Once upon a time ...
Group Blog
 
All blogs
 
เหลียวมองงานชิ้นก่อน

มีงานชิ้นหนึ่งที่มีโอกาสได้ร่วมทำกับน้องสองคน จริงๆในทีมมีสี่คน แต่ลักษณะงานที่เสี่ยงกับการถูกฟ้องร้องกลับ ทำให้เห็นธาตุแท้ในตัวคนคนหนึ่ง คนที่มีภาพลักษณ์งดงามในสายตาผู้ใหญ่ในที่ทำงาน คนที่รู้จักเอาตัวรอดได้ทุกครั้งเมื่อต้องตัดสินใจครั้งสำคัญ และคนแบบนี้ล่ะที่ตอนนี้ไปเติบโตในองค์กรใหญ่แห่งหนึ่ง ว่าไปแล้ว ก็ต้องแบบนี้สินะถึงจะก้าวไปสู่ขั้นนั้นได้ ถ้าแบบพวกเราสามสาว นอกจากนับวันรอให้หมดอายุความแล้ว ก็ได้แต่ปรับทุกข์กันไปตลอดทาง

งานชิ้นนี้ พวกเรารับมาโดยไม่ได้รู้เรื่องว่ามันคืออะไร เป็นงานเฉพาะกิจที่นานนานทีหน่วยงานของเราจะต้องทำ เมื่อกลับไปถามพี่พี่ที่เคยทำงานชิ้นนี้ในอดีต แต่ละคนก็บอกว่าไม่มีอะไร ทำไปตามนั้นล่ะ พวกช่างสงสัยอย่างพวกเราก็...ตามๆนั้นคืออะไร ในเมื่อเรายังไม่เข้าใจกระบวนการ วัตถุประสงค์ เนื้อหา ความเกี่ยวพันกับหน่วยงานต่างๆ และคนเหล่านั้นก็ไม่สามารถอธิบายให้พวกเราเข้าใจได้ จนต้องมาแอบนินทากันว่า ที่เขาเคยทำทำกันมาน่ะ เขาเข้าใจแค่ไหน หรือทำตามที่ลูกค้าบอกให้ทำ

เลยได้ตั้งต้นศึกษาเรื่องนี้ด้วยกัน ไปดั้นด้นชะเง้อชะแง้หาผู้รู้ตามที่ต่างๆ ที่ว่าชะเง้อชะแง้เพราะครั้งหนึ่งเมื่อได้ข่าวว่ามีผู้รู้จากภายนอกหน่วยงานมาบรรยายที่ทำงานเรา พวกผู้น้อยอย่างเราก็ไปเฝ้ารอ รอถามประเด็นจากท่านผู้รู้ท่านนั้น สิ่งที่ถามไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่องที่ท่านบรรยาย แต่เรามั่นใจว่าบุคคลที่เราเลือกจะให้แง่คิดเกี่ยวกับงานชิ้นพิเศษของพวกเราได้ และหนีไม่พ้นที่ต้องไปชะเง้อชะแง้ใน internet แต่ไม่ได้อะไรมากนักจากตรงนั้นนอกจากข้อกฎหมายยาวเหยียดที่เอามานั่งอ่าน นั่งแปลและวิเคราะห์กันว่าต้องระวังตรงไหนบ้าง

จริงๆ มีฝากให้ผู้ใหญ่ทั้งหลายที่ไปดูงานต่างประเทศกันทุกปี ช่วยหาคนประสานงานเรื่องนี้ในแต่ละประเทศที่ท่านๆไปดูงานกันด้วย ไม่ได้ขอมากมายเลยนะ ขอแค่ชื่อคนที่เราพอจะติดต่อเพื่อประสานงานในแง่ขอแลกเปลี่ยนประสบการณ์เรื่องนี้กับเขา แต่...ไม่เคยได้มาสักชื่อ

เผอิญในช่วงนั้น ปี 2003-2006 เป็นช่วงที่ลูกค้าหลายรายมาขอให้ทำงานส่วนนี้ให้ โดยเฉลี่ยก็ปีละ 1-2 ครั้ง พวกเราสามคนกลายเป็นผู้เชี่ยวชาญงานด้านนี้ไปโดยปริยาย รับงานมาแต่ละครั้ง พวกเราจะต้องไปร่วมเจรจากับลูกค้าและตัวแทนของลูกค้าแล้วสรุปงานให้กับทีมที่รับผิดชอบลูกค้าโดยตรง เรียกว่า เป็นผู้ประสานงานกับตัวแทนของลูกค้าและกับทีมงานของหน่วยงานเราเอง น่าขำที่ใครๆมองว่าเราเชี่ยวชาญ แต่เราทำไปด้วยความมึนงง มันต้องแบบไหน มันต้องยังไง จะไม่ทำก็ไม่ได้เพราะนายสั่งให้ทำนี่นา ทำไปด้วย เรียนรู้ไปด้วย การเจรจากับตัวแทนแต่ละครั้งก็ต้องวางมาดว่าชั้นน่ะรู้นะ เขาว่ามายังไงเราก็ตอบโต้ได้ทันที บางทีก็ดำน้ำซะจนอายยตัวเองเหมือนกัน บางครั้งเจรจากันผ่านทางโทรศัพท์ ก็ยังพอมีเวลาพยักหน้า ส่ายหน้า ส่งสัญญาณ เขียนโพยหากันได้ว่าจะตอบอีกฝ่ายยังไงดี ว่าไปแล้วความสนุกสนานในงานก็มีแซมๆอยู่ในยามหน้าสิ่วหน้าขวานได้เหมือนกัน งานชิ้นถัดไป (ลักษณะเดิม แต่เปลี่ยนลูกค้า) มีการเปลี่ยนแปลงทีละเล็กละน้อยเพราะได้เรียนรู้ข้อผิดพลาดในคราวก่อน

ว่าไปแล้ว พวกเราสามคนดูจะเป็นพวกพนักงานชั้นพิเศษอยู่เหมือนกัน ตำแหน่งก็ต่ำ เงินเดือนก็น้อย แต่งานที่ทำกลับต้องมาตัดสินใจแทนพวกที่อยู่ระดับสูง ไปเจรจา ไปประสานงาน ไปสั่งงานระดับที่สูงกว่าพวกเรา จนถึงส่งสัญญาณให้ระดับสูงกว่าลงนามได้ แปลกดีนะระบบงานแบบนี้

ความที่เราสามคนพอจะรู้อนาคตตัวเองว่า ถึงจุดเวลาหนึ่งเราคงจะออกจากองค์กรนี้ไป น้องสองคนตั้งเป้าหมายไว้อย่างนั้น ในขณะที่เรามาตัดสินใจได้ตอนที่ไปอยู่ที่ Wellington และมั่นใจมากขึ้นตอนที่เกิดเหตุการณ์ในปี 49 ช่วงเวลาก่อนที่จะเดินออกจากองค์กร เราสามคนจึงรวบรวมข้อมูลที่เกี่ยวข้องในการทำงานดังกล่าว เอาหลักการฉบับภาษาอังกฤษมาแปล แปลรายย่อหน้าแล้วใส่ความเห็นลงไปว่าย่อหน้านั้นๆหมายถึงอะไร ทีมที่ทำงานควรมีข้อระวังตรงไหน มีข้อมูลที่เจรจาต่อรองกับตัวแทนของลูกค้าเกี่ยวกับงาน วันนี้ตกลงว่าอย่างนี้ อีกวันมีข้อตกลงเปลี่ยนไปบางคำ ไฟล์ข้อมูลไม่เคย save ทับกัน แต่กลับลงวันที่เรียงตามลำดับที่ไว้ บางครั้ง ไฟล์งานเจรจาที่ว่า มีร่วมสิบไฟล์กว่าจะมาถึง final agreement

พวกเราวางแผนดึงน้องมาร่วมงานเพิ่มอีก 2-3 คน เพราะเตรียมสร้างคนมาแทนที่พวกเรา ไม่รู้ว่าคนพวกนี้รู้ตัวหรือเปล่าว่าเป็นผู้โชคดี

.....

ปลายปีก่อน ได้ข่าวว่ามีการตั้งคณะทำงานเพื่อศึกษาเกี่ยวกับงานชิ้นพิเศษที่พวกเราสามสาวเคยทำกัน เดาว่าช่วงเศรษฐกิจขาขึ้น งานแบบนี้คงจะเข้ามาอีก ในคณะทำงานกลุ่มนั้น มีน้องที่พวกเราดึงตัวมาร่วมงานอยู่ด้วย คิดว่า ไม่น่าเป็นห่วงอะไร

เมื่อวันก่อน เพื่อนที่ทำงานเก่าโทรมา ขอให้อธิบายขั้นตอนงานที่ว่าให้หน่อย น้องอีกคนโทรมาถามว่า ตัวแทนของลูกค้าใส่เงื่อนไขโน้น เงื่อนไขนี้มา เราเห็นว่ายังไง ก็...ตอบไป นึกถึงหน้าอดีตคนไม่ชอบหน้าบางคนที่อยู่ในทีมงานนั้น แล้วก็ถือว่าทำทานไปเถอะ

ไม่รู้ว่าน้องกลุ่มนั้นเก็บข้อมูลกันไว้ยังไง เรากลับมานั่งค้นไฟล์งานที่จัดเก็บไว้ค่อนข้างเรียบร้อย แยกตามลูกค้าแต่ละคนแล้วส่งไปให้ดูภายใน 15 นาที ส่งไปแล้วยังกลับมานั่งอ่านเผื่อต้องตอบคำถามอะไรอีก อ่านไปก็ชื่นชมผลงานของตัวเอง บ้าดีจัง นึกดีใจที่ทำไว้เรียบร้อย อ่านแล้วเข้าใจง่าย จะอีกกี่รุ่นที่ต้องมาทำงานนี้อีก คงไม่ต้องมานั่งงมโข่งเหมือนสมัยที่เราเริ่มทำกันใหม่ๆ

พอหันกลับไปมองอดีตที่เคยทำ มันเป็นผลงานอีกชิ้นที่รู้สึกภูมิใจน่ะ...




ปล. ถ้าแม่เด็กหญิงแคทผ่านมาอ่าน คงรู้นะว่าเราหมายถึงงานชิ้นไหน




Create Date : 17 กรกฎาคม 2553
Last Update : 17 กรกฎาคม 2553 12:21:40 น. 2 comments
Counter : 412 Pageviews.

 
ทักทายยามบ่ายจ้า อิอิ


โดย: หาแฟนตัวเป็นเกลียว วันที่: 17 กรกฎาคม 2553 เวลา:17:34:50 น.  

 
แปลกใจจริงมีเรื่องบังเอิญสองเรื่องสำหรับบล็อคนี้
หนึ่ง ค้นหาเสื้อคอกระเช้าให้ลูกสาวแล้วบังเอิญมาเจอชื่อบล็อกนี้คุ้นๆ เลยเข้ามา ได้อ่านเกี่ยวกับอาม่า
สอง เห็นเรื่องในบล็อกมีหลายหลายมาก เลยแอบอ่านสองสามเรื่อง รวมถึงเรื่องนี้

ขอบคุณที่คิดถึงกัน


โดย: ผ่านมาจริงๆ (Ninja-CoMick ) วันที่: 13 ตุลาคม 2553 เวลา:18:44:29 น.  

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

saifan
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 2 คน [?]




Friends' blogs
[Add saifan's blog to your web]
Links
 

MY VIP Friends


 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.