|
เสียงนาฬิกา
ตี 3.50 น. เลขนาทีลงท้ายที่จำนวนเต็มสิบโดยไม่ได้ตั้งใจ ผมเคยได้ยินเรื่องเกี่ยวกับปฏิทินมายา หรือเลขเวลา, วันที่ ที่โคจรมาตรงกันด้วยเลขหลักสวยๆ เช่น 11.11 น. ของวันที่ 11 เดือน 11 บางคนบอกว่าช่วงเวลานี้ขอพรได้ สำหรับคนที่ดูแล้วว่าคงห่างไกลเกินตัวเองไปหน่อยที่จะรอขอพรกับเลขตัวสองตัวโคจรมาชนกันโดยที่ใช้เวลาหลายปี ก็เลยอนุโลมเหลือแค่เวลาในแต่ละวันที่ไล่เรียงกัน ซ้ำๆ สวยๆ อย่างเช่น 12.34 น. 11.11น. 22.22น. เลขของใครของมัน อย่างไหนสวย เบอร์ไหนถูกใจ ก็หลับตาขอพรกับนาฬิกากันไป ใครที่ใช้นาฬิกาดิจิตอลก็ได้เปรียบ ส่วนใครที่ใช้นาฬิกาที่ยังบอกเวลาผ่านเข็มสั้น-ยาว ก็คงต้องแม่นในองศาบนหน้าปัดกันหน่อย---ด้วยตัวเลขสวยๆ แบบนี้ ทำให้เราขอพรได้อย่างน้อย 3 ข้อต่อวัน ขอได้อย่างที่ไม่ต้องออกตระเวนรวบรวมดราก้อนบอลให้ครบ 7 ลูก หรือแหงนคอรอดาวตกยามค่ำคืนแต่อย่างใด ถึงจะเชื่อยาก แต่เงื่อนไขง่ายๆ แบบนี้ หลับตาขอพรสักสองวินาทีคงไม่เสียเวลาเกินไป ผมถึงได้แอบหวังขอโน่นนี่เป็นประจำเมื่อตาขวาแอบเหลือบไปเห็นว่าตอนนี้มัน สี่ทุ่มยี่สิบสองนาที หรือ เที่ยงคืนศูนย์นาที ตี 4.00 น. นาฬิกาข้อมือของผมเพิ่งดัง ติ๊ดๆ เตือนว่าตอนนี้มันเลยเวลานอนของแกไปหลายชั่วโมง เมื่อก่อนนี้นาฬิกาข้อมือของผมไร้บทบาทในชีวิตของผมแทบสิ้นเชิง แต่เวลาผ่านไปไม่นานมันกลับทำตัวกลมกลืนและเริ่มปีนเกลียวมาสั่งสอนว่าผมต้องทำโน่นนี่ตามเข็มสั้นๆ ยาวๆ ของมัน โดยเฉพาะเรือนที่อยู่คู่ข้อมือซ้ายของผมทุกวันนี้ มันลามปามชีวิตผมไปถึงขนาดไม่กล้ามองนาฬิกาเรือนใหม่ในร้านขายนาฬิกา แม้ว่าเจ้าเรือนที่อยู่ในร้านนั้นจะสวยกว่าและราคายั่วใจแค่ไหนก็ตาม ไม่รู้ว่าพ่อผมกำชับมันมาก่อนหน้าที่ท่านจะมอบให้ผมหรือเปล่า จำได้ว่าตอนมัธยม ผมไม่ต้องใส่นาฬิกาข้อมือไปโรงเรียน และก็ไม่มีสิ่งใดดูต่างหน้านาฬิกาได้ ไม่รู้ว่าเป็นการดิสเครดิตตัวเองหรือเปล่า แต่เท่าที่รู้การใส่นาฬิกาเป็นเครื่องยืนยันว่า "ฉันเป็นคนที่เห็นคุณค่าของเวลา ตรงเวลา และเข้าใจในเวลา" สำหรับคนที่ต้องอาศัยอยู่ในสังคม แต่ความจำเป็นของนาฬิกาสำหรับเด็กมัธยมอย่างผมในตอนนั้นคือ มีไว้เพื่อไว้ดูเวลาเลิกเรียน แต่ผมมักจะอยู่โรงเรียนยันเย็น ยันค่ำเสมอ เวลาเลิกเรียนถึงไม่จำเป็นต่อชีวิตของผม แสงสว่างต่างหากคือตัวกำหนดเวลา เหมือนนกที่เริ่มบินกลับรังหลังแสงเริ่มซาจากฟ้า-นาฬิกาจึงไม่จำเป็น ถัดมา, ความสำคัญของเจ้านาฬิกาเริ่มพัฒนาตัวขึ้นอย่างที่ผมไม่รู้ตัว ในการเรียนมหาวิทยาลัยที่ตารางเรียนต่างแปรรูปตามวิชาลงและเวลาว่าง-ความพอใจของอาจารย์ผู้สอน ทำให้ผมห่างหายจากการไปโรงเรียนตรงเวลา และมีเสียงดนตรีโมโนโพลีไล่โน้ตไพเราะปนหนวกหูคอยกำกับเวลาอย่างถาวร-นาฬิกาจึงจำเป็น จนกระทั่งเริ่มจับงานโน่นนี่ นาฬิกาเริ่มสำคัญพอๆ กับกระเป๋าสตางค์ ที่คอยตัดสินชีวิตรายวันได้ง่ายๆ ส่งงานสาย, ไปนัดเลท, โทรหาแหล่งสัมภาษณ์ไม่ตรงเวลา ฯลฯ จนผมเคยนึกเคืองไอ้หน้ากลมๆ แบนๆ นี่อยู่พอสมควร แต่เคืองได้ไม่นานก็เริ่มอิจฉาตัวเอง ที่วันๆ ไม่ต้องทำอะไรมากมาย แค่นั่งคุยกับเพื่อนรอพระอาทิตย์ตกดิน แล้วก็โบกมือลากันกลับบ้าน ตอนกลางคืนก็หลับรอพระอาทิตย์ปลุก ก่อนที่จะเดินสายไปเรียนไปหลับตามเดิม ตี 4.15 น.-ลงที่จำนวนสิบโดยไม่ตั้งใจอีกครั้ง ผมนั่งมองหน้านาฬิกาสายเหล็กหน้าปัดน้ำเงินเรือนเดิม ผมว่ามันเย็นชาน่าดู ที่ไม่สนใจใครและตั้งหน้าตั้งตาเดินหน้าติ๊กๆๆ ไม่หยุด หนำซ้ำยังไม่รู้บุญคุณอีกที่ผมพามันไปชุปชีวิตมาหลังจากที่มันเกิดป่วยจนเข็มนิ่ง แถมหน้าจอดิจิตอลยังดับไปอีกต่างหาก-หรือผมจะผิดเองที่ไม่รู้ว่าจริงๆ แล้วมันอยากเดิน หรืออยากอยู่นิ่งๆ? ตี 4.20 น.-คราวนี้ผมตั้งใจรอห้านาทีวิ่งผ่านไปอย่างตั้งใจ นาฬิกายังนิ่งเฉย ไม่มีการชักสีหน้าใดๆ คือมาแสดง เห็นท่าจะจริงที่มันอยากจะอยู่นิ่งๆ หรือเลขสวยๆ ที่บอกเวลาบนหน้าปัดของมัน ทำให้มันต้องหยุดนิ่งขอพรตลอดเวลา? ตี 4.22 น. ถึงเลขเวลานี้จะไม่สวยสำหรับผมแต่สำหรับใครสักคนบนโลกนี้อาจจะสวยงามยากจะลืม นาฬิกายังนิ่งเงียบอยู่-ผมหลับตาขอพรแข่งกับมันบ้าง ผมขออย่างที่เคยขอทุกวัน, ขอให้เวลาหยุดเดินเสียหน่อย ขอเวลาให้ผมพักความคิดหรือช่วงชีวิตดี-ร้ายนี้สักนิด หูไม่ฝาด, ผมได้ยินเสียงนาฬิกาบอกผมพลางหัวเราะติ๊กๆ ว่า "ขอเหมือนกันเลย" ตี 4.25 น. เลขนาทีลงท้ายที่จำนวนเต็มสิบโดยไม่ได้ตั้งใจอีกครั้ง ผมหัวเราะติ๊กๆ- ตามเสียงเข็มนาฬิกา
------------------- บล๊อกชิ้นนี้ผมเขียนเมื่อ 17 พฤศจิกายน 2550 ผ่าน space.live.com
Create Date : 27 เมษายน 2551 |
Last Update : 27 เมษายน 2551 11:41:20 น. |
|
1 comments
|
Counter : 634 Pageviews. |
|
|
|
โดย: KuG@ IP: 203.151.225.218 วันที่: 2 พฤษภาคม 2551 เวลา:22:47:47 น. |
|
|
|
| |
|
เขียนได้ไง
.
.
.
.
บรรเจิด