คุณแม่น้องแฝด ฮานากะฮารุ ^^
ทริปเที่ยวไปกินไปที่สิงคโปร์ Day 1

สงกรานต์นี้บ้านอิชั้นหนีร้อนนน มาเที่ยวสิงคโปร์กันค่ะ  

(เกริ่นเหมือนจะดี แต่เอาเข้าจริงๆที่โน่นร้อนกว่าเมืองไทยอีก เหอๆ)





พอดีงวดนี้ที่บ้านว่างกันทุกคนเลย   น้องๆกับแฟนเค้าก็ว่าง ป๊าเลยบอกงั้นไปเที่ยวกันหมดนี่เลย มาหลายๆคนสนุกดี

เลยเป็นที่มาของทริปในวันนี้จ้า Smiley


เรามาถึงสนามบินดอนเมืองประมาณเจ็ดโมงครึ่ง  มากันแต่เช้าเบยเพราะจะได้เที่ยวกันเร็วๆ



เดี๋ยวนี้ในดอนเมืองก็มี Duty free นะจ๊ะ ขอบอก  บ้านเราเดินไปเล่นๆเนี่ยหมดเป็นหมื่นเหมือนกันนะ




ไปถึงสิงคโปร์ ระหว่างผ่านตม. จนท.ของเราเป็นสาวแขก  เธอก้มมองพาสปอร์ตและมองหน้าอิชั้นแบบไม่ค่อยแน่ใจ  พร้อมกับพูด "นาท-ตา-ช๊า ??"

อิชั้นพยักหน้า  "เยส อิสมี"  (นึกในใจมีอะไรฟร่ะ...คนอื่นไม่เห็นโดนถามแบบนี้เลย)   Smiley  คุณตม.พลิกซ้ายพลิกขวาพาสปอตอิชั้นอยู่พักใหญ่  แต่สุดท้ายก็ปล่อยเราออกมา


อิชั้นเล่าให้น้องๆฟังว่าตรูเกือบโดนกักตัวที่ตม.แล้วนะเนี่ย  ไม่รู้จะสงสัยอะไรกะชื่อนาทตาชา (สำเนียงแขก) นักหนา  น้องสาวอิชั้นบอกว่า เค้านึกถึงว่าเจ้ชื่อนาตาชา แล้วจะต้องหน้าฝรั่งๆ อย่าง Black widow ในเรื่อง The Advenger  อ๊ะป่าว  Smiley



นี่แหล่ะค่ะ  นาตาชาในหนัง   เจ้แกคงนึกว่าอิชั้นต้องหน้าตาประมาณนี้แหล่ะมั้ง  พอเจอหน้าหมวยๆ เลยงงเบย   555





เจอะฟิลม์รัฐภูมิตั้งแต่ที่ดอนเมือง  ได้ไปถ่ายรูปคู่กันที่สิงคโปร์ด้วย

ฟิลม์ตัวจริงหล่อนะคะ  แต่เพราะความที่ตัวเค้าสู๊ง สูง เลยดูผอมๆ  

และความสูงของน้องเค้าก็สร้างปัญหาให้อิชั้้นมากๆเลย  เสต็ปมันต่างกันเลือกเกิน

ต้องบอกน้องว่าช่วยพี่หน่อยนะคะ  น้องเค้าเลยย่อตัวลงมา..ค่อยยังชั่วหน่อย



นี่น้องเค้าช่วยย่อมาสุดๆแล้วนะคะ  ได้แค่นี้เอง  งือ Smiley



มาถึงสิงคโปร์นี่โคตรจะหิวข้าวเลยค่ะ  เพราะเป็นเวลาบ่ายสองแล้ว การที่บินคร่อมมื้ออาหารมันซวยแบบนี้เอง  หาเวลากินข้าวไม่ได้  Smiley

จริงๆอิชั้นเริ่มเหล่เบเกอร์คิงในสนามบินชางฮีไว้แล้วนะ  แต่ยังบังเอิญไกด์มารับพอดีเลยอดทาน  ต้องรีบไปขึ้นรถไปบัดดล


มาที่โรงแรกก่อนค่ะ   วันนี้เราพักที่ Rendezvous Hotel







โรงแรมไม่ใหญ่มาก  แต่ก็ตกแต่งได้สวย มีพร๊อพงามๆให้ถ่ายรูปเยอะเหมือนกัน

เข้ามาสำรวจห้องนอนก่อน



สิ่งอำนวยความสะดวกของโรงแรมทีนี่อยู่ในระดับดีนะคะ  เราชอบลิ้นชักในอ่างล้างหน้าในห้องน้ำที่สุด   ทั้งใหญ่ ใส่ของได้เยอะ สะดวกมากๆ





พอถึงตอนนี้เราก็หิวกันได้ที่สุดๆ ดูนาฬิกาก็ปาเข้าไปบ่ายสาม  เท่ากับเราเลยเวลาอาหารเที่ยงมาสามชั่วโมงแล้ว


แถมเวลาที่สิงคโปร์ก็ดันเร็วกว่าเมืองไทย 1 ชั่วโมงอีก  ซึ่งตามโปรแกรมตอนหกโมงเย็นเราจะต้องไปหม่ำปูที่ร้าน No Signborard กันด้วย  เท่ากับว่าเดี๋ยวอีกแค่สองชั่วโมงเราต้องกินกันอีกแล้ว  เลยต้องหาอะไรที่มันเบาๆ จะได้ไม่อิ่มเกินไป


ไกด์พาเรามาที่นี่ค่ะ  ศูนย์อาหาร Kopitiam  อยู่ข้างๆโรงแรมนี้เอง เค้าว่าเปิด 24 ชม.เลยนะ  โอ้โฮ...




มื้อแรกในสิงคโปร์เราเลยทานเป็นอาหารง่ายๆ อย่างติ่มซำกันค่ะ





คนอื่นอาจจะเบาๆกันได้แต่ป๊ะป๋าต้องจัดเต็มนิดนึง  เพราะกินเยอะค่ะ  อิอิ

เลยสั่งเป็นเซ็ทข้าวหมูแดง มีน้ำซุปกับผักคะน้าน้ำมันหอยด้วย เซ็ทนี้ 12 เหรียญสิงคโปร์  สนนราคาประมาณ  312 บาทค่ะ




เห็นราคาอาหารก็คงรู้เลยใช่ไหมคะ  ราคาแพงได้ใจทีเดียว Smiley

และก็ไม่น่าเชื่อนะคะ สิงคโปร์ตอนนีัเป็นประเทศที่มีค่าครองชีพสูงที่สุดในโลกไปแล้ว  แซงหน้าโตเกียวไปแบบไม่น่าเชื่อเลย

ไกด์เล่าให้เราฟังว่า ด้วยความที่ประเทศมีขนาดเล็กมากๆ  (เท่าภูเก็ตบ้านเรา)  ที่อยู่อาศัยของคนสิงคโปร์ส่วนใหญ่จึงเป็นแฟลตหรือคอนโด  เน้นอยู่ทางอากาศแทนพื้นดิน  
คนที่จะมีบ้านเดี่ยวที่่นี่ได้จะต้องรวยมากๆๆๆๆๆ ต้องมีเงินไม่ต่ำกว่า 240 ล้านบาทค่ะ ถึงจะมีได้ 



โม้มานาน มาเที่ยวกันดีกว่าค่ะ  ที่แรกที่เรามาคือที่นี่ค่ะ

วัดกวนอิมตงฮุดโช (The Kwan Im Thong Hood Cho Temple) เป็นวัดพุทธในย่านบูกิส ที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากบนเกาะสิงคโปร์ เพราะว่าที่นี่จะมีผู้คนแวะเวียนมาสักการะเจ้าแม่กวนอิมเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะในช่วงวันหยุด เสาร์ - อาทิตย์ และ ในช่วงเทศกาลตรุษจีน เพราะเชื่อว่าใครที่มาขอพรที่นี่แล้วจะได้สมความปรารถนากันเป็นส่วนใหญ่



เค้าให้ไหว้จากข้างนอกนะคะ  สำหรับเจ้าแม่กวนอิมทองคำข้างในวัดไม่ได้ถ่ายรูปจ้า



เดินมาต่อที่วัดแขกที่อยู่ใกล้ๆกัน 

วัดศรีมาริอัมมัน (Sri Mariamman) ตั้งอยู่บนถนน Pagoda st. ในย่านไชน่าทาวน์ เป็นวัดฮินดูที่มีสถาปัตยกรรมที่งดงาม ประดับด้วยรูปเทวดาแกะสลักจำนวนมาก นอกจากนั้นวัดศรีมาริอัมมันแห่งนี้ถือเป็นวัดฮินดูที่เก่าแก่ที่สุดในสิงคโปร์ โดยถูกสร้างขึ้นครั้งแรกด้วยไม้ทั้งหมดในปี พ.ศ. 2370 เพื่ออุทิศให้กับพระศรีมาริอัมมันหรือพระแม่อุมาเทวี ผู้เป็นเทวีแห่งอำนาจ และความสันติสุข ซึ่งชาวฮินดูท้องถิ่นในสิงคโปร์มีความเชื่อกันว่ามีพลังในการรักษาโรคระบาดต่างๆ 


ต่อมาในช่วงปี พ.ศ. 2405 ได้มีการบูรณะวัดแห่งนี้ใหม่ โดยเปลี่ยนจากวัสดุที่เป็นไม้มาเป็นปูน อย่างที่เราเห็นกันอยู่ในปัจจุบัน








แถวนี้เป็นที่เดียวที่เราจะเห็นขอทานและหาบเร่แผงลอยในสิงคโปร์นะคะ 

แถมรถเข็นเค้าก็ไม่ได้ธรรมดาเลยนะ ดูไฮเทคน้องๆนักกีฬาพาราลิมปิกบ้านเราเลย...ขอบอก




ต่อมาเที่ยวน้ำพุแห่งโชคลาภ,

Fountain of Wealth ( น้ำพุแห่งความโชคดี) เป็นน้ำพุขนาดใหญ่ในสิงคโปร์สร้างขึ้นตามหลักฮวงจุ้ยที่ดีที่สุด ในปี 1995 พร้อมกับตึก Suntec City ที่ตั้งของน้ำพุแห่งนี้ตั้งอยู่ที่กลุ่มตึก Suntec City ย่าน Marina Bay มีฐานของน้ำพุอยู่ที่ชั้นใต้ดิน และตัวน้ำพุจะอยู่สูงเหนือขึ้นมา

ในปี 1988 น้ำพุแห่งนี้ได้ถูกบันทึกจาก กินเนสบุ๊ค (Guinness Book of Records) ว่าเป็นน้ำพุที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีขนาดของเส้นรอบวงแหวน 66 เมตร ตัวโครงสร้างมีส่วนสูง 13.8 เมตรจากพื้นด้านล้าง เนื่องจากน้ำพุแห่งนี้สร้างขึ้นตามหลักฮวงจุ้ย จึงมีความเชื่อที่ว่าใครได้สัมผัสน้ำพุ จะมีโชคลาภ เป็นมงคล โชคดีตลอดไป 


ถ่ายรูปจากข้างนอกกันก่อนค่ะ 



สัมผัสน้ำกันหน่อย




แล้วก็มาจุดชมวิว ดูเมอไลอ้อนพ่นน้ำ

เมอร์ไลออน (Merlion) แปลว่า สิงโตทะเล มีหัวเป็นสิงโต ร่างเป็นปลา ยืนอยู่บนยอดคลื่น 

สำหรับเจ้าตัวเมอไลอ้อน  หัวเป็นสิงโต หมายถึงสิงโตที่เจ้าชายซางนิลา อุตามะ พบตอนที่ท่านเจอ เกาะสิงคโปร์ใน ค.ศ. 11 … ตามที่บันทึกไว้ ใน “บันทึกของชาว มาเลย์” (Malay Annals) หางปลาเป็นสัญลักษณ์ของเมืองโบราณชื่อ เทมาเส็ก (Temasek) (เป็นภาษาญี่ปุ่นที่มีความหมายว่า “ทะเล”)


สิงคโปร์ เป็นที่รู้จักกันก่อนที่เจ้าชายซางนิลาจะตั้งชื่อให้ว่า “สิงคปุระ” ที่เป็นภาษา สันสกฤต มีความหมายว่า เมือง (ปุระ) แห่งสิงโต (สิงค์) และยังหมายถึงจุดเริ่มต้นอันต่ำต้อยของสิงคโปร์ ที่ในอดีตเคยเป็นเพียงหมู่บ้านชาวประมง













เค้าบอกให้อ้าปากหน่อย...อ้าา



วิวตรงนี้จะเห็นโรงแรมมาริน่า เบย์ แซนด์ด้วยนะคะ  ซึ่งเราจะไปพักในคืนสุดท้ายค่ะ



ชมวิวได้พักใหญ่ๆ ไกด์ก็กวักมือเรียกให้ไปทานอาหารเย็นได้แล้วค่ะ (สาบานได้ว่ายังไม่หิวเล๊ย) 

ระหว่างทางคุณน้องชายเห็นไอศกรีมแซนวิสก็อดที่จะลองทานไม่ได้







เรามาที่ร้าน No Signborad ( แปลว่าไม่มีชื่อร้าน)

ขนาดไม่มีชื่อคนยังเยอะขนาดนี้เลยนะ



ทริปนี้เรามากันสี่คู่พอดีค่ะ  ไม่มีใครเหงา 



แชะๆๆ ดินเนอร์แรกในสิงคโปร์สักหน่อย




เวลาที่ได้พักผ่อนอยู่กับครอบครัวนี่มีความสุขที่สุดเลย



พระเอกของเราวันนี้เป็นปูผัดพริกไทยขาวค่ะ เผ็ดร้อนได้ใจเลย

ปูสดๆ ผัดมารสชาติเข้มข้น ใช้ได้



นอกจากนั้นก็มีเมนูอื่นๆที่เค้าสั่งมาด้วย  น่ากินทั้งนั้น

รสชาติก็อร่อยใช้ได้




ปูนี่ก้ามใหญ่มาก  ตัวคงจะเบ้อเริ่มเทิ่ม




หลังจากอิ่มมื้อนี้ อิชั้นถึงกับต้องชวนพี่ศักดิ์เดินเล่นรอบๆโรงแรม  เป็นการเดินย่อยไปในตัว







จุดประสงค์อีกอย่างของการเดินเล่นคือการไปสำรวจเซเว่นด้วยค่ะ  อยากไปซื้อพวกเครื่องดื่มเย็นๆให้ชื่นใจ

แต่เซเว่นที่นี่ของไม่ค่อยเยอะ ไม่ค่อยแกรนด์เหมือนที่ญี่ปุ่นนะ  



เดินพอเมื่อยๆก็เข้านอนพักผ่อนค่ะ  เก็บแรงไว้เที่ยวพรุ่งนี้กันต่อ









Create Date : 17 เมษายน 2557
Last Update : 10 มกราคม 2558 17:42:48 น. 3 comments
Counter : 1383 Pageviews.

 
ความรู้ใหม่เลยค่ะ เดี๋ยวนี้สิงคโปร์ค่าครองชีพสูงเป็นอันดับ 1 ของโลก


น่าสนุกดีค่ะ ไปเที่ยวพร้อมกันครอบครัวใหญ่เลย ไม่มีเด็กเล็กๆ ก็คล่องตัวหน่อยค่ะ


โดย: สายหมอกและก้อนเมฆ วันที่: 21 เมษายน 2557 เวลา:14:55:31 น.  

 
ตามมาเที่ยวทางบล็อกก่อนค่ะ

เดี๋ยวจะตามไปเที่ยวที่สิงคโปร์จริงๆ

พูดถึงอากาศร้อนแล้วไม่อยากไปไหนเลย
มันเหนียวตัว เหนอะแหนะไปหมดอ่ะ


โดย: chenyuye วันที่: 22 เมษายน 2557 เวลา:8:45:48 น.  

 
ตามมาเที่ยวด้วยอีกคนค่ะ


โดย: kor_pink วันที่: 25 เมษายน 2557 เวลา:15:16:19 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

hi hacky
Location :
ชลบุรี Thailand

[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 24 คน [?]




Life is a journey....
New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add hi hacky's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.