เหตุใด? ใครต่อใครใคร่ครอบครองสปอร์ตคาร์คันโก้ ไม่ว่าจะเป็น เฟอร์รารี่, ลัมบอร์กินี, ปอร์เช่ ฯลฯ งานนี้ยิ่งตอกย้ำความต้องการของนักซิ่ง ด้วยประเด็นแรงมิดไมล์ กรณีนักแสดงดัง 'บอย - ปกรณ์ ฉัตรบริรักษ์' ซื้อรถสปอร์ตสุดหรู 'ลัมบอร์กินี' ราคา 13.5 ล้านบาท (ราคาต่ำกว่าท้องตลาด 6-7 ล้านบาท) จากหนึ่งในผู้ต้องหาคดีโกงเงินจากมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งจำนวนเงินกว่า 1,400 ล้านบาท
ได้เป็นเจ้าของสปอร์ตคาร์ดังใจในราคาถูก แต่กลับโดนหางเลขคดีฉาวลุกลามอาจโดนยึดลัมบอร์กินีคันงาม เพราะเจ้าของเก่ามีเส้นทางการเงินต้องสงสัย อย่างไรก็ตาม กรณีดาราดังซื้อลัมบอร์กินีจากหนึ่งในผู้ต้องหาคดีโกงเงินของสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง (สจล.) ถือเป็นอุทาหรณ์เตือนใจขาซิ่งพิจารณาให้ถี่ถ้วนก่อนตะครุบรถหรูราคาถูก
กรณีศึกษา : ซื้อรถหรูจากโจร?
ในส่วนของคดีทางเจ้าหน้าที่ตำรวจยังสืบสวนไล่ล่าข้อเท็จจริงกันต่อไป สำหรับกรณีที่เกิดขึ้นนักแสดงหนุ่มยืนยันหนักแน่นว่าไม่มีส่วนรู้เห็นใดๆ กับผู้ต้องหาซึ่งเป็นเจ้าของลัมบอร์กินีที่นำมาขายต่อ ซึ่งตนครอบครองลัมบอร์กินีคันนี้มีเอกสารแสดงถูกต้องตามกฎหมายทุกประการ
อย่างไรก็ตาม กรณีรถหรูลักษณะดังกล่าวเข้าไปเกี่ยวพันธ์กับคดีอาญา ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจมีอำนาจยึดไว้เป็นหลักฐานจนกว่าคดีจะคลี่คลาย และหากตรวจสอบได้ว่าลัมบอร์กินีคันดังกล่าวถูกซื้อด้วยเงินที่มีการฉ้อโกงจากคดีดังเข้าข่ายฟอกเงินก็ต้องดำเนินการตามกฎหมายต่อไป กลายๆ ว่า เจ้าของคนปัจจุบันผู้มีเอกสารสิทธิ์ถือครองอาจสูญทั้งรถหรูและเงินล้านก็เป็นได้
แหล่งข่าวปิดผู้คร่ำหวอดในวงการยานยนต์ เปิดเผยข้อมูลผ่าน ทีมข่าว Astv ผู้จัดการ Live ว่า กรณีนี้แม้ได้มาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย มีหลักฐานชัดเจน แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนพบว่าอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับรูปคดี สามารถใช้อำนาจกฎหมายยึดรถไว้จนกว่าจะคลี่คลายคดีสำเร็จ แน่นอนหากสืบสวนแล้วพบว่ารถยนต์คันดังกล่าวเจ้าของเดิมนำมาเข้ากระบวนการฟอกเงิน แม้เจ้าของใหม่ซื้อมาถูกต้องตามกฎหมายมีเอกสารหลักฐานชัดเจนแต่ก็อาจสูญรถยนต์คันนั้นตามข้อกฎหมายได้เช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นสิทธิของเจ้าทุกข์จะต้องไปฟ้องร้องดำเนินคดีร้องความเป็นธรรมต่อไป
ตามตัวบทกฎหมายตำรวจมีอำนาจหน้าที่สามารถยึดลัมบอร์กินีคันนั้นเก็บเอาไว้ตรวจสอบจนกว่าคดีจะสิ้นสุดได้ แต่นี่พอคดีเป็นคนที่มีชื่อเสียง เป็นดาราดัง 'บอย ปกรณ์' การที่คนรู้จักเยอะ และเข้าเปิดตัวชัดเจนว่าเงินที่เอาไปซื้อเป็นเงินจากบริษัทของเขาเอง เป็นเงินที่ถูกต้องตามกฎหมาย มีหลักฐานยืนยันว่าได้มาอย่างบริสุทธิ์ ก็อย่างที่เป็นข่าวครับ ตำรวจไม่ยึดลัมบอร์กินีของเขา
อย่างไรก็ตาม มีข้อครหาว่าเจ้าหน้าเลือกปฏิบัติกรณีนี้ หากผู้ครอบครอบเป็นคนธรรมดาอาจถูกยึดไปแล้ว ตามกฎหมายถ้าคดีสิ้นสุดแล้วปรากฏว่ารับซื้อของโจร ปรากฏว่าบุคคลผู้นั้นนำเงินไปซื้อลัมบอร์กินีโดยผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถยึดรถคันนั้นได้ ส่วนของ บอย ปกรณ์ ก็ไปสู้ในชั้นศาลว่าจะจัดการบุคคลที่หลอกขายได้อย่างไร ตำรวจสามารถยึดได้เลยโดยไม่ต้องคืน บอย ปกรณ์ และไม่ต้องจ่ายเงินจำนวน 13 ล้านบาท ถ้าอยากได้คืนไปฟ้องร้องเอา
กลายๆ ว่ากระบวนการซื้อขายสปอร์ตคาร์ที่ตกเป็นข่าวฉาวเข้าข่ายการฟอกเงิน โดยนำเงินที่ได้มาโดยมิชอบไปซื้อทรัพย์บางอย่างเป็นของตนก่อน จากนั้นก็นำไปขายต่อแล้วนำเงินกลับมาเป็นเงินถูกกฎหมาย
กรณีของนักแสดงดังรายนี้ถือเป็นกรณีตัวอย่างกระตุ้นเตือนให้ผู้ที่มีความต้องการซื้อรถยนต์มือสอง โดยเฉพาะในกลุ่มรถซูเปอร์คาร์ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบหากไม่อยากมีเอี่ยวในคดีทุจริต พ.ต.ท.ดร กฤษณพงศ์ พูตระกูล ประธานหลักสูตรอาชญาวิทยาฯ วิทยาลัยบริหารรัฐกิจและรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวเตือนว่า ผู้ซื้อควรซื้อจากตัวแทนจำหน่ายที่มีความโปร่งใส ถูกต้องตามกฎหมาย
ถือเป็นอุทธาหรณ์ ไม่ว่าจะรถหรูราคาแพง หรือรถยุโรป รถญี่ปุ่น ก็ต้องซื้อจากแหล่งที่เชื่อถือได้ ตรวจสอบที่มาที่ไปได้ ถ้าเราไม่มีความชำนาญการในการตรวจสอบก็อาจเป็นเหยื่อได้
ขับรถแพง แต่เลี่ยงภาษี
การนำเข้ารถใหม่ทั้งคันมีอุปสรรคต่อการทำตลาดเช่นกัน เพราะต้องโดนภาษีทุกอย่างเบ็ดเสร็จกว่า 200 - 300% (แล้วแต่ขนาดเครื่องยนต์และแรงม้า) ด้วยข้ออ้างเพื่อคุ้มครองอุตฯ รถยนต์ในประเทศ จึงทำให้สมมุติรถราคา 1 ล้านบาท เมื่อนำมาขายในไทยจะเพิ่มเป็น 3-4 ล้านบาท เรื่องจริงที่ถูกตีแผ่โดยทีมข่าวสายรถยนต์ Astv ผู้จัดการ ผ่านสกู๊ปข่าว 'เปิดเส้นทางรถหรูจดประกอบ เลี่ยงภาษี-ชาติสูญหมื่นล้าน' ตัดทอนใจความสำคัญ ความว่า
ภาษีที่แพงหู่ฉี่เป็นเหตุให้ต้องหาทางหลบเลี่ยง เพื่อครอบครองรถหรูแสนแพงในราคาที่ต่ำที่สุด อย่างไรก็ตาม กฎหมายได้อนุญาตให้นำอุปกรณ์ชิ้นส่วนรถใช้แล้ว หรืออะไหล่รถจากต่างประเทศเข้ามาได้ และให้สามารถนำมาประกอบรถเป็นคัน และจดทะเบียนเหมือนรถปกติทั่วไปได้ หรือที่เรียกกันว่า 'รถจดประกอบ'
รถใหม่นำเข้าสำเร็จรูปทั้งคัน อัตราภาษีกว่า 200-300% ขณะที่รถจดประกอบเสียภาษีเพียง 30-50% รถจดประกอบ จึงป็นรูปแบบที่นิยม เพราะมีช่องให้ดำเนินการได้ถูกกฎหมาย และอัตราภาษีก็ต่ำกว่ารถใหม่นำเข้ามาก
ผู้คร่ำหวอดในวงการยานยนต์คนเดิม อธิบายว่า โดยหลักการของสปอร์ตคาร์ไม่ได้เป็นรถยนต์ที่ถูกสร้างมาขับขี่บนถนนเมืองไทย เพราะรถยนต์จำพวกนี้ถูกสร้างมาวิ่งบนถนนพื้นเรียบ แต่ค่านิยมของคนไทย นิสัย 'ชอบโชว์' อวดร่ำอวดรวยกลายๆ ทำให้รถหรูราคาแพงกลายเป็นเครื่องแสดงสถานะทางสังคมของคนบางกลุ่มไปโดยปริยาย
ลองถามพวกที่ซื้อสปอร์ตคาร์มาขับขี่สิ ได้ใช้จริงบนถนนในชีวิตประจำวันมากน้อยแค่ไหน? คำตอบเป็นไปในทิศทางเดียวกัน 'น้อยมาก' เพราะทั้งการจราจรที่ติดขัดรถหนาแน่น และถนนขรุขระที่ไม่เอื้อต่อการขับขี่ การจะนำมันมาใช้ในชีวิตประจำวันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย อีกอย่าง รถจำพวกนี้เครื่องยนต์แรงสมรรถนะสูงครั้นจะขับช้ากินลมชมวิว 60 - 80 กิโลเมตร : ชั่วโมง มันก็ไม่เหมาะ ใช้ในชีวิตประจำวันลำบาก รถพวกนี้ความร้อนสูง เครื่องวางหลัง ระบายความร้อนไม่ดี มันผลิตออกมาเพื่อขับในเมืองหนาว ไม่ใช่ในเมืองร้อนอย่างบ้านเรา
'โชว์' เหตุผลหลักควบรถสปอร์ต
ไลฟสไตล์ของคนที่ซื้อรถพวกนี้มาขับมีอยู่ข้อเดียวคือ 'โชว์' ถามว่าคนที่ขับรถพวกนี้มีไม่มากที่จะรู้จักรถอย่างถ่องแท้ ว่ารถพวกนี้เป็นอย่างไร ด้วยเนื้อแท้ของลัมบอร์กินีด้วยเนื้อแท้ของเฟอร์รารี่เป็นอย่างไร ไม่ค่อยรู้หรอก แต่ที่ซื้อมาเพราะ โห! ขับลัมบอร์กินี โห! ขับเฟอร์รารี่ ซื้อมาโชว์ คนที่เป็นกลุ่มก๊วนเล่นกันจริงๆ มีน้อย แล้วกลุ่มก๊วนที่เล่นกันจริงๆ เขาจะค่อนข้างสุภาพเรียบร้อย กันเป็นกลุ่มไม่สร้างปัญหา ไม่ใช่อย่างเช่น เก่ง เมธัช นี่คือตัวสร้างปัญหา แหล่งข่าวคนเดิม กล่าวและอธิบายต่อ
สำหรับกลุ่มคนขับสปอร์ตคาร์ แยกเป็น 3 กลุ่มใหญ่ หนึ่ง - บุคคลที่ชอบและรักความเป็นสปอร์ตคาร์จริงๆ มักซื้อมาเก็บสะสม ยกตัวอย่าง คุณสยาม เศรษฐบุตร ที่รักรถจริงๆ จะนิยมซื้อมาเก็บสะสมเป็นคอลเลกชั่น แต่เรื่องการขับขี่ใช้งานในชีวิตจริงนั้นน้อยมาก สอง - กลุ่มผู้ทำธุรกิจมืดเกี่ยวกับรถยนต์โดยเฉพาะ เช่น นักธุรกิจที่นำเข้ารถพวกนี้อย่างผิดกฎหมาย หรือพวกฟอกเงิน และสาม - กลุ่มคนมีฐานะที่นิยมเล่นสปอร์ตคาร์แบบฉาบฉวย ซื้อมาพอเบื่อก็ขายทิ้ง เปลี่ยนไปเล่นรุ่นอื่นๆ เพราะเงินทองเหลือใช้
อย่างไรก็ตาม การขายต่อรถยนต์กลุ่มสปอร์ตคาร์นั้นไม่ใช่เรื่องยาก เป็นเรื่องของความพึงพอใจระหว่างผู้ซื้อและผู้ขาย
รถสปอร์ตคาร์ด้วยความเป็นรถสปอร์ต โดยชื่อของมันเนี่ย ผู้ชายจะมีอยู่ไม่กี่อย่างที่จะเป็นค่านิยมเชิดหน้าชูตา เช่น มีรถสปอร์ต มีตังค์น้อยหน่อยก็เล่นพวก เบนซ์สปอร์ต 2 ประตู, บีเอ็มสปอร์ต 2 ประตู ราคา 2-3 ล้าน มีเงินมากหน่อยก็ขยับไปเล่นพวก ปอร์เช่ บ็อกซ์เตอร์, โลตัส 5 - 8 ล้าน, มีตังค์มากอีกหน่อยก็ขยับไปเล่นเฟอร์รารี่หลัก 10 ล้านขึ้นไป โดยธรรมชาติผู้ชายส่วนใหญ่ต้องมีรถสปอร์ตไว้ในครอบครองเพื่อความเท่ แหล่วงข่าวในวงการยานยนต์ ทิ้งท้ายถึงเสน่ห์ของสปอร์คาร์ที่ดึงดูดให้ครอบครอง
...........................
ข่าวโดย Astv ผู้จัดการ Live
 |
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
ผู้ติดตามบล็อก : 57 คน [
