Group Blog
All Blog
|
### เรื่องเล่า..พระมหากษัตริย์ผู้ทรงงานหนักที่สุดในโลก ตอนที่ 2 ###
ตอนที่ 2
และถ้าคลี่แผนที่ของพระองค์ท่านออกมา ทุกคนจะต้องตกใจ เพราะมีขนาดใหญ่มาก ทรงนำแผนที่หลายแผ่นมาต่อกันด้วยพระองค์เอง แล้วพับให้เหลือขนาดที่ทรงพกพาได้สะดวก สามารถคลี่มาดูจุดที่ต้องการได้ในทันที โดยไม่ต้องกางทั้งแผ่น ซึ่งเป็นวิธีที่ยากมาก และแม้จะเคยทรงสอนเจ้าหน้าที่กรมชลประทาน แต่ไม่มีนายช่างคนไหนทำได้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระปรีชาสามารถอย่างยิ่ง ในด้านการชลประทาน ยิ่งพระองค์ท่านเสด็จฯ ไปถึงพื้นที่ จึงทรงทราบถึงปัญหาและอุปสรรคอย่างถ่องแท้ เพราะฉะนั้น หากมีพระกระแสรับสั่งถามถึงเรื่องใดแล้วไม่รู้ ห้ามเดาส่งเดชเด็ดขาด ให้กราบบังคมทูลฯ ไปตรงๆ เยี่ยมราษฎรในหมู่บ้านแห่งหนึ่งทางภาคเหนือ มีหมายกำหนดการเสด็จฯ ไปที่ฝายน้ำล้นใกล้ๆ หมู่บ้าน ผู้อำนวยการกองที่กรุงเทพฯ ในฐานะผู้ใหญ่จึงไปรับเสด็จ แล้วกราบบังคมทูลรายงานด้วยตัวเอง โดยเตรียมตัวเป็นอย่างดี ท่องจำข้อมูลไว้พร้อม ช่วงหนึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีรับส่งถามว่า สันฝายอยู่ที่ระดับเท่าใด ผู้อำนวยการกองฯ เกิดจำไม่ได้ ตัดสินใจดำน้ำด้วยตัวเลขที่ใกล้เคียง สมมติว่า บวก ๓๕๐ พระพุทธเจ้าข้า (สูงกว่าระดับน้ำทะเลปานกลาง ๓๕๐ เมตร) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงหยุดนิดหนึ่ง แล้วมีพระราชกระแสรับสั่งว่า ถ้าระดับ ๓๕๐ น้ำก็ท่วมตำบลนี้ทั้งตำบล ทรงชี้แผนที่ ๑ : ๕๐,๐๐๐ เส้นบอกระดับตำบลที่อยู่เหนือน้ำ อยู่ที่ ๓๔๙ นับแต่นั้นเป็นต้นมา ผมจำเป็นคาถาว่า เวลากราบบังคมทูลตอบพระราชดำรัสถาม ห้ามเดา แต่ก็ยังไม่วายพลาดจนได้ ให้ผมเข้าร่วมโต๊ะเสวย ช่วงหนึ่งทรงมีพระราชกระแสรับสั่ง ถึงโครงการพัฒนาแหล่งน้ำต่าง ๆ ว่า อธิบดี โครงการอะไรนะ ที่อุดร เก็บน้ำได้ ๓๐ ๔๐ ล้านลูกบาศก์เมตร ควรจะรีบสร้าง เพราะจะเป็นประโยชน์มาก พระองค์ท่านทรงมีพระราชกระแสรับสั่งเป็นเชิงสนทนามากกว่า ที่จะรับสั่งถามแล้วต้องตอบ ถ้าผมเพียงจะรับพระราชกระแสรับสั่งว่า พระพุทธเจ้าข้า พระองค์ท่านก็จะมีพระราชกระแสรับสั่งต่อไป ควรจะทราบ และลืมคำ ห้ามเดา จึงหลุดปากกราบบังคมทูล เอ่ยชื่อโครงการ แถวภาคอีสานที่คุ้น ๆ ว่า โครงการลำปลายมาศ พระพุทธเจ้าข้า หันพระพักตร์มาทางผม แล้วมีพระราชกระแสรับสั่งเบาๆ ให้ผมได้ยินคนเดียวว่า อธิบดี เสียชื่อแล้ว ผมใจหายวาบ รู้ทันทีว่า คงปล่อยไก่ตัวเบ้อเริ่ม อยากจะมุดลงใต้โต๊ะเสวย แต่ด้วยพระเมตตา มีพระราชกระแสรับสั่งเรื่องอื่นต่อ เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ปรากฏว่า เป็นโครงการลำพันชาด ส่วนโครงการลำปลายมาศอยู่ที่โคราช คนละลุ่มน้ำ คนละจังหวัด เรียกว่าไกลกันลิบ (หัวเราะ) ด้านการบริหารจัดการน้ำของพระองค์หน่อยครับ จังหวัดนราธิวาส ซึ่งเป็นพรุขนาดใหญ่ที่สุดของประเทศไทย มีคุณค่าทางชีววิทยามาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเสด็จฯ ไปและเห็นว่า ควรอนุรักษ์ไว้ ขณะเดียวกันก็ต้องช่วยเหลือราษฎรหลายตำบล ที่อาศัยอยู่ริมขอบพรุ ซึ่งล้วนมีฐานะยากจน และทำการเกษตรไม่ได้ เพราะน้ำที่สะสมในพรุเป็นกรด ชาวบ้านอดอยากมาก บางปีแห้งแล้ง บางปีน้ำท่วม ปลูกข้าวได้แค่ ๕ ๑๐ ถังต่อไร่ ปลูกผักผลไม้ก็ได้ผลไม่ดี สัตว์เลี้ยงไว้เจ็บป่วยบ่อย ขณะนั้นพระพักตร์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว หม่นหมองมาก พอเสด็จฯ กลับ จึงมีพระราชดำริให้ทำโครงการพรุโต๊ะแดง ทรงแก้ปัญหาด้วยวิธีง่ายๆ ที่เราคิดไม่ถึง โดยให้ทำการขุดลอกคลองให้ได้ขนาด ทำประตูปิดเปิด เพื่อควบคุมน้ำในพรุให้อยู่ในระดับ ๕๐ ซ.ม. ส่วนปัญหาน้ำเป็นกรด ทรงมีพระราชดำริ ให้กรมชลประทานขุดคลอง เพื่อนำน้ำจืดจากโครงการมูโนะมาล้างดินเปรี้ยว แล้วขุดคลองแยกระบายน้ำเปรี้ยวออก พร้อมทั้งให้กระทรวงเกษตรฯ ให้ความรู้ด้านวิชาการกับชาวบ้าน เยี่ยมหมู่บ้านเหล่านี้อีกครั้ง ผมเห็นกับตาว่า ชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้านดีขึ้นมาก มีบ้านใหม่สร้างขึ้นหลายหลัง ต้นข้าวเขียวชอุ่ม กำลังออกรวงสมบูรณ์ ราษฎรที่มารอเฝ้าหน้าตายิ้มแย้ม กราบบังคมทูลว่า ชีวิตดีขึ้นมาก ข้าวที่เคยได้ไร่ละ ๕ ถัง เพิ่มเป็น ๖๐ ถัง พืชผลอื่น ๆ ก็ดีตามไปด้วย ทุกคนในขบวนเสด็จสังเกตเห็นว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชปฏิสันถาร และทรงซักถามราษฎรในรายละเอียด ด้วยพระพักตร์ที่เบิกบานผ่องใส ผมจำภาพนี้ติดตาไม่มีวันลืม ทรงหันพระพักตร์มาที่พวกเรา พร้อมกับแย้มพระสรวล ซึ่งนานๆ จะได้เห็น แล้วมีพระราชกระแสรับสั่งว่า ฉันดีใจมาก ทำให้ผมคิดว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงแบกภาระไว้พระองค์เดียว ความทุกข์ยากของราษฎรท่านก็แบกไว้หมด พอราษฎรอยู่ดีกินดี พระองค์ท่านก็ทรงพระเกษมสำราญ ครั้งที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงแก้ปัญหา น้ำท่วมใหญ่กรุงเทพฯ ปี ๒๕๓๘ อยากให้ท่านสวัสดิ์ย้อนเล่าบรรยากาศไหนเหตุการณ์นั้นครับ จำได้ว่าจะไปกราบถวายบังคมลา ปรากฏว่าเกิดเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่ ขณะนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงพระประชวร เพิ่งเสด็จฯ ออกจากโรงพยาบาล แต่ยังทรงเรียกประชุมด่วน เพื่อพระราชทานแนวทางช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วม โดยแนวพระราชดำริคือ ให้น้ำไหลลงทะเล ทางทิศตะวันออกของกรุงเทพฯ ซึ่งมีคลองตั้งแต่เหนือจรดใต้จำนวนมาก ให้เจ้าหน้าที่ขุดลอกคลอง ขยายได้ให้ขยาย ติดเครื่องสูบน้ำขนาดใหญ่เพื่อสูบน้ำลงทะเล แต่ปัญหาคือ ทางทิศตะวันออกส่วนใหญ่เป็นพื้นราบ มีสิ่งกีดขวาง เช่น คอสะพานและถนน ทำให้น้ำไหลลงมาช้า ปั๊มร้อยกว่าตัวใช้งานได้เพียงครึ่งเดียว จึงทรงให้ใช้เรือหางยาวดันน้ำไปที่ปั๊ม ปรากฏว่าได้ผล พระองค์ทรงแก้ปัญหาน้ำท่วมปีนั้นได้สำเร็จ อีกทั้งยังพระราชทานแนวทางแก้ไข ปัญหาน้ำท่วมภาคกลางไว้อีกหลายประการ ซึ่งยังใช้ได้ดีกับน้ำท่วมปีนี้ ท่านสวัสดิ์คิดอย่างไรครับ เพราะการที่น้ำทะเลหนุน ทำให้การระบายน้ำจำนวนมหาศาลลงทะเล ทางแม่น้ำเจ้าพระยาอย่างเดียวไม่เพียงพอ เมื่อสถานการณ์เป็นแบบนี้ ยิ่งควรให้น้ำไปทางทิศตะวันออก แล้วใช้เครื่องดันน้ำส่งน้ำให้ปั๊มสูบลงทะเลอีกทางเหนึ่ง แต่ต้องบอกว่า ปริมาณน้ำปีนี้มากกว่าปี ๒๕๓๘ มาก แต่ถึงเท่ากัน ผมเชื่อว่าก็ท่วมมากกว่าครั้งก่อนอยู่ดี เพราะว่า ๑๖ ปีก่อน อยุธยายังไม่มี นิคมอุตสาหกรรมที่ขวางทางน้ำ ทุ่งตะวันออกและตะวันตกยังเป็นที่รับน้ำ แต่ปัจจุบันเป็นบ้านจัดสรร เป็นนิคมอุตสาหกรรมมากมาย อย่างนี้จะไม่ให้เจ้าพระยาล้นได้อย่างไร ตั้งแต่ปี ๒๕๒๖ และ ๒๕๓๘ ว่า กรุงเทพฯ ต้องวางแผนระยะยาว แต่รัฐบาลที่ผ่าน ๆ มา ไม่มีใครกล้าตัดสินใจ ทรงแนะนำว่า ให้มี กรีนเบลท์ หรือ ฟลัดเวย์ เป็นทางน้ำโดยขุดคลองหรือกั้นพื้นที่เป็นแนว ทำระบบชลประทานควบคุมให้ชาวบ้านปลูกข้าวได้ ห้ามปลูกไม้ยืนต้นหรือสิ่งปลูกสร้างถาวร และถ้า ๑๕-๑๖ ปี เกิดน้ำท่วมครั้งหนึ่ง ก็ให้น้ำท่วมข้าวไป แล้วรัฐค่อยชดเชยให้เขา แบบนี้คุ้มเกินคุ้ม นอกจากทำเกษตรได้ ยังป้องกันกรุงเทพฯ ได้ด้วย ถ้าเราทำตั้งแต่ตอนนั้น คงป้องกันน้ำท่วมได้ดีกว่านี้ แต่จะมาทำตอนนี้คงยาก เพราะต้องเวนคืนที่ดินเป็นจำนวนมาก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังทรงช่วยแก้ปัญหา ให้ประเทศไทยนับครั้งไม่ถ้วน อย่างที่ชุมพร มีปีหนึ่งน้ำท่วมใหญ่ เสียหายมาก พระองค์รับสั่งให้ขุดลอกคลองหัววังพนักตัก เป็นคลองใหญ่ระบายน้ำออกจากชุมพรลงทะเล เพื่อช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วม ต่อมาปี ๒๕๔๓ ชุมพรน้ำท่วมอีกครั้ง คุณปราโมทย์ ไม้กลัด เพิ่งเป็นอธิบดีกรมชลประทานใหม่ ๆ คลองหัววังพนังตักยังสร้างไม่เสร็จ เพระมีปัญหาผู้รับเหมาทิ้งงาน เหลืออีกประมาณ ๑ กิโลเมตรจึงทะลุทะเล ประชุมได้พักหนึ่ง มีโน้ตถึงคุณปราโมทย์ว่า พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงมีรับสั่งให้ขุดคลองหัววังพนังตัก ให้ทะลุทะเลภายใน ๓๐ วัน คงไม่มีทางเกิดซ้ำอีก ทำไมพระองค์จึงรับสั่งแบบนั้น แต่ปัญหาคือ ตอนนั้นอยู่ในช่วงปลายปี เงินงบประมาณหมด ไม่มีเงินซื้อน้ำมันใส่เครื่องจักร ให้กรมชลประทาน ๑๘ ล้านบาท จนสามารถขุดคลองได้สำเร็จทันเวลา แล้วเชื่อไหมไม่ถึงสองสัปดาห์ต่อมา พายุใหญ่เข้าชุมพร! แต่หนนี้น้ำไม่ท่วม เพราะคลองหัวพนังตักช่วยระบายน้ำ นั่นแสดงว่าพระองค์ทรงติดตามความทุกข์ร้อน
ที่ท่านสวัสดิ์ได้มีโอกาสสัมผัสหรือรับเพิ่มอีกนะครับ มีมากมายจนน่าอัศจรรย์ และเมื่อทรงศึกษาเรื่องใด จะทรงค้นคว้าลงลึกจนถึงแก่น เช่น การทำฝนเทียมที่โด่งดังไปทั่วโลก พระปรีชาสามารถทางด้วนกฎหมาย ที่องคมนตรีด้านกฎหมายทุกคนลงความเห็นว่า ทรงเป็นนักประชาธิปไตยที่รู้กฎหมายอย่างถ่องแท้ หรือด้านการจราจร แก้ไขปัญหาจราจรติดขัดมาหลายครั้ง เช่น พระราชดำริให้สร้างถนนวงแหวนอุตสาหกรรม ช่วยแก้ปัญหารถติดให้ชาวพระประแดงอย่างเห็นผลทันตา ผมยังแปลกใจเลยว่า พระองค์ไม่เคยรถติด เพราะเวลาเสด็จฯ ไปไหน ตำรวจจะปิดถนนตลอด แล้วพระองค์ทรงรู้ได้อย่างไร พระองค์มักจะทรงมีข้อมูลที่เรานึกไม่ถึงเสมอ อย่างตอนปลายเดือนตุลาคม ปี ๒๕๓๘ ซึ่งขณะนั้นเกิดน้ำท่วมใหญ่ฝั่งธน โดยเฉพาะที่ถนนเจริญนครจมอยู่ใต้น้ำเป็นเดือน คุณสมิทธ ธรรมสโรช อธิบดีกรมอุตุนิยมวิทยา ทูลเกล้าฯ ถวายรายงานพร้อมกับออกโทรทัศน์ประกาศว่า ซุปเปอร์ไต้ฝุ่น ชื่อ แอนเจลลา ความเร็วลมใกล้จุดศูนย์กลางถึง ๑๕๐ กิโลเมตรต่อชั่วโมง ซึ่งถล่มประเทศฟิลิปปินส์ยับเยิน กำลังตรงเข้าประเทศไทยภายใน ๓ วัน เมื่อรวมกับนักอุตุนิยมวิทยาทั่วโลกก็วิเคราะห์ไปในทางเดียวกัน ทำให้ผู้คนตกใจแตกตื่นเป็นการใหญ่ ทั้งซีเอ็นเอ็นและบีบีซีก็ออกข่าวเป็นการด่วนด้วย วันรุ่งขึ้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว มีพระราชกระแสรับสั่งถึงอธิบดีสมิทธฯ ว่า ให้ออกข่าวใหม่ว่า พายุไม่เข้าเมืองไทยแล้ว วันต่อมา สิ่งมหัศจรรย์ก็เกิดขึ้น ก่อนจะถึงเวียดนาม พายุแอนเจลลาเปลี่ยนทิศทางหักมุม ๙o องศา ขึ้นเหนือไปประเทศจีน มีคนตาย ๗๐๐ ๘๐๐ คน ผมได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้เข้าร่วมโต๊ะเสวย ช่วงหนึ่ง ผมกราบบังคมทูลพระกรุณาว่า อธิบดีสมิทธ บอกว่านักอุตุนิยมวิทยาทั่วโลกเห็นตรงกันว่า ไต้ฝุ่นแอนเจลลาต้องเข้าเวียดนามและไทยแน่นอน ใต้ฝ่าละอองธุลีพระบาท พระองค์เดียว ทรงยืนยันว่าไม่เข้า เขาพากันเผาตำราทิ้งหมดแล้ว ทรงทราบได้อย่างไรพระพุทธเจ้าข้า แล้วมีพระราชกระแสรับสั่งในทำนองขำขันว่า ได้ให้นางมณีเมขลาไปเจรจาได้ผลดีแล้ว ให้พาคุณ แอนเจลลา ไปเที่ยวเขาพระสุเมรุแทน ตอนอธิบดีสมิทธกราบบังคมทูลพายุ เขาพูดว่ากราบบังคมทูลเพื่อพิจารณา เมื่อเขาให้พิจารณา ไม่ใช่เพื่อทราบ ฉันก็ต้องรีบค้นคว้าใหญ่ (ท่านสวัสดิ์หัวเราะ) หลังจากนั้นพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงเปิดอินเทอร์เน็ต นำข้อมูลทั้งหมดมาวิเคราะห์ และทรงเห็นช่องโหว่ของความกดอากาศสูง ที่เคลื่อนตัวมายังเมืองจีน วันที่แอนเจลลาเข้าเวียดนาม ความกดอากาศสูงจะอ่อนกำลังลง พายุจะขึ้นประเทศจีน แต่มีพระราชกระแสรับสั่งเกี่ยวกับนางเมขลา เป็นพระเมตตาโดยแท้ ด้วยทรงเกรงว่าข้าราชการจะเสียหน้า
(อ่านต่อตอนที่ 3)
ขอขอบคุณ : คุณสัญญา คุณากร สัมภาษณ์ท่านองคมนตรีสวัสดิ์ วัฒนายากร , นิตยสารแพรว(พ.ศ. ๒๕๕๔) และ คุณ CiNNtv1
ขอขอบคุณ ...แหล่งที่มาคัดลอกมาจาก...ชมรมคนรักในหลวง.
|
tangkay
Rss Feed Smember ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?] (‿✿) พออายุเลยเลขหกฉันยกเครื่อง มอบทุกเรื่องที่เคยรู้คู่ความเห็น มอบประสบการณ์ผ่านพบจบประเด็น ไม่ยากเย็นเรื่องความรู้ตามดูกัน ฉันคนเก่าเล่าความหลังยังจำได้ แต่ด้วยวัยที่เหลือน้อยค่อยสร้างสรร ยอมรับเรื่องเนตโซเชียลเรียนไม่ทัน อย่าโกรธฉันแค่สูงวัยแต่ใจจริง ด้วยอายุมากมายอยากได้เพื่อน หลากหลายเกลื่อนทุกวัยทั้งชายหญิง คุยทุกเรื่องแลกเปลี่ยนรู้คู่ความจริง หลากหลายสิ่งฉันไม่รู้ดูจากเธอ .... สิบปีผ่านไป....... อายุเข้าเลขเจ็ดไม่เผ็ดจี๊ด เคยเปรี้ยวปรี๊ดก็ต้องถอยคอยเติมหวาน ด้วยเคยเกริ่นบอกเล่ามาเนิ่นนาน ก็ยังพาลหมดแรงล้าพากายตรม ด้วยชีวิตผ่านมาพาเป็นสุข ยังสนุกกับการให้ใจสุขสม อยากบอกเล่ากล่าวอ้างบางอารมณ์ แม้คนชมจะร้องว้า....ไม่ว่ากัน ปัจจุบันเขียนน้อยค่อยเหินห่าง ระบบร่างเปลี่ยนแปลงเหมือนแกล้งฉัน เราคนแก่ตามแก้ไม่ค่อยทัน ยักแย่ยันค่อยศึกษาหาข้อมูล แต่ด้วยคิดถึงแฟนคลับกระชับมิตร จึงต้องคิดตามต่อไปไม่ให้สูญ ส่งความรู้คู่ธรรมะทวีคูณ เพื่อเพิ่มพูนให้รู้กันฉันสุขใจ Link |