|
The Drive of Life 2
จากตอนที่แล้ว หัวเหวินหงไม่พอใจที่ พี่ใหญ่ตัดสินใจย้ายสุสานพ่อแม่ โดยไม่ปรึกษา อย่างนี้ไม่ให้เกียรติกันนี่นา หัวเหวินฮั่นก็หงุดหงิดที่น้องรองเอะอะก็ฉุนเฉียวใส่ อุตส่าห์ทิ้งงานมาปักกิ่ง จะให้ทำยังไงอีก
หัวเหวินเช่า: พี่รองเค้าก็ฉุนเฉียวกับพี่คนเดียวแหละ หัวเหวินฮั่น: แกจะพูดอะไร หัวเหวินเช่า: พี่ก็รู้ดีอยู่แล้ว หัวเหวินฮั่น: ที่ชั้นโกงการจับไม้ เพราะชั้นเป็นพี่คนโต ชั้นต้องปกป้องครอบครัว ชั้นไม่อยากให้เหวินหง ต้องผจญความลำบาก แกก็รู้ว่าแม่รักพี่รองของแกมากที่สุด ถ้าเกิดอะไรขึ้น ชั้นจะบอกกับแม่ยังไง แกนั่นแหละ รู้แล้วดันไปบอกพี่รอง แกเองก็ต้องรับผิดชอบที่ทำให้เราเข้าหน้ากันไม่ติด ถ้าแกไม่บอกซะ ป่านนี้ พี่รองของแกก็ย้ายมาอยู่ฮ่องกงกับพวกเราเป็นสิบปีแล้ว หัวเหวินเช่า: อ้าว อ้าว พี่เป็นคนผิด ไหงมาลงที่ผม ถ้าตอนนั้นถ้าพี่ตัดสินใจที่จะไปฮ่องกง พี่ก็น่าจะบอกพี่รองไปตรงๆ พี่รองคงไม่โกรธแบบนี้ ถ้าพี่คิดว่าตัวเองไม่ผิด ผมก็ไม่ผิดด้วย หัวเหวินฮั่น: พอ พอ พี่ไม่ทะเลาะกับแกแล้ว แกอยู่นี่คุยกับพี่รองแกเรื่องย้ายสุสานแล้วกัน จะย้ายไปไหนก็ตามใจพวกแก พี่ไม่เอาด้วยแล้ว พรุ่งนี้พี่จะกลับฮ่องกง
กลับถึงโรงแรม ก็เจอะสาวเลขาเพื่อนที่ล้อบบี้ หัวเหวินฮั่นอดเป็นห่วงน้องชายไม่ได้ วันๆ ดีแต่เสเพลไปเรื่อย ซักวันต้องเกิดเรื่องจนได้
หัวเหวินเช่า: อย่าบอกว่าคุณตามผมมาถึงนี่นะ เลขา: ถ้าชั้นบอกว่าใช่ คุณจะกลัวมั้ย หัวเหวินเช่า: กลัวสิ กลัวผมใจอ่อน เลขา: ที่จริงชั้นมากับคู่หมั้นน่ะ หนที่แล้วคุณไม่ยอมไปแคนาดากับชั้น ชั้นเลยไปเจอเค้าที่นั่น หัวเหวินเช่า: คงเป็นพรหมลิขิตมั้ง คุณจะแต่งงานเมื่อไหร่ อย่าลืมบอกผม ผมจะส่งของขวัญไปให้
คล้อยหลังกิ๊กเก่า ก็ปิ๊งสาวใหม่ซะเลย หัวเหวินเช่าพบแอร์โฮสเตสสาวในลิฟต์ ทั้งคู่คุยกันอย่างถูกคอ เมื่อเธอออกจากลิฟต์ไป เหวินเช่าพบว่าเธอทำต่างหูตกไว้
จะเจ้าชู้ยังไง เหวินเช่าก็ยังรักเส้าเฟิน เค้าโทรกลับบ้านไปจึงได้รู้ว่าหวังเส้าเหลิงดอดกลับมาบ้าน เหวินเช่าสงสัยว่าทำไมคุณหวังฉวยโอกาสเรียกตัว เส้าเหลิงกลับมาตอนที่พี่ใหญ่ไม่อยู่
หวังเส้าเฟิน: ทำไม นี่บ้านนะไม่ใช่ที่ทำงาน ถึงต้องรายงานพี่ใหญ่ทุกเรื่อง แค่กลับมาเยี่ยมบ้านช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์เอง คุณก็อย่าไปบอกให้พี่ใหญ่รู้ล่ะ อีกอย่างนะ ปักกิ่งก็ออกจะสวย พี่ใหญ่ทำงานหนักมาก คุณน่าจะชวนให้เขาอยู่พักผ่อนที่นั่นอีกหลายๆ วัน
ถ้าไม่มีอะไร มีหรือจะต้องให้เหวินเช่าปิดบังเหวินฮั่น คุณหวังวางแผนให้ลูกชายกลับมายึดตำแหน่งประธานบอร์ดบริหาร ในช่วงที่หัวเหวินฮั่นไม่อยู่
หวังเส้าเฟิน: ทำไมต้องกลัวหัวเหวินฮั่นด้วย เส้าเหลิงเป็นคนตระกูลหว่องเค้ามีสิทธิ์ที่จะเป็นประธานบอร์ดบริหาร หวังชิงกั๊วะ: เฮ้อ ถ้าเมื่อหลายปีก่อน เส้าเหลิงไม่ทำผิดพลาด คงไม่ต้องไปอยู่ไกลบ้านขนาดนี้ ในที่สุด ครอบครัวเราก็ได้อยู่พร้อมหน้ากันซะที
หวังเส้าเฟินดีใจที่น้องชายโตเป็นผู้ใหญ่ มีความคิดขึ้นกว่าแต่ก่อน อย่าทำให้พ่อต้องผิดหวังล่ะ
ชิงหยูกำลังหาสมุดบัญชีปี 1990 หาไม่เจอก็ต้องถามอึ้งจี้เหม็งนี่แหละ พจนานุกรมประจำบริษัทเลยล่ะ สมุดบัญชีอะไรอยู่ไหนจำได้หมด เธอทำสมุดบัญชีตก หย่งเปียวจึงช่วยเก็บให้ ไม่ต้องใช้บันไดด้วย คนสูงก้อดีอย่างนี้เอง
หย่งเปียวได้ข่าวที่คุณหวังเชิญบอร์ดบริหารไปกินกลางวันด้วย จึงคิดว่าหัวชิงหยูจะรู้เรื่องอะไรบ้าง โธ่ แค่ตรวจบัญชีก็หัวหมุนจะแย่ ดูซิ บัญชีปี 1991 ก็มียอดโอนบางยอดที่ไม่ได้ลงบัญชีไว้
เว่ยหย่งเปียว: 3 ปีก่อน ลูกชายคุณหวังแอบยักยอกเงินบริษัท ถ้าคุณหัวไม่ปิดบังไว้ เขาคงติดคุกไปแล้ว ตอนนั้นคุณยังไม่ได้ดูแลบัญชี จึงไม่ทราบเรื่อง หัวชิงหยู: มิน่าล่ะ ตอนนั้นเส้าเหลียงถึงรีบร้อนไปไต้หวัน เว่ยหย่งเปียว: คุณหัวห้ามไม่ให้พวกเราเอ่ยถึงเรื่องนี้อีก แต่หวังเส้าเหลียงเป็นคนเจ้าคิดเจ้าแค้น หากเขากลับมา Kwok Wai เมื่อไหร่ คงยุ่งแน่
เว่ยหย่งเปียว: คุณเองก็เก่งนะ ที่เรียนดีไซน์ควบคู่ไปกับบัญชีได้ แถมทำได้ดีทั้งสองอย่างด้วย หัวชิงหยู: ชั้นน่ะอยากจะเรียนดีไซน์ แต่พ่ออยากให้เรียนบัญชี เลยไม่มีทางเลือก เว่ยหย่งเปียว: วันก่อนผมเห็นร้านนึงมีชุดจานชามสวยมากเลย อยู่แถว Repulse Bay ถ้าคืนนี้คุณว่าง เราไปดินเนอร์ด้วยกันมั้ยล่ะครับ จะได้ไปดูชุดจานชานนั้นด้วย (รู้นะคิดอะไรอยู่ หุหุ) หัวชิงหยู: (ดั๊นมีเพจเข้ามาพอดี) โทษทีนะ คืนนี้ชั้นมีนัดแล้ว เอาไว้วันหลังแล้วกัน
เทศกาลไหว้พระจันทร์ทั้งทีจะรีบกลับฮ่องกงไปทำไม น่าจะอยู่ฉลองกับน้องชายมากกว่า
หัวเหวินฮั่น: อยู่ก็ใช่ว่าน้องรองเขาจะดีใจ (แก่แล้วทำงอนไปได้) สี่ซัมเหยียน: กลับช้าไปซักวันสองวัน โรงงานคงไม่เจ๊งหรอกน่า มีหวิงปิ้วคอยดูแลอยู่ทั้งคน ใครเขาจะมาขโมยโรงงานไปได้ล่ะ จริงมั้ย หมั่นเซ็ก หัวเหวินเช่า: หา เอ่อ ใครจะขโมยโรงงานล่ะพี่ มีแต่เครื่องมือเหล็กหนักๆ ขนย้ายยังไงไหว เอ แต่ หัวเหวินฮั่น: แต่อะไร มีอะไรก็พูดมา หัวเหวินเช่า: (รีบเปลี่ยนเรื่อง) รีโมทเป็นอะไรไม่รู้เปลี่ยนช่องไม่ได้
ทีวีกำลังถ่ายทอดสดการแข่งแรลลี่การกุศลที่ปักกิ่ง ปี 1994 เหวินเช่าเห็นหลานชายในทีวี
หัวเหวินฮั่น: ไหนลูกชายคุณ มันว่าเรียนจบแล้ว ขออยู่ฝึกงานต่อไงล่ะ เนี่ยนะเหรอ ฝึกงานของมัน
เพิ่งลงแข่งแรลลี่ครั้งแรก หัวเจิ้นปังขี้คุยน่าดู
หัวเจิ้นปัง: อย่างนายน่ะไม่เข้าใจหรอก อัจฉริยะอ่ะนะ แข่งครั้งแรก หรือครั้งที่ 100 ก็เหมือนกัน
เหวอ พ่อมาได้ไง หลบก่อนดีกว่า
หัวเจิ้นปัง: พ่อ แม่ อาเล็ก มาเที่ยวปักกิ่งเหรอครับ ไปกำแพงเมืองจีนกันมารึยัง พระราชวังปักกิ่ง กับพระราชวังฤดูร้อนก็ไม่เลวนะ หัวเหวินฮั่น: หุบปากไปเลยแก สี่ซัมเหยียน: ลูกทำอะไรของลูกเนี่ย ทำไมไม่อยู่ที่อเมริกา
พ่อแม่ช่วยกันห้ามปรามไม่ให้เจิ้นปังลงแข่ง
หัวเหวินฮั่น: เลิกแข่ง แล้วกลับไปกับพ่อ หัวเจิ้นปัง: ให้ผมบอกเพื่อนก่อนนะ หัวเหวินฮั่น: ให้มันเร็วๆ ล่ะ
พ่อแม่กำลังเถียงกัน ไม่ทันเห็นว่าเจิ้นปังจะชิ่งแล้ว อาเล็กช่วยกลบเกลื่อน
หัวเหวินเช่า: ไปดูสาวๆ สองคนทางโน้นกันดีกว่า ผมว่าหน้าตาเหมือนดาราบ้านเรานะ คนโน้นน่ะเหมือนจางหัวเชี่ยนมากเลย
หันกลับมาอีกที เค้าก็ปล่อยรถกันไปเรียบร้อย
หัวเหวินฮั่น: ไอ้ลูกบ้า ระวังตัวให้ดีเถอะ หัวเหวินเช่า: ซิ่งหน่อย ชนะเลิศให้ได้นะ
เนวิเกเตอร์พูดมากสั่งโน่น สอนนี่ ไปตลอดทาง จนเจิ้นปังรำคาญ เลยแกล้งทำเป็นเกียร์เสีย ให้เค้าลงไปดู แล้วเผ่น
หัวเหวินฮั่นได้แต่โมโหที่ขึ้นเครื่องไม่ทัน พรุ่งนี้ก็ไม่รู้จะหาที่นั่งได้หรือเปล่า ช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์ หาตั๋วยากด้วย เหวินฮั่นเห็นแก่ภรรยา จึงตกลงให้เหวินเช่านัดกินข้าวกับเหวินหงอีกครั้ง
ขาดคนบอกเส้นทาง อาเจิ้นปังก็หลงสิคะงานนี้ ดันมาเจอเจิ้นเหวินกำลังส่งของให้ลูกค้า บีบแตรไล่กันอุตลุด
หัวเจิ้นเหวิน: จะรีบไปไหน คนเต็มรถ ก็ต้องปลอดภัยไว้ก่อน มัวแต่ขับชักช้า เลยโดนเจิ้นปังปาดแซงหน้า
เจิ้นปังไปได้ไม่ไกล ก็เกิดปัญหา ตอนแรกเจิ้นเหวินก็หมั่นไส้ไม่อยากจะช่วยหรอก สุดท้ายก็ย้อนกลับมา
เช็คดูแล้วแบตเตอรี่มีปัญหา ต้องนั่งรถไปเอาแบตที่อู่ใกล้ๆ ค่ารถยี่สิบเหรียญ ไปรึเปล่า
หัวเจิ้นปัง: ร้อนจัง เปิดแอร์หน่อยได้ป่ะ หัวเจิ้นเหวิน: ก็คนมันเยอะ ขืนเปิดแอร์ รถก็ดับน่ะสิ ถ้าร้อนก็ซื้อ น้ำอัดลมได้ 5 เหรียญเอง หัวเจิ้นปัง: ไม่เห็นเย็นเลย หัวเจิ้นเหวิน: อย่างเย็นก็ 10 เหรียญ แต่หมดแล้ว เอาพัดมั้ยล่ะ 2 เหรียญ หัวเจิ้นปัง: นายนี่ยิวชะมัด
เจิ้นเหวินช่วยเปลี่ยนแบตให้ ชมว่ารถเจ๋งเข้าหน่อย เจิ้นปังได้ทีคุยเชียว เครื่องยนต์จากเยอรมัน เกียร์จากฝรั่งเศส ท่อไอดีไอเสียจากญี่ปุ่น แบตดันเป็นของจีนซะนี่
หัวเจิ้นเหวิน: ของในประเทศเราไม่ดียังไง ไม่ชอบก็อย่าใช้สิ
เสร็จเลย ช่วยเค้าเสร็จ รถตัวเองกลับยางแบน
หัวเจิ้นปัง: ไปส่งให้ก็ได้ ยี่สิบเหรียญ ขึ้นรถเลย หัวเจิ้นเหวิน: อะไร นายไม่แข่งแล้วเหรอ หัวเจิ้นปัง: ไหน ไหน ก็ช้าไปครึ่งวันแล้ว จะช้าไปหนึ่งวัน ก็ค่าเท่ากัน ขึ้นรถดิ หัวเจิ้นเหวิน: 15 เหรียญได้ปะ
สี่ซัมเหยียนมาเป็นด่านหน้า อาสาทำกับข้าวให้ด้วย ภรรยาที่เคารพขอทั้งที เหวินฮั่นหรือจะกล้าเบี้ยว แวะซื้อเหล้าไปเป็นของฝากก่อน
สี่ซัมเหยียนได้โอกาสไกล่เกลี่ยน้องสามี
สี่ซัมเหยียน: รองเท้ามีทรายเข้า เรายังต้องเคาะออก แล้วเสี้ยนที่ตำใจ ทำไมไม่หาทางเอาออกล่ะ ก็จริง ที่พี่ใหญ่ของเธอ เป็นคนเอาแต่ใจตัวเองเป็นใหญ่ อีโก้ก็สูง บางทีก็เผด็จการไปบ้าง แม้จะเป็นข้อเสียของเขา แต่ก็เป็นข้อดีด้วย ไม่อย่างนั้น เขาจะคุมโรงงานได้อย่างไร เขาอาจจะไม่ได้ใส่ใจความรู้สึกของคนรอบข้างเท่าไหร่ บางครั้งเขาก็อาจจะตัดสินใจผิดพลาดไป หัวเหวินหง: พี่ไม่ต้องเกลี้ยกล่อมผมแล้วล่ะ ผมจะอยู่กินข้าวด้วยแน่ๆ
ระหว่างซื้อเหล้าในซูเปอร์ เหวินฮั่นเห็นรายงานข่าว รถที่แข่งแรลลี่ประสบอุบัติเหตุ เบอร์รถคุ้นๆ นั่นมันรถเจิ้นปังนี่ ทั้งคู่จึงรีบไปโรงพยาบาล
ส่วนเหวินหงก็ได้รับข่าวเจิ้นเหวินเกิดอุบัติเหตุเช่นกัน เมื่อมาพบกับที่โรงพยาบาล ต่างคนต่างงง ว่าใครเกิดอุบัติเหตุกันแน่ เจิ้นเหวินอาการไม่ดี ต้องเข้าผ่าตัด
ส่วนเจิ้นปังแค่ดามคอ ก็อย่างนี้แหละนะ ส่วนใหญ่คนนั่งมักเจ็บหนักกว่าคนขับ
หัวเหวินหงโกรธเจิ้นปังที่ทำให้เจิ้นเหวินต้องรับบาดเจ็บสาหัส
หัวเหวินหง: พี่สอนลูกยังไง ถ้าเกิดอะไรกับเจิ้นหมั่น ผมจะไม่ยกโทษให้พวกพี่เลย (เอ๊ะ ก็คนเค้าไม่ได้ตั้งใจ จะโวยไปทำไมยะ ถูกผิดไม่รู้ แม่ยกเข้าข้างเจิ้นปังไว้ก่อน โถ เห็นทำหน้าจ๋อยก็สงสารแย้ว)
หลังผ่าตัด เจิ้นเหวินก็ปลอดภัย แต่เหวินหงยังเคืองอยู่
หัวเหวินหง: พี่สะใภ้กลับไปก่อนเถอะ บางเรื่องเราก็ไม่สามารถแก้ได้ ด้วยการกินข้าวกันแค่มื้อสองมื้อหรอกนะ
ไอ้ลูกแสบ ไม่ต้องมาทำหน้าหงอยเลย เรียนจบแล้วมัวไปทำอะไรอยู่
หัวเจิ้นปัง: ก็เที่ยวหาประสบการณ์ไปเรื่อยๆ อ่ะครับ หัวเหวินฮั่น: อ้อ หาประสบการณ์นะ ในหัวแกเนี่ยนอกจากหาเรื่องเที่ยว กับหาเรื่องสนุกแล้ว คิดอย่างอื่นมั่งมั้ย อยากให้พ่อตัดเงินจนกว่าจะหางานทำเป็นเรื่องเป็นราวมั้ยล่ะ หัวเจิ้นปัง: พ่อก็ คนเราสนใจไม่เหมือนกันนี่นา พ่ออ่ะเป็นพวกบ้างาน แต่ผมน่ะ หัวเหวินฮั่น: แกมันพวกบ้าเที่ยวล่ะสิ หัวเจิ้นปัง: ผมยังเคารพความคิดพ่อเลย พ่อก็น่าจะเคารพความคิดผมมั่งน้า หัวเหวินฮั่น: ปรัชญาชีวิตอะไรของแก มิน่าละคนอื่นเค้าถึงว่าชั้นสอนลูกไม่เป็น
แหม โชคดีที่เหวินเช่ากลับมาพอดี ทุกคนสบายใจเมื่อรู้ว่าเจิ้นเหวินอาการดีขึ้นแล้ว
หัวเจิ้นปัง: โล่งอกไปที ยังงี้พ่อก็ไม่ต้องผิดต่อบรรพบุรุษแล้วเนอะ (ดูมั๊น มันยังไม่รู้ตัว)
แม่เห็นท่าพ่อแล้วรีบไล่ให้เจิ้นปังไปนอน
หย่งเปียวโทรมารายงานเรื่องหวังเส้าเหลียง เหวินฮั่นตัดสินใจกลับฮ่องกงพร้อมเหวินเช่า เรื่องย้ายสุสานปล่อยให้เจิ้นปังทำก็แล้วกัน
เหวินเช่าเจอแอร์โฮสเตสที่เขาปิ๊งบนเครื่อง
หัวเหวินฮั่น: แกเป็นผู้ใหญ่แล้ว พี่ก็ไม่อยากยุ่ง แต่แกน่าจะรู้ว่าการโดนคนใกล้ชิดทรยศหักหลังเป็นอย่างไร คนที่โดนจะแกทรยศเค้าจะรู้สึกยังไง หัวเหวินเช่า: ไม่เห็นต้องซีเรียสเลย เส้าเฟินบอกผมว่าเส้าเหลียงกลับมา ช่วงเทศกาลไหว้พระจันทร์เท่านั้น หัวเหวินฮั่น: ชั้นไม่เชื่อหรอก ว่าแกจะไม่เคยคิดว่า เส้าเหลียงกลับมาตอนชั้นไม่อยู่ฮ่องกงเพื่ออะไร ถ้าชั้นไม่รู้ว่าเมื่อไหร่แกโกหก ชั้นก็โง่แล้ว แต่อย่างว่านะ ชั้นอาจจะโง่จริงๆ น้องๆ ชั้นถึงคิดว่าชั้นทำอะไรผิดไปหมด ชั้นคงไม่ใช่พี่ชายที่ดีหรอก ไม่งั้นน้องๆ คงไม่ทำกับชั้นอย่างนี้
เส้าเฟินเจอต่างหูที่หวินเช่าเก็บได้ในลิฟท์ เขารีบโบ้ยว่าเป็นของพี่สะใภ้ ว่าแล้วก็หวานใส่เมียซะหน่อย เกือบไม่รอดแล้วเรา
หย่งเปียวรายงานว่าคุณหวังเกลี้ยกล่อมผู้บริหารให้สนับสนุนหวังเส้าเหลียงสำเร็จ พวกเค้าจะยกเรื่องนี้มาพูดในที่ประชุมบอร์ด หย่งเปียวเสนอให้เรียกประชุมผู้บริหารด่วนในคืนนี้ แต่เหวินฮั่นไม่สนใจ ยังไงก็สายไปแล้ว กลับบ้านไปพักผ่อนเถอะ ไม่รู้ว่าเหวินฮั่นมีแผนอะไรอยู่ในใจ
สุขภาพคุณหวังย่ำแย่ลงทุกวัน นั่งกินข้าวนานๆ ก็ปวดหลังแล้ว เอาเถอะ ลำบากแค่ไหน เพื่ออนาคตลูก พ่อทำได้ คุณหวังบอกกับเหวินเช่าว่าพรุ่งนี้จะประกาศเกษียณ และเสนอให้เส้าเหลียง นั่งเก้าอี้ประธานคนต่อไป เหวินเช่าวิตกว่าพี่ใหญ่คงไม่ยอมง่ายๆ
หวังชิงกั๊วะ: ซิวเหลิงเป็นลูกชายคนเดียวของพ่อ พ่อยอมรับว่าเห็นแก่ตัว แต่ลูกชายสืบทอดธุรกิจก็เป็นเรื่องสมควร แม้เหวินฮั่นจะเก่ง แต่ยังไงกิจการก็เป็นของตระกูลหวังอยู่ดี พ่อรู้ว่าแกลำบากใจ ช่วยพ่อหน่อยเถอะนะ หัวเหวินเช่า: ผมทำไม่ได้จริงๆ หวังชิงกั๊วะ: คิดซะว่าตอบแทนบุญคุณพ่อแล้วกัน เธอเข้ามาอยู่กับตระกูลหวังตั้งแต่อายุ 14 พ่อปฏิบัติกับเธอเหมือนลูกคนหนึ่ง พ่อส่งเสียให้เธอได้เล่าเรียน ยังยกลูกสาวให้แต่งกับเธอ พ่อไม่เคยขออะไรจากเธอ นี่เป็นคำขอร้องเดียวของพ่อ เธอจะไม่ยอมทำเชียวหรือ
เหวินเช่าใจอ่อนรับปากจนได้
คุณหวังประกาศเกษียณตามที่ตั้งใจไว้ และขอให้บอร์ดบริหารเลือกประธานบอร์ดคนใหม่ หัวเหวินฮั่นมาไม้เด็ดประกาศลาออกจากตำแหน่งประธานบริษัท และกรรมการบอร์ดบริหาร บอร์ดบริหารคนอื่นๆ ต่างไม่ยอม ขืนปล่อยให้หวังเส้าเหลียงบริหาร ก็มีหวังเจ๊งกันพอดี คุณหวังผิดหวังช็อคจนต้องเข้าโรงพยาบาล
สองพี่น้องโกรธเหวินฮั่นที่ทำให้พ่อต้องล้มป่วย โดยเฉพาะเส้าเหลียง
หวังเส้าเหลียง: เขาอยากลาออกก็ให้ออกไปเลย กรรมการบอร์ดผมจัดการเอง หัวเหวินเช่า: ไม่ได้หรอก พี่ใหญ่บริหารบริษัทมานานหลายปี ทำกำไรให้บริษัทไม่น้อย กรรมการบอร์ดมีหรือจะยอมให้ออก ถ้าพี่ใหญ่ยังอยู่ เส้าเหลียงคงหมดหวังเป็นประธานบอร์ด หวังเส้าเฟิน: เส้าเหลียงไม่ได้เป็น ชั้นก็ไม่ยอมให้พี่ใหญ่คุณเป็น แค่นี้ เค้าก็ใหญ่คับบริษัทแล้ว ขืนเป็นประธานบอร์ด จะเหลือที่ให้เรายืนหรือ หัวเหวินเช่า: แต่พี่ใหญ่เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด หวังเส้าเฟิน: ชั้นไม่สน ให้คุณเป็นซะยังดีกว่า หวังชิงกั๊วะ : นี่อาจะเป็นทางออกที่ดีก็ได้ เหวินเช่าเป็นประธานบอร์ด เหวินฮั่นก็ไม่มีข้ออ้างลาออก หวังเส้าเหลียง: พ่อพูดถูก พี่เขยต้องเป็นประธานจะได้ช่วยดูแลผลประโยชน์ตระกูลหว่อง และช่วยดูแลผมด้วย แม้พี่ใหญ่พี่จะเคี่ยว แต่เค้าไม่ทำอะไรพี่เขยแน่ หัวเหวินเช่า: พ่อครับ ผมทำไม่ไหวหรอก
หวังชิงกั๊วะ: เหวินเช่า เธอก็เห็นว่าสุขภาพพ่อแย่แค่ไหน ไม่อย่างนั้นพ่อคงไม่เกษียณ และเรียกซิวเหลิงกลับมา ยังจำได้มั้ย ตอนเธอกับพี่ชายมาฮ่องกงใหม่ๆ พ่อไม่ได้จ้างพี่ชายเธอ แม้ว่าเขาจะจบวิทยาลัยแล้ว ตอนนั้น เธออายุแค่ 14 เธอเอาเศษเหล็กมาขายให้โรงงานเรา พ่อไล่เธอ เธอก็ไม่ไป ขนาดด่าว่า เธอก็ยังยิ้มรับ หัวเหวินเช่า: พ่อถึงจ้างพวกเรา และส่งผมเข้าโรงเรียน หวังชิงกั๊วะ: รู้มั้ย ทำไมพ่อเอาใจใส่พวกเธอ หัวเหวินเช่า: พูดตรงๆ ผมไม่แปลกใจที่พ่อจ้างพี่ใหญ่ เขาเป็นคนมีความสามารถ ผมก็แค่ตัวแถม หวังชิงกั๊วะ: ใช่ เธอไม่ทำงานหนักเท่าพี่ชาย แต่พ่อชื่นชมในความเป็นกันเองของเธอ เหวินฮั่นมีความสามารถ แต่บุคลิกของเขาทำให้คนไม่ถูกชะตาได้ง่าย ผิดกับเธอ เธอมีเพื่อนมากกว่าศัตรู พ่อไม่เคยคิดจะไล่เหวินฮั่น แล้วเอาเส้าเหลียงมารวบอำนาจ พ่อแค่อยากให้ธุรกิจนี้สืบทอดในตระกูลหวัง พ่อไม่รู้จะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน ช่วยให้ความหวังสุดท้ายของพ่อเป็นจริงด้วยเถอะ
Create Date : 03 กันยายน 2550 |
Last Update : 19 มกราคม 2554 0:23:41 น. |
|
7 comments
|
Counter : 826 Pageviews. |
|
|
|
โดย: midori IP: 124.120.206.185 วันที่: 8 กันยายน 2550 เวลา:12:45:47 น. |
|
|
|
โดย: LEE IP: 58.9.146.132 วันที่: 8 กันยายน 2550 เวลา:13:34:36 น. |
|
|
|
โดย: O-yohyo IP: 58.9.163.242 วันที่: 8 กันยายน 2550 เวลา:22:10:50 น. |
|
|
|
โดย: จอมยุทธหญิง (magarita30 ) วันที่: 9 กันยายน 2550 เวลา:19:03:25 น. |
|
|
|
โดย: C0mestar IP: 124.120.187.120 วันที่: 10 กันยายน 2550 เวลา:22:14:46 น. |
|
|
|
โดย: LEE (lyfah ) วันที่: 13 กันยายน 2550 เวลา:23:16:56 น. |
|
|
|
โดย: เมษ์ (Kungga ) วันที่: 22 กันยายน 2550 เวลา:21:27:47 น. |
|
|
|
| |
|
|