Group Blog
 
All blogs
 

แพ๊คกระเป๋าเที่ยว ไปเปรี้ยวที่เกาหลี ตอนที่ 7 ซอกแซก ที่ซอรักซาน หนาวสะท้านใจ

กลับมาแว้วววว แว้ว แว้ว แว้ววววว............
ไม่ได้ไปไหนหรอกค่ะ นั่งอู้อยู่แถวนี้ เสพมาม่า.........ชื่นใจ

เรื่องชาวบ้านคืองานของเรา

ผู้เสพนี่โทษหนักไหมคะ หรือผู้เสพ ผู้ขาย ตายด้วยกัน ว๊ายยยย เค้าเสพแต่มาม่าน๊า

(ปอลอ อ่านจบ ใครฟะ ไม่รู้เรื่อง อ่านเอามันส์อย่างเดียว) Smiley



กลับมาเรื่องของเราต่อ........

เรื่องราวก็ได้ดำเนินมาถึงตอนที่ 7 แล้วนะคะ (เองเหรอ) ดองไว้นาน คงยังไม่ลืมกันนะคะ

ตามลายแทงไปก่อน

ความเดิมตอนที่แล้ว ตลกบริโภค !!หลงอีกตะหาก อย่างฮาที่ชุนชอน
คลิกไปตอนก่อนหน้านี้

ตอนนี้เป็นตอนที่ถูกถามมาหลังไมค์มากที่สุด (คือเรื่องอื่นไม่มีใครถาม ก็ถามเรื่องนี้เรื่องเดียวนั่นแหละ)

ว่าจาก ชุนชอน หรือจาก เกาะนามิ ไปซอรักซานยังไง

ทบทวนกันสักนิด

เราออกเดินทางจากเกาะนามิ เพื่อมาแวะนอนที่ ชุนชอนนะคะยังไงก็ต้องแวะ ถึงไม่พักนอน เพราะรถที่จะไปซอรักซาน มักจะเริ่มที่ ชุนชอน (เหมือนแบบ นครสวรรค์ ไปเชียงใหม่ อะไรงี๊ จะขึ้น กรุงเทพ เชียงใหม่ก้ได้ แต่เรามาเกาะนามิกลางทางไงคะ จะกลับไปเริ่ม ที่ดซล เราก้ออกมากลางทางแล้ว งงมั๊ย เขียนเองยังงง)

ทบทวน

จากนามิ มา ชุนชอน
(จากท่าเรือเกาะนามิ ต้องนั่ง taxi ไปสถานีรถไฟ กาะยอง ก่อน)

สถานีรถไฟ กาพะยอง ---> สถานี รถไฟ นัมชุนชอน

ถึงเมืองชุนชอน

จากชุนชอน ไป ซอรัคซาน

สถานี รถไฟ นัมชุนชอน นั่ง taxi ไป ---> สถานี รถบัส ชุนชอน
สถานี รถบัส ชุนชอน นั่งรถบัส ไป ---> ซกโช (อุทยานแห่งชาติซอรักซาน อยู่เมืองซกโช)

**
"นัม" ชุนชอน เพราะว่าเป็นชื่อสถานีรถไฟ สถานี "ชุนชอน" เฉย ๆ เป็นสถานีรถบัสนะคะ



วิธีไปอุทยานแห่งชาติ ซอรักซาน

สถานี รสบัส ซกโช ขึ้นรถเมล์สาย 7---> อุทยานแห่งชาติ ซอรักซาน

มาเริ่มที่ชุนชอนกันต่อจากตอนที่แล้วนะคะ

หลังจากเรากินไก่ที่ชุนชอน เราก็นั่ง taxi กลับโรงแรม (ที่ป้า taxi พาเราไป)

ตื่นเช้ามาเราก็ออกถ่ายรูปกันก่อนเลย ขอบอกว่าหนาวมาก ถ่ายแป๊บ ๆ เอวิก็วิ่งเข้ามาหลบ เรื่อง ๆ ของเรื่องคือ ไม่ได้ใส่ลองจอนค่ะ
อันเนื่องมาจาก ไม่มีตังค์ซื้อ และคิดว่านาน ๆ ออกเที่ยวที ไม่ซื้อดีกว่า เลยต้องใช้ภูมิปัญญาชาวบ้าน ในการวิ่งหลบหนาวเอา (คุ้มไหม...)

ดอกไม้ และผักต่าง ๆ ที่ทางโรงแรมปลูกไว้สวยดี




ไอ้เราก็ไม่มีความรู้เรื่องใบไม้ ดอกไม้อะไรเลย เรียกไม่เคยถูก เพื่อนบอกให้ไปรอต้นหูกวาง ยังไม่รู้จัก ชีวิตนี้รู้จักแต่ต้นมะม่วง Smiley



ถ่ายรูปกันสนุกสนาน




โรงแรมนี้เป็นโรงแรมที่อยู่บนเขา (ไม่สูงมากนัก) เวลา taxi มาส่ง วนเวียนขึ้นเขา งงกันทีเดียว



ถ่ายย้อนขึ้นมาด้านหน้าโรงแรม Sejong Chuncheon Hotel



มุมถ่ายรูปสวย ๆ เยอะ




เมื่อเสร็จสิ้นการถ่ายรูปหน้าโรงแรม ประมาณซัก 8 โมงเช้าเราก็เช็คเอาท์ เตรียมเดินทางกันต่อค่ะ เป้าหมายในการเดินทางวันนี้คือไปซอรักซาน ซึ่งการไปซอรัคซานนั้น เราต้องไปที่เมือง ซกโซ ซอรัคซานอยู่ในเมืองซกโซค่ะ

เราให้ทางโรงแรมเรียก taxi ให้ เพื่อจะมาที่ สถานีรสบัส ชุนชอน ค่ะ (ขามา เรามาที่สถานี รถไฟ "นัมชุนชอน")



ภาพตั๋วอีกด้าน




อยู่บนรถแล้วค่ะ รถออก 9 โมง



ชมวิวกันค่ะ



การเดินทางถ้าจำไม่ผิดน่าจะประมาณชั่วโมงครึ่งถึง 2 ชั่วโมง เป็นการขึ้นเขา เป็นพื้นที่สูงขึ้นเรื่อย ๆ
พวกเราก็หลับ จึงมีภาพข้างบน ภาพเดียวค่ะ แหะๆ

แล้วเราก็มาถึง สถานีรถบัส ซกโซ

อย่างที่บอกไป พวกเราไม่ได้จองโรงแรมไว้ก่อนที่ซกโซ เราจึงมุ่งไปที่จุดบริการนักท่องเที่ยว เขากระตือรือล้นอย่างดี แนะนำว่าเดินไปไม่ไกล มีเกสท์เฮ้าส์อยู่ เดินไป 5-10 นาที และวาดแผนที่ให้เสร็จ เมื่อมาถึง เป็นที่พักที่น่ารักมาก มีหมาน่ารักด้วย เราสอบถามหาห้อง ป้าคนดูแลจะไปบอกเจ้าของให้

ขณะนั่งรอ



มองไปมองมา มีแต่ของน่ารัก พอดีหันไปเห็นป้าย ที่นี่ได้รางวัล เกสท์เฮ้าส์ดีเด่นของเว็บจองโรงแรม (ที่เอวิใช้บริการอยู่เป็นประจำ...แต่ก็ไม่รู้มาก่อน ตอนแรกนึกว่าเมืองซกโซกับซอรักซานไกลกันมาก เลยไม่ได้สนใจ)



ชัดๆ




ที่นี่คือ

"The House Hostel"



บรรยากาศน่ารักเชียวค่ะ
(ถ่ายรูปมาเยอะเพราะคิดว่าอยากแต่งบ้านอย่างเขา อิอิ)



น่าร๊ากง่า........



นึกถึงจักรยานที่โดนแฮ๊บไปหน้าปากซอย สองคันถ้วน
ถ้าอยู่กันจนเก่าแก่ จะพามาทำท่านี้นะ

(ปัจจุบันคันที่ 3 อย่าเพิ่งหายน๊า...)



นั่งรออยู่สักพัก ปรากฏว่าห้องเต็มค่ะ (เซ็งเป็ดมาก อุตส่าหฺดีใจ) เจ้าของใจดีมากมาย ติดต่อโรงแรมให้ บอกว่าเป็นโมเตลเอาไหม นาทีนี้อะไรก็เอาค่ะ อยากทิ้งของแล้วไปซอรักซานจะแย่

เจ้าของ the house โทรศัพท์ติดต่อกับโมเตล สักพัก ป้าเจ้าของโมเตลเอา taxi มารับ ไม่คิดตังอีก บริการสุดยอด

ค่าห้องคืนนี้ 3 พันบาท ก็โอนะ ตกคนละพัน

มาถึงมันก็อารมณ์คล้าย ๆ โรงแรมเกรดล่าง ๆ จะว่าม่านรูดก็นะ เพียงแต่มันไม่มีม่าน

เขาจัดให้เราห้องใน ๆ ชั้นสอง ดูปลอดภัยดี ใครจะเดินผ่านต้องผ่านเคาน์เตอร์ก่อน


ได้เวลานอนกลิ้งกินช็อกโกแลต



ระรื่นได้อีก



โมเตลของเราอยู่ในตลาดสด เราเข้ามาในเมือง เพื่อหาอะไรกิน เพราะเที่ยงกว่าแล้ว



ซกโซเป็นเมืองเล็ก ๆ แต่ก็เป็นเมืองสำคัญเพราะจะไปซอรักซาน ก็ต้องมาขึ้นรถที่นี่ ดังนั้นร้านค้า ของกินอะไร ก็ดูอินเตอร์ใช้ได้



เราเลือกกินร้านเดิม Han's Deli แบบที่เคยกินที่เมียงดง เพราะดูเหมือนจะโอเคกว่าอย่างอื่น มีข้าวด้วย

มาแล้วๆ




ขนมปังกระเทียม หอมมมม




พิมพ์ไปหิวไป



โคลสลอ แบบเดียวกับ KFC เมืองไทยที่เลิกขายไปแล้ว คิดถึงๆๆๆ



เอาล่ะ เมื่อเสร็จเรื่องกิน เราก็ขึ้นรถบัสสาย 7 เพื่อที่จะไป ซอรักซาน



ระหว่างทางไปซอรักซาน



นั่งขึ้นเขาคดเคี้ยว ไปประมาณ20 นาที ก็ถึงอุทยานแห่งชาติซอรักซาน อากาศเย็นทีเดียว



ต้นอะไรกันนะ มีลูกด้วย



ก่อนทางเข้าอุทยาน มีเจ้าขายข้าวโพดต้มด้วย คนทานเยอะเหมือนกัน ไปต่อคิวจะซื้อ แต่ไป ๆ มา ๆ ไม่เอาดีกว่า คนเยอะเกิน แถมแอบคิดนิดนึง ว่าเมืองไทยก็มีนี่เนอะ



ซื้อตั๋วเข้าอุทยานนะคะ



ยังไม่ทันถึงทางเข้าก็มีที่น่าถ่ายรูปมากมาย



มองย้อนไป เป็นที่จอดรถ



ค่าเข้าชม 2500 วอน



และแล้วก็มาถึงจุดที่(เกือบ) ทุก ๆ คนต้องมาถ่ายรูป ว่าข้ามาถึง ซอรักซาน แล้วโฟร๊ยยยยย



สามสาว มีกันแค่นี้



นี่แค่ปากทาง...



ยืนเก๊กนิดนึง



ตามมาค่ะ



แผนที่



ชัด ๆ



บรรยากาศทั่วไป เหมือนในโปสการ์ดเลยเนอะ นี่ขนาดยังไม่ได้เข้าไปภึงไหนเลยนะคะ



สดชื่น (แต่หนาวมาก)



เรากำลังเดินเข้าไปสู่บริเวณที่เป็นวัดนะคะ (วัดชินฮึงซา ; shinheungsa temple)



เดินผ่านประตูวัดเข้าไป ไม่เหนื่อยเท่าไหร่ เพราะอากาศเย็น (ถ้าอากาศร้อนแบบเมืองไทย เดินไม่ไหวแหง ๆ)



ตลอดทางก็จะมีป้ายเล่าถึงประวัติความเป็นมา



เอ้า กราบ



ต้นไม้ ใบไม้เริ่มร่วง รอการมาของฤดูหนาว



เดินขึ้นไปอีก เลยองค์พระเมื่อสักครู่ไปก็จะเป็นตัววัด เริ่มเหนื่อยบ้าง เพราะเป็นเดินขึ้นเขา แต่ก้ไม่ชันมาก พอเดินไหว



ทางเข้า



ยักษ์ (?) ที่คอยดูแลวัด ตรงประตูทางเข้า



อีกด้าน



บรรยากาศ เหมือนตอนเช้าตลอดเวลา (ที่ถ่ายนี่บ่ายแก่ ๆ แล้วนะคะ)



มุมกว้าง



แสงอาทิตย์ผ่านมา



แต่ก็เหงา ๆ หนาว ๆ



ป้ายประวัติวัดชินฮึงซา (shinheungsa temple)



เราสามคน (ใช้ขาตั้งกล้องช่วย) ในวันหนาวจัด ลมแรง



สวยงาม



เข้าไปไหว้พระในอุโบสถกัน



นักเรียน กราบ.........



จากนั้นจะมีให้เขียนคำอธิษฐาน แล้วแขวนที่เพดาน ก็เสียเงินด้วยนะคะ คนละหมื่นวอน ทำบุญ 1 ที



มีเขียนชื่อบริจาคกระเบื้อง พวกเราชาวไทยชอบทำบุญ เห็นมีเขียนอยู่ด้วยค่ะ



เดินไปเดินมาเจอเทอร์โมมิเตอร์ หนาวขนาดนี้ แค่ 5 องศาเหรอ หรือมุมนี้มันอุ่นกันยะ



เราเสร็จภาระกิจพิชิต เนินเตี้ย ๆ ที่ วัดชินฮึงซา แล้วก็นั่งรถสาย 7 กลับมาที่ตัวเมืองซกโช เหมือนเดิมนะคะ ติดตามต่อตอนหน้า ยามเย็นที่ซกโซ และไปต่อที่เจิงดองจินค่ะ

ภาพจากเนินเขา เห็นชายทะเลเมืองซกโช



รอติดตามตอนหน้ากันนะคะ





 

Create Date : 17 มกราคม 2555    
Last Update : 5 พฤศจิกายน 2558 6:43:24 น.
Counter : 3179 Pageviews.  

แพ๊คกระเป๋าเที่ยว ไปเปรี้ยวที่เกาหลี ตอนที่ 6 ตลกบริโภค !! หลงอีกตะหาก อย่างฮาที่ชุนชอน

สวัสดีค่ะท่านผู้ชววววววมมมมมม.........
กลับมาอีกแล้ว คราวนี้ตั้งใจจะไม่ดอง แต่ก็นะ ฉลองครบปีกันทีเดียวกับมริปนี้ เอาน่า เมื่อหนึ่งปีเวียนมาบรรจบ แต่ก็ยังโพสไม่จบไม่สิ้น เอาเป็นว่า ได้ตามรอยไปบรรยากาศเดียวกันกับปีที่แล้วเลยค่ะ ปีนี้ใครจะไป ก็คงจะได้กลิ่นอายเกาหลี แบบที่อิชั้นไปเป็นแน่แท้ค่ะ

ความเดิมตอนที่แล้ว....

แพ๊คกระเป๋าเที่ยว ไปเปรี้ยวที่เกาหลี ตอนที่ 5 ใบไม้สีสวย ลมหนาว ที่เกาะนามิ


เราออกจากเกาะนามิ มาที่สถานีรถไฟกาพยองค่ะ

โดยการนั่ง taxi มาจากท่าเรือเกาะนามิเลย 3700 วอน ขากลับนี่เขาไม่ยักคิดเหมา กดมิเตอร์



หลายท่านหลังไมค์มาถึงการเดินทางจากเกาะนามิ ไปซอรักซาน ตามนี้เลยนะคะ

(ถ้าอ่านแล้วยังสงสัย หลังไมค์มาถามได้นะคะ จะตอบเท่าที่มีปัญญาตอบได้จ้า)

เราดูตามหนังสือ เขาบอกว่าถ้าจะไปซอรักซาน ต้องเปลี่ยนจากรถไฟ เป็นรถบัส ที่ชุนชอน เนื่องจากไม่มีรถไฟโดยตรงจาก กาพยอง เลย ซึ่งสมาชิกก็เห็นควรว่าเราค้างกันที่ ชุนชอนเลยดีไหม เพราะดูตามคู่มืออีกเล่มว่าที่กาพยอง มีไก่เกาหลีแบบดั้งเดิมอร่อย ๆ (ดั๊กกาบี้ <-- อ่านมั่ว ไม่รู้ที่ถูกอ่านยังไง ดั๊กคาลบี้ ตั๊กกาลบี.....) แถมใกล้จะ 5 โมงเย็นแล้ว เกิดตีรถไปซอรักซานอาจจะถึงมืด หาโรงแรมไม่สะดวก

เพื่อความชัวร์ เราจึงสอบถามจาก information center ได้คำตอบตรงกัน ว่าไปตามนั้นแหละ เราจึงซื้อตั๋วรถไฟ จากกาพยอง ไป "นัมชุนชอน" ค่ะ ที่ว่า "นัม" ชุนชอน เพราะว่าเป็นชื่อสถานีรถไฟ สถานี "ชุนชอน" เฉย ๆ เป็นสถานีรถบัสนะคะ



รถไฟใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงก็ถึงนัมชุนชอน ฟ้าเริ่มมืด เราไปยืนต่อคิวเรียก taxi รถจอดตามคิว คราวซวยของคนขับ มาเจอพวกเราสามคน !!

คนขับเป็นเจ๊วัยกลางคน พูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย แต่เขารับแล้วรับเลยนะ ไม่ทิ้งผู้โดยสารกลางคัน

พวกเราขึ้นรถได้ จึงพากันบอก Hotel ๆ เจ๊แกก็ไม่รู้ ทำท่าหมดแรงเจ๊แกก็ไม่รู้ เอาไงดีวะ เจ๊แกก็ขับไปเรื่อย สื่อสารไม่รู้เรื่อง คนขับก็ไม่ทิ้งเรา เราก็ไม่มีที่พึ่งแล้ว

สุดพี่หรั่งงัดไม้เด็ด ทำท่าสลบ!!!

เจ๊แกพยักหน้า พาไปโรงแรมในบัดดล !! กร๊ากกกก !!!

ขึ้นเขาไปคดเคี้ยว เจ๊ป้าโชเฟอร์ขับอย่างชำนาญ แป๊บเดียวก็ถึงโรงแรมอยู่บนเนินสูงโน่นนนนน

เมื่อไปถึงโรงแรม เราเจรจาต้าอ่วยอยู่แป๊บนึง ขอห้องที่มี 3 คน ได้ในราคาประมาณห้องละ 2700 บาท (จำวอนไม่ได้) เอาวะ นอนไฮโซซักวัน

ได้ห้องเสร็จเริ่มหิว ให้โรงแรมเรียกรถให้ (และสื่อสารให้เรีียบร้อย) ไปร้านไก่ตามคู่มือ

เมื่อมาถึงก็ค้นพบว่า มันคือย่าน "เมียงดง ดั๊กกาลบี้........"



เดินเข้าไปในซอย แม่เจ้า มันขายไก่ทั้งซอย.... เอาไงดีวะ


พอดีไปเจอร้านนึง ใหญ่โต ดูสะอาดใช้ได้ มีคนเข้าออกเรื่อย ๆ แถมหน้าร้าน ยังมีเขียนว่า good restaurant เอาวะ (เชื่อคนง่ายเนอะ)




ภาพจาก Foursquare ใครจะกิน กรุณา Print ภาพนี้ไป ให้ taxi ดู

ถ้าเขาไปไม่ถูก บอกว่า เมียงดง ดั๊กกาลบี้ ถ้าไปไม่ถูกอีก อย่ากินเลยวะ เราก็หมดปัญญา



เรายืนอยู่หน้าร้าน พนักงานรีบมาต้อนรับ พาเราไปนั่งโต๊ะ นั่งกับพื้นนะคะ แล้วมีโต๊ะกลม ๆ

ดูราคากันก่อน ดีใจว่ามีภาษาอังกฤษ ถึงช่วยไม่ได้มากนักก็พอรู้มันคืออะไรล่ะ
เนื้อไก่ 1 หมื่นวอน ไส้ 1 หมื่นวอน


เวลาสั่ง จูงมือพนักงาน ไปชี้ที่ป้ายใหญ่ ๆ นั่นแหละ



ต้องบอกก่อนว่าเอวิไม่ได้มีความรู้เรื่องเกาหลีเลยนะคะ (ก็เค้าแนวญี่ปุ่นอ่ะ) เรื่องของกินไปกันใหญ่ พี่หรั่งกับพี่ป้อมเขาดูหนังเกาหลีกันบ้าง แต่เรื่องกินนี่ก็งง ๆ กันอยู่ ก่อนมาอุตส่าห์ไปซ้อมดู กวน มึน โฮ มาบ้างก็ไม่ค่อยจะช่วยอะไร

นั่งรออาหาร ตาละห้อย



ดื่มน้ำชาก่อน

(น้ำเปล่าก็ฟรีด้วย แต่แก้วแรกเขาให้น้ำชา)



ปริ๊งงงง สดชื่น....น

(เว่อร์ซะไม่มี 5 5 5 เรื่องกินงี๊ตาโต)



ผักมาเสริฟแล้ว (ไส้จะขาดอยู่แล้ว เร็ว ๆ สิยะ)



เอ้าาา จ้องกันเข้าไป กระทะน่ะ



แป๊บเดียวของที่สั่งก็มา คนเสริฟเทลงกระทะเลย ซูมมมมม......



ในนั้นมีแท่งแป้งนิ่ม ๆ เรียกว่า ต๊อกป๊อกกี



และทุกอย่างก็เกิดขึ้นเร็วมาก เหลือแค่นี้ (ฮ๊าาาาา)

จังหวะมันชุลมุนอ่ะน๊อออ



กระทะแรกหมดแล้ว ยังไม่หนำใจ เห็นโต๊ะข้าง ๆ สั่งบะหมี่อ่ะ เอาด้วย ๆ ชี้บอกคนเสิร์ฟว่า เอางั้นด้วยที่นึง (บะหมี่ไม่มีในเมนู ?? หรือมี อ่านไม่ออกอ่ะ)

ได้...จัดมา



เรานั่งมองหน้ากัน คนเสิร์ฟคงระอา เดินมาคน ๆ ให้ หน้าตาเป็นแบบนี้ แล้วทำท่า กินแบบนี้จ้ะ... (จ้ะพี่)



กินไก่เสร็จ ออกมาจากร้าน แถว ๆ นั้นเป็นย่านช้อปปิ้งเล็ก ๆ มีร้านเครื่องเขียนน่ารัก พวกเราก็อดไม่ได้ กับไอ้พวกเครื่องเขียนเนี่ย

แต่แล้วก็..........หิมะตก !!



วิ่งไปซื้อร่ม ซื้อเสร็จ หิมะหยุด !!!

แต่ยังหน้าระรื่นได้อีก




พี่น้องคร๊าบบบ หิมะคร๊าบบบ (เกิดมาเพิ่งเคยเห็น นิดเดียวก็ดีใจแล้ว)



ไม่ได้มีแต่เราที่กรี๊ดกร๊าด ชาวบ้านร้านตลาดก็ออกมาดู เพราะมันตกผิดฤดู เพราะเพิ่งต้นเดือน พฤศจิกายน



ขากลับ เราเรียก taxi กลับเหมือนเดิมค่ะ แต่คราวนี้ไม่ต้องภาษามือแล้ว เพราะขอนามบัตรที่โรงแรมมาด้วย

กลับมา จะนอน ทั้งตัวมีแต่กลิ่นไก่......... แหวะ (ทีตอนกินไม่เห็นแหวะ)

วิวจากห้องโรงแรมยามค่ำคืน



หลับละนะ


คราวหน้า มาต่อ มุ่งสู่ซอรัคซาน จะซมซาน ขนาดไหน โปรดติดตาม

ตอนที่ 7 ซอกแซก ที่ซอรักซาน หนาวสะท้านใจ คลิ๊กตรงนี้ ไปกันเลย




 

Create Date : 29 กันยายน 2554    
Last Update : 17 มกราคม 2555 19:28:15 น.
Counter : 1873 Pageviews.  

แพ๊คกระเป๋าเที่ยว ไปเปรี้ยวที่เกาหลี ตอนที่ 5 ใบไม้สีสวย ลมหนาว ที่เกาะนามิ

สวัสดีค่ะ ทุกท่าน...
กลับมาแล้วเจ้าค่ะ คงไม่รอกันนานเกินไปนะคะ พอดีคุณพ่อป่วย ต้องผ่าตัด ตอนนี้คุณพ่ออาการทุเลาแล้วค่ะ (ยังอยู่โรงพยาบาลอยู่เลย) ก็กลับมาเล่าเรื่องเกาะนามิต่อนะคะ เฝ้าพ่อไป พิมพ์ไปน๊าาาา...
ลายแทงไปตอนก่อนหน้านี้

[CR] แพ๊คกระเป๋าเที่ยว ไปเปรี้ยวที่เกาหลี ตอนที่ 4 ไก่ตุ๋นโสมร้านดัง แล้วไปช้อปปิ้ง อินซาดง ล่องเรือแม่น้ำฮัน

แพ๊คกระเป๋าเที่ยว ไปเปรี้ยวที่เกาหลี ตอนที่ 4 ไก่ตุ๋นโสมร้านดัง แล้วไปช้อปปิ้ง อินซาดง ล่องเรือแม่น้ำฮัน


สวัสดีค่ะ เป็นเช้าวันจันทร์แล้วนะคะ เราจะไปเกาะนามิกันค่ะ และเรื่อยไปสู่ ซอรักซาน ช่วงระหว่างนี้ เราไม่ได้จองโรงแรมค่ะ ไปตายเอาดาบหน้า ของส่วนใหญ่ เราฝากแอน (AnnGuesthouse)ไว้ค่ะ แบ่งบางส่วนสำหรับสองคืน

เอาหละ พร้อม ๆ หน้าบ้านแอน




การเดินทางเราจะต้องเดินทางจาก ฮงอิก ไปยังสถานีรถไฟ ชองยางนิ (Cheongnyang-ni)

ดังนี้

ฮงอิก ขึ้นรถไฟสาย2 สีเขียว ไปลงสถานี wangsimni (ช่วงนี้นั่งนานเลยนะ)
สลับเป็นสายสีน้ำเงิน สาย1 ไปลงสถานี ชองยางนิ (Cheongnyang-ni)

ตามไกด์บุค บอกว่าสถานีรถไฟ ชองยางนิ (หมายถึงรถไฟแบบออกนอกเมืองไม่ใช่รถไฟในเมืองนะคะ บริหารโดย Korail ) อยู่หลัง ห้าง Lotte
พอเรามาถึงสถานีชองบางนิ เราก็งงเพราะไกด์บุคไม่ได้บอกว่าออกทางออกไหน เอวิจึงอาศัยความสาวและสวย (!!!) ไปถามหนุ่มที่ผ่านมา เขาบอกว่า ออกทางออก 6

ออกไป "ไม่ใช่ !!!!"

แถมฝนตกปรอย ๆ อีก จริง ๆ ต้องทางออก 5


ภาพจาก wikipedia

แล้วเราก็มาถึงค่ะ (เหนื่อยซะไม่มี)



และแน่นอน เราต้องหาตัวช่วย เห็นสาว ๆ ใส่ป้าย G20 (เพื่อรับรองแขกในโครงการ G20) เราปรี่เข้าไปถามทันที น้องเขาใจดีมาก แนะนำให้เราไปซื้อตั๋ว เดินตามไปส่งถึงช่องขายตั๋วเลยค่ะ



ช่องตั๋วนั่นไง



ชัด ๆ



เข้ามาข้างใน เขามี display จัดสวยงาม แวะนั่งถ่ายรูปได้นะ



บ้านน้อยน่ารัก



ถ่ายรูป ๆ เวลายังเหลือก่อนรถไฟออก



ได้ทุกมุม



เอาล่ะ ไปกินต่อ เราจะไป กา พะ ยอง (Gapyeong) กันนะคะ เดินตามป้ายไปเลย
การไปเกาะนามิเราต้องไปลงสถานี กาพะยอง เมื่อถึงแล้วนั่ง taxi ต่อไปท่าเรือเพื่อข้ามไปเกาะนามิค่ะ ขั้นตอนนี้ ไปให้ถึงกาพะยองก่อนเห๊อะ



โแมหน้าตั๋วรถไฟ ระบุเวลาออก11.10 ถึง 12.24



ขึ้นรถไฟ ได้นั่ง ถ่ายรูปก่อนเลย



รถไฟยังไม่ออกนะ



เตรียมตัวๆ (ตื่นเต้นทุกที ที่นั่งรถไฟ)



ไม่นานรถไฟก็ออก ชมวิวกันนะคะ



ไม่นานวิวก็เป็นแบบนอกเมือง



ไม่เหมือนญี่ปุ่น ที่นั่งนานกว่าจะออกนอกเมือง เกาหลี แป๊บเดียวก็มีบรรยากาศแบบนอกเมืองให้เห็น



ชมวิวกันค่ะ เขาปลูกอะไรกันน๊า



อากาศดี ๆ วิวสวย ๆ



จากนี่ไปกาพะยองประมาณชั่วโมงนึง



ปราสาทอะไรอยู่ไกลๆ



ชัดๆ



อันนี้น่าจะเป็นสวนสนุกอะไรสักอย่าง มีหอไอเฟลด้วยแฮะ



อีกมุมนึง



ตามทุ่งก็มีลูกกลม ๆ




ลูกอะไรช่วยบอกที



เย้....ในที่สุดก็ถึง กาพะยอง



ป้าย Welcome ชัด ๆ



กาพยอง กาพะยอง กาบยอง อ่านว่าไงไม่รู้เนอะ



เอาตัวเองใส่ในรูปสิ




จากสถานีกาพะยอง ไปเกาะนามิ เราเรียก taxi ไปคะ ราคาถ้าจำไม่ผิดคือ สี่พันวอน เรียกเหมา (แอบดูมิเตอรื 3700 เอาเหอะ นิดหน่อย) นี่วิวถ่ายจาก taxi




seat belt ให้เรียบร้อย (หน้าตาดูอิดโรย)



ถึงตรงท่าขึ้นเรือไปเกาะนามิแล้วค่ะ ตอนที่ไป ทัวร์ลงเยอะมาก มีทัวร์ไทยด้วย เห็นป้ายดังกล่าวก้เดินไปซื้อตั๋วโลด




ตรงจุดนี้ เลี้ยวขวา ผ่านส้วมไป มีตู้ให้ฝากของ หยอดเรียญ (จำราคาไม่แน่นอน น่าจะ 3000 วอน)



ตั๋วนะคะ 8 พัน วอน



เสร็จแล้วเดินมาทางนี้ จะไปขึ้นเรือ



แวะถ่ายรูปกับคุณลุงเจ้าหน้าที่ตรงท่าเรือหน่อยยยย



ตามมาๆ



ตรงประตูทางไปท่าเรือมีภาษาไทยด้วย



ตอนที่ไปมีเทศกาลหนังสือ จัดที่เกาะนามิด้วยค่ะ



ยังนะ ยังๆ ยังไม่ถึงท่าเรือทีเดียว เห็นธงไทยอีกแล้ว



เข้าแถวที่ท่าเรือ



เรือมาแล้วจ้า...




ฟ้าอึมครึม มีแดดนิดหน่อย หนาวพอควร น่าจะประมาณ 10 องศา เกาะนามิอยู่นู่นนะคะ



ไม่นานก็ถึง เจอภาษาไทยอีก (คนไทยมาเยอะนะเนี่ย)



ภูมิใจ Thailand



มีป้ายบอกว่าที่นี่มีนกกระจอกเทศด้วยแฮะ ชอบ ๆ เคยกินครั้งนึง (อ่านะ) บร้า.... น่ารักตะหาก



เดินมานิดนึง ขวามือ เจอที่ขายของที่ระลึก และที่ทำการไปรษณีย์ ตู้ไปรษณีย์น่ารักเชียว



แสตมป์ชุด เกาะนามิ ถ้าจำไม่ผิด 17000 วอน



ชมวิวๆ






ระลึกถึง ท่านนายทหาร นามิ



เขียนไว้ว่า (เพ่งหน่อยนะ) "เกานามิเป็นที่ฝังศพของท่านนายพลนามิ" ประมาณว่าเล่าถึงวีรกรรมของท่าน ซึ่งท่านสืบเชื้อสายมาจากราชวงศ์แทจอง (แม่เป็นลูกสาวคนที่สี่ของกษํตริย์แทจอง) ขี้เกียจแปลแระ 555



เดินเข้ามาภายในก็มีต้นไม้หลากสีเยอะแยะสวยงาม เพราะว่าเป็นช่วงใบไม้เปลี่ยนสีพอดี เห็นสีส้ม ๆ ดูอบอุ่นอย่างงี้ หนาวนะคะ ดูอิชั้นสิรูดซิบเสื้อซะสุด



คนไทย ไปไหนต้องโดด



ใบไม้ที่ร่วงตามพื้นก็มีคนเกลี่ยเป็นรูปหัวใจ แหมเกาะนี้ดังเพราะความโรแมนติกในหนังนี่เนอะ



เดินไปเรื่อย ๆ (ตามชาวบ้านไป) ก็เจอกับร้านขายของที่ระลึก เกี่ยวกับหนังเรื่อง Winter sonata (ใช่มั๊ง เราไม่ค่อยดูหนังเกาหลี)



แอบมีน้องต่าย น่ารักตามทางด้วย



เห็นอะไรก็ถ่ายหมด อิอิ



อันนี้เป็นป้ายใหญ่ โชว์ภาพจุดถ่ายรูปยอดฮิตของเกาะนามิ เราจะไปตรงนั้นกัน




สักพักเราดินไปเจอบ้านโบราณ โชว์ถึงการทำอาหารในสมัยโบราณ พร้อมอุปกรณ์จริง ลองยกดูหนักพอสมควรทีเดียว




มีหลายอย่างค่ะ







ผ่านไปอีกนิด เป็นนิทรรศการภาพวาดเด็กจากทั่วมุมโลก ผู้ดูแลหน้าตาดี ถ่ายมาให้ดูกัน อิอิ



ไปอีกนิดก็มีที่ขายของที่ระลึก เรื่อง Winter sonata แอบเม๊าทืว่าพี่หรั่งซื้อมาประมาณหนึ่งเชียวล่ะ



หน้าตามีความสุขอย่างแรง



ข้างในมีห้อง ๆ นึง มีแต่ภาพจากหนังเรื่องนี้ อนุญาตให้ถ่ายรูปได้เต็มอิ่ม



ถ่ายรูปๆ



เต็มที่ไปเลยทุกซอก



อ้าว พี่หรั่งแอบมาเขียนเมื่อไหร่เนี่ย



ด้านหน้ามี model มือของ เบยองจุน พร้อมลายเซ็นด้วยค่ะ



อิจฉาคู่ข้างหลังอ่ะ




และนี่คือมุมยอดฮิต ที่ใครมาก็ต้องมาถ่าย



เขารักกันจริงจังมากมาย!



นี่แน่ะ ลวนลามซะเลย



บร้า เค้าล้อเล่นนะตะเอง



นอกจากนี้บริเวณเกาะนามิยังมีที่สวย ๆ ให้ถ่ายรูปมากมาย



เดินไปอีกหน่อย เจอนกกระจอกเทศ ตัวเบ้อเร่อ น่ารักมาก เลี้ยงไว้กับเป็ด



อย่าหันมานะเฟร้ย...




หันมาแร้วววว!!!




หมุนตัวโชว์ (อย่าหันมายีหัวกรูนะเฟร้ยยย)



น้องเป็ด (หรือไม่ใช่ ทำไมมันหน้าตาประหลาดฟะ หรือหงส์ !!)



ถ่ายรูปคู่น้องเป็ดค่อยสบายใจหน่อย



ไปกันต่อค่ะ




แถวนี้ใบไม้สวยดีจัง



มุมใกล้ ๆ กันก็มีใบไม้สี softๆ ด้วยนะคะ ถ่ายรูปซักหน่อย (ที่เห็นถอดซิปเสื้อไม่ใช่ร้อนนะ กะเอาสวย จริง ๆ หนาวชิหอย)



ภาพงาม ๆ เหมือนโปสการ์ด





นั่งริมน้ำก็ดูอุ่น ๆ ดี




เดินไปอีกหน่อย เจอเขาเอาหินซ้อนกัน จากหนัง บอกว่า เอาซ้อนกันแล้วจะสมปรารถนา



เดินกลับมาหน้าร้านขายของที่ระลึก ยังมีมุมอื่นให้ถ่ายรูปอีก




น้องหมา Nami กับ Jangguni




ชมวิวกันค่ะ



มีจุดให้ผิงไฟ หายหนาวนิดหน่อย




ตุ๊กตาหิมะ







นี่เป็นใบเมเปิ้ล เก็บมาจากเกาะนามิ (เค้าไม่ได้เก็บจากต้นน๊า เค้าเก็บที่ร่วงที่พื้น)



เราใช้เวลาที่เกาะนามิประมาณ 3 ชั่วโมงค่ะ มาถึงประมาณ บ่าย และออกจากเกาะประมาณ 4 โมงเย็น เรากลับแบบเดิมมาที่สถานีรถไฟ กาพยอง



โปรดติดตามชม ตอนหน้า มีอิ่ม....

แพ๊คกระเป๋าเที่ยว ไปเปรี้ยวที่เกาหลี ตอนที่ 6 ตลกบริโภค !! หลงอีกตะหาก อย่างฮาที่ชุนชอน




 

Create Date : 16 กันยายน 2554    
Last Update : 29 กันยายน 2554 14:48:25 น.
Counter : 2658 Pageviews.  

แพ๊คกระเป๋าเที่ยว ไปเปรี้ยวที่เกาหลี ตอนที่ 4 ไก่ตุ๋นโสมร้านดัง แล้วไปช้อปปิ้ง อินซาดง ล่องเรือแม่น้ำฮัน

ความเดิมตอนที่แล้ว

แพ๊คกระเป๋าเที่ยว ไปเปรี้ยวที่เกาหลี ตอนที่ 3 เพื่อนสาวเกาหลี พระราชวังเคียงบก

จากคราวที่แล้ว เราชมพระราชวังเคียงบกกุงกันนะคะ เราก็เดินมาจนถึงนี่



ทางลงรถไฟใต้ดินสถานี เคียงบกกุง (รถไฟสายสามสีส้มผ่าน)
เดินเข้าไปในสถานี มีป้ายโฆษณา สวยงามมากมาย



แปลมั่วเอาเองว่า น่าจะมีงานอะไรซักอย่างที่ เคียงบกกุง folk museum เลยมีป้ายประชาสัมพันธ์



ตั้งแต่ 9 พย.53 ถึง 6 กพ.54 มีอะไรสักอย่าง เพ่งๆ ได้ความว่ามีงานเกี่ยวกับ ราชวงศ์ของเวียดนาม จัดแสดง ที่นี่




อันนี้เป็นป้ายโฆษณาถึง เคียงบกกุง ซึ่งจากป้ายนี้จะเห็นทั้งหมดของเคียงบกกุงเลย




และในสถานีนี่แหละ มีภาพเขียนให้ชมกันด้วย



เราเดินลัดไปออกที่ทางออก หมายเลข 2 เพื่อไปยังร้าน ไก่ตุ๋นโสม (Samgyetang) แสนอร่อย ที่ Hyunju อ่านเจอเขาแนะนำกันในหนังสือ พอมาถึง แถวยาวซะท้อเลย



ร้านอยู่ย่านนี้ค่ะ



แถวยาวได้ใจ ยาวออกไปนอกร้านกันเลยทีเดียว




หน้าร้าน



ร้านนี้ขายแต่ไก่ตุ๋นโสมค่ะ (อย่างอื่นเครื่องเคียงก็มี แต่ในเมนูมีไม่กี่อย่าง) ทุกคนมาต้องสั่งไก่ตุ๋นโสม




ตอนนี้เราเขยิบมาถึงปากประตูร้านแล้วค่ะ มีคำบรรยาย ที่อ่านไม่ออก ตอนนั้นหิวตาลาย ไม่ได้ถามเพื่อนอีก




ด้านหน้าเห็นเป็นตึกแถว ข้างในกว้างใหญ่ไพศาล มีโต๊ะเพียบ (มิน่าแถวขยับเร็ว)



เสริฟน้ำชาก่อน คนแถวนี้เขากินน้ำน้อย นิด ๆ หน่อย ๆ ไม่เหมือนพี่ไทยล่อเป็นเหยือก แต่จะกล้าขอเพิ่มไหมล่ะ เจียมตัวจิบกันแค่นี้ก่อน



จิบน้ำชา ชื่นใจ




ตอนน้ำชามาเสริฟ เพื่อนสั่งอาหารไปเรียบร้อย (มาเองคงไม่มีปัญญาสั่ง เมนูเกาหลีล้วน และไม่มีรูป)

บนโต๊ะ มีโถกิมจิเครื่องเคียงพร้อม เรากินแก้หิวกันก่อน




จัดหนักเลย (แค่กิมจิก่อนเนี่ยนะ)




รออยู่พักใหญ่ มาแว้ววววว ถ้วยเบ้อเร่อ (อ้าวกิมจิเมื่อกี๊ ตัดกำลัง Smiley)



ในชามประกอบด้วยไก่ (ไก่ตัวเล็ก น่าจะเป็นไก่วัยรุ่น)ในตัวไก่ยัดข้าวต้ม ทั้งหมดเคี่ยวในน้ำแกงโสม มีโสมเป็นชิน ๆ เลย
เพื่อนบอกไม่ชอบกินโสม มันขม เอวิก็ว่ามันขม แต่มันก็พอกินได้เนอะ

หลายคนหลังไมค์มา มาอ้าว แล้วถ้าไปกินแล้วจะสั่งยังไง

สามคำ ง่าย ๆ 

"ซัม เก ทัง"

อีกท่านถามมา ว่าจำไปไหมคะว่าไป 4 คนต้องสั่ง 4 ชาม ขอบอกว่าไม่ทราบจริง ๆ ค่ะ ลองสั่งน้อยก่อนไหมคะ เพราะชามใหญ่นะคะ (อย่าเอาเอวิเป็นมาตรฐาน เราตัวใหญ่แต่กินน้อย) ถ้าไม่ได้ เขาคงให้สั่งเพิ่ม หรือลองมองโต๊ะข้าง ๆ เขาสั่งอะไรไม่เหมือนเรา ชี้ ๆ ดูเผื่อได้อะไรแปลก 



ในร้านเขาจะแบ่งเป็นห้อง ๆ ห้องนึงมี 2-3 โต๊ะ ถ้าโต๊ะใหญ่มีโต๊ะเดียว ดูรองเท้าสิคะ คนเพียบเลย (เพียบตั้งแต่ต่อคิวแล้ว)



ข้างในตกแต่งดอกไม้สวยงาม



นามบัตร




แผนที่ (ใครอยากไป print รูปไปเลยจ้า)



กินเสร็จ เราก็นั่งรถไฟไปยังสถานี Angukช้อปต่อที่อินซาดงค่ะ



เตรียมพร้อม



เดินต่อ ๆ เกือบถึงแระ




ออกจากสถานีรถไฟมาหน่อย ก็เจอตึกสวย ๆ นี้ ใกล้ถึงแล้วค่ะ



แป๊บเดียวก็ถึงค่ะ แถวอินซดงนี้มีสตาร์บัคด้วย



เจอ starbucks แล้ว เราก็ซื้ออย่างอื่นกินค่ะ !! Smiley



อีกร้าน เขาทำขนมกันอยู่ หอมสุด ๆ




จากรูปที่โฆษณา เป็นแป้งคล้าย ๆ ขนมไข่ ข้างในมีแมคคาเดเมีย



อันนี้ของจริง ราคาไม่แพงเท่าไหร่ ถ้าจำไม่ผิด 3000 วอนมั๊งคะ



จากรูปที่โฆษณา เป็นแป้งคล้าย ๆ ขนมไข่ ข้างในมีแมคคาเดเมีย



เดินไปอีกหน่อย พบร้านชา ไปซื้อชากันดีกว่า ขนาดแคชเชียร์ยังสวยขนาดนี้



อันนี้ชา



หนุ่มคนนี้สาธิตการชงชาค่ะ เป็นชาจากเกาะเชจู ตอนซื้อมีโปรโมชั้น แถมกระติกกรองชาด้วย พี่หรั่งกับพี่ป้อมซื้อ แต่เอวิไม่ได้ซื้อ คือถึงซื้อไปก็ไม่มีเวลาชง ไป ๆ มา ๆ ลังเล ๆ กันอยู่  Hyunju กลับมาซื้อซะงั้น หนุ่มคนนี้พูดภาษาอังกฤษคล่องมาก ส่วนชา ไม่ต้องบอก รสชาติอร่อยนุ่มทีเดียวค่ะ



ยิ่งเย็น คนยิ่งเยอะ



ไปต่อ เขาทำขนมกันอยู่ หน้าตาเหมือนกระยาสารท



ลองชิมแล้ว รสชาติไม่ใช่ มันแห้ง ๆ อ่ะ




ขายของกันเพียบ ใส่ชุดฮันบกมาเลย




เดินจนใกล้สี่โมงเย็น ได้เวลาที่ Hyunju ต้องกลับแล้วค่ะ ขอบคุณเพื่อนมากสำหรับวันนี้ Thank you very much Hyunju




เราไปกันต่อค่ะ ไปช้อปปิ้งกันต่อ แถวอินซาดงมีร้านเครื่องเขียนน่ารัก ชื่อร้าน Iswas



หน้าร้าน



ป้ายร้านค่ะ



เราจะไปต่อค่ะ ไปล่องแม่น้ำฮันกัน กว่าเราจะเสร็จการ shopping ที่ Iswas ก็เริ่มเย็นแล้วค่ะ เราเดินทางจากสถานี Anguk โดยรถไฟสายส้มไปยังสถานี Jongno-3-ga แล้วเปลี่ยนเป็นสายสีม่วง(สาย5) ไปลงที่สถานี Yeouinaru เพื่อที่จะขึ้นเรือเฟอรี่ ล่องแม่น้ำฮันกันค่ะ

เราได้เที่ยว 6 โมงครึ่ง ตั๋วแบบไปกลับ ราคา 14000 วอน



พอเรืออก หนาวพอควรทีเดียว (วันนั้นตอนกลางวันไม่ค่อยหนาวเท่าไหร่น่าจะประมาณ 17-18 กลางคืนเลยหนาวขึ้นอีกไม่เท่าไหร่)



บนเรือจ้า



อีกมุม



พี่หรั่ง



พี่ป้อม



ถ่ายรูปไม่ค่อยสวย แต่จริง ๆ สวยมากค่ะ



ชมวิวกันเนอะ



งามๆ



ใช้เวลาบนเรือน่าจะประมาณชั่วโมงนึงค่ะ เสร็จแล้วปวดฉี่มาก เลยเข้าห้องน้ำแถวนั้น ที่เห็นนี้เป็นสบู่ในห้องน้ำ เขาเสียบแท่งไว้เป็นเหมือนไมโครโฟน ใครใช้ก็รูดเอา แอบคิดว่ากี่มือจับกันล่ะเนี่ย



เสร็จแล้วเรามาดูแผงนิตยสาร กันค่ะ



เรานั่งรถไฟกลับมาฮงอิกจากสถานี Yeouinaru สายสีม่วง(สาย5) ไปลงที่สถานี Yeouido แล้วขึ้นรถไฟสายสีน้ำตาล (สาย 9) ไปลงสถานี Dangsan เปลี่ยนเป็นสีเขียว (สาย2)กลับไปฮงอิกค่ะ (หลายตลบหน่อย แต่มาทางนี้ใกล้สุดแล้ว)

ใกล้ ๆ ที่พัก เราเจอลูกชิ้นทอดค่ะ (จริง ๆ มันอารมณ์เดียวกับลูกชิ้นปลาทอด แต่มันคือไก่)



ราคา ไม้ละพันวอน (ประมาณ 30 บาท)



พี่ป้อมไปหาซื้อผลไม้แถวนั้น เอวิกับพี่หรั่งเลยมาถ่ายรูปกันดีกว่า




เริ่มหมดสภาพ



วันต่อไป จะไปเกาะนามิค่ะ

ตามมา

แพ๊คกระเป๋าเที่ยว ไปเปรี้ยวที่เกาหลี ตอนที่ 5 ใบไม้สีสวย ลมหนาว ที่เกาะนามิ




 

Create Date : 02 กันยายน 2554    
Last Update : 5 พฤศจิกายน 2558 6:29:01 น.
Counter : 4485 Pageviews.  

แพ๊คกระเป๋าเที่ยว ไปเปรี้ยวที่เกาหลี ตอนที่ 3 เพื่อนสาวเกาหลี พระราชวังเคียงบก

ความเดิมตอนที่แล้ว
แพ๊คกระเป๋าเที่ยว ไปเปรี้ยวที่เกาหลี ตอนที่ 2 สวัสดีเกาหลี เมียงดง ฮงอิก

เว้นวรรคไปซะนาน กลับมาแล้วค่ะ หวังว่าคงยังติดตามชมกันนะคะ

ในตอนที่ 3 นี้ เป็นวันอาทิตย์ค่ะ เราจะเดินทางไปย่าน พระราชวังเคียงบก หรืบางคน เรียกว่า เคียงบกกุง (เดาเอาเองว่า กุง อาจจะแปลว่าพระราชวัง -- ใครมีข้อมูลรบกวนมาแชร์ความรู้หน่อยนะคะ)

ซึ่งวันนี้ เราได้นัดเพื่อนไว้คนนึงค่ะ ขอเท้าความก่อน คือเราเนี่ย เป็นคนชอบเขียนจดหมาย แล้วก็มีเพื่อนที่เขียนจดหมายหาอยู่ทั่วโลก เวลามีโอกาสได้ไปประเทศอะไรก็ไปนัดเจอกันค่ะ ที่เกาหลีนี่ก็เหมือนกัน เราเขียนหาเพื่อนคนนี้ตั้งแต่อายุ 12-13 ปีน่ะค่ะ

แล้วก็เลิกเขียนไปช่วงก่อนสอบ Entrance แล้วก็มาเจอใน facebook อีกค่ะ


เพื่อนคนนี้ชื่อ Hyunju ค่ะ อายุไล่เลี่ยกัน (จำไม่ค่อยได้แล้วเนอะ เขียนหากันนานจัด) บ้านอยู่ Suwon จะเข้ามาพบกันที่โซลค่ะ


ก่อนจะไปเจอเพื่อน เช้านี้ พี่ป้อม เชฟระดับพระกาฬ จะเป็นผู้ทำอาหารให้เรากินกันค่ะ

นั่นก็คือ

มาม่า ใส่ ไส้กรอก ซื้อมาจากเซเว่น เพื่อความรวดเร็ว เราเติมน้ำร้อน แล้วต้ม จะได้ร้อนเร็ว ๆ ที่นี่มีอุปกรณ์เพื่อการประกอบอาหารครบ



ยอดฝีมืออย่างพี่ป้อม ทำมาม่าซองละเจ็ดบาทให้เป็นอาหารเหลาได้

คนอื่นทำอาหาร ส่วนเราก็มาดูวิว !!! (มีส่วนร่วมมากมาย)

ถ่ายจากหน้าต่างห้องค่ะ



เอาล่ะ พร้อมรบ มีน้ำส้ม มาม่าไส้กรอก ขนมปังทาแยมรสขิง กาแฟ นมรสกล้วย



ทียังงี้ล่ะรีบมาเชียว



แยมขิงนี่รสชาติแปลก ๆ ดีค่ะ มันก็รสขิงอ่ะนะ แต่ก็ไม่น่าเป็นแยม เอ๊ะ แต่มันก็เป็นแยม



เอาล่ะ อิ่มเรียบร้อย พร้อมกันที่หน้าห้อง ห้องของเราเบอร์ 703 ค่ะ
(เวลาไปเช็คอิน เช็คอินกับแอน ห้องชั้น 5 แต่นอนจริง ๆ ชั้น 7)



นัดเพื่อนไว้ 10 โมงครึ่ง ที่สถานี Gwanghwamun (กังฮวามุน)

วันนี้อากาศไม่ค่อยหนาว น่าจะประมาณ 20 องศา สังเกตจากการใส่เสื้อนะคะ (ตอนบ่ายอยากจะถอดเสื้อด้วยซ้ำ ค่อนข้างร้อน)

ในภาพ อยู่ในสถานีรถไฟใต้ดินค่ะ



ว๊าวๆๆๆๆ ตู้น้ำ
เจอของชอบอีกแล้ว เจอต้องถ่ายรูป



การเดินทางไปสถานี กังฮวามุน เดินทางได้ดังนี้ค่ะ


นั่งสายเขียว (สาย2) จากฮงอิก ไปลง ชองจองโน (Chungjeongno)

เปลี่ยนไปขึ้นสายสี ม่วง (สาย 5) ลงที่กังฮวามุน ได้เลยค่ะ

ข้างในสถานีรถไฟ มีภาพโฆษณาสวย ๆ เกี่ยวกับการท่องเที่ยว
(ถ่ายรูปเองไม่ได้สวยขนาดนี้)



ถ่ายของเขามาอีกที ตัวเองไม่มีปัญญาไป ถึงไปถึงที่ ก็ถ่ายมาไม่สวย



เอาตัวเองไปใส่ในภาพซิ



เอาล่ะ ไปหาเพื่อนดีกว่า นัดเจอกันที่ทางออกที่ 4



ออกมาก็โอ้โห อนุสาวรีย์ กังฮวามุน (เขาเรียกอนุสาวรีย์หรือเปล่าน๊ออออ)



มองไป ที่หมอกคลุมลิบ ๆ คือพระราชวังเคียงบกนะคะ (บางทีจะเรียกพระราชวังเคียงบกกุง อย่างง ถ้าเราเอามาเรียกรวมกัน เพราะเราเองน่ะแหละ คนงง)



ตรงปากทางที่ออกมาจากสถานี กังฮวามุน ก็มี Monument of Gojong's Enthronement พวกเรากรี๊ดกร๊าดกันใหญ่ ดูเกาลี้ เกาหลีขึ้นมาซะแล้ว



ประวัติ



ชัดๆ



อีกมุมนึง ตื่นเต้นอ่ะ ยืนอยู่ตรงนั้นรู้เลยว่าอารมณ์กรี๊ดกร๊าดเป็นยังไง



สักพักเพื่อนโผล่มาจากไหนไม่รู้ เรียก เอวิๆ
เลยเจอเพื่อนแล้วค่ะ เย้ๆๆๆ ถ่ายรูปเป็นที่ระทึก 55

ชูสองนิ้ว เหลือสองคน (อ่ะไม่ใช่ ยังอยู่ครบจ้า)



เราไม่รอช้า เวลามีน้อย ไปถ่ายรูปใกล้ ๆ กัน

ข้ามถนนๆ



พอข้ามมาใกล้ ๆ ก็โอ้...สวยงามอลังการ



จัดไป บริเวณนี้เขาเรียก จตุรัส กังฮวามุน (Ganghwamun square)



จากนั้นเราก็เดินมุ่งหน้าไปยัง พระราชวังเกียงบกกันนะคะ

ระหว่างทางก็มีที่ให้ถ่ายรูปเยอะแยะเลยค่ะ



ที่พื้นเขาจะทำทางน้ำไหล ไหลผ่านแผ่นหินจารึกเหตุการณ์สำคัญในปีต่าง ๆ



เห็นวังอยู่ลิบ ๆ นะคะ เราเพลิดเพลินกับการถ่ายรูปซะเหลือเกิน



ภาพนูนที่พื้น



บรรยายที่มาของ Ganghwamun square



บริเวณลานด้านหน้า ก็มีอะไรให้ถ่ายรูปเยอะ

ซึ่งการมาเที่ยวเองนั้น ถ้าเราอยากรู้อะไร เราต้องหาข้อมูลเอง นี่เป็นอีกข้อเสียนึงของการเที่ยวเอง เพราะถ้าไม่รู้ ก็คือไม่รู้อะไรเลย

แต่ก็ชอบเที่ยวเอง เพราะเป็นคนอืดอาดลั้นลา



มีอะไรให้ถ่ายเยอะแยะ



น่าจะเป็นอุปกรณ์ในสมัยโบราณ รบกวนผู้รู้มาบอกหน่อย ถ้าให้เดาเหมือนจะอุปกรณ์ทางดาราศาสตร์



ใกล้แล้วค่ะ ข้ามถนนไปก็ถึง



เมื่อไปถึงด้านหน้า จะมีการแสดงเปลี่ยนเวรรักษาความปลอดภัย แบบสมัยโบราณ ผู้แสดงเคร่งขรึมสมจริงสมจังมากค่ะ

(วันอังคารจะงดการแสดงนะคะ ส่วนวันจ้นทร์ พิพิธภัณฑ์รอบ ๆ บางแห่งอาจปิด จะให้ดี ตรวจสอบข้อมูลก่อนนะคะ)



คนนี้เป็นหัวหน้า ตัวใหญ่มากนะคะ (ทหารก็ต้องตัวใหญ่สิเนอะ)



ทหารสามสี



ไปยืนด้วย ตัวเล็กไปทันที (ฮ่า ๆ สิ่งนี้ที่เราต้องการ)



คนที่เป็นหัวหน้านี่สูงใหญ่จริงๆ



ผ่านประตูเข้าไป มีทหารที่คอยตีกลองให้จังหวะ เวลาที่เดินเปลี่ยนผลัดเวรด้วยค่ะ



ถึงเวลาเดินผลัดเวรแล้ว



ทีมเก่า "กลับ!"



การแสดงผลัดเปลี่ยนเวรยาม จะมีเฉพาะที่ประตูด้านกังฮวามุน ทุกวันเว้นวันอังคารนะคะ (ยังไงเช็คก่อนนะคะ เห็นบางข้อมูลบอกว่ามีเฉพาะช่วง มีนา ถึงธันวา อาจเป็นเพราะสองเดือนแรกจะหนาวมาก ๆ นะคะ) ส่วนวังโดยรอบ บางวังปิดวันจันทร์ ถ้าให้ดีควรเว้นจันทร์กับอังคารนะคะ ถ้าอยากมาชมให้เต็มที่ และสามารถชมการแสดงได้ฟรี (แต่ถ้าจะผ่านประตูเข้าวังชั้นใน เสียตังนะ) วันละ 3 ครั้ง 10 โมง เป็นการเดิน round โชว์ เปิดวัง 13 น. จะเปลี่ยนกะ และ 15 น. เป็นเดิน round รอบปิดวัง พิธีนี้มีมาตั้งแต่ปี 1469 ค่ะ (ขอบคุณข้อมูลจาก Virtualtourist)


เดินต่อเข้าสู่วังชั้นในค่ะ



ใครมาเกาหลีก็ชอบถ่ายหลังคากัน เราสังเกตว่ามันต่างกับของญี่ปุ่นค่ะ ของญี่ปุ่นสีจะเรียบกว่านี้




นี่ๆ



ขณะที่กำลังชมความงาม พี่หรั่งกับ Hyunju ก็ไปซื้อตั๋วเข้าวังมาค่ะ (เข้าวังต้องเสียตัง แต่ชมเปลี่ยนเวรยามเมื่อกี้ฟรี)



3000 วอน ก็ประมาณ 100 บาท



ตามมาๆ



ช่วงเช้าวันอาทิตย์ ก็จะมีคนไม่มากเท่าไหร่ค่ะ (รู้สึกคนเกาหลีจะเริ่มอะไรสาย ดูอย่างร้านรวงเปิดเที่ยงทั้งนั้น



ชมวิวกันเนอะ



อ้าว คนมาจากไหนกันเนี่ย!!

เพียบเลยทีนี้



ไปถ่ายรูปด้านในกันค่ะ

แผนที่วังโดยสังเขป



บริเวณที่เห็นคือภายในพระราชวัง ซึ่งห้ามเดินเข้าไป แต่ถ่ายรูปได้



อันนี้คือถ่ายมาจากตรงหน้าต่าง จริง ๆ เป็นคนตัวเตี้ยก็ดีอย่าง มุด ๆ ได้ ไม่เกะกะคนอื่นด้วย



ถ่ายด้านบนฝ้าเพดานบ้าง



ท้องพระโรง (เขาเรียกอย่างงี้ใช่ไหม จักร ๆ วงศ์ ๆ ไม่ค่อยรู้)



เชิญชมค่ะ



ถ่ายรูปแป๊บเดียว เหนื่อยซะแระ แหะๆ



อันนี้ถ่ายกับเจ้าหน้าที่ค่ะ ดูหน้าชี ราวกับปวดอุจจาระก็มิปาน (เมิงไม่เต็มใจไม่ต้องก็ได้)



ถ่ายด้านนอกอีก



อาคารสมัยก่อนเขาจะยกพื้นสูง เพื่อที่ใต้ถุนจะเป็นระบบทำความร้อน เวลานอนบ้านโบราณ พื้นจะร้อน เรียกว่า องโดล ค่ะ เดี๋ยวนี้บ้านสมัยใหม่ ทำพื้นร้อนจะมี แต่เป็นระบบไฟฟ้าค่ะ คาดว่าสมัยก่อนเป็นแบบระบบเตาถ่าน



เยี่ยมชมต่อ



ไปด้วยกันนะคะ



นอกจากส่วนตรงกลาง ที่เป็นวังชั้นในแล้ว โดยรอบจะมีที่พักของสนม หรือคนใกล้ชิดต่าง ๆ เดินทะลุถึงกันได้ แบบเดียวกับที่เห็นในหนังแหละค่ะ



อันนี้เดินมาถึงด้านหลังแล้วนะคะ มีต้นไม้อยู่



ใต้ต้นลูกพลับ ย่อมมีลูกพลับเป็นธรรมดา



คล้าย ๆ ช่อฟ้าบ้านเรา Hyunju บอกว่าสัญลักษณ์เหล่านี้สร้างไว้เพื่อคุ้มครอง ปกป้องดูแล



เยี่ยมชมต่อไปนะคะ ถ้าเราหันหน้าเข้าวัง ด้านซ้ายมือจะเป็นสระน้ำ เรียกว่าส่วนของ gyeonghoeru pavilion



เราเยี่ยมชมโดยรอบของวังแล้วนะคะ กลับมายังใกล้ๆทางเข้า มีการแสดงของทหารอีก ประมาณว่าเดิน round รอบวังค่ะ มากันแล้ว



พี่ท่านยังอยู่



อันนี้เป็นกำหนดการแสดงคร่าว ๆ



ก่อนกลับถ่ายรูปชุดทหารกันนะคะ (ที่นี่มีชุดให้เช่าถ่ายรูปด้วยนะคะ แต่ค่อนข้างแพงนะ ปอลอ ที่อื่นก็มีถูกกว่าค่ะ)



ตอนหน้า กินไก่ตุ๋นโสมร้านดัง

แพ๊คกระเป๋าเที่ยว ไปเปรี้ยวที่เกาหลี ตอนที่ 4 ไก่ตุ๋นโสมร้านดัง แล้วไปช้อปปิ้ง อินซาดง ล่องเรือแม่น้ำฮัน




 

Create Date : 04 สิงหาคม 2554    
Last Update : 12 เมษายน 2557 10:44:32 น.
Counter : 5034 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  

honeynut
Location :
กรุงเทพ Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 15 คน [?]










new counter start at 16/5/15

from old counter 571368 Hits at 16/5/15

100,000 Hits at 3/4/08

flag counter since at 21/09/17

Flag Counter


ขอบคุณ Graphic สวย ๆ จาก

เนยสีฟ้า
ญามี่
gasara



come visit meeee
come visit meeee

Fanlisting





fanlisting คือ?

ปฏิทิน
...


Friend Link

บล๊อกที่ยังอยู่ในใจเสมอ
Friends' blogs
[Add honeynut's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.