กุ้งตายเกาะขอบบ่อหนวดกุดหางแหว่ง ดัดแปลงแก้ไขแบบไม่ใช้ปูนใช้ยา
อากาศที่เริ่มหนาวเย็นลง (ถึงแม้ว่าจะไม่มากนักเหมือนทุกๆปีก็ตาม)แต่ก็อาจจะส่งผลกระทบต่อสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กที่อยู่ในน้ำอย่างเช่นกุ้ง หอย ปู ปลาซึ่งเป็นไปตามกระบวนการทางธรรมชาติคือกระบวนการเมทาบอลิสมของสัตว์ต่างๆเหล่านี้จะไม่ทำกิจกรรมไปในรูปแบบปรกติ คือจะกินอาหารน้อยลง เฉกเช่นเดียวกับสภาพภูมิอากาศที่มีลักษณะ หลัวอากาศปิด มึดครึ้ม ก็เช่นเดียวกัน กุ้งจะหยุดการกินอาหาร เมื่อกินอาหารน้อยแต่ผู้เลี้ยงยังคงให้อาหารตามปรกติ ก็จะเกิดปัญหาน้ำเน่าเสียบูดเน่าได้ง่าย โดยเฉพาะที่พื้นบ่อนั้นจะเกิดการหมักหมมของเศษอาหารและขี้กุ้งทับถมบูดเน่าจนก่อให้เกิดจุลินทรีย์ที่สร้างปัญหาการเน่าเสียแก่กุ้งที่มักจะอาศัยอยู่ที่พื้นบ่อตามสัญชาตญาณการหลบเลี่ยงศัตรูจากบนบกเช่น นกมิให้มาจิกกินโฉบเฉี่ยวโดยง่าย อาหารกุ้ง ขี้กุ้งถือว่ามีส่วนประกอบโปรตีนค่อนข้างมากจากบริษัทผลิตอาหารที่แข่งขันกันเพิ่มเปอร์เซ็นต์โปรตีนให้มากยิ่งขึ้นเพื่อจูงใจให้พี่น้องเกษตรกรผู้เลี้ยงกุ้งให้ความสนใจใคร่ซื้อได้ง่ายยิ่งขึ้นอันนี้จึงเป็นผลเสียเมื่อตกค้างอยู่ที่พื้นบ่อเพราะการบูดเน่าแตกตัวของโปรตีนนั้นก็จะเกิดแก๊สแอมโมเนีย ไนไตรท์ แก๊สไฮโดเย่นซัลไฟด์ และมีเทนได้ง่าย น้ำที่เขี้ยว ข้นหนืด และส่งกลิ่นเหม็น นั้นแก๊สพิษที่เป็นอันตรายตัวตัวกุ้งจะมีมาก และยิ่งมีพรายฟองเดือดปุดๆ ขึ้นมานั้นบ่งบอกถึงพื้นที่บริเวณนั้นขาดอ๊อกซิเจน ไม่มีออกซิเจน จนเกิดแก๊สมีเทนขึ้นมา(แก๊สที่มีน้ำหนักเบา ติดไฟง่าย ที่เขาเอาไปทำแก๊สชีวภาพหรือไบโอแก๊สจากเล้าหมูคอกไก่นั่นเองครับ) พี่น้องเกษตรกรที่ประสบพบเจอปัญหาในลักษณะนี้ อย่าใช้ปูนร้อน ปูนเผาปูนขาว และยาฆ่าเชื้อเข้ามาใช้อย่างเด็ดขาดนะครับเพราะจะยิ่งเป็นการกระหน่ำซ้ำเติมให้กุ้งตายเร็วขึ้นเพราะปูนจะไปเพิ่มพีเอชอย่างฉับพลัน ไปไล่แอมโมเนียที่พื้นบ่อให้ฟุ้งกระจัดกระจายคละคลุ้งไปทั่วทำให้กุ้งมึนงง เมาแก๊ส บ้างก็อาจจะล้มตายเป็นจำนวนมากโดยง่ายเพราะแอมโมเนียเมื่อรวมตัวกับน้ำก็จะเป็นแอมโมเนียมไอดรอกไซด์ซึ่งเป็นด่างปูนก็เป็นด่าง ด่างกับด่างเจอกันแทนทีขับไล่กันคละคลุ้งฟุ้งกระจายดังที่ได้เล่าให้ฟังไปก่อนหน้านั่นเองครับ ที่ถูกต้องควรต้องเพิ่มระดับน้ำเจือจางความเข้มข้นของแก๊สพิษและของเสียที่พื้นบ่อใช้จุลินทรีย์ที่ย่อยสลายโปรตีนจากอาหารกุ้งอาหารปลาโดยตรงอย่างเช่น บาซิลลัสMTในอัตราครึ่งกิโลกรัมต่อพื้นที่บ่อหนึ่งไร่ทุกๆ 7 วัน และใช้หินแร่ภูเขาไฟ สเม็คโตไทต์จับแก๊สพิษของเสียในอัตรา 20 กิโลกรัมต่อพื้นที่บ่อหนึ่งไร่ ทุก 15 วันต้นทุนในการใช้จุลินทรีย์และหินแร่ภูเขาไฟ จะอยู่ที่ประมาณ 1,000 บาทต่อไร่ต่อเดือนถ้าท่านคำนวณเปรียบเทียบแล้วกับรายได้จากการจับกุ้งที่ได้เป็นหมื่นเป็นแสนต่อไร่แล้วคุ้มค่ากว่าก็ควรจะต้องใช้ผลิตภัณฑ์ที่เฉพาะเจาะจะดีกว่านะครับและที่สำคัญช่วยให้กุ้งอยู่รอดปลอดภัยไปตลอดอายุการจับไม่ต้องเกิดความเสี่ยงว่ากุ้งจะป่วย จะเจ็บ เมื่อใด ถ้าปล่อยไปตามยถากรรมหรือเลี้ยงแบบไม่รู้ไม่เข้าใจปล่อยให้บ้านของกุ้งมีกลิ่นเหม็น บูดเน่า มึนงงทำให้กุ้งอ่อนแอ เจ็บป่วยง่ายสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทรศัพท์สอบถามไปยังชมรมเกษตรปลอดสารพิษสำนักงานส่วนกลางบางเขน กรุงเทพฯ โทร. 029861680-2 นะครับ มนตรี บุญจรัส ชมรมเกษตรปลอดสารพิษ www.thaigreengro.com
Create Date : 29 กันยายน 2558 |
Last Update : 29 กันยายน 2558 14:39:43 น. |
|
0 comments
|
Counter : 558 Pageviews. |
|
|
|