Group Blog
 
All Blogs
 

Face To Fate ตอน 20





จากตอนที่แล้ว ท่านหมอหล่ายบุกเข้าวังสวรรค์ ระหว่างการต่อสู้ท่านหมอหล่ายพลาดพลั้งโดนยาสลบเข้าไป (ก็ไหนท่านหมอว่ายาสลบทำอะไรท่านหมอไม่ได้ไง)





พอฟื้นขึ้นมาก็ได้รับการเอาอกเอาใจจากสาวๆ จนแม่ยกชักหมั่นไส้

เกอซูเทียน: เจ้าแน่มากที่กล้าบุกเข้าวังสวรรค์ตามลำพัง น้อยคนที่จะมีความกล้าเช่นเจ้า
หล่ายเหยิกยี: คนเราเกิดมาล้วนต้องตาย ข้าเองก็ใกล้ตายอยู่แล้ว จะกลัวไปทำไม
เกอซูเทียน: จะมีชีวิตอยู่ หรือตายขึ้นอยู่กับสวรรค์ลิขิต ข้าไม่คิดว่าเจ้าจะถูกลิขิตให้ต้องตายหรอก






เกอซูเทียนพาหล่ายเหยิกยีไปยังน้ำพุชีวิต แต่น่าเสียดายที่น้ำพุนั้นแห้งเหือดไปนานแล้ว

เกอซูเทียนสัญญาว่าถ้าท่านหมอหล่ายยอมสวามิภักดิ์วังสวรรค์ เค้าจะให้ท่านหมอเป็นรองเจ้าวัง และจะสอนวิชาลับที่สามารถสร้างน้ำพุชีวิตในร่างกายของผู้ฝึกได้ด้วย แต่ท่านหมอปฏิเสธ
เกอซูเทียนยอมปล่อยท่านหมอไป เพราะมั่นใจว่าเค้าจะต้องกลับมา






เกอซูเทียนชื่นชมจูกัดบ้วนหลี่ที่ยกย่องสนับสนุนท่านหมอหล่าย ซึ่งเป็นศัตรูของตระกูล

จูกัดบ้วนหลี่: การเอาศัตรูมาเป็นพวก ยังมีประโยชน์กว่าฆ่าทิ้ง อีกอย่างข้าก็เป็นหนี้เค้าอยู่




เกอซูเทียน: หล่ายเหยิกยีเป็นคนยโส คงไม่ยอมสวามิภักดิ์ง่ายๆ แต่เมื่อถึงเวลาที่เหมาะสม เขาจะมาหาพวกเราเอง
ดูจากหน้าผากกว้างและคิ้วหนา เค้าเป็นคนมีจิตใจเที่ยงธรรม แต่เบ้าตาลึก และมีเส้นพาดระหว่างดวงตา เค้าจะต้องขัดแย้งกับฝ่ายธรรมะไม่ช้าก็เร็ว
ส่วนหลี่ปูยีจะต้องถูกกำจัด ข้าไม่นึกว่าจะมีศิษย์สำนัก Mo Gig เหลือรอดมาได้ แถมยังครอบครองผลึกหินลาวาอีกด้วย ผลึกหินนี้มีพลังที่จะช่วยให้ผู้ครอบครองถอดวิญญาณได้ และยังมีพลังแฝงอีกมากมายที่ข้าเองก็ยังไม่รู้ ข้าจึงต้องกำจัดหลี่ปูยีให้ได้





เยียนเยี่ยไหลเฝ้ารอการกลับมาของหล่ายเหยิกยี

เยียนเยี่ยไหล: ในที่สุดท่านก็กลับมา ท่านสัญญาแล้วว่าจะไม่มีวันทิ้งข้า





นางถึงกับอึ้งเมื่อได้รู้ว่าน้ำพุชีวิตแห้งไปหมดแล้ว




หล่ายเหยิกยี: ไม่เป็นไร ข้ายังมีเจ้า แค่นี้สวรรค์ก็ดีกับข้าพอแล้ว ข้าไม่มีอะไรจะตัดพ้อ
พวกเราเหลือเวลาอีกไม่มาก ขอเพียงได้ใช้เวลาที่เหลืออยู่กับเจ้า ข้าก็ไม่เสียใจ





ฮูหยินเซี่ยงกำลังเคืองสามีที่คิดหย่านาง เอ หรือว่าเราจะชิงลงมือเขียนจดหมายหย่าซะก่อนดี
ลูกจ้างของจอมยุทธเซี่ยงเอาบัญชีมาส่ง นางตรวจบัญชีพบว่าจอมยุทธเซี่ยงจ่ายเงินให้คนชื่อ Ping ที่หมู่บ้านวัวทุกเดือน ที่ร้านขายเนื้อหมู ไม่ได้ขายเนิ้อวัวซะหน่อย ฮูหยินเซี่ยงเกิดระแวงสามีขึ้นมา






ฮูหยินเซี่ยงเดินทางไปสืบหา Ping ที่หมู่บ้านวัว และได้พบกับแม่ลูกสามคน เด็กชายเรียกจอมยุทธเซี่ยงเป็นพ่อ

ฮูหยินเซี่ยง: พวกเจ้าไม่รู้เหรอว่า เค้ามีฮูหยินแล้ว
แม่นาง Ping: ก็ไม่เห็นจะเป็นปัญหาอะไรนี่
ฮูหยินเซี่ยง: ทำไมเจ้าไร้ยางอายเช่นนี้





เจ้าหนูไม่พอใจที่ฮูหยินเซี่ยงมาต่อว่ามารดา จึงแสดงท่ากังฟูที่จอมยุทธเซี่ยงสอนออกมา

ฮูหยินเซี่ยงยิ่งเข้าใจผิดคิดว่าสามีสอนลูกนอกคอกมาจัดการกับนาง




ก่อนที่เรื่องจะไปกันใหญ่ หลี่ปูยีได้พาฮูหยินเซี่ยงไปพบกับชาวบ้านคนหนึ่งจึงได้รู้ว่าสามีของ Ping เสียชีวิตไปสองปีก่อน
จอมยุทธเซี่ยงเห็นนางน่าสงสาร แถมถูกโจรขโมยม้ารังควาน เค้าจึงช่วยนางไว้ และส่งเสียนางกับลูก
ลูกชายของ Ping จึงคำนับเค้าเป็นบิดาบุญธรรม




เจ้าหนู: พ่อบุญธรรมบอกว่า ผู้ฝึกกังฟูต้องผดุงคุณธรรม ไม่เช่นนั้นที่ฝึกมาก็เสียเปล่า เหมือนนกมีปีกแต่ไม่อาจบินได้
พ่อบุญธรรมยังสอนให้ข้าท่อง คุณธรรมจอมยุทธด้วย
1. ต้องช่วยเหลือผู้ได้รับความอยุติธรรม
2. ต้องกล้าเผชิญกับอันตราย ไม่หวั่นแม้ความตาย
ฮูหยินเซี่ยง: 3. ต้องยึดมั่นคุณธรรมจอมยุทธ
4. กำจัดคนชั่ว
5. แยกแยะความดีความเลว

ที่แท้คุณธรรมจอมยุทธ เป็นสิ่งที่จอมยุทธเซี่ยงและฮูหยินคิดขึ้นร่วมกัน นางยังนึกว่าเค้าลืมมันไปแล้วซะอีก





เจ้าหนูยังบอกอีกว่าทุกวันจอมยุทธเซี่ยงจะดำน้ำหาไข่มุก วันละ 5-6 ชั่วโมง โดยตั้งเป้าว่าจะสะสมให้ครบ 100 เม็ด เพื่อทำสร้อยคอให้กับฮูหยิน ซึ้งมะ



จอมยุทธเซี่ยงก็ไม่ค่อยเต็มใจจะเขียนจดหมายหย่าเท่าไหร่ แต่ก็ไม่กล้าเปลี่ยนใจ กลัวเสียฟอร์ม วันนี้ปวดหัวคิดไม่ออก ขอเขียนพรุ่งนี้ได้ป่าว
เยี่ยม่งเซอะเป็นจอมยุทธเซี่ยงมัวแต่ลีลา นางเลยจัดการเขียนให้ซะเลย
จอมยุทธเซี่ยงมึนตึ้บ เอ จดหมายหย่านี่เขียนแทนกันได้ด้วยเหรอ





เยี่ยม่งเซอะลากจอมยุทธเซี่ยงไปส่งจดหมายหย่าให้ฮูหยินเซี่ยงถีงบ้าน

จอมยุทธเซี่ยง: นางไม่อยู่ วันหลังค่อยมาใหม่ก็ได้
เยี่ยม่งเซอะ: ไหนๆ ก็มาแล้ว วางจดหมายไว้บนโต๊ะเนี่ยแหละ
จอมยุทธเซี่ยง: ไม่ดีมั้ง ข้าควรให้นางต่อหน้า
เยี่ยม่งเซอะ: นี่จดหมายหย่านะ ไม่ใช่จดหมายรัก หรือว่าท่านไม่อยากหย่า
จอมยุทธเซี่ยง: ใครว่า ได้ ข้าจะวางจดหมายไว้ แต่ ข้าว่าลมมันแรงไปหน่อย เอากาน้ำชาวางทับไว้ดีกว่า จดหมายจะได้ไม่ปลิว
เยี่ยม่งเซอะ: ท่านทับซะมิดอย่างนี้ นางจะเห็นได้ยังไง วางไว้เฉยๆ เหอะ ไม่ปลิวหรอก





จังหวะพอดีเจ้าสำนักหวงซานเดินทางมาเยี่ยมฮูหยินเซี่ยงอดีตศิษย์รัก นางเห็นจดหมายหย่าจึงไม่พอใจ

เจ้าสำนักหวงซาน: ข้าเตือนนางแล้วว่าให้อยู่ห่างเจ้า นางกลับยอมสละตำแหน่งเจ้าสำนักเพื่อเจ้า แล้วดูซิว่าเจ้าทำอะไรกับนาง
จอมยุทธเซี่ยง: ก็นางอยากรั้นทำไมล่ะ ถ้านางไม่ห้ามข้าเข้าร่วมงานประลอง ข้าก็ไม่หย่านางหรอก
เจ้าสำนักหวงซาน: ข้ายอมให้นางออกจากสำนัก เพราะเจ้าสัญญาว่าจะถอนตัวจากยุทธภพ เมื่อเจ้าผิดสัญญาเช่นนี้ ข้าเห็นจะต้องสั่งสอนเจ้าบ้าง




จอมยุทธเซี่ยงกับเยี่ยม่งเซอะใช้กระบี่รวมใจสู้กับเจ้าสำนักหวงซาน ยังฝึกไปไม่ถึงไหน จะเอาอะไรไปสู้
ฮูหยินเซี่ยงกลับมาทันเวลา นางขอร้องอาจารย์อย่าทำร้ายสามี

ฮูหยินเซี่ยง: ถึงอย่างไร เค้าก็เป็นสามีข้า หากอาจารย์จะฆ่าเค้าก็ต้องฆ่าข้าด้วย
เจ้าสำนักหวงซาน: ได้ หากเจ้าสองคนเอาชนะข้าได้ ข้าจะปล่อยพวกเจ้าไป






ฮูหยินเซี่ยงยังเก็บกระบี่คู่ของนางกับสามีไว้ โดยซ่อนไว้บนป้ายเหนือขื่อ
เมื่อสองกระบี่รวมใจเป็นหนึ่ง แม้แต่อาจารย์นางก็ยังไม่อาจต้านทานได้

หลี่ปูยี: ในที่สุดข้าก็ได้เห็นกระบี่รวมใจขนานแท้





ทั้งหมดเป็นแผนการของหลี่ปูยี ที่เชิญเจ้าสำนักหวงซานมาเพื่อทดสอบความรักของทั้งคู่



จอมยุทธเซี่ยงกับฮูหยิน ผ่านอุปสรรคไปได้ ยิ่งสวีทหวานแหววกันกว่าเดิม

ฮูหยินเซี่ยง: ท่านอยากเข้าร่วมงานประลอง ข้าจะไปกับท่าน ข้าพร้อมแล้ว
จอมยุทธเซี่ยง: ไม่ เจ้าอยากทำธุรกิจ เราจะเปิดฟาร์มหมู
ฮูหยินเซี่ยง: งานประลอง
จอมยุทธเซี่ยง: ฟาร์มหมู
ฮูหยินเซี่ยง: งานประลอง
จอมยุทธเซี่ยง: ฟาร์มหมู

เออ เอา เถียงกันเข้าไป





ในที่สุดทั้งคู่ก็ตกลงกันได้ว่าจะเข้าร่วมประลองก่อน แล้วเปิดฟาร์มหมูทีหลัง



ภารกิจตามล่าหาจอมยุทธเสร็จสิ้น เยี่ยม่งเซอะก็ใกล้ถึงเวลากลับสำนัก

เยี่ยม่งเซอะ: ข้าเหมือนกบในบ่อ ตอนนี้ ข้าถึงรู้ว่าโลกนี้มีผู้มีความสามารถมากมายนัก
หลี่ปูยี: เจ้าเปลี่ยนไปจากครั้งแรกที่เราเจอกันมาก
เยี่ยม่งเซอะ: ท่านก็เช่นกัน อย่างน้อยท่านก็เริ่มไว้ใจคนอื่น
หลี่ปูยี: พูดไปแล้ว กระบี่รวมใจช่างน่าทึ่งนัก ยากที่คนสองคนจะสื่อใจถึงกันได้
เยี่ยม่งเซอะ: มันถึงยากที่จะเรียนรู้





พูดแล้วชักอยากลอง หลี่ปูยีกับเยี่ยม่งเซอะลองฝึกกระบี่รวมใจด้วยกัน กลับได้ผลอย่างไม่น่าเชื่อ ต้นฉบับมาเห็นยังทึ่ง

จอมยุทธเซี่ยง: กระบี่รวมใจอาศัยการสื่อทางใจ ดึงอานุภาพกระบี่
ฮูหยินเซี่ยง: พวกเรายังต้องฝึกกันเป็นปี ที่ไหนได้พวกเจ้าสองคนกลับใช้เวลานิดเดียว ชาติที่แล้วพวกเจ้าต้องเป็นสามีภรรยากันแน่ๆ





เยี่ยม่งเซอะเริ่มพูดกับกาน้ำชาแล้วแฮะ

เยี่ยม่งเซอะ: หรือว่าข้าจะเคยเป็นภรรยาเค้าเมื่อชาติที่แล้ว ไม่น่า เป็นเพราะพวกเราทำงานเข้าขากันมากกว่า เป็นไปไม่ได้หรอก ข้าไม่มีวันชอบเค้า




หลี่ปูยีรินน้ำชา น้ำหยด 3 หยด เค้าทำนายว่า 3 หยดคือความโดดเดี่ยว เป็นความหมายของการแยกจาก แต่หลี่ปูยีไม่เห็นว่าหยดที่ 4 ถูกกาน้ำชาบังไว้



วันเลี้ยงอำลา ทั้งหลี่ปูยีและเยี่ยม่งเซอะก็ใจเดียวกัน สั่งไก่ผัดพริกไทยดำมาคนละจาน

ฮูหยินเซี่ยง: ดูไปดูมา สองคนนี้เหมือนคู่สามีภรรยากันเลยเนอะ
หลี่ปูยี: ท่านอย่าล้อพวกเราเลย ข้ากับแม่นางเยี่ยเป็นเพียงสหายที่ดีต่อกันเท่านั้น
ฮูหยินเซี่ยง: เราสองคนก็เคยเป็นสหายกันมาก่อน ตอนนี้พวกเรายังแต่งงานกันเลย





หลวงจีนอยากตายเห็นเยี่ยม่งเซอะเป็นบุตรี จึงเตือนหลี่ปูยีไม่ให้หลอกลวงนาง
หลี่ปูยีเกรงหลวงจีนอยากตายจะยิ่งถลำลึก เค้าเลยยอมบอกความจริงว่าบิดาของ ม่งเซอะไม่ใช่หลวงจีนอยากตายแน่นอน ไม่เชื่อเอาดวงมากางให้ดูเลยยังได้ ฟันธง

หลวงจีนอยากตายบอกไม่ถูกว่าดีใจหรือเสียใจมากกว่า กินเหล้าให้เมาไปเลยแล้วกัน ร้อนถึงม่งเซอะต้องมาดูแลอีก





เยี่ยม่งเซอะไม่เข้าใจว่าทำไมหลวงจีนอยากตายจะกลับวัดโดยไม่ยอมบอกนางซักคำว่าเค้าเป็นบิดาของนาง
หลวงจีนอยากตายจึงจำใจบอกความจริงว่าบิดาที่แท้จริงของนาง เป็นคนฆ่ามารดาของนาง





เยี่ยม่งเซอะ: ท่านมาหลอกให้ข้าเข้าใจผิดว่าท่านเป็นพ่อข้ายังไม่พอ ยังจะมาบอกว่าพ่อข้าเป็นคนฆ่าแม่อีก
ท่านทำลายครอบครัวของข้า ถ้าเกิดข้าพบพ่อที่แท้จริง ข้าจะทำอย่างไร ข้าควรจะเป็นเค้าเป็นครอบครัว หรือเป็นศัตรูฆ่าแม่ สอนข้าสิ ข้าควรทำอย่างไร

หลวงจีนอยากตายรู้สึกผิดที่ทำให้นางต้องเสียใจ จึงหักแขนของตัวเองชดเชยให้นาง





หลวงจีนอยากตาย: แม่นางเยี่ยข้าไม่อาจขอให้เจ้าให้อภัยข้า แต่อยากขอให้เจ้าให้อภัยพ่อแม่เจ้าเถอะ ไม่เช่นนั้นความเกลียดชังจะทำลายตัวเจ้าเอง



เยี่ยม่งเซอะ: ตั้งแต่ข้าเป็นกำพร้า ข้าก็เรียนรู้ที่จะอยู่อย่างเข้มแข็ง จนกระทั่งข้าคิดว่าข้าได้พบกับพ่อ ข้าถึงรู้ว่าข้าโหยหาครอบครัวที่จะดูแลข้า ห่วงใยข้า ข้าจะได้ไม่เดียวดายอีกต่อไป
หลี่ปูยี: นับจากนี้ หากเจ้าอยากหาคนคุยด้วย ก็มาหาข้าสิ





วันรุ่งขึ้น ทุกคนออกช่วยกันตามหาบิดาของเยี่ยม่งเซอะ
หลี่ปูยีกับหลวงจีนอยากตายสืบเสาะไปถึงผู้อาวุโสของหมู่บ้าน จึงได้รู้ว่าบิดาของนางคือเยิ่นเทียนสิงศิษย์ทรยศของสำนักหลี่ปูยีนั่นเอง




เพื่อตามหาเยิ่นเทียนสิงหลี่ปูยีใช้เลือดของเยี่ยม่งเซอะและพลังของผลึกหินลาวาถอดวิญญาณ
และคนที่หลี่ปูยีเห็นคือเกอซูเทียน








 

Create Date : 27 มีนาคม 2550    
Last Update : 23 ธันวาคม 2550 12:19:42 น.
Counter : 1674 Pageviews.  

Face To Fate ตอน 19





จากตอนที่แล้ว เยียนเยี่ยไหลลอบเข้าวังสวรรค์ นางพลาดตกหน้าผา แต่ก็รอดมาได้
แม้ท่านหมอหล่ายจะมาช้าไปนิ้สส แต่ก็ทันช่วยเยี่ยไหลจากการตามล่าของสองหัวหน้าหน่วย






หล่ายเหยิกยี: คราวหลังอย่าคิดวางยาข้าอีก มันไม่ได้ผลหรอก
เยียนเยี่ยไหล: ข้าไม่อยากให้ท่านตายนี่
หล่ายเหยิกยี: เอาเป็นว่าอย่าทำอีกก็แล้วกัน
เยียนเยี่ยไหล: เสียดายที่ข้าเข้าไปไม่ถึงน้ำพุชีวิต
หล่ายเหยิกยี: สัญญากับข้าสิว่าเจ้าจะไม่เสี่ยงชีวิตตัวเองแบบนี้อีก
เยียนเยี่ยไหล: แต่ถ้าไม่มีเจ็ดสุดยอด ท่านก็ต้องตาย
หล่ายเหยิกยี: บุกเข้าวังสวรรค์อย่างนี้เจ้าก็มีสิทธิ์ตายเหมือนกัน
เยียนเยี่ยไหล: จะให้ข้ามองดูท่านตายโดยไม่ช่วยอะไรเหรอ





เยียนเยี่ยไหล: ไม่มีท่าน ข้าก็ไม่อยากมีชีวิตอยู่อีกต่อไป
หล่ายเหยิกยี: ข้าจะไม่เป็นไร
เยียนเยี่ยไหล: สัญญาสิ ไม่ใช่เพื่อข้า แต่เพื่อตัวท่านเอง อย่าสู้กับจูกัดบ้วนหลี่อีกเลย เลิกคิดแก้แค้น แล้วรักษาตัวเองให้หายก่อน
หล่ายเหยิกยี: เจ้ายอมสละชีวิตตัวเองเพื่อข้า ข้ายังจะพูดอะไรได้อีก ชีวิตข้าไม่ใช่ของข้าอีกต่อไป ข้าจะต้องรักษามันไว้ให้เจ้า เรื่องเจ็ดสุดยอดข้าจะจัดการเอง เจ้าไม่ต้องเป็นกังวลไป





มารดาจูกัดบ้วนหลี่เล่าให้ท่านหมอหล่ายฟังว่า 6-7 ปีก่อน มีบุรุษลึกลับผู้ฝึกฝ่ามือทรายชาดมาให้นางรักษา หลังจากนางรักษาหายแล้ว เค้าได้วางยาให้จดหมาย ทำให้นางสลบไปหลายปี ที่นางพลาดเพราะคาดไม่ถึงว่าจอมยุทธฝ่ายธรรมะจะใช้วิธีการเช่นนี้





จูก้ดบ้วนหลี่: ขอบคุณที่มาเยี่ยมแม่ข้า
หล่ายเหยิกยี: ข้านับถือนาง เสียดายเจ้าไม่มีอะไรเหมือนนางเลย
จูก้ดบ้วนหลี่: ข้าก็นับถือพี่ชายเจ้า แย่นะที่เจ้าไม่ยักเหมือนเค้า เรานี่ช่างเหมือนกันซะจริงๆ
หล่ายเหยิกยี: อย่าเอาข้าไปเทียบกับเจ้า ข้าสงสารตัวเอง
จูก้ดบ้วนหลี่: ดื่มสุราจอกนี้ ขอให้ความแค้นระหว่างสองตระกูลเราสิ้นสุดลงซะที





หล่ายเหยิกยี: ขอเตือนไว้ก่อนนะ หากเจ้าทำอะไรสหายข้าอีก ข้าไม่ละเว้นเจ้าแน่
จูก้ดบ้วนหลี่: ในฐานะคนวังสวรรค์ ข้าขอเตือนเจ้า อย่าพยายามบุกเข้าวังเลย เจ้าไม่มีทางรอดหรอก
หล่ายเหยิกยี: ขยันฝึกฝีมือหน่อยแล้วกัน เจอกันในวังสวรรค์
จูก้ดบ้วนหลี่: เจ้ายังคิดจะเข้าไปให้ได้อีกหรือ
หล่ายเหยิกยี: ขนาดเยี่ยไหลยังไม่กลัว ข้าไม่ใช่คนขลาดนี่ ยังไงข้าก็ต้องเอาน้ำพุชีวิตมาให้ได้
จูก้ดบ้วนหลี่: อย่าโทษข้าแล้วกัน
หล่ายเหยิกยี: ต้องโทษตัวเจ้าเองที่สู้ข้าไม่ได้มากกว่า





เยี่ยม่งเซอะวิ่งวุ่นสืบข่าวจอมยุทธเซี่ยงกับฮูหยินจนทำปิ่นปักผมหายก็ยังไม่รู้ตัว

หลี่ปูยีไม่ยอมบอกแผนการให้ม่งเซอะรู้ ทำให้นางไม่พอใจ ชอบอุบไต๋ไว้อยู่เรื่อยเลย





ด้านฮูหยินเซี่ยงก็จัดการซื้อที่เตรียมเปิดฟาร์มหมู โดยไม่รอฟังความเห็นจากสามี เล่นเอาเค้าแอบเซ็ง
จริงๆ จอมยุทธเซี่ยงไม่อยากทำฟาร์มหมูซะหน่อย แต่ด้วยความรัก และเกรงใจฮูหยิน เลยต้องยอมตามใจ




หลี่ปูยีเปิดแผงทำนายดวงชะตา เรียกความสนใจจากฮูหยินเซี่ยง
เค้าทำนายให้นางว่าปีนี้กิจการค้าของนางจะไม่ค่อยดีนัก ต้องแก้เคล็ดเสริมดวงด้วยการตั้งแจกันไผ่ไว้ที่มุมร้าน
ง่ายๆ แค่นี้เอง ฟังแล้ว ฮูหยินไม่ค่อยอยากจะเชื่อ





ที่ไหนได้ ทำปุ๊บมีพ่อค้ามาสั่งผ้าล็อตเดียว 50 พับ โหย อารัยจะแม่นปานนั้น



ฮูหยินเซี่ยงเชิญหลี่ปูยีมาดูฮวงจุ้ยที่บ้าน

หลี่ปูยี: ดูจากคิ้วและจมูกของท่าน ท่านจะเกื้อหนุนสามี แต่ตีนกาของท่านบ่งบอกว่าท่านทะเลาะกับสามีบ่อยๆ
ฮูหยินเซี่ยง: แม่นจริงๆ
หลี่ปูยี: ตำแหน่งเหนือริมฝีปากท่านแบน แสดงว่ามีบุตรยาก
ฮูหยินเซี่ยง: ข้าควรทำอย่างไร
หลี่ปูยี: หากพวกท่านเข้าร่วมงานประลอง ถือว่าเป็นการทำบุญอย่างหนึ่ง
ฮูหยินเซี่ยง: ที่แท้เจ้าไม่ได้คิดช่วยเราจริงๆ เจ้าเพียงอยากให้พวกเราเข้าร่วมงานประลองเท่านั้น อย่าเสียน้ำลายเปล่าเลย





เยี่ยม่งเซอะหงุดหงิดที่หลี่ปูยีเอาแต่อมพะนำไปยอมบอกแผนการออกมา นางจึงไปดื่มที่โรงเตี๊ยม และได้พบจอมยุทธ Hong ที่กำลังเซ็งเมียอยู่พอดี

เยี่ยม่งเซอะ: เค้าเผด็จการ ชอบคิดว่าตัวเองทำถูกเสมอ ไม่สนใจความรู้สึกคนอื่น
จอมยุทธเซี่ยง: ใช่ นางน่ะจัดการหมดทุกอย่าง ไม่เคยถามความเห็นข้าเลย ข้าเป็นผู้ชายนะ
เยี่ยม่งเซอะ: ด้วยความสามารถของท่าน ท่านคิดจะเป็นพ่อค้าหมูไปจนวันตายหรือไง กิตติศัพท์ความเก่งกาจของท่านยังคงโด่งดังถึงทุกวันนี้ ท่านน่าจะเข้าร่วมการประลอง
จอมยุทธเซี่ยง: ข้าก็อยากจะร่วมงานประลอง แต่เสี่ยวอวี้ไม่ยอม นางดื้อจะตาย
เยี่ยม่งเซอะ: ท่านก็คิดดูเองเถอะว่าอยากจะมีชีวิตอยู่แบบจอมยุทธหรือคนขายหมู







ม้นน่าคับแค้นใจจริงหนอ เป็นถึงจอมยุทธ กลับถึงบ้านเมียก็ใช้ให้ช่วยตากผ้า

ฮูหยินเซี่ยง: ไปกินเหล้ามาอีกล่ะสิ บอกไว้ก่อนเลยนะ พอทำฟาร์มหมูแล้ว ห้ามท่านกินเหล้าเด็ดขาด




จอมยุทธเซี่ยงคิดหือกับฮูหยินจนได้

จอมยุทธเซี่ยง: พอกันที นับแต่นี้ ข้าจะทำสิ่งที่ข้าอยากทำ
ฮูหยินเซี่ยง: อย่างเช่นอะไร
จอมยุทธเซี่ยง: ข้าจะร่วมงานประลอง
ฮูหยินเซี่ยง: ดูตัวเองซะก่อน ท่านไม่ใช่เซี่ยงเซี่ยวหยิงเมื่อยี่สิบปีก่อนแล้วนะ ดูพุงท่านมั่ง
จอมยุทธเซี่ยง: ขอเพียงมีความตั้งใจ เรื่องพุงไม่ใช่เรื่องสำคัญ
ฮูหยินเซี่ยง: ถ้าท่านจะร่วมงานประลองให้ได้ แล้วฟาร์มหมูของพวกเราล่ะ จำได้มั้ยตอนแต่งงานท่านสัญญาอะไรกับข้า ท่านบอกว่าพวกเราจะใช้ชีวิตสุขสงบร่วมกัน
จอมยุทธเซี่ยง: ข้าจำได้ แต่พวกเราฝึกยุทธ์มายี่สิบปีเพื่ออะไร
ฮูหยินเซี่ยง: ถ้าท่านยังยืนกรานจะไปให้ ก็อย่ากลับมาอีก
จอมยุทธเซี่ยง: ได้ เจ้าอย่าเสียใจภายหลังแล้วกัน
ฮูหยินเซี่ยง: ท่านนั่นแหละที่จะต้องเป็นฝ่ายเสียใจ






จอมยุทธเซี่ยงอาสาร่วมงานประลองยุทธ์ ทำให้เยี่ยม่งเซอะดีใจที่คำหว่านล้อมของนางเป็นผล

หลี่ปูยึ: ข้าก็ดีใจนะ ที่ท่านตกลงใจเช่นนี้ แต่หากขาดฮูหยินเซี่ยงกระบี่รวมใจของท่านก็จะด้อยอานุภาพลง
จอมยุทธเซี่ยง: ไม่ต้องอาศัยกระบี่รวมใจข้าก็เอาชนะการประลองได้





หลี่ปูยี: เจ้ารู้มั้ยว่ากระบี่รวมใจ ขาดใครไปคนหนึ่งก็ไม่ได้ ข้ามีทางเกลี้ยกล่อมฮูหยินเซี่ยงได้ แต่เจ้ากลับทำเสียเรื่องหมด เจ้าเชื่อมั่นในตัวเองเกินไปแล้ว
เยี่ยม่งเซอะ: ท่านน่ะสิเชื่อมั่นตัวเองเกินไป มีครั้งไหนบ้างที่ท่านยอมบอกแผนการของท่านกับเรา
หลี่ปูยี: ข้าไม่อยากให้แผนการแพร่งพรายออกไป
เยี่ยม่งเซอะ: ท่านไม่ไว้ใจพวกเรามากกว่า ท่านยโสเกินไปแล้ว





หลี่ปูยี: หลวงจีนอยากตาย ท่านคิดว่าข้าไว้ใจท่านรึเปล่า
หลวงจีนอยากตาย: ก็ไว้ใจนะ แต่เจ้าไว้ใจตัวเองมากกว่า




พูดเป็นเสียงเดียวกันอย่างนี้ หลี่ปูยีก็เริ่มเก็บเอาไปคิด เราก็ผิดจริงเหมือนกันนี่หว่า ว่าแล้วก็ซื้อปิ่นไปง้อสาวดีกว่า




ฝ่ายเยี่ยม่งเซอะก็รู้สึกว่าตัวเองพูดแรงไปหน่อย ซื้อขนมไปฝากแล้วกัน




หลี่ปูยี: ข้าให้เจ้า ขอโทษนะ
เยี่ยม่งเซอะ: ข้าให้ท่าน กินแล้วก็หายโกรธข้าด้วย
หลี่ปูยี: เจ้าพูดถูก ข้าเอาตัวเองเป็นใหญ่ จะทำอะไรก็ไม่เคยปรึกษาคนอื่น
เยี่ยม่งเซอะ: ท่านก็พูดถูก ข้าเป็นคนปากไว หลวงจีนอยากตายก็เก็บความลับไม่อยู่ พวกเราอาจทำให้เสียเรื่องได้ ท่านทำตามใจท่านเถอะ
หลี่ปูยี: นับตั้งแต่นี้ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าจะลองทำงานร่วมกับคนอื่นดู






เยี่ยม่งเซอะ: จะว่าไป สหายก็เหมือนน้ำในทะเลสาบที่ช่วยสะท้อนตัวเรา
หลี่ปูยี: ถูกแล้ว ใช่ว่าทุกคนจะรู้จักตัวเองไปหมด
เยี่ยม่งเซอะ: ท่านจะทำอย่างไรต่อไป
หลี่ปูยี: ข้าก็ไม่รู้ ตอนนี้ฮูหยินเซี่ยงคงกำลังฉุนขาดที่จอมยุทธเซี่ยงทื้งนางมา คงจะเกลี้ยกล่อมนางยาก
เยี่ยม่งเซอะ: ตรงกันข้าม ข้าว่าน่าจะง่ายกว่าด้วยซ้ำ ข้าเข้าใจจิตใจผู้หญิงดี ความหึงหวงเกิดขึ้นง่าย





จอมยุทธเซี่ยงตั้งใจฝึกยุทธ์ แต่ขาดผู้ร่วมฝึกซ้อม ทำให้เพลงกระบี่รวมใจ ไม่แสดงอานุภาพ

เยี่ยม่งเซอะ: ข้าเข้าใจว่ากระบี่รวมใจต้องอาศัยสองประสาน หนึ่งแข็งหนึ่งอ่อน หนึ่งหยินหนึ่งหยาง จึงเสริมซึ่งกันและกัน

เยี่ยม่งเซอะอาสาฝึกกระบี่รวมใจร่วมกับจอมยุทธเซี่ยง





หลี่ปูยีดำเนินแผนสอง

ฮูหยินเซี่ยง: อย่าเปลืองน้ำลายเลย ข้างานยุ่ง ไม่ว่างไปประลองยุทธ์หรอก
หลี่ปูยี: ข้าแค่จะมากล่าวลาเท่านั้น พวกเราจะออกเดินทางแล้ว ท่านไม่ต้องห่วงจอมยุทธเซี่ยงเราจะดูแลเค้าเอง
ฮูหยินเซี่ยง: ใครว่าข้าห่วงเค้า ข้าห่วงพวกท่านหรอก สามีข้าวางกระบี่มาเป็นคนขายหมูนานแล้ว ไม่มีข้าอยู่เคียงข้างเค้า เค้าจะทำให้พวกท่านเดือดร้อนมากกว่า
หลี่ปูยี: เรื่องนั้น ท่านไม่ต้องห่วง แม่นางเยี่ยกำลังร่วมฝึกกระบี่รวมใจกับเค้า ข้าเชื่อว่าพวกเค้าต้องเอาชนะการประลองได้แน่
ฮูหยินเซี่ยง: เฮอะ กระบี่รวมใจ ต้องอาศัยสองใจรวมเป็นหนึ่ง พวกเค้าเพิ่งจะพบหน้ากัน มันจะไหวเร้อ ข้าขอเตือนท่านให้หาคนอื่นเถอะ





จอมยุทธเซี่ยงกับเยี่ยม่งเซอะร่วมกันฝึกกระบี่
ม่งเซอะเห็นฮูหยินเซี่ยงมาแอบดู นางจึงจงใจยั่วให้ฮูหยินเซี่ยงโมโหหึง ซึ่งก็ได้ผล

หนอยจะฝึกวิชาทำไมต้องจับไม้จับมือกันด้วย






ฝึกวิชางูๆ ปลาๆ แบบนี้ เสียชื่อกระบี่รวมใจหมด มา เด๋วเจ๊โชว์ให้ดูเอง

ฮูหยินเซี่ยงทำเนียนคิดลงมือทำร้ายเยี่ยม่งเซอะ จอมยุทธเซี่ยงขัดขวางนางยิ่งทำให้นางโมโห

ฮูหยินเซี่ยง: พอกันทีนะ เจ้ากล้าลงมือกับข้าเพื่อนางเหรอ
จอมยุทธเซี่ยง: ข้ากับนางต้องร่วมงานประลอง ข้าไม่ยอมให้เจ้าทำร้ายนางหรอก
ฮูหยินเซี่ยง: งั้นข้าต้องยิ่งทำให้ได้





สองสามีภรรยาต่อสู้กัน จนจอมยุทธเซี่ยงพลั้งมือทำร้ายฮูหยิน

ฮูหยินเซี่ยง: เกินไปแล้วนะ เซี่ยงเซี่ยวหยิง
จอมยุทธเซี่ยง: เจ้าบังคับข้าเอง





ฮูหยินเซี่ยงน้อยใจที่สามีเห็น ม่งเซอะสำคัญกว่านาง หลี่ปูยีอาสาดูลายมือเพื่อหาทางแก้ไขชีวิตคู่ให้ฮูหยิน
จังหวะเหมาะ จอมยุทธเซี่ยงกลับมาทันเห็นหลี่ปูยีจับมือถือแขนฮูหยิน โดนเข้ามั่งเป็นไงล่ะ





จอมยุทธเซี่ยง: พวกเจ้าทำอะไรกันเนี่ย
ฮูหยินเซี่ยง: กลับมาทำไม
จอมยุทธเซี่ยง: ข้า ข้า ข้ากลับมาเก็บของ ไม่นึกว่าจะมาเห็นพวกเจ้า
ฮูหยินเซี่ยง: เจ้ายังฝึกวิชากับผู้หญิงอื่นได้ ทำไมข้าจะให้เค้าดูลายมือให้ข้าไม่ได้ กลับไปฝึกกระบี่ของเจ้าเถอะไป๊
จอมยุทธเซี่ยง: เจ้า ฮื่มม ข้าไม่รู้จะว่ายังไงแล้ว




จอมยุทธเซี่ยงไม่พอใจที่หลี่ปูยีมาเกาะแกะฮูหยิน

จอมยุทธเซี่ยง: ฮูหยินนะฮูหยิน ข้าพูดอะไรไม่เคยฟังเล้ย
เยี่ยม่งเซอะ: ข้าว่าเป็นเพราะท่านเอาใจนางจนนางเสียนิสัยมากกว่า
จอมยุทธเซี่ยง: จริงสิ ตอนแต่งงานกันใหม่ๆ ฮูหยินข้า ก็ไม่เป็นแบบนี้ ข้าคงเอาใจนางเกินไป
เยี่ยม่งเซอะ: หากท่านอยากให้นางกลับเป็นคนเดิม ท่านต้องเข้มแข็ง ทำตัวให้แมนกว่านี้





จอมยุทธเซี่ยงคิดจะไปง้อฮูหยินอีกสักครั้ง

จอมยุทธเซี่ยง: ขอถามเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย เจ้าจะไปกับข้าหรือไม่
ฮูหยินเซี่ยง: รู้แล้วล่ะสิ ว่ากระบี่รวมใจขาดข้าไม่ได้
จอมยุทธเซี่ยง: เจ้าจะไปมั้ย
ฮูหยินเซี่ยง: ไม่
จอมยุทธเซี่ยง: งั้นข้าจะไปกับแม่นางเยี่ย
ฮูหยินเซี่ยง: ข้าไม่ให้ไป
จอมยุทธเซี่ยง: ถ้าเจ้าไม่ไปกับข้า เจ้าก็ไม่มีสิทธิ์มาห้ามข้าไม่ให้ไปกับคนอื่น





ฟางเส้นสุดท้าย เมื่อฮูหยินเซี่ยงเขวี้ยงแตงโมใส่สามี จอมยุทธเซี่ยงประกาศตัดขาดกับนาง คอยรอรับจดหมายหย่าแล้วกัน



พอหลวงจีนอยากตายรู้ข่าว ก็รีบแจ้นมาบอกหลี่ปูยี กับเยี่ยม่งเซอะแต่ทั้งคู่ก้อชิลๆ เพราะคาดไว้แล้ว

หลวงจีนอยากตาย: เดี๋ยวพวกเจ้าพูดจาเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ยเชียวนะ
หลี่ปูยี: ลูกผู้ชายต้องหัดฟังเสียงผู้หญิงบ้าง
เยี่ยม่งเซอะ: คนใจกว้างอย่างนี้หายากนะ





อารัยยะ ตกลงเยียนเยี่ยไหลย้ายมาอยู่บ้านท่านหมอหล่ายแล้วเหรอ

เยียนเยี่ยไหล: เสี่ยวซานได้ท่านช่วยดูแล ข้าก็วางใจ ข้าบอกได้เลยว่าเค้าชื่นชมท่านมาก
หล่ายเหยิกยี: แล้วเจ้าบอกได้มั้ยว่าข้าก็ชื่นชมเจ้า (วู้ย หวานกันเข้าไป)
เยียนเยี่ยไหล: ถ้าพวกเราอยู่อย่างสงบเช่นนี้ได้ คงจะดีไม่น้อย
หล่ายเหยิกยี: ที่ข้ามีชีวิตอยู่ก็เพื่อเจ้า
เยียนเยี่ยไหล: ท่านยังคิดจะเข้าวังสวรรค์อยู่หรือ ถ้าจะไปจริงๆ ท่านต้องพาข้าไปด้วย
หล่ายเหยิกยี: แน่นอนก็เจ้ารู้ทางนี่






เยียนเยี่ยไหลตื่นมาไม่เห็นท่านหมอหล่าย นางจึงตามไปหาเค้าที่สุสานพี่ใหญ่



เยียนเยี่ยไหล: ท่านจะไปวังสวรรค์ ทำไมไม่พาข้าไปด้วย
หล่ายเหยิกยี: มันอันตรายเกินไป เจ้าต้องมีชีวิตอยู่เพื่อดูแลแม่สามีกับซิ่วไซ่
เยียนเยี่ยไหล: แต่ท่านไปคนเดียวมันอันตรายนะ ยังไงก็รอหลี่ปูยีก่อนเถอะ
หล่ายเหยิกยี: ข้าไม่ต้องการเป็นภาระแก่สหาย ไม่ต้องเป็นห่วง ข้าให้สัญญา ข้าจะไม่เป็นไร สัญญากับข้านะว่าเจ้าจะรอข้ากลับมา
เยียนเยี่ยไหล: ข้าสัญญา







ท่านหมอหล่ายเดินทางไปวังสวรรค์ตามลำพัง จบแบบคาใจอีกแล้ว อิอิ






 

Create Date : 18 มีนาคม 2550    
Last Update : 23 ธันวาคม 2550 10:31:37 น.
Counter : 1945 Pageviews.  

Face To Fate ตอน 18





จากตอนที่แล้ว การตายของหล่ายเหยิกหลงทำให้ท่านหมอหล่ายเสียใจจนอาการของโรคแก่ก่อนวัยกำเริบขึ้นมา ผมทั้งศีรษะกลายเป็นผมขาวภายในคืนเดียว




หล่ายเหยิกยี: ร้องไห้ไปก็ไม่มีประโยชน์ ต่อให้เสียน้ำตามากแค่ไหน สวรรค์ก็ไม่เห็นใจ
สวรรค์หูหนวกตาบอด ตระกูลข้าช่วยเหลือผู้คนมามากมาย ถ้าสวรรค์ยุติธรรมจริง ก็น่าจะให้พรเรามากกว่า
แต่ตระกูลหล่าย 3 รุ่น ล้วนตายด้วยโรคนี้ มันเป็นชะตากรรมที่ต้องสาป





หล่ายเหยิกยี: สวรรค์ไม่ยุติธรรม
เยียนเยี่ยไหล: แม้โชคชะตาจะโหดร้าย แต่พี่ใหญ่ก็จากไปอย่างมีความสุข สุดท้ายแล้ว เค้าก็ยังได้ช่วยชีวิตคน พี่ใหญ่ท่านตายอย่างไม่เสียใจ
หล่ายเหยิกยี: ฆ่าคนแล้วไง ช่วยชีวิตคนแล้วไง สวรรค์ไม่มีความยุติธรรมอยู่ดี แล้วข้าจะเป็นหมอไปทำไม





ช่วงนี้ ท่านหมอหล่ายอาจจะอารมณ์ฉุนเฉียวไปบ้าง เยี่ยไหลต้องเข้าใจนะตัว

เยียนเยี่ยไหล: ท่านทำอะไรกันแน่
หล่ายเหยิกยี: ข้ากำลังปรุงพิษสังหาร
เยียนเยี่ยไหล: ข้าได้ยินว่าพิษนี้อันตรายมาก ท่านจะปรุงมันทำไม ตระกูลท่านไม่ใช้พิษมิใช่หรือ
หล่ายเหยิกยี: ข้าไม่เคยบอกว่าตระกูลข้าไม่ใช้พิษนี่ เราจะใช้มันกับศัตรูเท่านั้น
เยียนเยี่ยไหล: ท่านปรุงพิษสังหาร จูกัดบ้วนหลี่ก็ต้องหาวิธีมาสู้กับท่าน พวกท่านอาจตายทั้งคู่นะ
หล่ายเหยิกยี: ไม่ต้องห่วง หมอปีศาจไม่ใช่คู่มือของข้า





เยียนเยี่ยไหล: หมอปีศาจขอกว่าน้ำพุชีวิตอยู่ที่วังสวรรค์ เมื่อท่านรู้อย่างนี้ ทำไมท่านไม่หาทางรักษาตัวเองซะก่อน
หล่ายเหยิกยี: ข้าไม่สนใจยาเจ็ดสุดยอดอีกต่อไปแล้ว สิ่งเดียวที่ข้าต้องการคือจัดการกับจูกัดบ้วนหลี่
เยียนเยี่ยไหล: ทำไมท่านคิดเช่นนี้ แม้พี่ใหญ่จะจากไป แต่ก็ยังมีคนที่ห่วงใยท่าน
พี่ใหญ่ยอมสละชีวิตเพื่อข้า หากท่านเป็นอะไรไป ข้าคงหัวใจสลาย
หล่ายเหยิกยี: หยุดพูดได้แล้ว เจ้าไม่ยอมให้ข้าล้างแค้นเพราะกลัวจะหัวใจสลายงั้นเหรอ เจ้ามันเห็นแก่ตัว
ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ข้าต้องล้างแค้นให้พี่ใหญ่ให้ได้





หมอปีศาจไม่พอใจที่บรรดาหัวหน้าหน่วยวางยามารดา เพื่อปั่นหัวให้เค้ากับหล่ายเหยิกยีต่อสู้กัน
หมอปีศาจจึงใช้ดอกหอมหมื่นลี้วางยาหัวหน้าหน่วย

หมอปีศาจ: สารภาพมาซะว่านี่เป็นแผนการของใคร ใครสารภาพก่อนข้าจะมอบยาถอนพิษให้ ส่วนคนที่เหลือต้องตาย





เกอซูเทียนกลับมาพอดี บรรดาหัวหน้าหน่วยจึงรอดตัวไป แถมยังใส่ไคล้หมอปีศาจว่าคิดหักหลังวังสวรรค์
เกอซูเทียนให้หมอปีศาจพิสูจน์ตัวเองด้วยการสังหารหล่ายเหยิกยีซะ





หมอปีศาจเดินทางมาไหว้สุสานหล่ายเหยิกหลง

หล่ายเหยิกยี: เจ้าไม่คู่ควร หากจะขอบคุณพี่ชายข้า ก็ตายตามไปขอบคุณเค้าแล้วกัน
จูกัดบ้วนหลี่: พวกเราแลกเปลี่ยนกันอย่างยุติธรรม พี่ชายเจ้ารักษาแม่ข้า ข้าก็มอบสองในเจ็ดสุดยอดให้เจ้าแล้ว ถือว่าเจ๊ากันไป
ส่วนน้ำพุแห่งชีวิต ข้าให้เจ้าไม่ได้ แต่บอกได้ว่ามันอยู่ที่ไหน มันอยู่ที่วังสวรรค์ เจ้าจงเข้าไปเอาเองเถอะ
หล่ายเหยิกยี: เจ้าคนขลาด เจ้าคิดจะอาศัยวังสวรรค์กำจัดข้างั้นหรือ ถึงเวลาที่เราสองตระกูลต้องชี้ขาดกันซะที





หล่ายเหยิกยี: หลังจากพี่ใหญ่ตายครบ 7 วัน ข้าจะไปหาเจ้า
จูกัดบ้วนหลี่: เจ้ามันทะนงตนเกินไป แม้ว่าเจ้าจะแก้ทางข้าได้ แต่จะฆ่าข้ามันไม่ง่ายหรอก
หล่ายเหยิกยี: แล้วเราจะได้เห็นกัน
จูกัดบ้วนหลี่: ข้าก็อยากฆ่าเจ้ามานานแล้ว หลายปีมานี่ ตระกูลข้าต้องตกเป็นรองตระกูลเจ้าอยู่เสมอ เพราะเหตุนี้ พ่อข้ากับพี่ชายข้าถึงต้องตาย
หล่ายเหยิกยี: พวกเจ้าฝีมือไม่ถึงเอง อีกอย่างเจ้าฆ่าคน ข้าช่วยคน พวกเราย่อมได้รับการยกย่องมากกว่าเป็นธรรมดา
จูกัดบ้วนหลี่: ดูเหมือนว่า ถึงเวลาที่เราต้องตัดสินกันซะที พบกันที่หุบเขาปีศาจ





หลิวฝ่านหยีคิดถึงเสิ่นฉินหง ศัตรูมาล้างแค้น ยังใจอ่อนปล่อยไป ผิดฟอร์มนิ




เกอซูเทียนส่งจ้าวค้างคาวมาตามหลิวฝ่านหยีไปพบ
เกอซูเทียนไม่พอใจที่หัวหน้าหน่วยทั้งหลายล่วงเกินหลิวฝ่านหยี
เค้าจึงสั่งให้บรรดาหัวหน้าหน่วยขอโทษซะ
เมื่อหลิวฝ่านหยีทำภารกิจที่เหลือเสร็จสิ้นเค้าจะทำตามสัญญาตั้งขึ้นเป็นหัวหน้าหน่วยอีกคนหนึ่ง

หลิวฝ่านหยี: ก่อนข้าจะฆ่าหลี่ปูยี ข้ามีเรื่องส่วนตัวต้องสะสางก่อน




เสิ่นฉินหงฝึกยุทธ์ร่วมกับศิษย์พี่รองเยี่ยชูเซิน ฝึกไปก็คิดถึงหลิวฝ่านหยีไป
ทำให้วรยุทธ์สับสน เกือบพลั้งมือทำร้ายศิษย์พี่รอง ดีที่เจ้าสำนักเสิ่นมาห้ามทัน
แต่ก็เกือบโดนกระบี่บุตรสาวไปเหมือนกัน

เจ้าสำนักเสิ่น: หากเจ้าไม่ฝึกซ้อมให้หนัก เจ้าจะเอาชนะหลิวฝ่านหยีได้อย่างไร






เสิ่นฉินหงปากก็บอกว่าอยากฆ่าหลิวฝ่านหยีแต่ใจก็คิดถึงเค้า

หลิวฝ่านหยี: ข้ามานี่เพื่อฆ่าเจ้า
เสิ่นฉินหง: ดี ข้ากำลังอยากฆ่าเจ้าอยู่เลย หากไม่ฆ่าเจ้า ข้าคงไม่มีวันสงบ
หลิวฝ่านหยี: หากข้าไม่ฆ่าเจ้า ข้าคงไม่อาจกลับไปเป็นคนเดิมได้






หลิวฝ่านหยี: ทำไมไม่ลงมือ
เสิ่นฉินหง: แล้วเจ้าล่ะ
หลิวฝ่านหยี: ข้าทำไม่ได้







แหม ท่านหมอหล่ายดีแต่ป้อไปป้อมา คู่นี้เค้ารักกันปุ๊บ ก็ xxx กันเลย
เสิ่นฉินหง: พวกเราจะทำอย่างไรต่อไป
หลิวฝ่านหยี: ข้าไม่เคยห่วงเรื่องอนาคต ข้ารู้แต่เพียงว่าข้าอยากอยู่กับเจ้า
เสิ่นฉินหง: ไม่ว่าธรรมะหรืออธรรม ล้วนไม่มีที่สำหรับเรา เจ้าเสียใจหรือไม่
หลิวฝ่านหยี: ข้าไม่เสียใจ ขอเพียงเจ้าอยากอยู่กับข้า
เสิ่นฉินหง: ข้าก็อยู่กับเจ้าแล้วนี่ไง
หลิวฝ่านหยี: ยังมีอีกอย่างที่ข้าต้องทำ
เสิ่นฉินหง: เจ้าจะฆ่าหลี่ปูยีหรือ
หลิวฝ่านหยี: มันเป็นงานของข้า
เสิ่นฉินหง: เจ้าต้องไปจริงๆ หรือ
หลิวฝ่านหยี: ไม่ต้องห่วง ข้าจะไม่เป็นไร เจ้าต้องรอข้านะ






จอมยุทธเซี่ยงกลายเป็นพ่อค้าขายหมู หลี่ปูยีกับพวกวางแผนให้จอมยุทธ เซี่ยงเปิดเผยตัว
เค้ากับหลวงจีนอยากตายทำทีเป็นไล่ล่าเยี่ยม่งเซอะซึ่งปลอมเป็นศิษย์สำนักคงท้ง

สู้ไปสู้มาก็รู้อยู่แค่ไม่กี่กระบวน จอมยุทธเซี่ยงเกือบลงมือแล้ว






ดันมีจอมยุทธรักคุณธรรมโผล่มาตัดหน้า โดนหลวงจีนอยากตายซัดเข้าหน่อยก็เผ่นแทบไม่ทัน

หลวงจีนอยากตาย: นำตัวนางไปที่วัดร้างนอกเมือง พรุ่งนี้ค่อยจัดการนาง





ฮูหยินเซี่ยงอยากมีลูกมาก ไม่สบายนิดหน่อยก็คิดว่าตัวเองท้องซะแล้ว

จอมยุทธเซี่ยง: เรื่องแบบนี้ ไม่เห็นต้องรีบร้อนเลย
ฮูหยินเซี่ยง: แต่ถ้าเรามีลูกด้วยกัน มันจะดีแค่ไหน
จอมยุทธเซี่ยง: จริงของเจ้า
ฮูหยินเซี่ยง: เห็นชาวบ้านบอกว่าบนเขามีหินวิเศษ ใครไปแตะก็จะมีบุตร
จอมยุทธเซี่ยง: แต่ข้าเป็นมือกระบี่นะ ทำอย่างนี้มัน....เอ่อ อ่า ไปก็ได้จ้ะ





ฮูหยินเซี่ยง: โอ๊ย นวดซะแรงเชียว จะฆ่าข้าเหรอไง บอกมานะ เจ้าเป็นห่วงแม่สาวน้อยนั่นใช่มั้ย
จอมยุทธเซี่ยง: เจ้ารู้ด้วย
ฮูหยินเซี่ยง: มีอะไรที่ข้าไม่รู้มั่ง อย่าเห็นว่าข้าเอาแต่เฝ้าร้านล่ะ คราวที่แล้วตอนท่านกวนถูกลักพาตัว เจ้าก็แอบไปช่วยเค้า ตอนศัตรูท่านเฉินมาตามล่า เจ้าก็แอบไปจัดการอีก ทำอะไรอย่าคิดว่าจะรอดพ้นสายตาข้า
จอมยุทธเซี่ยง: เรื่องตั้งปีมะโว้ อย่าไปพูดถึงมันอีกเลย
ฮูหยินเซี่ยง: จำไว้นะ เดี๋ยวนี้พวกเราเป็นชาวบ้านธรรมดาแล้ว เรื่องของยุทธภพ เราไม่ควรยุ่งให้มากความ






สุดท้าย จอมยุทธเซี่ยงก็อดใจไม่ได้ ปลอมตัวไปช่วยเยี่ยม่งเซอะอยู่ดี
เมื่อได้ประมือกันหลี่ปูยีจึงมั่นใจว่า เค้าต้องใช่ เซี่ยงเซี่ยวหยิงแน่นอน





จอมยุทธเซี่ยงช่วยคนแล้วจากไป เหลือไว้แต่เหรียญทองแดงหนึ่งเหรียญ ซึ่งมีกลิ่นมันหมู
มีหลักฐานแล้ว ไปพบจอมยุทธเซี่ยงเลยดีกว่า





ขนาดมีหลักฐานมัดตัว จอมยุทธเซี่ยงยังคงปฏิเสธไม่ยอมรับ




ฮูหยินเซี่ยง: เมื่อคืนเจ้าแอบไปไหนมา
จอมยุทธเซี่ยง: เปล่านะ เมื่อคืนข้าหลับเป็นตายเลย
ฮูหยินเซี่ยง: อย่ามาโกหกนะ ข้าได้กลิ่นน้ำหอมจากเสื้อเจ้า
จอมยุทธเซี่ยง: โธ่ กลิ่นเหงื่อต่างหากล่ะ




เยี่ยม่งเซอะ: ร้ายนักนะ หลอกหนีเมียมาหาข้า
ฮูหยินเซี่ยง: นางเป็นใคร
จอมยุทธเซี่ยง: ข้าไม่รู้จักนางซักหน่อย
เยี่ยม่งเซอะ: ทำไม่พูดอย่างนี้ล่ะ เมื่อคืนเจ้ากับข้า ในป่า เรา...
จอมยุทธเซี่ยง: โธ่ เจ้าหาเรื่องเดือดร้อนให้ข้าแล้วรู้มั้ย





ฮูหยินเซี่ยง: ดีแล้ว เซี่ยงเซี่ยวหยิงต่อไปเราขาดกัน เหมือนเสื้อตัวนี้
จอมยุทธเซี่ยง: ไม่นะ เมื่อคืนข้าไปช่วยนางต่างหากล่ะ
หลี่ปูยี: ในที่สุดท่านก็ยอมรับจนได้





จอมยุทธเซี่ยงรักคุณธรรม ได้ฟังว่าฝ่ายอธรรมฮึกเหิม ก็อยากจะช่วยเหลือ แต่ฮูหยินเซี่ยงไม่ยอม

ฮูหยินเซี่ยง: เรื่องฆ่าๆ ฟันๆ พวกเราเบื่อหน่ายจะแย่ เดี๋ยวนี้พวกเรามีชีวิตที่สุขสงบดีอยู่แล้ว ข้ายังมีแผนจะทำเล้าหมู เปิดร้านขายของชำ และมีลูกซักหลายๆ คน ยุ่งขนาดนี้ คงไม่มีเวลาไปช่วยเหลือพวกท่านหรอก เชิญเถอะ





เยียนเยี่ยไหลเดินทางมาขอร้องหมอปีศาจไม่ให้ไปประลองยุทธ์กับหล่ายเหยิกยี

จูกัดบ้วนหลี่: เจ้าขอร้องผิดคนแล้ว ถ้าหล่ายเหยิกยีไม่มาเอาเรื่องข้า ข้าก็จะไม่ยุ่งกับเค้า แต่ถ้าเค้ามาหาเรื่องข้าเอง ก็ช่วยไม่ได้ ข้าจะไม่ยอมเป็นฝ่ายถอนตัวเด็ดขาด




มารดาของหมอปีศาจก็ไม่อยากให้ทั้งคู่ต้องต่อสู้กัน นางจึงบอกทางเข้าวังสวรรค์ให้เยียนเยี่ยไหลรู้



เยียนเยี่ยไหลอยากช่วยท่านหมอหล่าย แต่ก็อดเป็นห่วงแม่สามีกับเสี่ยวซานไม่ได้ หากนางเป็นอะไรไปทั้งคู่จะทำอย่างไร

เยียนเยี่ยไหล: การตายของพี่ใหญ่ กระทบกระเทือนจิตใจของเค้ามากจริงๆ ขนาดเค้ารู้ว่าจะหาเจ็ดสุดยอดได้ที่ไหน เค้าก็ยังไม่สนใจ คิดแต่จะแก้แค้นอย่างเดียว ข้าไม่รู้ว่าควรทำอย่างไรดี
แม่สามี: เจ้ารู้ดีอยู่แล้วว่าควรทำอะไร ทำตามใจเจ้าเถอะ ข้ากับเสี่ยวซานดูแลตัวเองได้





หล่ายเหยิกยี: เจ้าอย่าพยายามห้ามข้าเลย ยังไงข้าก็ต้องแก้แค้นให้พี่ใหญ่
เยียนเยี่ยไหล: ข้าเข้าใจดี ข้าเพียงทำซุปมาให้ท่านเท่านั้น ท่านกินซะหน่อยเถอะ
หล่ายเหยิกยี: รอข้านะ ข้าจะกลับมาหาเจ้า






เยียนเยี่ยไหลลอบวางยาสลบในซุป

เยียนเยี่ยไหล: ขอโทษด้วย ที่ข้าทำไปก็เพื่อท่าน




แต่ท่านหมอหล่ายก็รู้ตัว กินยาแก้ไว้แล้ว

หล่ายเหยิกยี: ข้ารู้ว่าเจ้าทำเพื่อข้า ขอโทษด้วย ข้าต้องแก้แค้นให้พี่ใหญ่ให้ได้





เยียนเยี่ยไหลเดินทางไปยังวังสวรรค์



ส่วนท่านหมอหล่ายก็เดินทางไปประลองยุทธ์กับหมอปีศาจ

หล่ายเหยิกยี: อย่าพยายามเลย ข้าสลายยาพิษของเจ้าได้หมด






จูกัดบ้วนหลี่: ควันนั่นไม่มีพิษหรอก แต่เมื่อเจ้าใช้ยาแก้พิษ นั่นแหละจึงจะมีพิษ




ท่านหมอหล่ายพลาดท่าตกลงไปในกับดักของจูกัดบ้วนหลี่ หมอปีศาจคิดใช้ตะปูปีศาจทำร้ายท่านหมอหล่าย แต่มารดาของเค้ากลับเอาตัวเข้าขวางจนได้รับบาดเจ็บซะเอง

มารดาหมอปีศาจ: หากเจ้าอยากแก้แค้นแทนพี่ชาย ก็เอาชีวิตข้าไปเถอะ อย่าสู้กันอีกต่อไปเลย





หมอปีศาจกับท่านหมอหล่ายลงมือช่วยชีวิตมารดาหมอปีศาจเอาไว้ได้

มารดาหมอปีศาจ: หล่ายเหยิกยีสมกับเป็นหมอเทวดาจริงๆ ไม่ว่าด้านฝีมือหรือความสำเร็จล้วนเหนือกว่าเจ้า นั่นเป็นความจริง หากเจ้าอยากเหนือกว่าเค้า จะต้องพยายามให้มากกว่านี้ อย่าเสียเวลาต่อสู้กันอีกเลย
ตอนนี้ แม่นางเยียนกำลังเดินทางเข้าวังสวรรค์เพื่อไปเอาน้ำพุชีวิตให้กับเจ้า





ระหว่างเดินทางเข้าวังสวรรค์ เยียนเยี่ยไหลพลาดพลั้งตกหน้าผาไป
ท่านหมอหล่ายจะมาช่วยนางทันหรือไม่ โปรดติดตามตอนต่อไปจ้า







 

Create Date : 25 กุมภาพันธ์ 2550    
Last Update : 23 ธันวาคม 2550 9:57:05 น.
Counter : 2218 Pageviews.  

Face To Fate ตอน 17





จากตอนที่แล้ว หลี่ปูยีได้พบกับเกอซูเทียนเจ้าวังสวรรค์ต้องการได้กระบี่ฟ้า เพราะอำนาจของกระบี่สามารถช่วยเค้าครอบครองยุทธภพได้ หากหลี่ปูยีคิดขัดขวาง ก็ต้องตายกันไปข้างหนึ่ง




เกอซูเทียนเก่งกาจกว่าที่หลี่ปูยีคิด เค้าใช้ภาพหลอนทำให้หลี่ปูยีรู้สึกเหมือนสู้กับตัวเอง
ในที่สุดหลี่ปูยีก็เป็นฝ่ายพ่ายแพ้ เกอซูเทียนคิดตัดรากถอนโคน แต่พลังของผลึกหินอัคนี สลายพลังยุทธของเค้า






หลี่ปูยีมัวไปสู้กับเกอซูเทียนเปิดโอกาสให้ท่านหมอหล่ายได้ช่วยสาวงามอีกแระ

เยี่ยม่งเซอะ: ขอบคุณที่ช่วยข้าอีกครั้ง
หล่ายเหยิกยี: ยังไงเจ้าก็ต้องตอบแทนข้าอยู่ดี





ท่านหมอหล่ายไม่ลำเอียงนะ ช่วยทั้งชายและหญิง

อาการของหลี่ปูยีไม่สาหัส เพราะสลบไปจึงไม่รู้ว่าทำไมเกอซูเทียนไม่ฆ่าเค้า





เมื่อไม่มีเกอซูเทียนก่อกวนกุ๊ฟงว่านก็ทิ้งกระบี่ฟ้าได้สำเร็จ



เพื่อปณิธานของกุ๊ฟงเชียนที่ต้องการผดุงคุณธรรม กุ๊ฟงว่านจึงตัดสินใจเข้าร่วมการประลอง
เค้าพังผนังถ้ำเพื่อฝังโครงกระดูก ทำให้ได้พบกับฟอสซิลมังกร

หลี่ปูยี: หรือว่าตำนานมังกรที่อาศัยอยู่ใกล้น้ำพุดำเป็นความจริง
หล่ายเหยิกยี: ฟันมังกรเป็นหนึ่งในเจ็ดสุดยอด ในที่สุดก็พบสิ่งที่พี่ใหญ่ต้องการแล้ว






ท่านหมอหล่ายตีปริศนาสุดท้าย ซุป 5 สุภาพบุรุษ ออก
หล่ายเหยิกยี: ข้าเคยได้ยินซุป 4 สุภาพบุรุษ ซุป 6 สุภาพบุรุษ ไม่เคยได้ยินซุป 5 สุภาพบุรุษมาก่อน
สมุนไพรที่ใช้ปรุงซุป 6 สุภาพบุรุษนั้นมีอยู่ 2 ตัวที่ไม่เหมือนซุป 4 สุภาพบุรุษ
ตัวหนึ่งหาได้จากที่มณฑลกวางตุ้งเท่านั้น ส่วนอีกตัวมีที่เมือง Ng Dhung มณฑลกวางตุ้ง
หลี่ปูยี: เจ้าหมายความว่า จอมยุทธเซี่ยงกับฮูหยินอยู่ที่นั้น




ท่านหมอหล่ายขอตัว จะเอาฟันมังกรกลับไปให้พี่ใหญ่ก่อน เสร็จธุระแล้วจะรีบตามไป

หล่ายเหยิกยี: ข้าจะกลับไปดูเสี่ยวซานหน่อย
หลวงจีนอยากตาย: ข้าว่าเจ้าหมายถึงแม่นางเยียนมากกว่า

อ้าว คุยกันอยู่ดีๆ ไปซะแล้ว แหม ท่านหมอยังนึกว่าโดนอำ





หลวงจีนอยากตายไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่เจอลูกสาวแล้วชักไม่อยากตายขึ้นมา เกือบหลุดปากบอกความจริงออกไปแล้ว แต่หลี่ปูยีขวางไว้ซะก่อน




หลวงจีนอยากตาย: ทำไมเจ้าไม่ยอมให้ข้าบอกนางล่ะ
หลี่ปูยี: หมอหล่ายบอกว่าเจ้าไม่ตายง่ายๆ หรอก
หลวงจีนอยากตาย: อ้าว เหรอ ดีนะ ถ้าเจ้าไม่ห้าม ข้าคงบอกนางไปแล้วว่าข้าเป็นบิดาของนาง
หากม่งเซอะรู้เข้า ไม่รู้ว่านางจะทำใจให้อภัยและยอมรับข้าได้รึเปล่า เจ้าต้องช่วยข้าเก็บความลับนี้ไว้นะ

สายไปแล้วล่ะ ม่งเซอะแอบได้ยินทั้งคู่พูดกันซะแล้ว





ตอนแรก ม่งเซอะก็สับสน มีพ่อเป็นหลวงจีนเนี่ยนะ เฮ้อ ทำใจยากเหมือนกัน
ต่อมานางได้ช่วยเด็กคนหนึ่งตามหาพ่อจนพบ นางจึงคิดได้ว่าการได้เจอพ่ออีกครั้ง อาจจะเป็นสิ่งที่สวรรค์กำหนดมา มีพ่อก็ยังดีกว่าไม่มีนี่นะ






เยี่ยม่งเซอะกลับไปเอาอกเอาใจหลวงจีนอยากตาย ทำให้เค้าดีใจมาก



หลี่ปูยี: เจ้ามองนางแบบนี้ ระวังนางจะหาว่าเจ้าเป็นพวกโรคจิตนะ
หลวงจีนอยากตาย: เจ้าไม่เข้าใจความรู้สึกข้าหรอก

เยี่ยม่งเซอะอ้างว่านางลืมผ้าเช็ดหน้าไว้ ให้ทั้งคู่ล่วงหน้าไปก่อน นางจะตามไปทีหลัง





ที่แท้ ม่งเซอะไปเยี่ยมหลุมศพมารดาเพื่อบอกกล่าวว่าในที่สุดนางก็ได้พบกับบิดาแล้ว




ระหว่างเกอซูเทียนนั่งสมาธิรักษาอาการ เค้าหวนนึกถึงเหตุการณ์ในอดีตที่เห็นการเปลี่ยนแปลงบนท้องฟ้า จึงรู้ว่าธรรมะจะตกต่ำ อธรรมจะรุ่งเรือง เค้าจึงสวามิภักดิ์ต่อพรรคมาร และเปลี่ยนชื่อเป็นเกอซูเทียน




เกอซูเทียนต่อสู้กับฝ่ายธรรมะอย่างจริงจัง ทำให้เจ้าวังไว้วางใจ ให้สืบทอดตำแหน่งและมอบคัมภีร์สุดยอดวรยุทธ์มารให้เค้า วิชานี้ฝึกแล้วเลิกไม่ได้ ต้องฝึกต่อเนื่องเป็นเวลา 12 ปี
เมื่อฝึกถึงขั้นสุดท้าย จะมีช่วงเวลาที่อ่อนแอที่สุด เมื่อผ่านพ้นช่วงนี้ไปได้ จะฝึกสำเร็จพลังมารขั้น 12 แม้แต่ผลึกหินอัคนีก็ทำอะไรไม่ได้ รอก่อนเถอะหลี่ปูยี





เกอซูเทียนไปไหว้สุสาน Miu Siu Yuk



หลวงจีนอยากตายเอาดวงของเยี่ยม่งเซอะมาให้หลี่ปูยีช่วยทำนาย
ตามดวงของนางแล้ว บิดานางต้องชอบการฆ่าฟัน เป็นผู้มีอำนาจและโหดเหี้ยม ไม่น่าใช่หลวงจีนอยากตาย




ท่านหมอหล่ายนำฟันมังกรกลับมาทำให้พี่ใหญ่มีความหวัง เสี่ยวซานก็อาการดีขึ้น

เสี่ยวซาน: ขอบคุณที่ช่วยรักษาข้า
หล่ายเหยิกยี: เป็นหน้าที่ของหมออยู่แล้ว (แหม เมื่อก่อนไม่เห็นพูดยังงี้เล้ย)
เสี่ยวซาน: ต่อไปข้าจะเป็นหมอรักษาคนไข้ให้ได้





เสี่ยวซานให้ผลไม้เชื่อมกับหล่ายเหยิกยี เค้ารู้ทันทีว่าคนที่ส่งผลไม้เชื่อมมาคือผู้ที่วางยาเสี่ยวซาน



หล่ายเหยิกยี: ข้าเกลียดพวกหลบๆ ซ่อนๆ ที่สุด ยังไม่ไสหัวออกมาอีก
จูกัดบ้วนหลี่: จะอารมณ์เสียไปทำไม เราเป็นสหายกันไม่ใช่หรือ
หล่ายเหยิกยี: ข้าไม่อารมณ์เสียกับคนอย่างเจ้าหรอก
จูกัดบ้วนหลี่: ข้ายอมรับว่าข้าเป็นคนวางยาเสี่ยวซานเอง แต่ข้าไม่มีทางเลือก ไม่ทำเช่นนี้จะทดสอบเจ้าได้อย่างไร
ข้าอยากให้เจ้าช่วยรักษาแม่ของข้า หลายปีก่อนนางโดนคนวางยาพิษ นางไม่รู้สึกตัวตั้งแต่นั้นมา ข้าทำทุกวิถีทางก็รักษานางไม่หาย





หล่ายเหยิกยี: เจ้าจึงชุบผลไม้เชื่อมด้วยเลือดของนาง ทำให้เสี่ยวซานถูกพิษ
จูกัดบ้วนหลี่: ขอโทษด้วย ที่ข้าทำไปก็เพื่อแม่ของข้า
หล่ายเหยิกยี: แล้วเจ้าเคยคิดบ้างมั้ยว่า ถ้าข้ารักษาเสี่ยวซานไม่ได้ เค้าจะต้องตาย
จูกัดบ้วนหลี่: แต่เค้าก็ไม่เป็นไรนี่ นั่นแสดงว่าข้าคิดถูก
หล่ายเหยิกยี: ข้าไม่จำเป็นต้องรักษาแม่ของเจ้า
จูกัดบ้วนหลี่: ข้ามีข้อแลกเปลี่ยน ข้ารู้ว่าเจ้ากำลังหา 7 สุดยอด ข้ามีน้ำค้างกลางคืนกับไฟภูเขาหิมะ หากเจ้ารักษาแม่ข้าหาย ข้าจะมอบให้เจ้า





ท่านหมอหล่ายยอมรักษามารดาของจูกัดบ้วนหลี่ นางถูกยาพิษมานานหลายปี จึงต้องฝังเข็มอย่างต่อเนื่อง




หมอปีศาจเรียกตัวหัวหน้าหน่วยทั้งสี่มาสอบถามเรื่องหลิวฝ่านหยีและกำชับให้พวกเค้านำตัวกลับมาให้ได้ ไม่เช่นนั้นจะรายงานเกอซูเทียน



มารดาของจูกัดบ้วนหลี่ฟื้นคืนสติ ดีใจได้เดี๋ยวเดียว ก็อาการทรุดหนัก ต้องเป็นฝีมือของหล่ายเหยิกยีแน่




หล่ายเหยิกหลงเตือนท่านหมอหล่ายให้ระวังจูกัดบ้วนหลี่ แต่ท่านหมอเชื่อว่าเค้าเป็นห่วงมารดาจริงๆ
หากท่านหมอรักษามารดาของเค้าหาย เชื่อว่าเค้าจะมอบสองในเจ็ดสุดยอดให้แน่นอน




จูกัดบ้วนหลี่เข้าใจว่าโดนท่านหมอหล่ายหักหลัง จึงจับตัวเยียนเยี่ยไหลไป

จูกัดบ้วนหลี่: ข้าจะให้เจ้ารู้รสชาติการสูญเสียคนที่รักบ้างล่ะ ถ้าเจ้ารักษาแม่ข้าไม่หาย นางคนนี้ต้องตาย





ท่านหมอหล่ายจับชีพจรของมารดาหมอปีศาจ รู้สึกประหลาดใจ

หล่ายเหยิกยี: มีใครแตะต้องนางรึเปล่า
จูกัดบ้วนหลี่: มีแต่เจ้ากับข้า
หล่ายเหยิกยี: ประหลาดมาก นี่อาจเป็นชะตาลิขิต ข้าจนปัญญาจะรักษา
จูกัดบ้วนหลี่: แต่เจ้าเป็นหมอเทวดา
หล่ายเหยิกยี: เจ้าก็เป็นหมอปีศาจ แล้วไง
จูกัดบ้วนหลี่: ถ้าเจ้าไม่รักษานาง อย่าหวังจะไปได้




จูกัดบ้วนหลี่คิดลงมือ แต่โทษทีท่านหมอหล่ายเร็วกว่า

จูกัดบ้วนหลี่: จะฆ่าข้าก็ฆ่าเลย แต่เจ้าจะไม่มีวันได้เจอเยียนเยี่ยไหลอีก
หล่ายเหยิกยี: นางอยู่ไหน
จูกัดบ้วนหลี่: อยู่ไหน ข้าคนเดียวที่รู้ สองชีวิตอยู่ในมือเจ้า ถ้าแม่ข้าตาย หญิงที่เจ้ารักก็ต้องตายด้วย คิดดูให้ดีแล้วกัน






หล่ายเหยิกหลงตามมาช่วยน้องชาย

หล่ายเหยิกยี: พี่ใหญ่อย่ายุ่งเรื่องนี้เลย พี่จะพลอยเดือดร้อนไปด้วย ข้าลองทุกวิธีแล้ว ข้าไม่เชื่อในปาฏิหารย์
หล่ายเหยิกหลง: จำที่พี่เคยพูดได้มั้ย หมอต้องไม่ยอมแพ้ เราต้องทำให้ดีที่สุด




หล่ายเหยิกหลงจับชีพจรมารดาหมอปีศาจ แล้วพบว่านางถูกวางยาซ้ำ
เมื่อตรวจร่างกายดูพบว่าที่ขมับของนางมีร่องรอยถูกทำร้าย คนร้ายใช้นกเข้ามาวางยา จึงเล็ดรอดสายตาของหมอปีศาจเข้ามาได้
หล่ายเหยิกหลงเสนอวิธีให้ฟอกเลือดนาง เพื่อขับพิษออกให้หมด





การรักษาได้ผล แต่หล่ายเหยิกหลงก็ต้องสูญเสียพลังไปมาก




ท่านหมอหล่ายนำพี่ใหญ่กลับมารักษา แต่พี่ใหญ่รู้ตัวว่าไม่รอดแน่




จูกัดบ้วนหลี่ยอมปล่อยเยียนเยี่ยไหลกลับมา แต่ก็ต้องแลกด้วยชีวิตของหล่ายเหยิกหลง

หล่ายเหยิกยี: พี่ใหญ่ พี่ต้องไม่เป็นอะไรนะ
หล่ายเหยิกหลง: เราช่วยชีวิตคนไว้ได้ เยี่ยไหลก็ปลอดภัย เราไม่ทำให้ตระกูลต้องเสียชื่อ
ข้าไม่จำเป็นต้องมีอายุยืนยาว เพราะข้าใช้มันอย่างมีคุณค่าที่สุดแล้ว รับปากข้า เจ้าจะต้องอยู่ต่อไป







พี่ใหญ่ตายซะแล้ว




เยียนเยี่ยไหล: พี่ใหญ่จากไปแล้ว ท่านอย่าโศกเศร้าไปเลย
หล่ายเหยิกยี: หุบปาก ไปให้พ้น ข้าไม่อยากเห็นหน้าเจ้า





เยี่ยไหลเป็นห่วงท่านหมอ จึงรออยู่หน้ากระท่อมจนเช้า ท่านหมอกลายเป็นหมอผมขาวไปซะแล้ว







 

Create Date : 22 กุมภาพันธ์ 2550    
Last Update : 23 ธันวาคม 2550 9:25:27 น.
Counter : 1412 Pageviews.  

Face To Fate ตอน 16





จากตอนที่แล้ว หลี่ปูยีเริ่มสงสัยในตัวของกุ๊ฟงเชียน
เค้าเชิญกุ๊ฟงเชียนมาร่วมสังสรรค์พอตกค่ำ กุ๊ฟงเชียนก็อ้างว่าเป็นห่วงพี่ชาย ขอตัวจากไป
หลี่ปูยีสะกดรอยตามไป เห็นกุ๊ฟงเชียนทะเลาะกับตัวเอง เดี๋ยวก็เป็นกุ๊ฟงเชียนเดี๋ยวก็เป็นกุ๊ฟงว่าน





ฝั่งท่านหมอหล่ายยังคงปฏิบัติภารกิจ Mission Impossible ตามหาเจ็ดสุดยอดสุดขอบฟ้าต่อไป
หนนี้ลงทุนปีนเขาสูงเสียดฟ้า หวังเก็บหลินจือพันปี แต่เกือบจะพลาดตกเขาซะก่อน โชคดีที่แม่นางเยียนมาช่วยทัน ในที่สุดก็พบหลินจือพันปี






หล่ายเหยิกยี: เจ้ายังไม่หายดี ตามข้ามาทำไม
เยียนเยี่ยไหล: อาการข้าไม่สำคัญหรอก ความปลอดภัยของท่านสิสำคัญกว่า
หล่ายเหยิกยี: เมื่อก่อนข้าไม่เคยใส่ใจเรื่องนี้ แต่จากนี้ไป ข้าจะระมัดระวังตัวมากขึ้น

พูดเฉยๆ ก็ได้ ทำไมต้องจับไม้จับมือกันด้วยยะ





กลุ่มโจรหวังปล้นหลินจือพันปี คิดวางยาสลบในน้ำชา มีหรือท่านหมอหล่ายจะดูไม่ออก
ว่าจะไม่เอาเรื่องแล้วเชียว ดันมารังควานซะได้ โดนท่านหมอหล่ายกับแม่นางเยียนจัดการอยู่หมัด





เยียนเยี่ยไหล: ท่านขำอะไร
ท่านหมอหล่าย: ขำเจ้าน่ะสิ ปกติเจ้าก็ดูเรียบร้อย ไม่เอาเรื่องเอาราวกับใคร แต่เวลาเจ้าต่อยตีกับผู้คน ก็ดูเป็นจอมยุทธหญิงผู้ทรงคุณธรรม ต่อยตีได้แบบนี้ คงหายสนิทแล้วล่ะ ดูท่า ถึงเวลาที่เจ้าต้องตอบแทนข้าบ้าง





เยียนเยี่ยไหล: ท่านต้องการอะไรล่ะ
หล่ายเหยิกยี: อือม ข้าก็ไม่โลภมากหรอกนะ

อ๊ากกก ท่านหมอหล่ายเค้าพูดเล่นนะตัวเอง ไม่ต้องเอาจริงก็ได้





หล่ายเหยิกยี: แค่เนี้ย
เยียนเยี่ยไหล: ได้คืบอย่าเอาศอกนะ ไหนว่าไม่โลภมากไงล่ะ
หล่ายเหยิกยี: อย่างน้อยก็น่าจะกอดกันหน่อย






ตอนนี้ปล่อยให้คู่นี้เค้าสวีทนำหน้ากันไปก่อน เด๋วตอนหน้าคอยดูศิษย์น้องสี่กับหลิวฝ่านหยีบ้าง




หล่ายเหยิกหลงต้องการหาเจ็ดสุดยอด ไม่เพียงเพื่อรักษาตัวเอง ยังต้องการช่วยรักษาหล่ายเหยิกยีด้วย
ยังขาดเจ็ดสุดยอดอีกเพียงสี่อย่าง ก็จะครบเจ็ด มีสามอย่างที่ท่านหมอหล่ายตีปริศนาออก แต่กลับถูกคนอื่นตัดหน้าไปซะก่อน

หล่ายเหยิกหลง: อย่ามองโลกในแง่ร้าย ค่อยเป็นค่อยไป ซักวันหนึ่งเจ้าต้องหามันเจอ




พี่ใหญ่กระตุ้นเตือนให้ท่านหมอหล่ายจริงจังกับความรักซะที
พี่ใหญ่ก็เหมือนพ่อ เชื่อหน่อยก็ได้ ท่านหมอหล่ายกะจะซื้อถุงหอมให้แม่นางเยียนแต่ไม่ทันได้ซื้อ แม่นางเยียนก็ส่งคนมาตามตัวด่วน




อยู่ดีๆ เสี่ยวซานก็ล้มป่วยไม่รู้สึกตัว ท่านหมอหล่ายจับยามสามตา เอ๊ย นั่นมันท่านหมอหลี่แล้ว
ท่านหมอหล่ายจับชีพจรดูพบว่าชีพจรเต้นอ่อน อวัยวะภายในร้อน แต่หน้าผากกลับเย็น เป็นอาการของคนถูกพิษ
ท่านหมอหล่ายพยายามหาวิธีรักษาทั้งจ่ายยา ฝังเข็ม อาการก็ยังไม่กระเตื้อง






เยียนเยี่ยไหล: เสี่ยวซานดีขึ้นหรือยัง
หล่ายเหยิกยี: ยังเลย
เยียนเยี่ยไหล: ข้าอยากรู้เหลือเกินว่าเสี่ยวซานเป็นอะไรกันแน่
หล่ายเหยิกยี: วางใจเถอะ ข้าต้องรักษาเค้าให้หาย ก่อนอื่นเราต้องหาให้พบว่าเสี่ยวซานถูกพิษได้อย่างไร
เค้าอาจจะกินอะไรที่มีพิษเข้าไป เจ้าลองคิดดูให้ดีว่าเสี่ยวซานกินอะไรไปบ้าง
เยียนเยี่ยไหล: นึกออกแล้ว วันนั้น เสี่ยวซานซื้อผลไม้เชื่อมมาจากร้านเปิดใหม่ ต้องเป็นผลไม้เชื่อมนั่นแน่






เมื่อไปถึงร้านปรากฎว่าร้านปิดไปแล้ว เพิ่งเปิดได้สองวันเอง ชักมีอะไรไม่ชอบมาพากล
ท่านหมอหล่ายเข้าไปตรวจสอบส่วนผสมที่หลังร้าน พบว่านอกจากน้ำเชื่อมแล้ว ยังมีส่วนผสมของเลือดพิษปะปนอยู่





ลูกสุนัขบังเอิญกินผลไม้เชื่อมเข้าไป จึงตกอยู่ในอาการโคม่า ท่านหมอหล่ายเลยได้สุนัขลองยา 1 ตัว



หล่ายเหยิกหลง: คนวางยาช่างโหดเหี้ยมนัก ผสมยาพิษที่ร้ายกาจที่สุดถึง 9 ชนิดในเลือดมนุษย์ เสี่ยวซานยังเด็ก ทำไมจึงอำมหิตเช่นนี้
หล่ายเหยิกยี: เป้าหมายที่แท้จริงอยู่ที่ข้า
หล่ายเหยิกหลง: เจ้ารู้รึว่าใครทำ
หล่ายเหยิกยี: ใครทำก็ตาม ข้าต้องเอาคืนแน่

ท่านหมอหล่ายทดลองปรุงยาแก้พิษ โดยลองใช้กับลูกสุนัขก่อน





ยาพิษที่เสี่ยวซานโดนนั้น จะทำให้เกิดลิ่มเลือดที่สมอง ทำให้ผู้โดนวางยาไม่รู้สึกตัว
การจะรักษาเสี่ยวซาน ต้องกำจัดลิ่มเลือดเสียก่อน ท่านหมอหล่ายปรุงยาที่ช่วยให้ลิ่มเลือดอ่อนตัวลง เพื่อที่จะได้ใช้กำลังภายในขับออกมา
เยียนเยี่ยไหลเห็นลูกสุนัขฟื้นขึ้นมา นางจึงยอมเสี่ยงให้ท่านหมอหล่ายรักษาเสี่ยวซาน




ท่านหมอหล่ายใช้กำลังภายในขับลิ่มเลือดออกมาได้สำเร็จ เสี่ยวซานฟื้นจนได้





เยียนเยี่ยไหล: ขอบคุณท่านมากที่ช่วยชีวิตเสี่ยวซาน
หล่ายเหยิกยี: เจ้าก็ช่วยข้าหาเจ็ดสุดยอด ถือว่าเจ๊ากันไป ไม่ว่ายังไง ข้าจะไม่ปล่อยให้คนชั่วนั้นลอยนวลแน่

ท่านหมอหล่ายชักเริ่มโหด อิอิ แบบนี้ แม่ยกช้อบ ชอบ






ท่านหมอหล่ายได้รับสาร นึกว่าเจ้าคนชั่วนั้นส่งมา แต่กลับเป็นหลี่ปูยี



วันนี้ครบเจ็ดวัน เรือจะมาที่เกาะ เยี่ยม่งเซอะพยายามเกลี้ยกล่อมให้หลี่ปูยีเปลี่ยนใจ แต่ไม่สำเร็จ
หลวงจีนอยากตายปลอบใจนาง ด้วยการขุดมันมาฝาก ขุดมาเยอะซะขนาดนี้ใครจะไปกินหมด เอาไปแจกชาวบ้านด้วยดีกว่า





เยี่ยม่งเซอะได้รู้จากชาวบ้านว่ามีคนป่วยที่เป็นโรคเรื้อนหายตัวไปบ่อยๆ ชาวบ้านยังบอกอีกว่า กุ๊ฟงเชียนสัญญาว่าจะพาพวกเค้าไปรักษาตัวที่น้ำพุดำ
สหายของ Shu Kan มาแจ้งข่าวว่า กุ๊ฟงว่านมาจับตัวคนป่วยโรคเรื้อนอีกแล้ว





เยี่ยม่งเซอะตามไปช่วยพวก Shu Kan แต่กลับถูกกุ๊ฟงว่านจับตัวไปด้วย



ที่แท้น้ำพุดำก็คือน้ำมันดิบนั่นเอง กุ๊ฟงว่านคิดเผามนุษย์เพื่อสร้างกระบีวิเศษ



กุ๊ฟงว่าน: กระบี่ฟ้าจะล้มล้างฝ่ายอธรรมได้ มันจะนำความสงบมาสู่ยุทธภพ
เยี่ยม่งเซอะ: ฝ่ายธรรมะเราไม่ต้องการกระบี่นี้ ขอเพียงเราชนะการประลอง ยุทธภพก็จะสงบสุข
กุ๊ฟงว่าน: ถ้าจริงอย่างเจ้าว่า คงไม่ต้องมานั่งประลองกันทุกๆ 5 ปีหรอก มีกี่ชีวิตแล้วที่ต้องเสียสละในการประลองยุทธนี้ หากจะหยุดยั้งฝ่ายอธรรม เราต้องพึ่งกระบี่นี้ ยังไม่รีบมาช่วยข้ายึดกระบี่อีก
ข้าคนเดียวเอาไม่อยู่นะ เห็นแก่ยุทธภพ มาช่วยข้าเร็ว





เยี่ยม่งเซอะถูกพลังของกระบี่สะกดจิต นางจึงช่วยกุ๊ฟงว่านโดยไม่รู้ตัว



หลี่ปูยีกับหลวงจีนอยากตายคอยเยี่ยม่งเซอะอยู่ที่ท่าเรือ เมื่อไม่พบนาง หลวงจีนอยากตายรู้สึกร้อนใจเกรงนางจะได้รับอันตราย
พอดีท่านหมอหล่ายเดินทางมาถึง พวกเค้าจึงออกตามหาแม่นางเยี่ย





หลี่ปูยีได้โรยผงฟลูออเรสเซ็นต์ไว้ที่ตัวกุ๊ฟงเชียนพวกเค้าจึงสามารถตามรอยไปได้
หลี่ปูยียอกหลวงจีนอยากตายว่าเค้าสงสัยว่ากุ๊ฟงเชียนกับกุ๊ฟงว่านจะเป็นคนเดียวกัน จึงตามหล่ายเหยิกยีมาช่วยรักษาอาการ
ระหว่างทางพวกเค้าได้พบศพซึ่งนิ้วก้อยขวาหายไป จึงสงสัยว่าจะเป็นศพของกุ๊ฟงเชียน
กระบี่ที่ปักอยู่ที่ศพ มีชื่อกุ๊ฟงว่านสลักอยู่






เยี่ยม่งเซอะ: อย่าทำอย่างนี้เลย พวกเค้าเป็นผู้บริสุทธิ์
กุ๊ฟงว่าน: เราต้องสละส่วนน้อยเพื่อรักษาส่วนใหญ่เอาไว้ ถ้าข้าไม่ทำ คงจะต้องมีคนตายอีกมาก อีกอย่างโรคของพวกเค้าก็รักษาไม่หายแล้ว
ข้ายอมรับว่าข้าโหด แต่ถ้าข้าไม่ลงนรก ใครล่ะจะลง ข้ารู้ว่าเจ้าก็คิดเหมือนข้า ข้าจะให้เจ้าเป็นคนลงมือ






หลี่ปูยี: รู้ตัวมั้ยว่าทำอะไรอยู่ การช่วยยุทธภพกับการฆ่าคน มันเป็นคนละเรื่องกัน
กุ๊ฟงว่าน: อย่าไปฟังพวกมัน อนาคตของยุทธภพอยู่ในมือเจ้านะ

หลี่ปูยีใช้คริสตัลช่วยคลายมนต์สะกดให้กับเยี่ยม่งเซอะ





กุ๊ฟงว่าน: ข้าจะเผาพวกเจ้าให้ตายกันให้หมด
กุ๊ฟงเชียน: พี่ใหญ่ หยุดเถอะ อย่าทำอีกเลย
กุ๊ฟงว่าน: เจ้าเป็นใคร
กุ๊ฟงเชียน: ข้าเป็นน้องชายพี่ กุ๊ฟงเชียนไงล่ะ
กุ๊ฟงว่าน: น้องชายข้าตายไปแล้ว
กุ๊ฟงเชียน: ข้ากลับมาเพราะหวังว่าท่านจะสำนึกผิด อย่าฆ่าใคร อย่าทำผิดอีกเลย





กุ๊ฟงว่านนึกถึงอดีตที่สองคนพี่น้องร่วมกันตีกระบี่วิเศษ ไม่ว่าจะพยายามกี่ครั้งกี่หน ก็ไม่สำเร็จ
ต่อมาจึงพบว่ากระบี่วิเศษจะตีสำเร็จต้องสังเวยด้วยชีวิตมนุษย์
กุ๊ฟงว่านจึงจับตัวคนที่เป็นโรคเรื้อนมา แต่กุ๊ฟงเชียนไม่เห็นด้วย และแอบปล่อยพวกเค้าไป
สองพี่น้องทะเลาะกันใหญ่โต จนกุ๊ฟงว่านพลั้งมือฆ่าน้องชายตาย





ขณะที่ กุ๊ฟงว่านกำลังสำนึกเสียใจ กุ๊ฟงเชียนก็ฉวยโอกาสฝังเข็มที่ศีรษะของเค้า
จริงๆ แล้ว กุ๊ฟงเชียนก็คือท่านหมอหล่ายปลอมตัวมา





หล่ายเหยิกยี: กุ๊ฟงว่านฆ่าน้องชายตัวเอง เค้ารู้สึกผิด จึงกลายเป็นคนสองบุคลิก กลางวันเป็นกุ๊ฟงเชียนคอยช่วยเหลือคนป่วยโรคเรื้อน กลางคืนเป็นกุ๊ฟงว่านเที่ยวฆ่าคน ข้าจึงต้องใช้ลมปราณปรับสมดุลในร่างกายของเค้า



เมื่อกุ๊ฟงว่านฟื้นขึ้นมา เค้าตัดสินใจทำลายกระบี่วิเศษ แต่กระบี่สร้างจากเหล็กที่พบในหินดาวตก แถมเผาผลาญด้วยความร้อนนานถึง 49 เดือน
ไม่มีใครสามารถทำลายได้ มีแต่น้ำจึงสยบไฟ จึงต้องฝังกระบี่กับทะเลเท่านั้น




เกอซูเทียนหรือจะยอมให้กระบี่วิเศษถูกทำลายง่ายๆ เค้าร่ายคาถาทำให้กุ๊ฟงว่านเกิดคลุ้มคลั่งขึ้นมาอีก

หลี่ปูยีสัมผัสได้ถึงความแปรปรวนอันเกิดจากมนต์ปีศาจ เค้าจึงให้พวกหล่ายเหยิกยีตามกุ๊ฟงว่านไป






พวกท่านหมอหล่ายไล่ตามกุ๊ฟงว่านไปจนทัน ท่านหมอให้เยี่ยม่งเซอะกับหลวงจีนอยากตายลงมือดึงความสนใจจากกุ๊ฟงว่านเพื่อเปิดโอกาสให้ท่านหมอได้ใช้เข็มสะกัดลมปราณ แต่เยี่ยม่งเซอะกลับถูกกุ๊ฟงว่านจับตัวได้





หลี่ปูยีตามรอยไปเจอตัวการ



เยี่ยม่งเซอะพลัดตกหน้าผาไปต่อหน้าต่อตาท่านหมอหล่าย




ตอนหน้าอย่าพลาดศึกใหญ่ หลี่ปูยีประมือกับเกอซูเทียน






 

Create Date : 11 กุมภาพันธ์ 2550    
Last Update : 23 ธันวาคม 2550 8:42:42 น.
Counter : 2011 Pageviews.  


magarita30
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]




Friends' blogs
[Add magarita30's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.