คุณแม่น้องแฝด ฮานากะฮารุ ^^
ทริปไปเที่ยวฮ่องกงวันที่สอง : ไปไหว้พระกับขึ้นกระเช้าลอยฟ้าที่นองปิง







"วันที่สองของทริปคร่า"



ตื่นเช้ามางงๆพร้อม morning call จากโรงแรม เวลา หกโมงครึ่ง
รู้สึกก่งก๊งเล็กน้อย กว่าจะรู้สึกตัวว่าอยู่ที่ฮ่องกงแล้วนี่หว่า
อูยยย ต้องรีบอาบน้ำแต่งตัว
แต่ค่าที่อากาศมันเย็นเหลือเกิน อาบไม่ไหว
เลยใช้วิธีเช็ดตัวแทน แฮ่ะๆ (แต่ก็ยังสัมผัสน้ำนะ)


มาดูชุดกันหน่อย
เสื้อโค้ทสีม่วง สีนี้เราชอบมาก ทำให้ดูขาวดี
กางเกง Haas สีดำ
ข้างในใส่ลองจอนสีดำ
รองเท้าบูทหุ้มข้อสีดำ
หมวกไหมพรมเทา-ขาว
อยู่เมืองไทยแต่งตัวแบบนี้ไม่ได้ มาเต็มที่ที่นี่แหล่ะ











อ้อ...อย่าลืมแปะแผ่นกันหนาวด้วยนา

แต่งตัวเสร็จก็ลงมารอกันที่หน้าโรงแรม รอรถจากทัวร์พาไปกินติ่มซำตอนเช้า งั้นมาถ่ายรูปเล่นกันหน่อย


รูปครอบครัวจ้า






วิวบริเวณโรงแรม





ถึงเวลารถก็มารับเราไป จากนั้นคณะเราก็เดินทางไปกินติ่มซำมื้อเช้ากัน


อันนี้เป็นวิวฮ่องกงยามเช้า......















แหม....สวีทเกิ๊นนน อิจฉาวุ้ย



วันนี้อากาศหนาวจังเลยค่ะ ถ้าเป็นอย่างนี้คาดว่าช่วงบ่ายก็จะหนาวกันกว่าเดิมเพราะต้องขึ้นไปบนเขา แต่ไม่เป็นไร...เรามีแผ่นความร้อนช่วยอยู่แล้ว วันนี้อิชั้นล่อไปสามแผ่นค่ะ แปะหลังเพิ่มอีกอัน ช่วยได้อย่างดี ชอบเหลือเกิน


แล้วอาหารเช้าของเรา นานาติ่มซำก็เริ่มมาเสริฟ
อ้อ...ต้องมีโจ๊กด้วยซิ มาฮ่องกงทั้งที










อาหารมื้อนี้เราเฉยๆกันนะ เพราะลักษณะเหมือนอาหารที่จัดให้ทัวร์มาลง ซึ่งเราไม่โปรดในลักษณะนี้เท่าไหร่ แต่ก็โอเค เพื่อประทังชีวิตให้มีแรงสู้ต่อไป


ร้านนี้มีคนมาใช้บริการเยอะจัง ลักษณะเหมือนห้องจัดเลี้ยงยังไงยังงั้น
แถมมีรถคู่รักให้เราถ่ายรูปเล่นด้วย อย่างนี้จะพลาดได้ยังไง









ทานเสร็จแล้วก็มารอขึ้นรถไปเที่ยวกัน
แม่แอบเข้าในรูนี้เฉยเลย บอกว่าอุ่นดี
ลูกๆก็เลยตามมาหมดเลย มาพิสูจน์ อุ๊ยยย อุ่นจริงๆด้วย








ต่อไปเราจะไปวัดเทพเจ้าแชกง หรือวัดแชกงหมิว


วัดนี้มีอายุกว่า 300 ปีมาแล้ว
เป็นสถานที่บูชาเซียนแชกงที่ขึ้นชื่อในเรื่องการช่วยขจัดปัดเป่าสิ่งไม่ดีทั้งหลายออกไป และนำสิ่งดี ๆ เข้ามาในชีวิต โดยมีกังหันลมเป็นสื่อนำโชค

วัดนี้ชาวฮ่องกงนิยมมาไหว้พระทำบุญกันมาก โดยเฉพาะวันตรุษจีนซึ่งเป็นวันขึ้นปีใหม่จีน ผู้คนจะหลั่งไหลมาทำบุณที่นี่กันเยอะมากกกก
ยิ่งที่คนที่ตกดวงชงนี่ จะต้องมาสะเดาะห์เคราะห์กันที่นี่อย่างแรง เรียกว่าไฟล์บังคับเลยก็ว่าได้.......


พวกเราเลยเช็คว่าปีนี้และปีหน้ามีใครที่ตกดวงชงบ้าง
ผลออกมาว่า แม่เรา (ปีวอก) และป๊า (ปีมะเส็ง) ยังชงในปีนี้อยู่
ส่วนปีหน้าเป็นปีชงของน้องสาวกับน้องชาย คือมะแมกับระกา
(ทั้งบ้านมีอิชั้นไม่ชงอยู่คนเดียว....)


แม่ก็เลยดี๊ด๊าดีใจที่จะได้ทำบุญไหว้พระสะเดาะเคราะห์ให้ตัวเองและลูกๆ ไปเลยทีเดียวในวันนี้ค่ะ


เข้าไปในตัววัด










หลังจากจุดธูปไหว้เสร็จแล้วให้หมุนกังหัน ที่อยู่สองด้านข้าง ๆ รูปปั้นท่านแชกง และตั้งจิตอธิษฐานขอสิ่งที่เราอยากได้

กังหัน 4 ใบ มีความหมายคือ
ใบที่ 1. เดินทางปลอดภัย
ใบที่ 2. สุขภาพแข็งแรง
ใบที่ 3. โชคลาภ เงินทอง
ใบที่ 4. คิดหวังสิ่งใด สมความปรารถนาทุกประการ









ลูบหัวเต่า 3 ครั้ง เค้าว่าจะโชคดีสมปรารถนาตลอดไปนะจ๊ะ






ที่นี่มีกังหันลมขายเป็นของที่ระลึก
เค้าว่าเอาไว้ร้าน บริเวณที่มีลมหมุนๆตลอดเวลา จะช่วยทำให้กิจการการค้าของเราเจริญรุ่งเรือง เงินทองไหลมาเทมา
เป็นเครื่องรางที่ใครฟังแล้วก็อยากได้ไปบูชา น่าซื้อหากลับบ้านอย่างยิ่ง






เรียกว่าขายดิบขายดีเชียวค่ะ โดยเฉพาะกลุ่มพวกเราซื้อไปเยอะทีเดียว
(ไม่อยากบอกเลยว่าคุณนายแม่เหมามากี่อัน ฮ่า)


เจอถั่วแระ เชิญยิ้มด้วย มาไหว้พระเหมือนกัน
ตอนแรกอิชั้นยังงงๆ ว่าใช่ตัวจริงป่าวหว่า
ก็เฮียแกเล่นมุขว่า ม่ายช่ายๆๆ แค่เป็นคนหน้าเหมือน
อูยย เป็นงง แถมพอเค้าถามว่ามาทำไร
แกตอบว่ามาขายกังหัน.....เออ เนอะทำไปได้ กร๊ากก




เราใช้เวลาไหว้พระในนี้พักนึง
เสร็จแล้วก็ไปที่วัดหวังต้าเซียนกันต่อ


วัดหวังต้าเซียน หรือหว่อง ไท่ ซินเป็นวัดที่โด่งดังมากค่ะ
มีคนฮ่องกงไปไหว้กันเยอะมากกก คนที่มาแก้บนก็เยอะมากกก
เค้าว่าวัดนี้เมื่อก่อนตั้งอยู่บนฮวงจุ้ยที่ดีมาก
แต่เดี๋ยวนี้ผู้คนเริ่มเข้ามาอยู่ใกล้ๆวัดมากขึ้น เพราะพื้นที่ฮ่องกงที่มีจำกัด
ทำให้คนที่อยู่ใกล้วัด จะต้องหาอะไรมาแก้เคล็ด
ส่วนใหญ่ก็จะเป็นการติดเครื่องรางไว้ที่คอนโดที่อาศัยที่กระทบมุมกับวัด





แต่ในส่วนของวัด ก็ยังได้รับความนิยมและพลังศรัทธาจากมหาชนทั้งชาวฮ่องกงและชาวต่างชาติเช่นเรา...เข้าไปไหว้พระทำบุญกันไม่ขาดสาย
อย่างเช่นวันนี้ค่ะ


ทริปเราลงไปก็เจอคลื่นมหาชนเยอะมากกก มาไหว้พระเป็นเพื่อน
คนเยอะจริงๆ.....











ใช้เวลาพักนึงก็กลับมาข้างล่าง
แวะเข้าห้องน้ำให้เรียบร้อย
ป๊าป๋าเกิดอยากกินกาแฟ เราก็เลยกดน้ำมากินกัน






เสร็จแล้วก็เป็นช่วงบ่าย เราจะพากันขึ้นกระเช้าไฟฟ้าที่นองปิง
แต่มื้อเที่ยงที่ไม่ได้กินตามร้านแล้วนะคะ เพราะไม่มีเวลา
เราก็เลยต้องซื้อของกินที่เซเว่นรองท้องกันไปก่อน
ส่วนใหญ่ก็เป็นพวกขนมปังเพื่อความอยู่ท้อง
(ขนมปังที่นี่แอบแพง กินข้าวร้านแพงๆบ้านเราได้เลยนะเนี่ย)









เสบียงรองท้องมื้อเที่ยงของเราวันนี้คือ
ขนมปังสองห่อใหญ่จากเซเว่น น้ำเปล่า นมเปรี้ยว
ขนมปังที่เซเว่นนี่มีติดตรา Yamazaki ทุกอันเลยนะ และก็อร่อยด้วย
โดยเฉพาะขนมปังกาแฟ เนื้อนุ่มมาก แถมหอมกาแฟสุดๆ
เสียดายซื้อมาน้อยไปหน่อย.....




ถึงแล้ว สถานีกระเช้าไฟฟ้านองปิง




รอคิวนานเหมือนกันนะ


ก่อนขึ้นกระช้า ก็จะมีคนมาถ่ายรูปหมู่เรา
คาดว่ามันจะกลายเป็นจานขึ้นไปรอเราอยู่ข้างบนแหงๆเลย กร๊ากกก












วิวรอบตัว สูงจังเลย เค้าว่าคนเป็นโรคหัวใจไม่ให้ขึ้นนะ

กระเช้าเลื่อนไปเรื่อย ไม่เร็วมาก แต่ใช้เวลาประมาณ 25 นาทีก็มาถึงยอดเขาแล้ว.....


พอมาถึงก็เจอรูปพวกเราขายจริงๆด้วย มีรูปขนาด A4 หนึ่งใบ พวงกุญแจสองอัน ราคาสี่ร้อยบาท
ดูๆแล้วสวยดีค่ะ ก็เลยเอามา...
เสียท่าจนได้ ว่าจะไม่แล้วเชียวน้า.....


เดินไปเที่ยวข้างบน บรรยากาศรอบตัวหนาวเย็นไม่ใช่เล่น
มีของกินขายเยอะเลยค่ะ อาหารก็มีมาก ไม่ต้องกลัวอดเลย






แต่ตอนนี้หิวมากก เพราะเป็นเวลาบ่ายสามแล้ว มื้อเที่ยงก็กินแต่ขนมปังอย่างเดียว
ก็เลยยกโขยงจะไปกินราเม็งกัน อากาศหนาวๆกินอุ่นๆน่าจะดี
แต่น้องสาวกะเราหิวแล้วง่ะ ก็เลยไปหาเครปสดมากินรองท้องกันก่อน...
น่าอร่อยจัง งั่มมม








ราเมงมาแล้ว น่าทานมั้ยค่ะ
เป็นซีฟู๊ด กับหมูอบ รสชาติดีทีเดียว เส้นอร่อยดี
ชามใหญ่มาก ต้องกินสักสองคนถึงจะดี
สั่งเกี๊ยวซ่าเพิ่มด้วยนะ จะได้อิ่มหนำ





พระใหญ่วัดโพลินยังอยู่อีกไกล ต้องเดินอีกโขเลยค่ะ
แต่แม่ก็เดินไม่ไหวแล้ว....
ก็เลยขอไหว้จากตรงนี้ คุณแม่มีพลังมหาศรัทธามาก ขนาดไม่ได้ขึ้นไป
ดูจากรูปก็ได้ค่ะ.....




ถ่ายรูปหมู่กันหน่อย....











ขณะที่กำลังถ่ายรูปกันนั้น อิชั้นก็พบว่า
พบว่า.....









โห...เสื้อหนาว แค่ไม่ได้ใส่มาสิบปี (นานไปปล่าว)
ถึงขั้นเปื่อยและขาดขนาดนี้เลยเหรอ แย่จัง
ยังดีนะเนี่ยที่สีมันกลืนๆกัน เลยดูไม่ค่อยจะออก
แต่อิชั้นก็ต้องแบกเสื้อขาดๆอย่างนี้ต่อไป เพราะอากาศหนาวเกินจะถอดได้ แถมเอามาตัวเดียวเอง
เดี๋ยวลงเขาไปคงต้องหาซื้อใหม่แล้ว


มารอกระเช้าลงเขากันเถอะ
โห...คิวยาวมากกกก ขามาว่ายาวแล้วแต่ขากลับยาวกว่าอีกง่ะ
คนเยอะมากกก เข้าคิวกันเป็นชั่วโมงเลย ยืนกันขาแข็ง
แต่ทำไงได้ ไม่ต่อคิวก็ไม่ได้ลงง่ะ เฮ้อ....


ขากลับเราอยากลองนั่งกระเช้าแบบที่เป็นพื้นกระจกค่ะ เรียกว่าแบบ Crystal cabin ค่ะ (แบบธรรมดาที่ขึ้นมาขามาเป็น standard cabin)

สาเหตุคือ หนึ่งคิวสั้นกว่าเยอะ เพราะมันแพงกว่า
และสอง ก็คืออยากรู้ว่า.....อีพื้นกระจกมันจะเสียวไส้ขนาดไหนนนน

ป๊าจึงตกลงเพิ่มตังค์เป็นแบบพื้นกระจกแทน
เสียเงินเพิ่มรวมพันกว่าบาท แต่ก็ได้ชมบรรยากาศแบบเสียวๆ และได้ขึ้นกระเช้าเร็วขึ้น








V
V
V
V



เดินทางมาถึงพื้นแล้ว เฮ้อ....ในที่สุดก็มาถึง
ดูเวลายังเหลืออีกนิดหน่อย เลยเดินไปซื้อเสื้อหนาวที่ Citygate Outlet โชคดีจัง ไปเจอเสื้อหนาวที่ร้าน Giodano ถูกด้วย 800 กว่าบาท ชมพูหวานแหวว แถมอุ่นสบายสุดๆ ชอบๆๆ อย่างน้อยคืนนี้อิชั้นก็ไม่หนาวตายแล้ว เพราะมีคิวต้องไปเดินที่จิมซาจุ่ยต่อ



ไปที่จิมซาจุ่ย จริงๆเค้าจะพามาดูแสงสีที่เค้าแสดงโชว์ตอนสองทุ่ม
แต่ยัยน้องสาวอิชั้นอยากไปซื้อกระเป๋ามิวมิวที่ร้านก่อนเพราะกลัวร้านปิด
อิชั้นเลยไม่ได้ดูแสงสี
ฮึ่ม...จำไว้นะเอ็ง


บรรยากาศรอบๆจิมซาจุ่ย
อารมณ์ประมาณสยามสแควร์บ้านเราเลยค่ะ
แต่เป็นยังไงไม่รู้ เราว่าที่จิมซาจุ่ยเนี่ยของถูกกว่าสยามเยอะเลย
ที่สยามเราซื้อไม่ค่อยลงอ่ะ แพง


อ้อ...เราไปได้น้ำหอมที่ร้าน SaSa ที่นี่ด้วย
น้ำหอมถูกมากกกค่ะ ขวดใหญ่ที่เมืองไทยสามสี่พัน ที่นี่สองพันเอง
แถมถ้าขวดเล็กหน่อยก็พันนิดๆ ถ้ายี่ห้อนั้นมีโปรโมชั่นด้วยก็ไม่ถึงพัน
ราคาย่อมเยา และเย้ายวนใจสุดๆ

เลยสอยน้ำหอมของ Paris Hilton Tense มา ราคาสองพันกว่าๆ แถมบอดี้โลชั่นหลอดใหญ่มาด้วย
ส่วนแม่เราได้เคนโซ่ รุ่นคลาสสิค หอมกลุ่นดอกไม้ตามประสา Kenzo
อ้อ....น้ำหอมขนาดลดลองที่นี่ถูกมากนะคะ ร้อยกว่า-สองร้อยกว่าบาท
ยี่ห้อคุ้นๆทั้งนั้น Mossino, Blurbery, DKNY ขายกันในกะบะเลยทีเดียว
ข้อเสียคือลองไม่ได้....

เราก็ไปคุ้ยๆๆมาค่ะ ได้มาหลายอันอยู่ เอาแบบที่รู้กลิ่นอยู่แล้ว
เฮ้อ....เสียตังค์สบายใจ


ที่นี่มีก็ขาย Kate, Maybeline, Revlon เหมือนเมืองไทยนะ
แต่ราคาพอๆกับบ้านเรา ไม่ต่างกัน ไม่น่าสอยเท่าไหร่
สรุปว่าน้ำหอมน่าซื้อสุดค่ะ....





ขากลับ เราจะกลับโรงแรม จึงโบกแท็กซี่
เจ้ากรรม...แท๊กซี่ไม่รู้จักโรงแรม และไม่ยอมรับเราเลยสักคัน
แถมแท็กซี่ก็น้อยอีก คนก็แย่งขึ้นเยอะ
เราลองโบกแท็กซี่ แต่ก็ไม่มีใครยอมพาไปเลย


ลองโบกรถ + รอโบกรถ ประมาณยี่สิบกว่านาทีก็รู้สึกว่าไม่ไหวแล้วอ่ะ ไม่มีความหวังเลย
เหลือบไปเห็นสถานีรถไฟใต้ดินก็เลยนึกขึ้นได้ว่าโรงแรมของเราอยู่บนสถานีจอร์แดนนี่หว่า

ก็เลยชวนแม่กับป๊าว่าขึ้นรถไฟใต้ดินดีกว่า ยังไงแท็กซี่มันก็ไม่ยอมรับ
ป๊ากับแม่ลังเลเล็กน้อย แต่เราก็ยืนยันว่าไปเถอะ
เราสำรวเส้นทางแล้ว ไปแค่สถานีเดียวเอง
แล้วทางออกสถานีก็เจอโรงแรมเลย
ต้องรับรองว่าอิชั้นพาไปถูกแน่ ไม่หลงแน่ๆ ป๊าแม่ถึงยอม
โถ.....ไม่เชื่อใจลูกเล้ยยยย


รอรถไฟใต้ดินกันค่ะ








ลงมาแล้วก็เดินๆตามทาง
เจอทางออก E ก็มีป้ายเขียนว่าโรงแรม Prudential
โห...เห็นมั้ยว่าง่ายๆ หมูกว่าที่คิด
ในที่สุดอิชั้นก็พาครอบครัวกลับโรงแรมได้ ดีใจจิงวุ้ย



คืนนี้ต้องพักผ่อนแล้วนะคะ เหนื่อยมากแล้ว
เหลือวันเที่ยวหนึ่งวัน พรุ่งนี้เย็นเราต้องรีบกลับกันแล้ว
ที่สำคัญ...เรายังไม่ได้กินกุ้งมังกร หรือล็อปสเตอร์กันเลย
เรามากินกุ้งมังกรพรุ่งนี้กันเถอะค่ะ.....

























Create Date : 20 ธันวาคม 2553
Last Update : 12 กันยายน 2556 13:57:29 น. 0 comments
Counter : 1992 Pageviews.

ชื่อ : * blog นี้ comment ได้เฉพาะสมาชิก
Comment :
  *ส่วน comment ไม่สามารถใช้ javascript และ style sheet
 

hi hacky
Location :
ชลบุรี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 24 คน [?]




Life is a journey....
New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add hi hacky's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.