นำเสนอข่าวโดยทีมงาน Sanook.com
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (1 ก.ค.) เมื่อเวลา 11.00 น. มูลนิธิปวีณาหงสกุลเพื่อเด็กและสตรี น.ส.เรณู อายุ 40 ปี ได้พาลูกสาว น.ส.เอ อายุ 15 ปี เข้าร้องทุกข์ว่าถูกนายบอย อายุ 19 ปี ล่อลวงไปข่มขืนกระทำชำเรา และยังได้ทำร้ายร่างกายกลางตลาด จนนัยน์ตาห้อเลือด ร่างกายฟกช้ำดำเขียวไปทั้งร่างกายหลายแห่ง
จากการสอบสวน น.ส.เรณู กล่าวว่า ลูกสาวของตนเรียนอยู่ที่ชั้นม. 4 โรงเรียนแห่งหนึ่งใน ต.พระอินทร์ราชา อ.บางปะอิน จ.พระนครศรีอยุธยา และได้คบหากับนายบอยได้ไม่ถึงเดือน โดยทางตนได้ขอลูกสาวไว้ว่าให้เรียนจบก่อน
กระทั่งวันเกิดเหตุ นายบอยได้ใช้กลอุบายล่อลวงลูกสาวของตนเอง ไปข่มขืนกระทำชำเราที่ห้องพักแห่งหนึ่ง แถวตลาดพระอินทร์ราชา จากนั้นเวลาประมาณ 23.00 น. ของวันที่ 29 มิ.ย. นายบอยได้ทำร้ายร่างกายลูกสาวของตนเอง ด้วยการต่อยเข้าที่เบ้าตา และกระทืบหน้าอกและชกเข้าที่ลำตัวหลายแห่งจนฟกช้ำดำเขียว
จากนั้นได้ฉุดกระชากลากลงจากรถจยย.บริเวณกลางถนน ในตลาดพระอินทร์ราชา กระทั่งลูกสาวได้หนีกลับมาที่ห้องพัก และนำเรื่องมาบอกตนเองว่าถูกนายบอยซ้อมจนตาปิดบวมเป่ง และนัยน์ตาห้อเลือด ตนจึงพาไปรพ.ใกล้เคียง จากนั้นได้เข้าแจ้งความที่ สภ.พระอินทร์ราชา แต่ทางสารวัตรเวรพยายามให้มาพูดไกล่เกลี่ยกันในวันรุ่งขึ้น คือวันที่ 30 มิ.ย.
ระหว่างนั้นได้มีพี่เขยของคู่กรณีที่ทำงานเป็นอาสากู้ภัย ได้พาพวกกว่า 10 มาที่โรงพัก และพยายามเข้าไปตีสนิทกับทางตำรวจ ประมาณว่ารู้จักกับตำรวจเป็นอย่างดี และพูดจาเหยียดหยามว่าแค่คดีพรากผู้เยาว์ ประกันตัว 4-5 หมื่น ก็ออกมาได้ และบอกว่าที่ตนมาแจ้งความเพราะต้องการเงิน
ตนกลัวว่าลูกสาวจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เพราะลูกสาวถูกทำร้ายมาแล้วสองครั้ง และคู่กรณีมาพูดเยาะเย้ยว่าลูกสาวสมยอมเอง ทำให้ตนรู้สึกท้อใจ เพราะทางตำรวจไม่เรียกสอบสวนอย่างจริงจัง จึงตัดสินใจมาร้องขอความช่วยเหลือจากทางมูลนิธิฯ ให้ช่วยเร่งรัดทางคดีความให้
โดยเมื่อสารวัตรเวรสอบสวนทราบข่าวว่า ตนพาลูกมาร้องมูลนิธิปวีณาฯ ก็ได้โทรมาถามว่าตอนนี้อยู่ไหน และบอกว่าเรื่องของตนกำลังดำเนินการให้อยู่แล้ว เพราะจะสอบต่อหน้าคนอื่นไม่ได้ จะต้องไปสอบที่ชั้นศาล ซึ่งตนก็ถามว่าทำไมเมื่อวานถึงไม่อธิบายให้ตนเข้าใจ และทำไมต้องไล่กลับด้วย ซึ่งสารวัตรก็เงียบไป
ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่รับเรื่องราวร้องทุกข์ของมูลนิธิปวีณา กล่าวว่า จะเร่งนำเรื่องเสนอให้นางปวีณาตัดสินใจอีกครั้ง ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป
ขอขอบคุณภาพจาก INN
//news.sanook.com/1822191/