เตรียมบ่อเลี้ยงสัตว์น้ำตามวิถีธรรมชาติปราศจากยาฆ่าเชื้อ
อากาศที่เริ่มหนาวเย็นลงมาทีละน้อยๆ ทำให้เกษตรกรที่เลี้ยงกุ้ง หอย ปูปลาอาจจะมีปัญหาบ้างเล็กน้อยถึงปานกลางจากพฤติกรรมที่สัตว์น้ำเหล่านี้อาจจะเซนส์ซิทีป(sensitive)อ่อนไหวต่อสภาพแวดล้อมหรือภูมิกาศในลักษณะที่หนาวเย็น ฟ้ามืด ฟ้าหลัว อากาศปิดโดยจะชะลอการกินอาหาร ทำให้เศษอาหารที่ตกค้าง และมูลต่างๆที่สัตว์น้ำเหล่านั้นขับถ่ายออกมา ทำให้เกิดการบูดเน่าจะมีปัญหาหนักยิ่งขึ้นไปอีกเมื่อเจ้าของบ่อหรือพี่น้องเกษตรกรผู้เลี้ยงปลาไม่สังเกตุและปรับการให้อาหารให้สอดคล้องเหมาะสมด้วยการเช็คยอหรือเช็คปริมาณอาหารในยอให้พอเหมาะพอดีกับความต้องการกินของสัตว์น้ำชนิดนั้นในขณะที่กำลังเลี้ยงอยู่ นอกจากสัตว์น้ำไม่ว่าจะเป็น กุ้ง หอย ปู ปลาจะกินอาหารที่ลดน้อยถอยลงแล้ว จุลินทรีย์ที่ทำหน้าที่ย่อยสลายของเสียอยู่ที่พื้นบ่อก็หยุดกิจกรรมด้วยเช่นกันหรืออาจจะมีจำนวนที่ลดน้อยถอยลงไม่เพียงพอต่อการย่อยสลายก็จะยิ่งทำให้ทั้งเศษอาหารและมูลต่างๆนั้นสะสมมากยิ่งขึ้น ช่วงนี้การแก้ไขปัญหาเบื้องต้นควรต้องเพิ่มระดับน้ำให้สูงขึ้นเพื่อเจือจางปริมาณของแก๊สของเสียที่บูดเน่าอยู่ที่พื้นบ่อไม่ว่าจะเป็นแก๊สแอมโมเนีย ไนไตรท์ ไฮโดรเย่นซัลไฟด์ และแก๊สมีเทนเพื่อไม่ให้เข้มข้นเกินจนไปทำลายสุขอนามัยของสัตว์ที่เลี้ยงอยู่จนเกิดอันตรายหรือถึงตายได้ การเตรียมบ่ออย่างประณีต อย่างถูกวิธีก็สามารถช่วยแก้ปัญหาเบื้องต้นจนถึงยันจับได้อย่างมากทีเดียวเหมือนกันอย่างเช่นตอนขุดบ่อขุดสระใหม่ หรือหลังจากจับสัตว์ไปขายแล้วหลังจากปาดหรือดูดขี้เลนออกก่อนจะเติมปูนขาวควรจะต้องทำการตรวจวัดกรดด่างของดินให้แน่ใจเสียก่อนว่าดินนั้นเป็นกรดแล้วจึงค่อยใส่ปูน ดินที่เป็นกรดจะต้องมีค่าพีเอชต่ำกว่า 7 ลงมา แต่ถ้าเลี้ยงกุ้งน้ำเค็มอย่างกุ้งกุลาดำกุ้งขาวแวนนาไม นั้นอาจจะต้องปรับพีเอชขึ้นมาให้ได้ถึง 8.5ซึ่งถือว่าเป็นช่วงพีเอชที่เหมาะสมที่สุด แต่ถ้าจะต่ำกว่านี้ก็พอได้อยู่ครับแต่ก็จะได้ประสิทธิภาพการเจริญเติบโตของสัตว์น้ำที่ย่อหย่อนตามลงมาด้วยเช่นกันทำให้ต้องสิ้นเปลือง วิตามินฮอร์โมนมาบำรุงเสริมเพิ่มเติมจนเสียสตุ้งสตางค์มากเกินไป การใส่ยาฆ่าเชื้อและสารทำสีน้ำเทียมก็ควรหลีกเลี่ยงด้วยนำครับในช่วงเริ่มปล่อยกุ้งควรล้อมคอกและปล่อยน้ำอยู่ที่ระดับ 80 100 เซนติเมตรเพื่อให้อากาศถ่ายเทลงไปที่พื้นได้ง่าย เพราะกุ้งยังตัวเล็กอยู่ใส่จุลินทรีย์บาซิลลัสMT เพื่อย่อยสลายขี้เลนหรือของเสียจากอินทรียวัตถุ (organicmatter) ที่ตกค้างให้หมด อีกทั้งบาซิลลัส MT (Bacillus Subthilis) ยังทำหน้าที่เป็นอาหารให้สัตว์หน้าดินเบนโธส ซึ่งถือว่าเป็นห่วงโซ่อาหารเบื้องต้นให้แก่ลูกกุ้ง ลูกปลา เต่า ตะพาบต่างๆได้ด้วยเช่นกันการจับสารพิษและแก๊สของเสียที่อยู่ในชั้นของขี้เลนหรือขี้โคลนด้วยกลุ่มของหินแร่ภูเขาไฟสเม็คโตไทต์ (Zeo smectotie) ก็จะช่วยทำให้แหล่งอาหารธรรมชาติเพิ่มขึ้นจากสารพิษแก๊สของเสียที่ลดลง อีกทั้งตัวของหินแร่ภูเขาไฟเองนั้นเมื่อย่อยสลายก็ปลดปล่อยแร่ธาตุสารอาหารออกมาเป็นประโยชน์ต่อสัตว์หน้าดินและแพลงค์ตอนพืชและแพลงค์ตอนสัตว์ทำให้การสร้างสีน้ำทำได้ง่ายขึ้นอ้อเกือบลืมไปการทำสีน้ำให้เขียวเข้มนวลแบบธรรมชาติแนะนำให้ใช้ปุ๋ยหมักปุ๋ยคอกใส่ผ้ามุ้งเขียวปักไว้ตามจุดต่างๆซึ่งจะทำงานสอดประสานสัมพันธ์กับ บาซิลลัสMT , สเม็คโตไทต์ทำให้ได้น้ำเขียวที่เป็นธรรมชาติ ไม่เข้ม ข้นหนืดเหมือนอย่างการใช้สารที่ทำสีน้ำเทียม ช่วยทำให้กุ้ง หอย ปู ปลา เต่า ตะพาบโตเร็วดีขึ้นมากเลยทีเดียวเชียวล่ะครับ มนตรี บุญจรัส ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ www.thaigreenagro.com
Create Date : 29 กันยายน 2558 |
Last Update : 29 กันยายน 2558 14:43:01 น. |
|
0 comments
|
Counter : 318 Pageviews. |
|
|
|