|
ชั่งมัน
ผมชอบมองว่าชีวิตเป็นเรื่องยาก การที่มนุษย์เกิดมาเป็นคนเป็นตัวเป็นตนอย่างนี้ วิธีดำรงชีวิตให้คงอยู่ได้บนพื้นฐานความสุข ความพอใจ มันช่างยากเย็น ไหนจะต้องหนีพ้นจากความทุกข์ทางกาย ที่ต้องเผชิญกับความยากจน ความปลอดภัยบนโลกของคนใจอันธพาลทั้งหลาย ความรู้ที่เดิมทีมีอยู่น้อยต้องคอยเติมให้มันปริ่มตลอดเพื่อแลกกับเงินเดือนที่พอจะประทังชีวิตให้ได้ไปพ้นพ้นเดือน
เด็กบางคนเมื่อเติบโตเข้าสู่วัยรุ่น จากเดิมที่เคยนั่งอยู่ในห้องเรียนเพื่อทำหน้าที่เยาวชนที่ผู้หลักผู้ใหญ่ผู้ปกครองจัดเตรียมเอาไว้ให้ ช่วงเวลานั้นช่างสบาย ไม่ต้องหารายได้ หากอยู่ห่างไกลจากการเป็นวัตถุนิยมสักนิดก็จะหลีกหนีความกดดันทั้งในและนอกกายได้อย่างสบาย ไม่ต้องดิ้นรนหาสตางค์เพื่อไปบำเรอส่วนเกินของชีวิตเท่าไรนัก แต่ถึงอยากได้อะไรก็แค่ร้องขอ บีบน้ำตาสักนิด ทุกสิ่งก็จะวิ่งเข้ามาหาในที่สุด เพราะเราเป็นเด็ก-วัยที่ไม่ต้องรับความกดดันว่าจะหาไอ้กระดาษที่เรียกว่าเงิน
กลับกันเมื่อเติบโตขึ้นพ้นวัยเรียน ผ่าน 19 ปีกับสถานะนักเรียนในห้องเรียน ออกมาสู่การเรียนรู้โลกกว้าง ไอ้การที่ต้องหางาน หาเงิน ต้องรับผิดชอบครอบครัว พ่อ แม่ มันพุ่งตรงเข้ามาในมโนสำนึกอย่างตั้งตัวไม่ติด ทั้งที่ตลอดเวลาการเรียนก็เฝ้ารอที่จะพ้นจากห้องสี่เหลี่ยมแคบแคบนั่นเต็มทีเต็มแก่ แต่พอได้ออกมากลับถวิลหาห้องสี่เหลี่ยมเดิมนั่น เพราะภาระข้างนอกนี้มันหนักหนาเหลือเกิน นั่นเป็นเพราะกรอบสังคมของคนเป็นผู้ใหญ่ (ผู้ใหญ่ในที่นี่คือด้วยภาวะทางการศึกษาไม่ใช่วุฒิภาวะ-ผมยังห่างไกลเหลือเกินสำหรับไอ้คำว่า “คนมีวุฒิภาวะเป็นผู้ใหญ่”) ต้องตะเกียกตะกายฝึกปรือฝีมือให้ได้เป็นยอดฝีมือ เพื่อแลกกับเงินเดือนในธนาคารที่เพิ่มขึ้นต่อเดือน เงินเดือนเพิ่มทีไรก็ดีใจมากกว่าสร้างงานดีดีได้สักชิ้น แต่เมื่อฝีมือยังอ่อนด้อยยังเอาความฉกาจที่ไหนไปให้คนอื่นเห็น โดยเฉพาะกับเจ้านาย ผู้ที่มีอำนาจทางอัตราเงินเดือนพนักงานอย่างเรามากที่สุด
บางคนเมื่อได้ลองมารับบทเป็นลูกจ้างคนอื่นก็พร่ำว่าไม่อยากเป็นลูกจ้างแล้ว อยากไปเป็นเจ้าของกิจการโน่นนี่เอง สำหรับคนที่มีสตางค์ถุงถังคงจะไม่คิดอะไรมาก บุญเก่าเยอะ เหล่านี้เป็นกลุ่มคนที่ถึงแม้มันทำงานกินเงินเดือนน้อยนิดและกับประสบการณ์แล้วอุดมการณ์ก็ว่าคุ้มค่า ไม่มีความกดดัน ก็เพราะเงินเดือนจากทางบ้านยังมีอยู่ ไม่ต้องเดือดร้อนเพราะร้อนเมื่อไรก็มีคนคอยช่วยเหลือ แต่โลกนี้ไม่เท่าเทียมหรือทุกคนยืนอยู่ระนาบเดียวกันทั้งหมด ความกดดันจากตัวแปรที่แปลว่าเงินยังกดทับคนทุกคนอยู่อย่างไม่เท่ากัน ถึงแม้บางคนมีมันอยู่ใต้ฝ่าเท้าก็ยังหวิวกับความสูงของเงินกองพะเนิน เงินมันชั่วหรือคนเรามันไม่ดีเองอันนี้ไม่ทราบแน่ชัด
นอกจากผมชอบมองว่าชีวิตมันยาก บางนาทีผมก็คิดว่าชีวิตมันก็ช่างง่ายดาย ผมรักบางทีเวลาที่กลุ้มใจมากมาก เมื่อร่างกายทนไม่ไหวมันก็จะสั่งให้เรามีช่วงเวลาที่ปลอดโปร่ง ปลดภาระทุกสิ่งในชีวิตความจริง เหมือนได้อยู่ในห้องสี่เหลี่ยมกว้างสีขาวที่อบอวลไปด้วยกลิ่นของธรรมชาติที่รู้สึกดีที่สุด เสียงของความวุ่นวายกลายเป็นสายน้ำตกที่เย็นจับใจก้องกังวานดังทั่วห้องขาวนี่ ช่วงเวลาสั้นสั้นเหล่านั้นทำให้รู้ว่าโลกนี้ยังมีบางสถานที่ที่เปิดรับความวุ่นวายด้วยจิตใจสงบ บางทีคนที่เดินทางตามหาสถานที่แห่งพระเจ้า เขาอาจฉุกคิดว่ามันมีอยู่จริงบนแผ่นโลกได้เพราะความรู้สึกเดียวกันกับผมนี่ ความรู้สึกหลังจากการบอกตัวเองอย่างจริงใจว่า “ช่างแม่ง” ถึงจะช่างแม่งได้ไม่นานแล้วแม่งก็เข้ามาวุ่นวายจิตใจอีกครั้ง ทำให้ชีวิตมันยากเหมือนเดิมอีก
จนสุดท้าย ผมชอบมองชีวิตว่าง่ายหรือยากไม่มันไม่ใช่สาระ เพียงแต่เราพอใจกับมันรึเปล่า ตั้งคำถามตัวเองหลังจากคำถามนี้ว่าจะแก้มันอย่างไร วิเคราะห์สักนิดว่าแนวคิดที่ได้มันยากง่ายแค่ไหน ถ้ามันยากนัก ก็ตะโกนให้ลั่นห้องกว้างนั่นไป
“ช่างแม่ง”
Create Date : 12 ตุลาคม 2551 |
Last Update : 12 ตุลาคม 2551 22:45:59 น. |
|
1 comments
|
Counter : 406 Pageviews. |
|
|
|
โดย: gluhp วันที่: 14 ตุลาคม 2551 เวลา:17:02:26 น. |
|
|
|
| |
|
ข้าพเจ้าขนลุกกับประโยคนี้