ควบคุมใจด้วยสติ
ให้มีสติเตือนตนเสมอว่า
ความอยากเป็นตัวสร้างความทุกข์ ความวุ่นวาย
เป็นตัวผลักดันให้ไปผุดไปเกิด
ไปเวียนว่ายตายเกิดในภพน้อยภพใหญ่
อย่างไม่รู้จักจบจักสิ้น
พระพุทธเจ้าจึงทรงสอนให้ใช้เหตุผล
ให้ทำจิตใจให้สงบนิ่ง เพราะเวลาจิตใจสงบนิ่ง
ความอยากจะทำงานไม่ได้
เหมือนกับรถยนต์ ถ้าจอดอยู่เฉยๆ
คนที่นั่งอยู่ในรถจะไปไหนมาไหนไม่ได้
ต้องให้รถยนต์วิ่งถึงจะไปได้
ฉันใดความอยากก็อาศัยการทำงานของใจ
เวลาใจคิดเรื่องนั้นคิดเรื่องนี้
ความอยากก็ตามมาได้ พอคิดถึงขนมก็น้ำลายหก
พอคิดถึงอาหารก็อยากจะรับประทาน
ถ้าไม่คิดถึงเรื่องอะไรเลย ก็จะไม่อยากกับอะไรเลย
เช่นในขณะนี้เรากำลังฟังเทศน์ฟังธรรมอยู่
ไม่มีโอกาสไปคิดถึงเรื่องอาหาร เรื่องขนม
ก็ไม่รู้สึกอยากจะกินอะไร ถ้าไม่ควบคุมจิตใจ
ปล่อยให้ไหลไปเรื่อยๆ
พอคิดถึงขนมคิดถึงอาหาร ก็จะหยุดมันไม่ได้
จึงต้องหยุดใจให้ได้ ด้วยการทำสมาธิ
ควบคุมใจไม่ให้ไปคิดเรื่องต่างๆ
บังคับให้คิดอยู่เรื่องเดียว
เช่นพุทโธๆ คิดไปเรื่อยๆ ถ้าอยู่กับพุทโธ
ก็จะไม่สามารถไปคิดเรื่องอื่นได้
ถ้าเผลอก็จะไปคิด
จะไม่สามารถนั่งทำสมาธิต่อไปได้
พอพุทโธไปได้คำสองคำก็นึกถึงอาหาร
นึกถึงขนม สักพักหนึ่งก็ทนนั่งอยู่ไม่ได้
อยากลุกขึ้นไปรับประทานอาหาร
ไปรับประทานขนม ถ้าควบคุมใจด้วยสติ
บังคับให้อยู่กับพุทโธๆ อย่างเดียว
เวลาไปคิดเรื่องอะไรก็รีบดึงกลับมาที่พุทโธๆ
ไม่นานจิตจะสงบนิ่ง เหมือนกับรถยนต์
ที่เราคอยเหยียบเบรกอยู่เรื่อยๆ
ไม่ช้าก็เร็วรถก็จะหยุดนิ่ง
ฉันใดใจของเราก็เป็นอย่างนั้น
พุทโธก็เป็นเหมือนเบรกใจ
ถ้าบริกรรมพุทโธอยู่เรื่อยๆ
ก็เหมือนคอยเหยียบเบรกอยู่เรื่อยๆ
ไม่ช้าก็เร็วใจก็จะหยุดนิ่ง
จะเกิดความอิ่มความสุขขึ้นมา
เพราะความอยากได้หยุดทำงานไปชั่วคราว.
พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
..............................
กำลังใจ ๓๗, กัณฑ์ที่๓๔๕
วันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๕๐
ขอบคุณที่มา fb. พระอาจารย์สุชาติ อภิชาโต
ขอบคุณเจ้าของภาพค่ะ