รีวิวเกม Fatal Frame Mask of the Lunar Eclipse เกมถ่ายผี ภาคตำนานเกาะปีศาจ
หนึ่งในภาคของซีรีส์ Fatal Frame เกมถ่ายผีที่ก่อนหน้านี้มีการเอาภาคบน WiiU มาขายใหม่ ทำให้มันเป็นกระแสอีกครั้ง เพราะเป็นที่รู้กันว่ามันคือหนึ่งในซีรีส์เกมแนวสยองขวัญที่ประสบความสำเร็จอย่างมากโดยเฉพาะภาคบน PS2 แต่ภาคหลัง ๆ ไปอยู่ใต้เงาของ Nintendo ทำให้มีแฟนหลายคนไม่ได้เล่นเพราะไม่มีคอนโซลของปู่นิน ล่าสุดมีการนำ Fatal Frame Mask of the Lunar Eclipse เกมลำดับที่ 4 ของซีรีส์ที่ต้นฉบับออกบน Wii รุ่นแรกมาปรับกราฟิกให้ดูดีแล้ววางขายอีกครั้งบน Nintendo Switch, PlayStation 4, PlayStation 5, Xbox One, Xbox Series X/S และ PC ถือว่าเป็นเรื่องดีเพราะเชื่อว่าเป็นอีกภาคที่หลายคนพลาดไปทั้งที่มันมีอะไรดีงามและเปลี่ยนแปลงอย่างมาก เพราะในตอนที่เกมวางขายบน Wii ในปี 2008 ไม่ได้ลงเครื่องเกมอื่น เรื่องราวใน Mask of the Lunar Eclipse จะเกิดหลังจากเกิดเหตุการลักพาตัวเด็ก 5 คนไปบนเกาะ Rougetsu แม้ว่าเด็กทุกคนจะได้รับการช่วยเหลือออกมา แต่หลังจากนั้นเด็กสาว 2 จากทั้งหมด 5 คนได้เสียชีวิตอย่างปริศนา ทำให้คนที่เหลือรอดต้องกลับไปที่เกาะปริศนาเพื่อค้นหาความจริงของเรื่องราวทั้งหมด โดยตัวเอกหลักจะเป็นสาวน้อย รูกะ มินาซูกิ (Ruka Minazuki) ที่เดินทางกลับไปพบความหลอนและความลับในอดีต การเล่าเรื่องถือว่าทำได้ดีพอตัวแม้บางจุดจะดูช้า ๆ และเชยไปหน่อยแต่ก็มีการใช้ Jump Scare ออกมาให้ผู้เล่นตกใจอยู่ตลอดเกม แต่ก็ไม่ได้มากมายเท่ากับเกมผียุคใหม่ที่เล่นกันโหดกว่านี้เยอะทำให้แฟนเกมยุคใหม่อาจจะเฉย ๆ ในจุดนี้
กราฟิกปรับสวยงามตามสเปกเครื่อง
ตามหลักแล้วการขุดเอาของเก่าแบบไม่ได้ปรับอะไรมากนักมักจะเรียกว่าการรีมาสเตอร์ แต่ภาคนี้ไม่ได้ระบุออกมาแต่ก็มีการลงทุนทำกราฟิกเป็น HD ให้มีความคมชัดสูงขึ้นพื้นผิวของฉากก็ถูกปรับใหม่ และดูไม่เชยเมื่อเล่นบนทีวียุคใหม่ เพราะต้นฉบับออกบน Wii ที่ไม่รองรับ HD ซึ่งหากเทียบกับต้นฉบับแล้วถือว่าดูดีขึ้นพอสมควร แต่โดยรวมยังธรรมดายังอยู่ในกรอบของต้นฉบับ แต่ตัวละครถูกปรับให้ดีขึ้นและความน่ารักของสาว ๆ ในเกมยังคงจัดเต็มเหมือนเดิม แต่เมื่อเอาไปเทียบกับภาค Fatal Frame: Maiden of Black Water ยังไม่สามารถสู้ได้ แต่โดยรวมก็ไม่ได้เลวร้ายอะไร อย่างไรก็ตามที่ยังทำได้ดีมากคือเพลงและเสียงประกอบที่ยังมำออกมาชวนหลอนเหมือนเดิม แม้ว่าการนำเสนอในบางจุดจะดูเชยมากเพราะดูช้าไม่เหมือนเกมผียุคใหม่ แต่ก็มีจังหวะที่ทำให้เราหลอนอยู่ และเสียงพากย์เป็นภาษาญี่ปุ่นที่มีคุณภาพสูง ถือว่ายังพอให้เราอินไปกับการท่องไปในบ้านผีสิงได้ดี