ติดตาม twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด

แหกคุกมหันตโทษ บางขวาง "การแหกคุกครั้งแรกของเรือนจำบางขวาง"

เรือนจำบางขวางขึ้นชื่อว่าเป็นเรือนจำความมั่นคงสูงที่มีนักโทษอัตราโทษสูงถึงตายรวมกันมากมายจนถูกจัดอันดับไปอยู่อันดับ ๔ ของโลก ชื่อเสียงความน่ากลัวขจรไกลแต่อย่างนั้นก็ยังมีคนย้ายเข้าไปอยู่เนืองๆ โทษที่สูงเลยทำให้การรักษาความปลอดภัยยิ่งต้องเข้มงวดชนิดเปลี่ยนที่นอนกันไม่ได้ ต้องนับกันทุกเช้าเย็น กำแพงไฟฟ้า พร้อมด้วยนักแม่นปืนประจำการตลอด ๒๔ ชั่วโมงเพื่อป้องกันการหลบหนีแต่อย่างนั้นก็เถอะ ใช่ว่าไม่เคยมีความพยายามหลบหนีมันก็มีมาโดยตลอดแต่เราจะมาดูความพยายามในการแหกคุกมหันตโทษครั้งแรกที่ถูกบันทึกไว้อย่างเป็นทางการ

    วันที่ ๓๐ เมษายน พ.ศ.๒๔๗๕ เวลาประมาณ ๐๘.๐๐ น. นายเที่ยง บัณทิตย์ศิลป์ นายจำปี สายทุ้ม นายสี ศรีวิลัย นายพุ่ม อิ่มอก นายชิต บุญมาก และนายเซ่ง(ไม่ทราบนามสกุล) ผู้คุมนักโทษเรือนจำมหันตโทษจำนวน ๖ นาย ได้ทำการควบคุมนักโทษจากแดน ๑, ๒, ๓, ๕, ๖ ประมาณ ๕๐๐ คนเศษ พร้อมด้วยเครื่องมือเช่น มีด ขวาน แชลง พลั่ว จอบ เสียม ออกทำงานในแดนสงวนซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือของเรือนจำ โดยแยกนักโทษออกทำงานหลายกองด้วยกัน มีกองช่างไม้และผูกเหล็กหล่อคอนกรีตซึ่งอยู่รวมในโรงงานเดียวกัน กองทำอิฐ กองขุดดิน กองสูบน้ำ กองตัดต้นไม้และผ่าฟืน ซึ่งทุกกองมีนักโทษผู้ช่วยเจ้าพนักงานเป็นหัวหน้าควบคุมการทำงานของนักโทษทั้งหมดอีกทีหนึ่ง โดยมีนายร้อยตำรวจโทแม้น ผู้ช่วยสารวัตร เข้าตรวจการทำงานของนักโทษทั้งหมดเป็นระยะ

              เวลา ๑๔.๓๐ น. ขณะที่นายเที่ยงกำลังทำหน้าที่เฝ้าประตูแดนสงวน ส่วนผู้คุมที่เหลืออีก ๕ นายได้ช่วยกันควบคุมตรวจตรานักโทษที่ทำงานอยู่ตามกองงานต่างๆ น.ช.รอด และ น.ช.หนูซึ่งใช้ผ้าแดงโพกศีรษะ ได้ตรงเข้าแย่งขวานจากนักโทษที่ทำงานอยู่ในโรงงานช่างไม้คนละด้าม จากนั้นได้ใช้สันขวานตีเข้าที่ถังไม้ ๓-๔ ครั้ง โดยนักโทษกองทำอิฐได้ตีปี๊บขึ้นตอบรับ น.ช.รอด และ น.ช.หนูได้ร้องตะโกนขึ้นว่า “ไชโย ใครจะไปบ้านก็ตามมา อ้ายพวกเหลืองๆเอาให้หมด” (อ้ายพวกเหลืองหมายถึงผู้คุม)
              นักโทษที่ทำงานอยู่ตามกองงานต่างๆพากันลุกขึ้น พร้อมกับหยิบฉวยอาวุธที่เป็นเครื่องใช้ในการทำงานเท่าที่จะหาได้ ขณะที่นักโทษบางคนงัดโซ่ตรวนที่ขาออกเพื่อสะดวกต่อการหลบหนีจากเรือนจำ น.ช.รอด และ น.ช.หนูวิ่งนำนักโทษทั้งหมดเข้าฟันประตูป้อมเชิงเทินซึ่งอยู่ระหว่างป้อม ๑๕ และ ๑๖ เพื่อแหกหักออกไปทางถนนหน้าเรือนจำ
              นักโทษบางคนได้ตรงเข้าทำร้ายร่างกายผู้คุมจนได้รับบาดเจ็บ มีนายจำปีถูกตีเข้าที่ข้างใบหูขวา นายพุ่มถูกตีเข้าที่แขนซ้ายขณะเข้าห้ามไม่ให้นักโทษพังประตู เมื่อผู้คุมที่เหลือเห็นว่าเหตุการณ์เริ่มรุนแรงและไม่สามารถควบคุมได้ จึงได้เป่านกหวีดส่งอาณัติสัญญาณแจ้งเหตุร้าย พร้อมกับร้องตะโกนบอกให้ยามป้อมยิงสกัดเพื่อไม่ให้นักโทษแหกหักออกไปได้ พลตำรวจเหว่า ยามป้อมที่ ๑๕ ใช้ปืนยิงใส่ไปที่กลุ่มนักโทษที่กำลังพังประตูป้อมเชิงเทินจำนวน ๕ นัด พลตำรวจเอม ยามป้อมที่ ๑๖ ยิงใส่ไปอีก ๑ นัด ผลปรากฏว่า น.ช.ล่อน โทษฐานฆ่าคนตายมีกำหนดโทษ ๑๖ ปี ถูกกระสุนปืนเข้าที่เหนือสะดือข้างซ้ายทะลุชายโครงซ้ายจนร่างทรุดลงกับพื้นอาการสาหัส เมื่อนักโทษทั้งหมดเห็นว่ามีคนถูกยิง ต่างพากันแตกฮือวิ่งหนีออกไปทางประตูแดนซึ่งไม่ได้ใส่กุญแจไว้ คงเหลือนักโทษที่ไม่ได้เข้าร่วมก่อเหตุแหกหักประมาณ ๑๐๐ คนเศษ   
              เมื่อพากันวิ่งหนีออกมาพ้นประตูแดนแล้ว ได้แยกย้ายกันออกเป็น ๒ ทาง ทางหนึ่งหนีไปทางด้านหอรักษาการณ์ ๗ ชั้น เพื่อแหกหักออกทางประตูใหญ่ของเรือนจำ อีกทางหนึ่งหนีเข้าไปในสถานพยาบาลของเรือนจำเพื่อทะลุออกทางด้านหลังของสถานพยาบาลไปยังแดนประหารชีวิตซึ่งมีประตูผีที่ใช้สำหรับนำศพนักโทษออกจากเรือนจำ
              นักโทษที่หนีออกมาทางหอรักษาการณ์ ๗ ชั้น ได้ใช้ขวานพังประตูแดนประพฤติตัวดีที่ใช้ปลูกผัก (แดน ๑๓ ในปัจจุบัน) และแดน ๑, ๒, ๖ ไล่ทำร้ายผู้คุมและร้องประกาศชักชวนให้นักโทษภายในแดนออกไปสมทบ ปรากฏว่ามีนักโทษแดนประพฤติตัวดีออกไปร่วมแหกหัก ๕ คนพร้อมมีด ๔ เล่ม แดน ๒ มีนักโทษถือไม้สำหรับม้วนผ้าวิ่งออกจากแดนไปร่วมสมทบ ๕ คน ส่วนแดน ๑ และ ๖ ไม่ปรากฏว่ามีนักโทษเข้าร่วมแต่อย่างใด ขุนพินิจชนารักษ์ นายแดน ๒ (เข้าใจว่าหมายถึงหัวหน้าแดน) และน.ช.ลบ ยามใน ผู้ช่วยเจ้าพนักงานซึ่งทำหน้าที่ดูแลประตูแดน ถูกนักโทษรุมทำร้ายบาดเจ็บแต่ไม่สาหัส
              หลังจากที่พังประตูแดน ๑, ๒, ๖ และแดนประพฤติตัวดีแล้ว นักโทษในแดน ๒ เกือบทั้งหมดเตรียมการที่จะออกไปร่วมสมทบกับกลุ่มผู้ก่อเหตุที่หน้าแดน เป็นเวลาเดียวกับที่พระยาอาชญาจักร์ ผู้บัญชาการเรือนจำ และตำรวจรักษาการณ์ได้นำกำลังเข้ามาถึงใต้หอรักษาการณ์ พระยาอาชญาจักร์ ได้สั่งให้ตำรวจใช้อาวุธปืนเข้ายิงสกัดกั้นกลุ่มนักโทษในทันที
              ตำรวจใช้ปืนยิงพวกนักโทษที่ก่อการกำเริบบริเวณหน้าแดน ๒ และรุกไล่ยิงนักโทษกลุ่มนี้ไปทางโรงย้อมผ้า (แดน ๑๖ ในปัจจุบัน) มีนักโทษ ๓ คนถูกกระสุนปืนและหลบหนีเข้าไปในแดน ๒   นักโทษกลุ่มหนึ่งหลบเข้าไปซ่อนตัวอยู่ในโรงย้อมผ้า อีกกลุ่มหนึ่งหนีเข้าไปทางแดนประหารชีวิต
              พระยาอาชญาจักร์ ผู้บัญชาการเรือนจำ หลวงวิบูลย์สารกิจ ผู้ช่วยผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนนทบุรี พลตำรวจสำเนียง  ตำรวจรักษาการณ์ ผู้คุมและนักโทษผู้ช่วยเจ้าพนักงาน ได้ติดตามนักโทษไปทางแดนประหารชีวิต เมื่อไปถึงหน้าโรงครัว (แดน ๙ ในปัจจุบัน) เห็นกลุ่มนักโทษกำลังใช้ขวานฟันประตูผีเพื่อแหกหักออกทางวัดบางแพรก พระยาอาชญาจักร์พร้อมเจ้าหน้าที่ที่ติดตามไป และยามป้อมที่ ๘, ๙, ๑๐, ๑๑ จึงใช้ปืนระดมยิงใส่กลุ่มนักโทษเหล่านั้น ขณะเดียวกันนายร้อยตำรวจโทพัฒน์ ผู้บังคับกองตำรวจมหันตโทษได้ตามเข้ามาสมทบ  และได้ใช้อาวุธปืนลูกซองแฝดชนิดเบอร์ ๑๒ เข้าร่วมระดมยิงด้วย
              เมื่อถูกระดมยิงเข้าใส่ นักโทษได้หนีหลบลงไปซ่อนอยู่ในบ่อน้ำบริเวณแดนประหารชีวิตจำนวน ๑๒ คน ส่วนที่เหลือต่างพากันหนีเลาะกำแพงย้อนกลับมาทางหลังโรงครัวจนหมด พระยาอาชญาจักร์กับพวกจึงล้อมจับนักโทษที่ซ่อนตัวอยู่ในบ่อน้ำได้หมดทุกคน และสามารถติดตามจับกุมนักโทษที่หลบซ่อนอยู่ตามที่ต่างๆ ในเรือนจำได้หมด การจับกุมครั้งนี้ต้องใช้กำลังรุนแรงเข้าทำการจับกุมนักโทษด้วย เหตุการณ์ทุกอย่างจึงสงบลงได้
              จากการเข้าทำการสกัดกั้นการแหกหักเรือนจำครั้งนี้ปรากฏว่า เจ้าพนักงานตำรวจกองมหันตโทษสิ้นกระสุนไป ๑๐๔ นัด ตำรวจภูธรกองจังหวัดนนทบุรี ๑๓ นัด หลวงวิบูลย์สารกิจ ๒ นัด พระจำเริญพลรบ ๗ นัด และกระสุนปืนลูกซองของนายร้อยตำรวจโทพัฒน์ และนายร้อยตำรวจตรีสุวรรณอีกหลายนัด มีนักโทษถูกยิงตายในที่เกิดเหตุ ๖ คน ถูกยิงและถูกทำร้ายขณะจับกุมจนบาดเจ็บสาหัสและไม่สาหัส ๓๔ คน นักโทษที่ถูกยิงและถูกทำร้ายได้มาตายที่สถานพยาบาล ๓ คน รวมนักโทษที่ตายทั้งสิ้น ๙ คน เจ้าพนักงานถูกทำร้ายบาดเจ็บไม่สาหัส ๔ นาย ผู้ช่วยเหลือเจ้าพนักงานบาดเจ็บไม่สาหัส ๑ คน
              รายชื่อนักโทษที่เสียชีวิตจากเหตุการณ์แหกหักเรือนจำครั้งนี้
              ๑.น.ช.โดด กลิ่นขจร เลขหมาย ง.๕๗๕ อายุ ๒๔ ปี ชาวตำบลตลาด อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรี อาชีพเดิมรับจ้าง ต้องโทษเมื่อวันที่ ๒ สิงหาคม พ.ศ.๒๔๗๓ โทษฐานมีอาวุธปืนไม่ได้รับอนุญาตและปล้นทำร้ายเจ้าทรัพย์ กำหนดโทษ ๒๐ ปี ๑๒๐ วัน สภาพศพนอนหงายตายอยู่ในบริเวณแดนประหารชีวิต ห่างจากกำแพงด้านหลังสถานพยาบาล ๖ ศอก มีบาดแผล ๓ แห่ง แห่งที่ ๑ ถูกยิงใต้สะบักขวาทะลุสีข้างซ้ายโตกลม ๒ นิ้ว แห่งที่ ๒ ถูกของแข็งกระแทกที่แก้มขวาผิวหนังถลอกโตกลม ๑ กระเบียด แห่งที่ ๓ ถูกของแข็งกระแทกที่เหนือราวนมซ้ายแผลถลอกโตกลม ๑ กระเบียด
              ๒.น.ช.ทอง ทองโส เลขหมาย ง.๑๖๐๙ อายุ ๓๓ ปี ชาวตำบลดงน้อย อำเภอพนมสารคาม จังหวัดฉะเชิงเทรา อาชีพเดิมทำนา ถูกส่งตัวมาที่เรือนจำมหันตโทษเมื่อ ๒๗ พฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๗๑ โทษฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา กำหนดโทษตลอดชีวิต สภาพศพนอนหงายตายอยู่ในบริเวณแดนประหารชีวิต ห่างกำแพงด้นหลังสถานพยาบาล ๖ ศอก (นอนตายข้างน.ช.โดด กลิ่นขจร) มีบาดแผล ๒ แห่ง แห่งที่ ๑ ถูกยิงเข้าที่ชายโครงข้างขวาแผลโตกลม ๑ กระเบียดทะลุเหนือเอวซ้ายกว้าง ๒ นิ้ว แห่งที่ ๒ ถูกยิงเข้าที่ใต้ข้อศอกซ้ายทะลุแผลโตกลม ๑ กระเบียด
              ๓.น.ช.หยวน นามสกุลไม่ปรากฏ เลขหมาย ง.๑๓๕๗ อายุ ๓๒ ปี ชาวตำบลสองพี่น้อง อำเภอท่าใหม่ จังหวัดจันทบุรี อาชีพเดิมทำไร่ ต้องโทษเมื่อวันที่ ๒ มิถุนายน พ.ศ. ๒๔๖๖ โทษฐานปล้นฆ่าเจ้าทรัพย์ตาย กำหนดโทษ ๑๖ ปี ๗ เดือน ๓ วัน สภาพศพนอนหงายตายอยู่ในบริเวณแดนประหารชีวิต ห่างจากกำแพงด้านหลังสถานพยาบาลประมาณ ๓ วา มีบาดแผลถูกยิงเข้าที่สบักขวาทะลุราวนมซ้ายโตกลมนิ้วครึ่ง
              ๔.น.ช.กวย มีสี เลขหมาย ง.๑๔๓๑ อายุ ๓๖ ปี ชาวตำบลหนองกรด อำเภอบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์ อาชีพเดิมทำนา ต้องโทษเมื่อวันที่ ๑๘ กันยายน พ.ศ.๒๔๗๒ โทษฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา กำหนดโทษตลอดชีวิต สภาพศพนอนหงายตายอยู่ในบ่อน้ำบริเวณแดนประหารชีวิต มีบาดแผล ๒ แห่ง แห่งที่ ๑ ถูกยิงเข้าที่หน้าผากทะลุออกกกหูซ้ายแผลโตกลม ๑ กระเบียด แห่งที่ ๒ ถูกยิงเข้าที่ตาซ้ายทะลุใต้แก้มซ้ายจนลูกตาทะลักแผลยาว ๔ นิ้ว กว้าง ๑ นิ้ว
              ๕.น.ช.ติ๊ด เกตแก้ว เลขหมาย ง.๑๓๓๘ อายุ ๓๐ ปี ชาวตำบลสระพลี อำเภอบางสน จังหวัดชุมพร อาชีพเดิมทำโป๊ะ ต้องโทษเมื่อวันที่ ๒๙ มกราคม พ.ศ.๒๔๖๙ โทษฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา กำหนดโทษ ๒๐ ปี สภาพศพนอนหงายตายอยู่ในบ่อน้ำบริเวณแดนประหารชีวิต (นอนตายข้างน.ช.กวย มีสี) มีบาดแผลถูกกระสุนปืนเข้าที่เหนือราวนมซ้ายโตกลม ๑ กระเบียด ทะลุออกใต้สะบักขวาแผลโตกลม ๒ นิ้ว
              ๖.น.ช.สุด ฉ่ำโวหาร เลขหมาย ง.๑๓๒๓ อายุ ๓๘ ปี ชาวตำบลบางซื่อ อำเภอบางซื่อ จังหวัดพระนคร อาชีพเดิมทำสวน ต้องโทษเมื่อวันที่ ๘ มีนาคม พ.ศ.๒๔๖๔ โทษฐานปล้นทรัพย์ กำหนดโทษ ๑๗ ปี สภาพศพนอนหงายตายอยู่ริมท่อน้ำข้างโรงย้อมผ้าด้านเหนือ มีบาดแผล ๓ แห่ง แห่งที่ ๑ ถูกยิงเข้าที่คางขวาทะลุท้ายทอยโตกลม ๒ กระเบียด แห่งที่ ๒ ถูกยิงเข้าที่กกหูขวากว้าง ๒ กระเบียด ยาว ๑ นิ้วลึกเข้าสมอง แห่งที่ ๓ ถูกยิงเข้าที่กกหูขวาห่างจากแห่งที่ ๒ ประมาณ ๓ กระเบียดแผลโตกลม ๑ กระเบียดทะลุเข้าสมอง
              ๗.น.ช.โทน หรือสาย อารักษ์ เลขหมาย ง.๒๘๓๐ อายุ ๓๑ ปี ชาวตำบลปลายโพงพาง อำเภออัมพวา จังหวัดสมุทรสงคราม อาชีพเดิมทำสวน ต้องโทษเมื่อวันที่ ๒๕ มกราคม พ.ศ.๒๔๗๒ โทษฐานฆ่าคนตายโดยเจตนา กำหนดโทษตลอดชีวิต สภาพศพถูกยิงเข้าที่เชิงกรานหลังด้านขวาโตกลม ๑ กระเบียด ทะลุไข่ดันขวาโตกลม ๑ นิ้ว มาตายที่สถานพยาบาลของเรือนจำ
              ๘.น.ช.เจียน บุตร์ทิพย์ เลขหมาย ง.๑๗๔๔ อายุ ๓๖ ปี ชาวตำบลมักกะเค้า อำเภอหนองจอก จังหวัดเพชรบุรี อาชีพเดิมทำนา ต้องโทษเมื่อวันที่ ๑ กันยายน พ.ศ.๒๔๖๕ โทษฐานปล้นทำร้ายเจ้าทรัพย์และมีอาวุธปืนไม่จดทะเบียน กำหนดโทษ ๓๐ ปี กับ ๒๓๒ วัน สภาพศพมีบาดแผล ๔ แห่ง แห่งที่ ๑ ถูกยิงเข้าที่ใต้หูซ้ายทะลุตาขวาจนลูกตาทะลัก แห่งที่ ๒ ถูกยิงเข้าที่สีข้างซ้ายระหว่างซี่โครงที่ ๙-๑๐ แผลโตกลม ๒ กระเบียด ทะลุข้างท้องแถบซ้ายระหว่างซี่โครงที่ ๑๑-๑๒ แผลโตกลม ๓ นิ้ว แห่งที่ ๓ ถูกของแข็งกระแทกที่โคนขาขวาด้านนอกถลอก หนังขาดกว้าง ๒ นิ้วยาว ๓ นิ้ว แห่งที่ ๔ ถูกยิงเข้าที่นิ้วเท้ากลางข้างซ้ายจนข้อปลายนิ้วขาด มาตายที่สถานพยาบาลของเรือนจำ
              ๙.น.ช.เซี้ยว แซ่ฉิน เลขหมาย ง.๑๔๖๐ อายุ ๓๖ ปี ชาวตำบลราชบุรี อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี อาชีพเดิมรับจ้าง ต้องโทษเมื่อวันที่ ๓๐ เมษายน พ.ศ.๒๔๗๒ โทษฐานชิงทรัพย์ฆ่าเจ้าทรัพย์ตาย กำหนดโทษตลอดชีวิต สภาพศพมีบาดแผล ๕ แห่ง แห่งที่ ๑ ถูกของแข็งเข้าที่กลางศีรษะ ๓ แผล จนกะโหลกแตกถึงสมอง แห่งที่ ๒ ถูกของแข็งที่ศีรษะแถบขวากว้าง ๒ กระเบียด ยาว ๑ นิ้วครึ่ง ลึกถึงกะโหลก แห่งที่ ๓ ถูกของแข็งที่ศีรษะแถบซ้ายลึกถึงกะโหลก แห่งที่ ๔ ถูกของแข็งที่หน้าผากลึกถึงกะโหลก แห่งที่ ๕ ถูกของแข็งที่ศรีษะข้างซ้ายลึกถึงกะโหลก มาตายที่สถานพยาบาลเรือนจำ
              สำหรับสาเหตุการเสียชีวิตของน.ช.เซี้ยว แซ่ฉิน เนื่องจากขณะที่เจ้าหน้าที่ได้เข้าไปล้อมจับกุมนักโทษที่หลบซ่อนอยู่ในบ่อน้ำบริเวณแดนประหารชีวิต น.ช.เซี้ยวและพวกอีก ๒ คนได้ปีนขึ้นมาจากบ่อน้ำและตรงเข้าจะฟันนายต่วนผู้คุมใหญ่ผู้ช่วยหัวหน้าโรงครัว เจ้าหน้าที่จึงเข้าช่วยกันกลุ้มรุมทำร้ายนักโทษทั้ง ๓ คนเพื่อป้องกันชีวิตของเจ้าหน้าที่ จนกระทั่งน.ช.เซี้ยวไปตายที่สถานพยาบาลในภายหลัง
              ส่วนนักโทษที่ถูกยิงตาย ไม่มีเจ้าหน้าที่คนใดยอมรับว่าเป็นคนยิง ซึ่งทางกรมอัยการเห็นว่า การที่ตำรวจป้อมรักษาการณ์และเหล่าเจ้าหน้าที่ที่ใช้ปืนยิงพวกนักโทษที่พยายามแหกคุกในครั้งนี้ ได้กระทำไปโดยคำสั่งที่ชอบและการกระทำการตามหน้าที่พอสมควรแก่เหตุ ไม่ควรฟ้องร้องเอาความผิดแก่ฝ่ายเจ้าพนักงาน สมุหพระนครบาลเห็นชอบด้วย จึงขออนุมัติระงับการฟ้องร้องเจ้าหน้าที่ซึ่งกระทำการจับกุมปราบปรามนักโทษพยายามแหกคุกตายและบาดเจ็บนั้นเสีย
              กระทรวงมหาดไทยได้พิจารณาเห็นว่าพฤติการณ์ที่พวกนักโทษจำนวนมากด้วยกันร่วมความคิดกันพยายามแหกคุกและต่อสู้ทำร้ายเจ้าพนักงานคราวนี้ นับว่านักโทษทำการอุกอาจร้ายแรงมาก กระทรวงมหาดไทยเห็นพ้องด้วยความเห็นกรมอัยการและสมุหพระนครบาลว่าเจ้าพนักงานได้กระทำไปแต่พอสมควรแก่เหตุ จึงได้มีตราสั่งอนุมัติสั่งไม่ฟ้องเจ้าหน้าที่ทั้งหมดไปยังสมุหพระนครบาล
              การแหกหักเรือนจำมหันตโทษครั้งนี้ ถือได้ว่าเป็นครั้งแรกของเรือนจำกลางบางขวาง นับตั้งแต่ย้ายเรือนจำมหันตโทษมาอยู่ที่บางขวางแห่งนี้  
หมายเหตุ...ภาษาที่ใช้และหน่วยวัดต่างๆ ใช้ตามข้อมูลเดิมที่ค้นคว้ามาได้   
ที่มา: //yuthbk2.blogspot.com/



Create Date : 21 ตุลาคม 2557
Last Update : 21 ตุลาคม 2557 21:26:03 น. 0 comments
Counter : 5079 Pageviews.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิกช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

ข่าวดี
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 55 คน [?]










ติดตามข้อมูลของเว็บทาง twitter ได้ที่ @karnoi กด
ติดตามข้อมูลเว็บทาง FaceBook กด







Online Users


New Comments
[Add ข่าวดี's blog to your web]