่อ่อนหวานละเมียดละไม ตรึงใจผู้อ่าน จนกระทั่งบางท่านต้องอ่านหลาย ๆ รอบ และจนกระทั่งทำให้กระผม ผู้เล่านิทานต่อหน้าท่าน ออกเขิน ๆ ที่จะต้องเอามะพร้าวมาขายสวนอีกครั้งหนึ่ง แต่กระผมก็สู้ข่มใจเล่าให้ท่านฟังต่อไป เพราะจริง ๆ แล้ว ทั้งท่านและกระผม ก็ชื่นชมความงามในไร่ฝ้ายครั้งนั้น ด้วยกันทั้งสองฝ่ายมิใช่หรือครับ
เออหนอ.....อานุภาพของความรักนี้ช่างใหญ่หลวงนัก ความรักเคยบันดาลให้เกิดเหตุการณ์แปลก ๆ ในโลกมาแล้วหลายอย่าง และในครั้งนี้ความรักก็บันดาลให้กุลสตรีเสงี่ยมอย่างแม่พิมพิลาไลย ลงมาตักบาตรเณรแก้ว แทนที่จะเฟี้ยมฝาเฝ้ามองพี่สายทองตักบาตรอย่างเช่นเคย
และก็เจ้าความรักตัวเดิมนี้แหละ ที่ทำให้แม่พิมพิลาไลยตักบาตรด้วยวิธีแปลก ๆ ดังเช่นที่ในฉบับหลวงท่านขับเสภากลั้วหัวเราะไว้ดังนี้
ทรุดนั่งตั้งขันลงวันทา ไม่อาจแลดูหน้าเจ้าเณรได้ เทปรำคว่ำขันประหวั่นใจ บุหรี่ใส่ปนปลาทั้งหมากพลู ฯ
เพราะฉะนั้นในเช้าวันดังกล่าว พ่อเณรแก้วก็คงจะต้องฉันข้าวกับหมากพลูและบุหรี่เสียละกระมัง? แต่ก็คงไม่เป็นไรมากนักหรอก เพราะถ้าพ่อแม่พี่น้องหลับตานึกภาพ ไปพร้อม ๆ กับกระผมแล้ว ก็คงจะเห็นพ่อเณรแกฉันไป...ยิ้มไป...?
ตัดภาพเปลี่ยนฉากมาที่ไร่ฝ้ายตอนบ่ายวันนั้นเสียเลย พี่สายทองเธอก็เจ้ากี้เจ้าการจูงมือแม่พิม ให้มานั่งอยู่ในจุดนัดพบที่ตนกะการไว้ แล้วก็เดินไปรอพลายแก้ว ซึ่งไม่ใช่เณรไปชั่วขณะหนึ่ง ด้วยวิธีการอันลึกลับบางประการ ซึ่งแม้แต่กระผมผู้เล่านิทาน เรื่องนี้ก็ยังค้นไม่พบ
พอพี่สายทองเจอหน้าพ่อแก้วเข้า ก็รีบนำทางลัดเลาะไร่ฝ้ายมาหาแม่พิม ในทันใด แต่กระนั้นก็ยังอดเบือนหน้าไปเย้าแหย่พ่อพลายแก้วมิได้ ท่านว่าไว้สั้น ๆ แต่คมคายดังนี้
ยิ้มเยื้อนเบือนบอกเจ้าพลายพลาง มาคอยค้างอยู่แต่กินข้าวเช้าแล้ว ฯ
พอถึงจุดนัดหมายที่ใต้ต้นกระทุ่ม กระผมก็ต้องมอบหน้าที่พรรณาความงามนี้ให้กับฉบับหลวงตามเคย ขอรับกระผม
แทบต้นกระทุ่มพุ่มชัฏ หลีกลัดเริงรามหนามไหน่ ค่อยย่างตามช่องพนมไม้ เข้าใกล้เห็นพิมผู้ดวงตา
นั่งร้อยบุปชาติสะอาดโฉม งามประโลมน่ารักเป็นหนักหนา จะดูไหนเปล่งปลั่งทั้งกายา ดังนางฟ้าลอยฟ้อนฉะอ้อนงาม
จะใคร่ทักด้วยรักกำเริบทรวง ยังหนักหน่วงไม่เคยก็คิดขาม ปากสั่นหวั่นจิตแต่คิดความ ขยับปากแล้วก็คร้ามประหม่าใจ
เอาความรักหักจิตที่คิดกลัว กระถดตัวย่องเยื้องมานั่งใกล้ เยื้อนยิ้มทักเข้าพิมพิลาไลย สะดุ้งในตัวแข็งด้วยความอาย ฯ
เมื่อใจตรงกันเสียแล้ว จากบ่ายถึงเย็น แม่พิมก็ร้อยมาลัยต่อไปได้อีกไม่กี่ข้อหรอกครับ แถมเมื่อแม่สายทองมาเตือนให้กลับบ้าน เนื่องจากเย็นมากแล้ว และบ่าวไพร่ก็เสร็จงานในไร่แล้ว พอแม่พิมมองตามพลายแก้วที่ผละไปอย่างอาลัยอาวรณ์ จนสุดสายตาแล้ว หันกลับมาก็สบสายตาแม่สายทองที่กำลังพราวระยิบอยู่พอดี ด้วยสังเกตน้องเลี้ยงแล้วเห็นอะไรบางอย่าง พอตอนจูงมือกันกลับบ้าน จึงแอบถามแม่พิม
สายทองเดินชิดสะกิดพิม หยอกยิ้มค่อยกระซิบปราศรัย แม่พิมพี่วันนี้เป็นไรไป หลั่งไหล่ล้วนต้องละอองดิน ฯ
ถึงตอนนี้ก็นึกภาพเอาเองก็แล้วกันนะขอรับ ว่าแม่พิมพิลาไลยจะปั้นหน้าอย่างไร ในสมัยนั้น แต่ถ้าเป็นศตวรรษนี้ ก็คงไม่แคล้วที่จะซัดต้นแขนแม่พี่เลี้ยงตัวดีเข้าสักเผียะหนึ่ง แล้วก็อุทานออกมาอ่อย ๆ ว่า "...บ้าน่า...พี่" อะไรประมาณนั้น
จินตนาการของกระผมผู้เล่านิทาน และพ่อแม่พี่น้องผู้ล้อมวงฟัง ในขณะนี้ ก็ล่อง ลอย รุดจากไร่ฝ้ายในตอนบ่าย มาชะงักลงตรงที่หน้าห้องแม่พิมพิลาไลย เมื่อตอนกลางดึกของคืนวันเดียวกันนั้นเสียแล้ว....
ถ้าท่านจะหลับตานึกภาพต่อไป เราจะมองเห็นพระเอก พลายแก้วของเรากำลังยืนพนมมือ โอมอ่านคาถาอยู่หน้าเรือนแม่พิม
มาถึงบ้านนางพิมหาช้าไม่ เสกข้าวสารหว่านไปให้หลับสนิท สะเดาะกลอนถอนลั่นทุกชั้นชิด ที่บานปิดก็เปิดอยู่ทันใด ฯ
และ............ ........................
ประจงรูดม่านน้องย่องเยื้องมา เปิดมุ้งเห็นหน้าเจ้าพิมนอน สนิทหลับรับขวัญเจ้าทั้งหลับ ดังยิ้มรับให้พี่รีบมาร่วมหมอน โฉมแฉล้มแก้มยิ้มพริ้มเพรานอน งามเนตรเมื่อเจ้าค้อนพี่ยามชม ฯ
และ........... .............................
นางพิมนิ่มนวลนอนสนิท กระทั่งนิดก็ฟื้นตื่นผวา พลิกกายชายเนตรชำเลืองมา เห็นหน้าพลายแก้วแววไว
คิดพรั่นหวั่นใจชม้ายค้อน ดูดู๋กลอนขัดอยู่จู่มาได้ นี่เนื้อว่าข่มเหงไม่เกรงใจ แต่กลางไร่ไม่สามาถึงเรือน ฯ
และ........... ..........................
เจ้างามปลอดยอดรักของพลายแก้ว ได้มาแล้วแม่อย่าขับให้กลับหนี พี่สู้ตายไม่เสียดายแก่ชีวี แก้วพี่อย่าได้พร่ำรำพันความ
พี่ผิดพี่ก็มาลุแก่โทษ จงคลายโกรธแม่อย่าถือว่าหยาบหยาม พี่ชมโฉมโลมลูบด้วยใจงาม ทรามสวาทดิ้นไปไม่ไยดี ฯ
และ............ ............................
ไม่เมตตาก็ฆ่าเสียเถิดน้อง กระทุ้งห้องร้องไปให้แจ้วแจ้ว จงเอามีดมากรีดให้เป็นแนว อย่านึกเลยพลายแก้วจะกลัวตาย ฯ
จนกระทั่ง.......... .....................
เข้าชิดสะกิดพิมยิ้มละมัย อุ้มแอบอกไว้ด้วยปรีดา เอนอิงพิงประทับลงกับหมอน สะอื้นอ้อนอ่อนแอบลงแนบหน้า
กระเดือกเสือกดิ้นอยู่ไปมา เกิดมหาเมฆมืดโพยมบน ฮือฮืออื้อเสียงพายุพัด กลิ้งกลัดเกลื่อนกลุ้มชอุ่มฝน
เห็นห่าแรกแตกพยับโพยมบน ไม่ทานทนทั่วกระทั่งทั้งแดนไตร ฯ
กระผมคงจะต้องขออนุญาต ย่องออกจากข้างกองฟางอย่างเงียบ ๆ ปล่อยให้ท่านผู้ฟังดื่มด่ำกับรสวรรณคดีไปโดยอิสระสักพักใหญ่ ๆ นะครับ แล้วค่อยพบกันในตอนต่อไป ขอรับกระผม. ############################## วารสารสุรสิงหนาท.........พฤษภาคม ๒๕๔๐ นิตยสารโล่เงิน...............กรกฎาคม ๒๕๔๔
|
|
|
Create Date : 05 ตุลาคม 2550 |
Last Update : 5 ตุลาคม 2550 12:18:56 น. |
|
1 comments
|
Counter : 999 Pageviews. |
|
|
|
โดย: tiki_ทิกิ unlogged in IP: 125.25.103.162 วันที่: 5 ตุลาคม 2550 เวลา:22:42:35 น. |
|
|
|
|
|
|
|
กระทู้ช่างงาม หวานชดช้อย ซะยิ่งนัก
มาแวะเยี่ยมค่ะ