|
| 1 | 2 | 3 | 4 | 5 | 6 |
7 | 8 | 9 | 10 | 11 | 12 | 13 |
14 | 15 | 16 | 17 | 18 | 19 | 20 |
21 | 22 | 23 | 24 | 25 | 26 | 27 |
28 | 29 | 30 | 31 | |
|
|
|
|
|
|
|
พระสุรินทฦๅไชยฯ (ขุนช้าง-ขุนแผน ฉบับนิทานข้างกองฟาง) ตอนที่ ๙ ขิงก็ราข่าก็แรง
ขุนช้างขุนแผน ฉบับนิทานข้างกองฟาง ตอนที่ ๙ ขิงก็ราข่าก็แรง
พ่อพ่อแม่พี่น้องที่เคารพรักขอรับ กระผมคิดว่าพวกเราปล่อยให้ พ่อพลายแก้ว นอนอยู่ในห้องแม่สายทอง เป็นเวลานานพอสมควรที่วิบากกรรมของตน จะได้ปรากฏผลชัดเจนขึ้นอีกครั้งหนึ่งแล้วนะขอรับ
คือเมื่อแม่พิมเธอสะดุ้งตื่นขึ้นมาในห้อง ก็พบว่าตัวเองนอนอยู่คนเดียวเสียแล้ว เธอก็ตกใจฟายน้ำตาว่า ได้เกิดขัดใจอะไรขึ้นมา พลายแก้วจึงลุกไปไม่บอกกล่าว แต่พอพยายามนึกไว้ในแง่ดีก็จึงคิดว่า พลายแก้วอาจมีธุระจำเป็นต้องรีบไป แต่จะได้สั่งความไว้กับพี่สายทองหรือเปล่าหนอ เท้าไวเท่าความคิด แม่พิมก็รีบเดินออกจากห้องของตน ไปที่ห้องแม่สายทองเพื่อจะถามดูให้รู้แจ้ง
แต่พอเดินมาถึงห้องพี่เลี้ยงคนสนิท ก็กลับพบเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิด ดังที่ฉบับหลวงท่านกล่าวไว้ดังนี้
ก็เยื้องย่องมาถึงห้องสายทองพลัน ได้ยินเสียงพูดกันงึมงึมอยู่ แอบฟังยังทวารบานประตู รู้ว่าอยู่ในห้องสายทองนอน ฯ
พอผลักบานประตูพลัวะเข้าไป ก็บ้านแตกซิขอรับพ่อแม่พี่น้อง ลงจับได้คาหนัง คาเขาอย่างนั้น อะไรจะไปเหลือ เมื่อสอบความกันครั้งแรก แม่สายทองก็เอาแต่ก่นโศกร้องไห้เป็นน้ำหูน้ำตา
เปิดมุ้งมองเขม้นพอเห็นหน้า กอดกันคาคิดแค้นแล้วค้อนค่อน สายทองลุกทะลึ่งจากที่นอน พ่อแก้วหล่อนรังแกฉันแม่พิม
จะขับไล่ผลักไสไม่ยักไป ว่าเท่าไรมีแต่จะยิ้มกริ่ม ครั้นจะอึงกลัวจะผิดถึงแม่พิม ป้ำปิ่มเลือดตาจะกระเด็น
หวานกินขมกินเพราะรักน้อง ความสัตย์สายทองใครจะเห็น ไม่รู้เลยพ่อแก้วหล่อนจะเป็น เช่นนี้คิดมาน่าน้อยใจ ฯ
แต่แม่พิมในวินาทีนั้นก็หูอื้อนัยน์ตาลายเสียแล้ว พี่ก็พี่เถิดวะ คำพังเพยที่ว่า เสียทองเท่าหัว ไม่ยอมเสียผัวให้ใคร นั้น ก็เพิ่งจะเข้าใจรู้ซึ้งซึมซาบในเวลานี้เอง ว่าแล้วแม่พิมก็ไม่ฟังเสียง ด่ากราดอีกทั้งประชดประชันเสียจนสายทองเลือดขึ้นหน้าขึ้นมาบ้าง เหตุการณ์ตอนนี้ก็เรียกว่าเข้าขั้นวิกฤต ราวกับมหาอำนาจสองฝ่ายกำลังเผชิญหน้ากันในสงครามเย็น เมื่อก่อนที่ รัสเซียจะล่มนั่นแหละขอรับ
ครานั้นจึงโฉมเจ้าสายทอง ฟังน้องตอบมาหาช้าไม่ สารพันว่าได้ไม่เกรงใจ เป็นไรเป็นไปเถิดตามกรรม
ปากกล้าดีก็ว่ามาอีกซี ตีผางเดี๋ยวนี้ให้ล้มคว่ำ มันลึกละใครจะนิ่งให้พี่ทำ อย่าเชื่อล่ำถึงข้าเล็กไม่อยากกลัว
เมื่อกระนั้นถึงจะตีก็ไม่ว่า เดี๋ยวนี้ข้าถือว่าเป็นเจ้าผัว อีเมียน้อยก้ำเกินไม่เกรงกลัว ต้องจิกหัวลงตบด้วยกะลา
ชิชะถ้อยคำกระไรนี่ จะต้องตีว่ายากนางปากกล้า นางพิมเคืองขุ่นมุ่นขึ้นมา กล้าดีตีข้านางสายทอง ฯ
ถึงตอนนี้พ่อแม่พี่น้องก็คงนึกถึงความรู้สึก ของพ่อพลายเจ้าเสน่ห์ ตัวต้นเหตุได้ นะขอรับ ว่าจะกระอักกระอ่วนเพียงใด ภาวะนี้ก็เปรียบเหมือนกำลังอยู่ระหว่าง เสือตัวเมียสองตัว ที่กำลังจะปะทะกันอื้อฉาวลั่นบ้านไป จะเข้าข้างฝ่ายใดก็ให้อิหลักอิเหลื่อ จะไกล่เกลี่ยเสียก็เหลือกำลังนัก แต่ก็ปรากฏว่ามี "ระฆังช่วย" มาในวินาทีสุดท้าย โดยมีเสียงท้าวมาลีวราช ศรีประจัน ที่ได้แผดเสียงออกมาห้ามทัพไว้ได้ทันการ
แต่เอะอะอื้ออึงทั้งสามเสียง ศรีประจันหลับบนเตียงตกใจตื่น กูหนวกหูกูจริงดังยิงปืน จนดึกดื่นนี่มันทำอะไรกัน
สายทองตัวดีมีความคิด บอกติดว่าแม่พิมหล่อนด่าฉัน นอนหลับอยู่หมาจู่กินน้ำมัน ศรีประจันร้องว่าสาแก่ใจ
นางพิมยิ้มพลางทางช่วยปด ฉันมาไล่หาไม่หมดสิ้นทั้งไห ว่าพลางค้อนด้วยขัดใจ กลับไปเข้าห้องเสียฉับพลัน ฯ
ฝ่ายพ่อพลายแก้วนั้นก็รู้ดีว่า แม่พิมนั้นขี้หึงอย่างสุดเดชแต่ก็รู้ดีไปจนถึงที่ว่า ผู้หญิงนั้นยิ่งหึงมากก็หมายความว่ายิ่งรักมาก จึงกล้าถึงขนาดที่เดินตามไปปลอบแม่พิมในห้อง ก็มีการตัดพ้อต่อว่ากันพอสมควรทีเดียว ซึ่งก็น่าเห็นใจแม่พิมเขาอยู่ดอกนะขอรับ หรืออย่างไรขอรับ คุณผู้หญิง ?
แต่ก็น่าขันที่พ่อจอมกะล่อนของเรา รู้ตัวเสียแล้วว่าเป็นต่อ ฉะนั้นจึงโมเมแก้ตัวไป น้ำขุ่น ๆ ชนิดที่ถ้ากระผมเป็นแม่พิม ก็คงจะถึงกับร้องกรี๊ดเลยทีเดียวละขอรับ ท่านว่าไว้ว่า
โอ้ว่าอนิจจาเจ้าพิมพี่ ทุกวันนี้ไม่เชื่อกันหรือเจ้า สารพันว่าได้ก็ว่าเอา เมื่อทุกข์เข้าทับอกไม่เห็นเลย
ไปเมื่อหน้าพี่ จะมาสู่ขอน้อง เผื่อท่านไม่ปรองดองเล่าน้องเอ๋ย ทุกข์เท่านี้จึงไม่มีสบายเลย จึงไปเปรยปรับทุกข์กับสายทอง
ไม่ทันเคี้ยวหมากแหลกเสียอีกเจ้า พอแม่พิมขวางเข้าไปในห้อง ไม่พอทีวุ่นวายกับสายทอง นิจจาเปล่าดอกน้องอย่ารำคาญ ฯ
ก็คงจะคล้าย ๆ กับ "ทั่น" คนไหนซักทั่นหนึ่ง ที่ตกค่ำกลับบ้านแล้วเนื้อตัวหอมกรุ่น แถมมีแป้งติดสะดืออีกต่างหาก แล้วก็มาแก้ตัวกับศรีภรรยา ว่าลูกน้องเขาจัดพิธีรดน้ำดำหัว เนื่องในโอกาสเลื่อนตำแหน่งใหม่ อย่างนั้นกระมังขอรับ ?
แต่ก็อย่างว่า คนเรารักกันปานจะกลืนกินเสียอย่าง วิธีปรับความเข้าใจกันมันก็ไม่ยากนัก พอได้ยินเสียงแว่วดุเหว่าร้องแสงเงินแสงทองก็ส่องฟ้า คู่รักทั้งสองก็รู้อยู่แก่ใจว่าจะต้องจากกันแล้ว พลายแก้วจึงบอกแม่พิมว่าจะรีบกลับไปบอกแม่ทองประศรี ที่เมืองกาญจน์ ว่าให้มา สู่ขอโดยเร็วที่สุด ด้วยความรักความเป็นห่วง เมื่อรู้ว่าคนรักจะต้องเดินทางไกล จะพบทุกข์พบร้อนอะไรก็ไม่ทราบ แม่พิมจึงใจอ่อน จนทำเป็นลืม ๆ เรื่องแม่สายทองเมื่อคืนนี้เสียสิ้น แถมยังมีการให้ "ค่ารถ" อีกต่างหาก ดังที่ฉบับหลวงท่านว่าไว้ดังนี้ขอรับ
ร้องไห้พลางทางลุกไปไขหีบ รีบหยิบเงินมาน้ำตาปริ่ม ห้าชั่งพลางห่อสีทับทิม นี่ของพิมให้พ่อจงเอาไป
แล้วจ้างช้างขี่ไปให้จนถึง จะเอาสักสิบตำลึงจงเสียให้ เชื่อเมียนะหม่อมอย่าเดินไป เจ้าพลายรับเงินไว้น้ำตานอง
เอาคางพาดบ่าพิมกระซิบสั่ง จงระวังตัวไว้อยู่ในห้อง ชั้นหน้าต่างก็อย่าย่างไปเยี่ยมมอง อย่าเที่ยวท่องลงแล่นไปแผ่นดิน
จะจากไปแทบใจ เจียนจะขาด แสนสวาทห่วงอยู่มิรู้สิ้น แบ่งภาคได้จะแบ่งไว้เป็นเพื่อนกิน นี่สุดสิ้นมิใช่ฤทธิ์พระนารายณ์ ฯ
พ่อแม่พี่น้องผู้ฟังนิทานข้างกองฟางขอรับ กระผมเล็งเห็นถึงความเป็นห่วงซึ่งกันและกัน ระหว่างพลายแก้วกับแม่พิมได้อย่างชัดเจน จากฉบับหลวงที่กระผมยกมาให้ท่านทั้งหลายฟังนี่แหละขอรับ แต่ความพิลึกพิสดารในความรักนั้น ยังมีมากกว่านี้อีกขอรับ
เพราะตอนจะกลับจริง ๆ นั้น พลายแก้วไม่ได้จ้างช้างจ้างม้า อย่างที่แม่พิมเขาอุตส่าห์เป็นห่วงหรอกขอรับ ตะแกเรียกผีหัวหน้าป่าช้าที่รออยู่ในสวน ให้มารับทางหน้าต่างห้องนอน ขึ้นขี่คอพาเหาะไปหาแม่ทองประศรีที่เมืองกาญจน์ ต่อหน้าต่อตาแม่พิมนั้นเอง !
มิหนำซ้ำฉบับหลวงท่านยังว่าไว้ว่า มีการอาลัยอาวรณ์กันถึงขนาดเชียวขอรับ
ย่างลงบนบ่าไม่ช้าที เอาเงินผูกคอผีหาช้าไม่ เหลียวหลังสั่งเสียแสนอาลัย ดวงใจอยู่เถิดพี่ขอลา
นางพิมมัวหมองเฝ้าร้องไห้ ยกมือไหว้น้ำตาลงนองหน้า กลุ้มกลัดอัดใจไม่เจรจา สะอื้นออกปากว่าจงไปดี
เจ้าพลายแก้วรับไหว้ใจจะขาด น้ำตาหยาดหยดลงตรงบ่าผี ผีก็พาผายผันไปทันที ต่างก็มีใจวิโยคโศกถึงกัน ฯ
นี่ถ้ากระผมเป็นแม่พิมละก็ พอพบภาพซึ่ง ๆ หน้าแบบนี้เข้า ก็คงจะถึงขั้นชักดิ้นชักงอน้ำลายฟูมปาก ตายอยู่ตรงหน้าต่างนั้นแล้วแหละขอรับ แต่ตามที่ท่านว่านั้น แม่พิมกลับมีใจจรดจ่ออยู่กับการจากลาอาลัย เสียจนมิได้หวั่นกลัวต่อภาพมหิทธิฤทธิ์ เหนือธรรมชาติ ที่ปรากฎอยู่ต่อหน้าต่อตา เป็นครั้งแรกนั้นเลยแม้แต่น้อย อานุภาพแห่งความรักนั้น ช่างยิ่งใหญ่ถึงปานฉะนี้เชียวหนอ !
ถึงตรงนี้แล้ว กระผมก็เห็นจะต้องขอให้พ่อแม่พี่น้อง อดใจให้เวลา พ่อพลายแก้ว แกเดินทาง ไปหาแม่ที่เมืองกาญจน์หน่อยเถิดขอรับ แล้วก็จะได้ทราบว่างานมงคลสมรส ที่เป็น หัวข่าวสังคมดังระเบิดเปรี้ยงปร้าง ตั้งแต่สุพรรณฯ ยันเมืองกาญจน์ในครั้งนั้น ยิ่งใหญ่มโหฬาร แค่ไหน ซึ่งกระผมจะได้นำมาเล่าสู่กันฟัง ในตอนหน้าขอรับ.
############################## วารสารสุรสิงหนาท.........มกราคม ๒๕๔๑ นิตยสารโล่เงิน..............พฤศจิกายน ๒๕๔๔
|
|
|
Create Date : 20 ตุลาคม 2550 |
Last Update : 12 ธันวาคม 2550 8:29:53 น. |
|
1 comments
|
Counter : 709 Pageviews. |
|
|
|
โดย: ณ กมล วันที่: 20 ตุลาคม 2550 เวลา:20:31:04 น. |
|
|
|
|
|
|
|
สบายดีหรือเปล่าเจ้าคะ..แอบหนีมาอยู่บ้านนี่เอง..ปล่อยให้ถนนฯหงอยเหงาซะอย่างนั้น..
เอ๊..ว่าแต่เมื่อใดพี่ท่านจะย่างก้าวสู่ถนนฯบ้างล่ะเจ้าคะ..
คิดถึงน้องกฤติกาจะแย่แล้วเจ้าค่ะ
............................................