ฟุตบอล : ทันทีที่ หลุยส์ ฟาน กัล ปรากฏชื่อเป็นตัวเต็งลำดับที่ 1 ในการเข้ามานั่งเก้าอี้ผู้จัดการทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด บรรดาสื่อมวลชนและแฟน "ปีศาจแดง" พากันสืบค้นหาข้อมูลของกุนซือชาวดัตช์กันชุดใหญ่ และมีอยู่หนึ่งเรื่องที่พวกเราได้พบนั้นก็คือวิธีการทำงานเบื้องต้นของ หลุยส์ ฟาน กัล

รายงานระบุว่า ฟาน กัล เป็นกุนซือที่มักเปิดโอกาสให้ดาวรุ่งได้ลงโชว์ฝีเท้า หากเขามั่นใจว่าเด็กคนนี้มีความสามารถเพียงพอเขาจะส่งชื่อลงเล่นให้ทีมชุดใหญ่ทันที ซึ่งน่าจะเป็นส่งที่สอดคล้องกับปรัชญาของ "ปีศาจแดง" ที่เน้นระบบเยาวชนเช่นกัน

วันนี้ผมจะพาไปดูบรรดาเด็กๆ ของ ฟาน กัล กันครับ....

(อาแจ็กซ์ ชุดแชมป์แชมเปี้ยนส์ ลีก คือผลงานชิ้นโบว์แดงของ หลุยส์ ฟาน กัล)

หากยังมีข้อสังสัยชื่อของดาวรุ่งในวันนั้นอย่าง เอ็ดวิน ฟาน เดอ ซาร์ ผู้รักษาประตู, กองหลังทีมชาติฮอลแลนด์ เช่น มิเชล ไรซีเกอร์, แดนนี่ บลินด์, แฟรงค์ เดอ บัวร์ กองกลางนี่ยิงแล้วใหญ่ คลาเรนซ์ เซดอร์ฟ, เอ็ดการ์ ดาวิดส์, ยารี่ ลิตมาเน่น, ฟินิดี้ จอร์จ, มาร์ก โอเวอร์มาร์ส และโรนัลด์ เดอ บัวร์ ส่วนกองหน้าที่ยิงประตูชัยเหนือ เอซี มิลาน 1-0 อย่าง แพทริค ไคลเวิร์ต อายุแค่ 18 ปีเท่านั้น

ชุดนั้นหลายคนก้าวขึ้นสู่ระดับโลก บางคนคว้าแชมป์ยุโรปเป็นสมัยที่ 2 บางคนได้อีก 3 ครั้งเลย (คลาเรนซ์ เซดอร์ฟ) 

(ปูโยล กับ ชาบี คือผลผลิตในการคุม บาร์ซ่า ยุคของ ฟาน กัล)

ฟาน กัล จากทีมไปช่วงปี 2000 และกลับมาอีกครั้งในอีก 2 ปีต่อมา สตาร์ดังทีมชาตินามกระเดื่องในเวลาต่อมา อันเดรส อิเนียสต้า ได้โอกาสจากกุนซือชาวดัตช์อวดฝีเท้า การยิงประตูชัยในนัดชิงชนะเลิศฟุตบอล 2010 สร้างคุณประโยชน์ให้กับทีมชาติและต้นสังกัด จนอาจเรียกได้ว่า อิเนียสต้า ตำนานของนักฟุตบอลยุคใหม่

(แม้ช่วงที่ 2 จะได้คุมแค่ซีซั่นเดียวแต่ก็ยังอุตส่าห์ปั้น อิเนียสต้า ขึ้นมาประดับวงการอีกราย)

อาแซ่ด อัลค์มาร์ (2005-2009)

จากบาร์เซโลน่า ฟาน กัล ประกาศพักงาน 2 ปี เขาจึงเข้ารับงานคุมทีมอาแซ่ด อัลมาร์ สโมสรขนาดกลางค่อนไปทางใหญ่ (อย่าคิดลึก) เขาพาทีมคว้าแชมป์ลีกสูงสุดประเทศฮอลแลนด์ ฤดูกาล 2008-2009 โค่นทีมหัวแถวเหี้ยนเต้ ปราบได้ทั้ง อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม และพีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น 

น่าเสียดายทีมชุดนั้นคว้าแชมป์ แต่พวกนักเตะดาวรุ่งของทีมกลับไม่สามารถต่อยอดจนกลายเป็นสตาร์ดังเหมือนกับเยาวชนอาแจ็กซ์ ปี 1995

(เดมเบเล่ คือดาวรุ่งที่ไปได้ไกลที่สุดของ อัลค์มาร์ ชุดนั้น)

มุสซ่า เดมเบเล่ ย้ายไปขัดเกลาฝีเท้าต่อที่ ฟูแล่ม ส่วนปัจจุบันนี้ถือได้ว่าเป็นตัวหลักของ สเปอร์ส และเป็นหนึ่งในนักเตะทีมชาติเบลเยียม ชุดโกลเด้นเจเนอเรชั่นส์ 

ส่วน เยเรเมน เลนส์ กับ เอ็คตอร์ โมเรโน่ ไม่โด่งดังเท่าที่ควร

บาเยิร์น มิวนิค (2009-2011)

โทมัส มุลเลอร์ คือตัวอย่างที่เห็นจัดแจ่มแจ๋วที่สุด ถูกผลักดันขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ตอนอายุแค่ 20 ปีเท่านั้น ฟาน กัล จับเขาโยนลงน้ำชนิดเซอร์ไพรส์ไปทั่วแผ่นดินเยอรมัน เปิดตัวฤดูกาลแรกด้วยการขึ้นมายึดตัวหลัก ลงเล่นรวมทุกรายการ 52 นัด กระทุ้ง 19 ประตู จากนั้นระเบิดฟอร์มต่อกับ "อินทรีเหล็ก" ในฟุตบอลโลก 2010 พาทีมชาติเยอรมัน คว้าตำแหน่งดาวซัลโว และดาวรุ่งยอดเยี่ยม

(มุลเลอร์ และบาดสตูเบอร์ ได้โอกาสเล่นทีมชุดใหญ่ตั้งแต่ปีแรกที่ ฟาน กัล เข้ามาคุมทัพ เสือใต้)

โฮลเกอร์ บาดสตูเบอร์ ในวัย 21 ขวบ แก่กว่า มุลเลอร์ 1 ปี ขึ้นมาเล่นในทีมชุดใหญ่พร้อมๆกัน ตลอด 3 ฤดูกาลเขาคือตัวหลักของ "เสือใต้" และ ทีมชาติเยอรมัน แต่น่าเสียดายช่วงกลางฤดูกาล 2012-2013 เขาโชคร้ายได้รับบาดเจ็บหนักเอ็นหัวเข่าฉีกขาด และเจ็บซ้ำอีกครั้งในช่วงปรีซีซั่น

(โทนี่ โครส เองก็ใช่นะฮาฟฟฟ)

ก่อนที่ โทนี่ โครส จะขึ้นมามีบทบาทกับทีมชุดใหญ่ของ บาเยิร์น มิวนิค เช่นทุกวันนี้ ฟาน กัล เป็นคนส่งตัว โครส ไปให้ ไบเออร์ เลเวอร์คูเซ่น ยืมตัว ณ จุดนี้ต้องขอบคุณ จุ๊ปป์ ไฮย์เกส กุนซือ ''ห้างขายยา'' ที่ช่วยขัดเกลาฝีเท้าก่อนส่งคืนให้ บาเยิร์น ในปี 2011 แต่สุดท้าย ฟาน กัล กลับพาต้นสังกัดทำผลงานน่าผิดหวัง

พร้อมกับการโดนไล่ออกในเวลาต่อมา....

---------------------------------------------------------------

ขอขอบคุณ