ระดับฮอร์โมนเพศชาย ต้นตอหญิงสูงยาวมีลูกน้อย คัดลอกจากเวปไซด์หนังสือพิมพ์ผู้จัดการ พราฟดา - หลายคนอาจเคยคิดว่า สาวสูงยาวเข่าดีมีลูกน้อยเพราะหาแฟนทำยายาก หรือไม่ก็เอาแต่แต่งกับงาน แต่ตอนนี้นักวิจัยได้ข้อสรุปแล้วว่า ยิ่งผู้หญิงสูงมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีสัญชาติญาณความเป็นแม่น้อยลงเท่านั้น ข้อสรุปของเดนิส ดีดี้แห่งมหาวิทยาลัยสเตอร์ลิง และมิเรียม ลอว์-สมิธ จากมหาวิทยาลัยเซนต์แอนดริว ในสกอตแลนด์ ช่วยอธิบายว่า เหตุใดผู้หญิงที่มีรูปร่างสูงจึงประสบความสำเร็จในชีวิต แต่ละเลยการมีบุตรมากกว่าผู้หญิงที่มีความสูงปานกลาง ดิดี้และลอว์-สมิธประเมินว่า สาวสูงโปร่งไม่นิยมมีลูกมาก และมักตั้งครรภ์ลูกคนแรกเมื่ออายุมาก ขณะเดียวกัน ผู้หญิงเหล่านี้ก็มุ่งมั่นกับการทำงานและการแข่งขันมากกว่าคนเพศเดียวกันที่เตี้ยกว่า ทั้งสองคน ซึ่งเป็นนักจิตวิทยา ได้เผยแพร่ผลงานการวิจัยบุคลิกภาพและความแตกต่างของปัจเจกบุคคล ภายหลังการสอบถามผู้หญิง 1,220 คน ซึ่ง 679 คนในจำนวนนี้อายุระหว่าง 20-29 ปี อีก 541 คนอายุ 45 ปีขึ้นไป และมีความสูงเฉลี่ยเกินกว่า 165 เซนติเมตรเล็กน้อย ขณะที่ความสูงเฉลี่ยของสาวเมืองผู้ดีอยู่ที่ 162 เซนติเมตร เป้าหมายการวิจัยคือ การหาความเชื่อมโยงระหว่างความสูงที่ถูกกำหนดด้วยฮอร์โมนเพศ กับลักษณะพิเศษทางจิตวิทยาของผู้หญิง ซึ่งผลการวิจัยพบว่า มีความเชื่อมโยงบางอย่างจริง คนทั่วไปมักเชื่อกันว่า ผู้หญิงสูงมีลูกน้อยเพราะหาคู่ครองที่สูงทัดเทียมกันยาก แต่นักวิจัยคู่นี้พบว่า ผู้หญิงสูงมีระดับเทสโทสเตอโรนสูง ซึ่งหมายถึงฮอร์โมนเพศชายที่กำหนดบุคลิกความเป็นชาย เช่น พละกำลัง จิตใจที่รักการแข่งขัน และความทะเยอทะยาน นอกจากนั้น นักวิจัยยังต้องการสืบค้นว่า ความก้าวหน้าทางอาชีพมีความสำคัญอย่างไรกับสาวสูงโปร่ง ลอว์-สมิธ ซึ่งอายุ 27 ปี สูง 170 เซนติเมตร และไม่มีลูก บอกว่าผลการวิจัยไม่ได้ตอกย้ำว่า ผู้หญิงสูงทะเยอทะยาน ขณะที่ผู้หญิงเตี้ยห่วงแต่เรื่องมีลูกเท่านั้น นักวิจัยอธิบายว่า ระดับฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนในน้ำลายมีความเกี่ยวพันกับสัญชาตญาณความเป็นแม่ หากระดับเทสโทสเตอโรนสูง สัญชาตญาณความเป็นแม่จะต่ำ เช่นเดียวกับความต้องการที่จะมีบุตร ผู้หญิงที่ประสบความสำเร็จจำนวนมากมักมีรูปร่างสูง เช่น เจอร์รี่ ฮอลล์ (182 ซม.) นางแบบสาวที่โรจน์รุ่งในเส้นทางอาชีพเพราะความสูงโดยแท้ “ตอนอายุ 12 ปี ฉันไม่ชอบเลยที่เป็นเด็กสูงที่สุดในโรงเรียน ต่อมาถึงเห็นข้อดี เพราะไม่ว่าจะใส่อะไรก็ดูดีทั้งนั้น” ปัจจุบัน ฮอลล์มีลูก 4 คน ลินด์เซย์ ดาเวนพอร์ต ยอดนักเทนนิสของสหรัฐฯ (187 ซม.) เคยบ่นว่า “การเป็นคนตัวสูงขนาดนี้ไม่ได้สบายเลย”อย่างไรก็ตาม ความสูงช่วยให้เธอประสบความสำเร็จในคอร์ต นักเทนนิสวัย 29 ปีผู้นี้ยังไม่มีลูก แต่บอกว่า ใจจริงอยากมีลูกหลายคน เจเน็ต เรโน (184 ซม.) อดีตรัฐมนตรียุติธรรมสหรัฐฯ เคยต้องถอดรองเท้าออกเพราะสูงเกินระดับไมโครโฟน ระหว่างไปปรากฏตัวในฟลอริดา นักการเมืองวัย 67 ปีผู้นี้ไม่มีลูก ปล.อ่านแล้วนึกถึงสาวเอเซียอย่างไม่มีเหตุผล มิน่าทวีปเอเชีย จึงยิ่งใหญ่ด้านประชากรเยี่ยงนี้เอง(เหรอ) อิอิ   Create Date : 25 ตุลาคม 2548     3 comment Last Update : 25 ตุลาคม 2548 18:51:25 น.     Counter : 739 Pageviews.   Share Tweet

คุณกลัวฝนหรือเปล่า? คุณกลัวฝนหรือเปล่า? คนที่สงสัยว่าตัวเองหรือคนที่กำลังจะตกร่องปล่องชิ้นมีอาการผวาการแต่งงานหรือเปล่านั้น ลองเช็คคำถามต่อไปนี้ดู ถ้าคำตอบส่วนใหญ่คือ ใช่ แปลว่าคุณหรือเขา/เธอคนนั้น กำลังหวั่นไหวอย่างแรงกับการทิ้งชีวิตโสด - คิดถึงความสุขของคู่ข้าวใหม่ปลามันบ่อยๆ? - เหนื่อยง่าย รู้สึกเหมือนความแข็งแกร่งถดถอย? - กังวลว่าหลังแต่งงานจะไม่สามารถใช้เงินตามใจชอบได้? - พยายามคิดถึงแต่สิ่งดีๆ และเป็นสุขระหว่างอาบน้ำบ่อยๆ? - หาเรื่องมากังวลมากขึ้นจนไม่สามารถสงบอกสงบใจได้? - รู้สึกว่าแฟนไม่ใช่คนที่คุณไว้ใจได้? - กังวลเกี่ยวกับอนาคต? - สนใจดารา-นักร้องคนโปรดน้อยลง? - นอนไม่หลับบ่อยๆ? - มีแนวโน้มว่าจะคิดถึงเพื่อนหรือคนโสดที่มีชีวิตแฮปปี้ มากกว่าคนที่แต่งงานแล้ว? - พบว่าตัวเองคิดถึงเพศตรงข้ามที่แตกต่างราวฟ้ากับดินกับว่าที่สามีหรือว่าที่ภรรยา? - ระยะนี้ชักฝันถึงแฟนบ่อยขึ้น? - รู้สึกสดใสเมื่อตื่นขึ้นมาตอนเช้า? - ขาดความมั่นใจในบุคลิกภาพและพฤติกรรมของตัวเอง? - รู้สึกว่าหมู่นี้ห้องรก? - ทะเลาะกับพ่อแม่พี่น้องเรื่องไร้สาระบ่อยขึ้น? - พักนี้พูดคำว่า “อร่อย!” บ่อยๆ” - กลัวจะเข้ากันไม่ได้กับครอบครัวหรือเพื่อนของแฟน? - อยากมีเวลาอยู่คนเดียวมากขึ้น? - เริ่มอ่านคอลัมน์ทำนายดวงชะตาราศีในนิตยสารหรือหนังสือพิมพ์? - เริ่มติติงวิธีคิดเกี่ยวกับการใช้จ่ายของแฟน? - คิดแล้วคิดอีกว่า คุณรักแฟนจริงหรือเปล่า? - คิดแล้วคิดอีกว่า แฟนรักคุณจริงหรือเปล่า? - สงสัยว่าแฟนอาจไม่เข้าใจตัวตนที่แท้จริงของคุณ?   Create Date : 19 กันยายน 2548     0 comment Last Update : 19 กันยายน 2548 18:29:24 น.     Counter : 1147 Pageviews.   Share Tweet

เจ้าบ่าว/เจ้าสาวกลัวฝน.. เรื่องปกติของคนใกล้สละโสด อาซาฮี ชิมบุง – แม้มีเจ้าบ่าวหรือเจ้าสาวน้อยราย ที่ปล่อยให้คู่ของตัวเองยืนรอเก้ออยู่ที่แท่นทำพิธีในวันวิวาห์ แต่ผู้เชี่ยวชาญบอกว่า อาการสยองขวัญสั่นประสาทก่อนแต่งงานเป็นเรื่องปกติมาก ยิ่งใกล้วันงาน ความกังขาก็คืบคลานเข้ามาใกล้ขึ้น จะลงเอยด้วยดีหรือเปล่า? ทำอย่างนี้ฉลาดแล้วหรือ? แม้อาการ “ผวาการแต่งงาน” จะเกิดกับผู้หญิงเป็นส่วนใหญ่ แต่จริงๆ แล้วผู้ชายหลายคนก็เป็นเหมือนกัน “ทำไมฉันกังวลมากขนาดนั้น?” พนักงานหญิงวัย 30 ปีของบริษัทแห่งหนึ่งในโอซากา ประเทศญี่ปุ่น ย้อนนึกถึงอาการผวาการแต่งงานของตัวเองเมื่อ 3 ปีก่อน เธอเล่าว่า พอใกล้ถึงวันแต่ง จู่ๆ เธอก็ตื่นขึ้นมากลางดึก พร้อมความสงสัยรุมเร้าไม่จางหายว่า “ฉันกำลังจะมีความสุขจริงหรือ?” เธอจึงไล่หาข้อมูลในอินเทอร์เน็ตเพราะอยากรู้ว่า ทำไมตัวเองจึงรู้สึกแบบนั้นแต่ไม่พบคำตอบ เธอวุ่นวายใจมากจนกระทั่งวันแต่งงาน และแล้ววันนั้นก็ผ่านไป การที่ต้องยุ่งอยู่กับงานที่ทำงานและงานบ้าน ทำให้ความหดหู่ทั้งหลายแหล่หายไป และเธอดำเนินชีวิตต่อไปตามปกติ “ผมไม่เรียกว่าอาการป่วย” เคน โอไฮรา จิตแพทย์ของโรงพยาบาลเซนต์ลุก บอก “การแต่งงานเป็นเรื่องใหญ่ และยากที่เราจะทิ้งความโสดไว้ข้างหลัง คุณจะรู้สึกไม่มั่นคง กินไม่ได้ นอนไม่หลับ” โอไฮราชี้ว่า นั่นเป็นอาการเครียดแบบหนึ่ง ซึ่งเกิดจากการตระหนักว่า เมื่อแต่งงานไป เราจะสูญเสียเวลาบางส่วน เงิน และอิสระเสรีแบบคนโสด ปกติแล้ว การแต่งงานจะช่วยคลี่คลายปัญหาเหล่านั้นเอง แต่บางทีก็ไม่ใช่ ฤดูใบไม้ร่วงที่ผ่านมา เลิฟแวร์ บริษัทจัดงานวิวาห์ในจังหวัดชิมานิ ประเทศญี่ปุ่น ทำการสำรวจความคิดเห็นชาย-หญิงที่กำลังจะลั่นระฆังวิวาห์ อายุระหว่าง20-40 ปี จำนวน 100 คน และพบว่า 66% มีอาการผวาการแต่งงาน อาการที่ว่าจะเกิดขึ้นบ่อยครั้งในช่วง 1-2 เดือนก่อนสรุปรายละเอียดการจัดงาน (28%), 1 เดือนหลังการขอแต่งงาน (25%), 2-3 เดือนก่อนพิมพ์การ์ด (22%) และก่อนเข้าพิธี (19%) สาเหตุมีทั้ง “เราตกลงกันไม่ได้เรื่องเมนูอาหารที่จะเลี้ยง” ไปจนถึง “ฉันเริ่มสงสัยว่าตัวเองหาคู่ที่ดีกว่านี้ไม่ได้หรือ” อย่างไรก็ตาม มีบริษัทที่ให้บริการให้คำปรึกษาแก่ผู้ที่มีปัญหาจากความวิตกกังวลเรื่องการแต่งงาน เช่น บริษัทโกเบ เมนทอล เซอร์วิสในย่านมินาโตะวอร์ดของโตเกียว โฆษกของโกเบ เมนทอลให้รายละเอียดว่า ในหมู่ผู้หญิง สาเหตุหลักมาจากความรู้สึกผิดว่า ทอดทิ้งพ่อแม่ที่อุ้มชูมาไปหาความสุขตามลำพัง ส่วนผู้ชายจะเป็นเรื่องของภาระรับผิดชอบครอบครัวใหม่ ยาสุโยชิ คิตาบาตะ ที่ปรึกษาของโกเบ เมนทอล วัย 32 ปี แนะนำให้ว่าที่บ่าวสาวนั่งคุยกันเรื่องการทำงานหลังแต่งงาน งานบ้าน การเลี้ยงลูก และประเด็นอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง รวมถึงอาจพาคนทั้งคู่ไปพบกับคู่สมรส หรือผู้หญิง หรือใครก็ได้ที่มีความสุขในชีวิตแต่งงาน หรือมองการแต่งงานในแง่บวก เพื่อให้พวกเขารู้สึกว่า ความสุขหลังแต่งงานเป็นเรื่องเป็นไปได้ นอกจากนั้นยังมีแอกควา บริษัทไอทีในโตเกียว ที่ให้บริการที่มีชื่อว่า “การวิเคราะห์ไลฟ์สไตล์และการจัดการกับความเครียด” โดยคิดค่าธรรมเนียมเดือนละ 315 เยน (116 บาท) สำหรับการรับคำปรึกษาจากผู้เชี่ยวชาญทางอีเมลวันละ 2 ครั้ง “พิธีแต่งงานเป็นอะไรที่หนักหนาสาหัส แต่ถ้าคุณสมมุติว่ามันเป็นการแสดง และตัวคุณเป็นดารา ที่ต้องตัดสินใจเรื่องการตกแต่ง ชุด ดนตรี และอื่นๆ คุณจะพบว่าตัวเองจดจ่อเฝ้านับวันรอสิ่งที่ก่อนหน้านี้เคยกังวลแทบตาย” โอไฮรากล่าว เขาเสริมว่า การปลีกตัวไปทำอย่างอื่นก็ช่วยได้เหมือนกัน อาทิ ไปเสริมสวย ท่องเที่ยว ชอปปิ้ง   Create Date : 19 กันยายน 2548     0 comment Last Update : 19 กันยายน 2548 18:27:18 น.     Counter : 857 Pageviews.   Share Tweet

เมนูอาหารกับทฤษฎีอันแสนหวานของความรัก “ความรักของเราเปรียบเหมือนน้ำพริกถ้วยเก่า ที่ทั้งจืดชืดและซ้ำซาก” ความรักกับอาหารใครว่าต่างกัน เพราะกว่าที่อาหารจานหนึ่งๆจะออกมาหน้าตาน่าทาน แถมรสชาติถูกปากผู้ปรุงต้องใช้เวลาค้นหาสูตรและพิถีพิถันกันมากขนาดไหน เฉกเช่นความรักที่เมื่อใดก็ตามขาดการพัฒนาสูตรใหม่ๆ ย่อมขาดรสชาติเหมือนน้ำพริกถ้วยเก่าเป็นธรรมดา มีบทความเปรียบเทียบความรักกับเมนูอาหารในเวบไซด์แห่งหนึ่งที่น่าสนใจยิ่ง เพราะไม่เพียงแค่ความรักเปรียบเหมือนรสชาติอาหารเท่านั้น การมอบความรักและความโรแมนติกยังเปรียบได้กับมื้ออาหาร และลักษณะการทานของคุณด้วย ความโรแมนติกเหมือนอาหารมื้อเช้า อาหารมื้อเช้าถือว่าเป็นมื้อที่สำคัญที่สุด พลังงานที่ต้องใช้ทั้งวันเกิดจากอาหารมื้อนี้ ไม่ว่าจะเป็นโจ๊ก ข้าวต้ม ซีเรียล ขนมปังที่หลากหลาย ก็เติมชีวิตชีวา ความสดชื่นให้กับการดำเนินชีวิตตลอดทั้งวันได้ ความรักก็เหมือนกัน ใช่ว่าคุณจะตกหลุมรักกันเฉพาะดินเนอร์มื้อใหญ่อย่างเดียวซะที่ไหน หากทุกเช้าคุณได้รับหรือมอบความรัก ความโรแมนติกให้กันบ้าง ความรักที่เหนื่อยล้าหรือใกล้สิ้นสุดคงกลับฟื้นคืนชีวิตเหมือนร่างกายที่ได้รับอาหารเช้าเช่นเดียวกัน รสชาติของเครื่องปรุงที่แตกต่าง สร้างความสไปซ์ให้ชีวิต เพราะอาหารรสชาติเดิมๆ ใช้วิธีปรุงแบบเดิมๆ ย่อมมีความรู้สึกยามลิ้นสัมผัสปลายช้อนแบบเดิมๆ ดังนั้นอาหารมื้อนี้คุณจะเติมความเปรี้ยว หวาน เผ็ด มันเข้าไปอีกนิด ใส่สีสันของผัก ผลไม้ต่างๆเข้าไปอีกหน่อย รับรองว่าจานนี้ต้องมีรสชาติที่เข้มข้นหรือแตกต่างๆขึ้นกว่าเดิม ความรักก็เช่นกัน มันไม่ได้สำเร็จรูปที่คุณต้องตักน้ำตาล 3 ช้อน น้ำปลา 1 ช้อนไปเสียทุกครั้ง ลองเปลี่ยนสูตรบ้างอย่ามัวแต่เชื่อมั่นในตัวเองหรือหมกมุ่นอยู่กับภารกิจอันหนักหน่วง จนลืมไปว่าคนที่รักเราเค้าปรุงความรักอันแสนอร่อยรอคอยคุณอยู่ อย่างเช่น วันนี้บอกรักกับแฟนด้วยคำพูดหวานๆ ส่วนวันพรุ่งนี้ลองส่งกุหลาบสีแดงไปเซอร์ไพรส์เธอบ้าง การเปลี่ยนแปลงตัวเองแบบนี้คงช่วยเพิ่มความซาบซ่าให้ชีวิตได้มากโข จริงหรือที่ท้องต้องการอาหารแค่ 3 มื้อ... อาหาร 3 มื้อ เพียงพอกับคุณในแต่ละวันแล้วหรือ แน่ใจไหมว่าคุณจะไม่หยิบของว่างจากช่องแช่แข็งอย่างไอติมซักแท่งมากิน ก็เพราะท้องของคุณมันหิวและความอยากก็มีอำนาจในการสั่งให้คุณต้องการทานเพิ่ม เฉกเช่นเดียวกับความรัก ความเอาใจใส่ต่อคนที่รัก ไม่จำเป็นว่าคุณต้องมอบให้กันวันละ 3 มื้อแบบเป๊ะๆ หมั่นเติ่มความอิ่มให้กับความรักเหมือนทานของว่างให้กระเพาะอิ่ม ก็ช่วยเติมเต็มความรู้สึกดีของคุณทั้งสองคนได้ อย่าปฏิเสธของหวาน เพราะการเซย์ “โน” ให้ของหวานหลังอาหารมื้อหนักแสดงให้เห็นว่า คุณแก่ขึ้น เหนื่อย หรือยุ่งจนต้องรีบขอตัวกลับบ้าน แต่การรับประทานของหวานหลังอาหารนอกจากจะช่วยปรับเปลี่ยนความรู้สึกของลิ้นยามที่สัมผัสกับอาหารคาวแล้ว ของหวานยังช่วยเติมรสชาติให้อาหารมื้อนั้นของคุณพิเศษยิ่งขึ้น การเติมเต็มความหวานให้กัน ใช่ว่าทำได้เฉพาะคนหนุ่มสาวหรือวัยรุ่นเท่านั้น ผู้ใหญ่หรือคนที่ครองรักกันมานานแสนนาน ถ้าหากต้องการเติมรสชาติให้ชีวิตรักสมบูรณ์แบบมากขึ้น ยามเจอคนรักเย็นนี้ ลองหยอดคำหวานๆตามด้วยคำชมนิดๆ คนรักได้ยินคงปลื้มน่าดู หากคุณทั้งคู่พร้อมที่จะปรุงน้ำพริกถ้วยเก่าให้มีรสชาติใหม่ๆ และคอยเติมเต็มวัตถุดิบให้เต็มเปี่ยมอยู่เสมอ ความรักและชีวิตคู่ของคุณคงไม่ต่างจากอาหารมื้อพิเศษ แต่ที่สำคัญอย่าคิดที่จะเอาน้ำพริกถ้วยใหม่มาเปลี่ยนถ้วยเก่าก็แล้วกัน...   Create Date : 13 กันยายน 2548     0 comment Last Update : 13 กันยายน 2548 19:36:24 น.     Counter : 1205 Pageviews.   Share Tweet

ทำยังไง..? เมื่อนกเขาไม่ยอมขัน!! “นกเขาไม่ขัน” เป็นอาการที่ผู้ชายทุกคนกลัวแม้แต่จะได้ยิน ก็อาการอย่างนี้แหละที่พรากคู่รักมานักต่อนักแล้ว อันที่จริงแล้วนกเขามันก็ไม่ได้ไปทำผิดอะไร แต่ไหงผู้ชายถึงได้กลัวกันนัก ก็แค่เจ้านกเขามันไม่ยอมขันเท่านั้นเอง เป็นคำพูดเปรียบเทียบมาตั้งแต่ครั้นโบราณกาลแล้ว กับอาการที่เจ้าน้องชายหลับใหลไม่ยอมตื่น เอ..แล้วอาการอย่างนี้มันเกิดขึ้นกับผู้ชายทุกคนหรือเปล่านี่สิ อันนี้ต้องไปหาข้อมูลมา เพราะเราๆ ผู้หญิงก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่องดีนัก ไม่น่าเชื่อเลยว่า เห็นคนไทยแข็งแรง และสุขภาพดีกันถ้วนหน้าอย่างนี้ จะมีคู่ชีวิตที่โชคร้ายเกี่ยวกับการมีเพศสัมพันธ์ที่ไม่ราบรื่น อันเกิดจากอาการนกเขาไม่ขันนี้ถึง 3.5 ล้านคน ตั้งแต่ผู้ที่มีอายุ 40 ขึ้นไปและสถิติมากสุดที่อายุ 70 ปี ส่วนอาการของการไม่ขันของนกเขานั้น สืบเนื่องมาจากทั้งทางร่างกาย และทางจิตใจ รวมถึง การดื่มเหล่าและสูบบุหรี่ด้วย ทางร่างกายนั้นส่วนมากแล้วผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน และ โรคหัวใจ หรือแม้แต่ผู้ชายที่มีฮอร์โมนเพศชายต่ำ ก็มีความเสี่ยงต่อโรคหย่อนสมรรถภาพทางเพศ แต่สาเหตุบั่นทอนที่เกิดจากอาการทางจิตใจนี่สิ น่าห่วงยิ่งกว่าทางกายเป็นไหนๆ เพราะแม้ว่าคุณรักษาสุขภาพของคุณดีเพียงไร แต่ถ้าจิตใจของคุณมันห่อเหี่ยว และเครียดก็เป็นสาเหตุสำคัญอีกทางหนึ่งได้เหมือนกัน ซึ่งสาเหตุของความเครียดนั้นนายแพทย์ทางจิตเวชได้กล่าวว่า มันไม่ได้เกิดจากการเครียดเฉพาะเรื่องครอบครัวเท่านั้น แต่เรื่องงานหรือเรื่องทั่วไป แม้แต่ภาวการณ์อดนอนก็เป็นสาเหตุอีกอย่างหนึ่งได้เช่นกัน และสาเหตุความเครียดที่สำคัญอีกสาเหตุหนึ่งก็คือ การมีปัญหาทะเลาะเบาะแว้งกับคู่สมรสเอง มีคนไข้หลายคนที่ไปปรึกษากับหมอว่า ภรรยาไม่ยอมให้มีเพศสัมพันธ์ด้วย เนื่องจากเธอกลัวและรังเกียจเขาและอีกเหตุผลอื่นๆอาทิ ภาวะทางจิตใจที่ไม่ผ่อนคลาย หรือความไม่พร้อมทางอารมณ์ จนในที่สุดเธอก็ปฏิเสธการร่วมรักกับสามีของเธอ และอีกสาเหตุหนึ่งที่ไม่น่าเชื่อว่าผู้ชายจะมีความรู้สึกนี้ คือ อาการที่เรียกว่า Madonna- Whole Syndrome เป็นอาการที่ผู้ชาย เคารพรัก ภรรยาราวกับแม่พระ และไม่กล้าแม้แต่จะแตะต้องเธอเพราะกลัวจะเป็นบาปติดตัว จึงไประบายความเครียดทางอื่น สาเหตุเหล่านี้ทำเอาชีวิตคู่พังเพราะเจ้านกเขามันไม่ยอมขันมานักต่อนักแล้ว ซึ่งผู้ชายเมื่อเป็นโรคนี้แล้วจะพยายามหาทางออกให้กับชีวิตคู่ของตัวเองด้วยวิธีการต่างๆ นาๆ ทั้งที่ถูกต้องและวิปริต สามีที่มีปัญหานี้บางคนถึงกับจ้างหมดนวดผู้ชายมาบริการให้ภรรยาถึงที่บ้าน ซึ่งขณะที่ภรรยากับหมดนวดมีความสุขกันอยู่ชั้นบน สามีที่น่าสงสารกลับต้องนั่งอย่างเป็นทุกข์ทั้งใจและกายอยู่ชั้นล่าง แทนที่โรคจะเบาบางลง กลับทวีคูณขึ้นเพราะความเครียด จริงๆแล้วสมัยนี้มีวิธีต่างๆ ที่ช่วยแก้ปัญหาของอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศอีกหลายต่อหลายวิธี โดยส่วนใหญ่แล้วเมื่อผู้ป่วยเหล่านี้ไปปรึกษาแพทย์ก็จะได้รับคำแนะนำดีๆมาตัดสินใจว่า พวกเขาจะรักษาด้วยวิธีไหน เช่น ยากิน ยาฉีด ยาสอด แต่จากสถิติแล้วผู้ชายส่วนใหญ่เลือกที่จะรักษาด้วยการทานยา อย่างเช่นยาไวอากร้า ซึ่งยาเหล่านี้ก็ได้ถูกพัฒนามาเรื่อยๆ จนล่าสุดยาในกลุ่มทาดาลาฟิลของ Eli Lilly ที่ออกฤทธิ์ได้นานถึง 32 ชั่วโมงก็ได้มีจำหน่ายแล้ว และอีกวิธีหนึ่ง ก็คือการใช้กระบอกสุญญากาศ แต่ไม่ได้รับความนิยมเท่าที่ควรเพราะกว่าเจ้านกเขามันจะขันได้ก็ต้องใช้เวลาเตรียมการนานอยู่เหมือนกัน แถมอุปกรณ์ต่างๆก็พะรุงพะรังไม่สะดวกเสียเลย ผู้ชายบางคนที่ทำไม่เป็นก็อาจเจ็บปวดบริเวณน้องชายด้วย เพราะเมื่อลงมือปั๊มแล้วขั้นตอนการถอดเครื่องมือออกก็ต้องใช้ความชำนาญด้วย และอีกวิธีที่ง่ายที่สุดและเป็นที่โปรดปรานของผู้หญิงคือ การใช้เซ็กซ์ทอย แต่ด้วยเหตุที่เมืองไทย การซื้อขาย อุปกรณ์ร่วมเพศเหล่านี้ยังผิดกฎหมาย จึงไม่ค่อยเป็นที่นิยมเท่าที่ควร ชีวิตคู่ที่นอกจากการเข้าอก เข้าใจกันแล้ว เพศสัมพันธ์ก็มีบทบาทอย่างยิ่งในการสืบสานความสัมพันธ์ของคุณทั้งสองให้ยืนนาน หากคุณกำลังประสบปัญหาเส้นทางรักที่ใกล้จะขาดสะบั้นเนื่องจากความไม่ราบรื่นของการมีเซ็กซ์แล้วละก้อ อย่าคิดมากจนเพิ่มความเครียดให้กับคุณทั้งสอง เพราะทางออกของสาเหตุเหล่านี้อยู่ที่การปรึกษาแพทย์..แค่นั้นเอง   Create Date : 13 กันยายน 2548     3 comment Last Update : 13 กันยายน 2548 19:33:46 น.     Counter : 1846 Pageviews.   Share Tweet