Update! • Kenny Keng Web• Activity • Article • Imagine • My ARTWORK • BackPack/Journey • Sketch • All Art • alphafo

alphafoBasic Sketch • • 333 STUDIO KENNY KENG Blog


ALPHA FO
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 58 คน [?]








**อันนี้ก็สำคัญครับ กับเรื่องของสิทธิ
คือว่าถ้าหากเพื่อนๆท่านใด
ต้องการนำภาพหรือบทความไปเผยแพร่
กรุณาแจ้งผมด้วยนะครับ

**ขอบคุณครับ**

alphafo

New Article : JAN 2015

Art trip : My Journey
• "แบ่งเขต ไม่แบ่งใจ ; ไทย ลาว เวียดนาม"ฮานอย1 เวียดนาม:13/02/15
• "แบ่งเขต ไม่แบ่งใจ ; ไทย ลาว เวียดนาม" ซาปา3 เวียดนาม:31/01/15
• "แบ่งเขต ไม่แบ่งใจ ; ไทย ลาว เวียดนาม" ซาปา2 เวียดนาม:16/01/15
• "แบ่งเขต ไม่แบ่งใจ ; ไทย ลาว เวียดนาม" ซาปา1 เวียดนาม:14/01/15
• "แบ่งเขต ไม่แบ่งใจ ; ไทย ลาว เวียดนาม" เดียนเบียนฟู เวียดนาม:09/01/15
• "แบ่งเขต ไม่แบ่งใจ ; ไทย ลาว เวียดนาม" หลวงพระบาง ลาว:07/01/15
• "แบ่งเขต ไม่แบ่งใจ ; ไทย ลาว เวียดนาม" ไชยบุรี2 ลาว:26/12/14
• "แบ่งเขต ไม่แบ่งใจ ; ไทย ลาว เวียนาม" ไชยบุรี1 ลาว:25/12/14
• "แบ่งเขต ไม่แบ่งใจ ; ไทย ลาว เวียดนาม" ปาด แปด 8:23/12/14
• "เริ่มใหม่...ได้ทุกเมื่อ":25/02/14
• "ปั่นคิดที่กองโค":19/12/12
• "12 12 12":12/12/12

• "ลับแล ซะที" :06/08/12

• BEST OF THE BEST:05/03/12

alphafo

• กาแฟสดบ้านหมึกจีน coffee and china's art gallery:16/02/12

Update! • อุปกรณ์การวาด carbon powder
•เทคนิคการทำเฟรมเขียนสีน้ำมัน
•เทคนิคการทำเฟรมสีน้ำมัน
•ปลอกต่อดินสอ EE กรณีดินสอของท่านหดสั้นจุ๊ดจู๋
•การทำสมุดเสก็ตซ์อย่างง่ายและประหยัด
•ภาพตัวอย่างสีชอล์ก 1
•ภาพตัวอย่างสีชอล์ก 2
•ภาพตัวอย่างสีชอล์ก 3



Update!เทคนิค ขั้นตอน การวาดภาพการ์ตูน
• : เทคนิคการวาดภาพผงคาร์บอนพระเจ้าตากสินมหาราช และพระยาพิชัยดาบหัก
• การวาดการ์ตูนล้อเลียน
• พื้นฐานการวาดการ์ตูน
•เทคนิคการวาดภาพคนสีชอล์ก(หลวงปู่แดง)
•เทคนิคการวาดภาพคนเหมือนเต็มตัวสีน้ำมัน
•การวาดเส้นสีคนเหมือน แบบหญิง
•การวาดเส้นสีคนเหมือน แบบชาย
•เทคนิคการวาด carbon powder
•การวาดสีชอล์กแท่ง พระยาพิชัยดาบหัก
•การแก้ไขภาพสีน้ำมัน landscape
•เทคนิควาดภาพสีน้ำมัน Landscape
•พื้นฐานการวาดภาพสำหรับผู้เริ่มต้นใหม่(Basic)
•เทคนิคการวาดเส้นหุ่นนิ่ง(Drawing)
•เทคนิคการวาดเส้นภาพเหมือน(portrait) "ตา"
•เทคนิคการวาดเส้นภาพเหมือน(portrait) "จมูก"
•เทคนิคการวาดเส้นภาพเหมือน(portrait) "ปาก"
•เทคนิคการวาดเส้นรูปคนเหมือนด้วยดินสอ EE(drawing portrait-woman)
•เทคนิคการวาดเส้นคนเหมือน (Drawing sketch)
•เทคนิคการวาดเส้นรูปคนเหมือนภาพสีด้วยสีชอล์กแท่ง(pastel portrait)
•เทคนิคการใช้สีชล์อกแบบ drawing
•เทคนิคการแกะสติ๊กเกอร์แบบปลอกล้วย(จริงๆ)

alphafo ART ARTICLE :
• "เที่ยวไปกับถ่าน"ตอนที่ 6(สุดท้าย): โบนัสพิเศษกับงานศิลปะ
• "เที่ยวไปกับถ่าน"ตอนที่ 5 : วิธีการวาดภาพให้ได้ (เอาจริงซะที 2)
• "เที่ยวไปกับถ่าน"ตอนที่ 4 : วิธีการวาดภาพให้ได้ (เอาจริงซะที 1)
• "เที่ยวไปกับถ่าน"ตอนที่ 3 : ตามหามุมบันทึก(วาดเส้น)
• "เที่ยวไปกับถ่าน"ตอนที่ 2 : ทำไมต้องเป็นถ่าน?
• "เที่ยวไปกับถ่าน" ตอนที่ 1: เด็กน้อยกับฝาบ้าน
**ภาพสเก็ตซ์สีชอล์กน้ำมัน
**เทคนิคประสม...ใคร ??
ศิลป์(ป่ะ) “ต้องเป็นตัวของตัวเองดิ๊” ...

ภาพวาดที่ฉีก: ผมยืนมองภาพพร้อมกับฟังเสียงหล่น..
ANATTA: วันที่ความหดหู่ หดเหี่ยว หรือเหี่ยวจนหด...
alphafo
alphafo

alphafo
alphafo


Sketch crawl ร่วม Sketch กับเพื่อนๆทั่วโลก

alphafo ALPHA FOCUS หนังสือพิชัย เมืองเล็กฯ เรื่องราวเกี่ยวกับเมืองหน้าด่านของสยามประเทศในอดีต.....
alphafo
โอกาสที่ท่านมุ้ยมอบให้ สิ่งที่ผมเฝ้าศึกษาและสังเกตุ จะมีเรื่องราวและข้อมูลไปพ้องกับใครบางท่านเข้าอย่างจัง...

New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ALPHA FO's blog to your web]
Links
 

 

สบายดีปากเซ 2 : หลี่ผี




ตอนสมัยเด็ก เคยเล่นสร้างบ้านกันบ้างหรือเปล่าครับ
.....สร้างบ้าน ออกแบบพื้นที่ ตลอดจนสร้างเป็นอาณาจักรของตนเอง
ไม่ได้เพื่ออวดอ้างตัวเองให้ใครต้องมาชื่นชม
แต่อยากเห็นภาพในสมองของตัวเอง ปรากฎกายอยู่ข้างหน้า
พร้อมอาวุธสำคัญของมวลมนุษย์ คือ จินตนาการ

จู่ๆก็มีอันธพาล(ก็เพื่อนเรานี่แหละ) เดินเข้ามารื้อ แล้วเดินจากไปด้วยเสียงหัวเราะ

เจ็บไหมครับ??

ผมเองก็ไม่เข้าใจว่าระหว่างเดินมาถาม มาช่วย หรือให้กำลังใจกัน
กับการเข้ามาพัง มารื้อ หรือทำให้ผู้อื่นอารมณ์เสียโดยไร้เหตุผล
การใช้เวลาที่เท่ากัน แต่ผลลัพท์แตกต่างกันอย่างมากมาย
ทำไม เจ้าเพื่อนตัวแสบถึงมาแกล้งยั่วทำลายฝันของเรา เพื่อความสะใจของตัวเขาเอง

เพื่ออะไร? ...พวกเขาทำเพื่ออะไร?
และที่สำคัญพวกเขาจะรู้บ้างไหมว่าการทำร้ายจิตใจของใครโดยขาดเหตุผลนั้น
............มันเจ็บนาน
ไม่ได้อาฆาต ไม่ต้องการแก้แค้น แต่มันเจ็บนาน
ทำลายบ้านผมยังไม่พอ ยังทำลายหุ่นยนต์แปลงร่างของผมด้วย
นี่ถ้าผมมีนาฬิกาแปลงร่างได้ละก็ ฮึ่ม!

นี่ผมผมอ่อนไหวเกินไปหรือเปล่า?

หรือว่ามนุษย์ปกติใครๆก็ทำกันโดยไม่เก็บมาคิดให้เปลืองอารมณ์
หรือว่าตัวมนุษย์นั้นลืมง่าย และไม่คิดที่จะรักษาจิตใจของกันและกัน

ไม่มีอะไร..ก็แค่บรรยากาศพาไป กับการรอ

การรอทำให้จินตนาการของเราแอบมุดหลุมดำ เข้าไปในหลายๆแห่ง
ไม่ว่าจะเป็นอดีต หรืออนาคต
ยกเว้นปัจจุบัน ที่กำลังรอ

หรือว่าที่มนุษย์ทั้งหลายโกรธ หงุดหงิด อารมณ์เสีย หรือการนั่งยิ้มคนเดียว
เพราะอยู่กับอดีตหรืออนาคตมากเกินไป มากเกินจนลืมที่จะมองหาสุขในปัจจุบัน



ท้องฟ้าที่นี่ ก็เหมือนกันกับท้องฟ้าทั่วไป
ที่มีเมฆ มีแสงอาทิตย์ที่ค่อยๆเร่งแสงให้สว่างขึ้นเรื่อยๆ
มีอากาศที่เรามองไม่เห็น แต่สำคัญกับร่างกายและชีวิต
อากาศที่ดีให้ประโยชน์กับชีวิต เหมือนกับคำพูดที่ดีสามารถทำให้ใครก็ตาม
มีชีวิตที่ดีได้อย่างไม่ยากนัก เช่นเดียวกัน อากาศเป็นพิษ กับ คำพูดที่เป็นพิษ
อากาศ ที่กลายเป็นลมเหมือนกัน แต่ให้ผลต่างกัน
ต่างกันที่ผลลัพท์ไม่ว่าจะเป็นเพียงคลื่นที่แทรกเข้ามาก็ตาม

...คิดไปได้...

ผมเหลือบมองดูหลายๆคนถ่ายรูปบรรยากาศ พร้อมเตรียมของใส่บาตร
พวกเรากำลังรอพระ ที่กำลังเร่งแข่งกับดวงอาทิตย์
ที่กำลังจะแผดแสงเรงขึ้นเรื่อยๆ ถ้าไม่มีเมฆมาบังเสียก่อน



ในที่สุดพระที่พวกเรารอ ก็มาถึงจนได้
สังเกตุจากการเดินนำของพระองค์ที่นำอยู่ด้านหน้าแถวแล้ว
ท่านเร่งจนทิ้งช่วงองค์ที่สองค่อนข้างยาวพอสมควร
อาจต้องหยุดรอ หรือไม่ก็ต้องให้พระองค์หลังวิ่งตาม
ในที่สุด...
พระองค์แรกก็หยุดรอ เพื่อตั้งขบวนใหม่

ที่ท่านรีบเดินขนาดนี้คงติดภาระกิจหลายอย่างนั่นเอง

สาเหตุคงเพราะวันนี้ เป็นวันเข้าพรรษา
วันพิเศษที่ตามปกติพระต้องอยู่วัด

แต่ด้วยภาระกิจพิเศษ จึงต้องออกมาบิณฑบาตร
เพื่อโปรดญาติโยม ที่เดินทางข้ามคืน ข้ามน้ำมาเยือน
ณ ดินแดนแห่งนี้ ปากเซ



ถึงแม้หลายๆคนจะอิ่มบุญ จนล้นเต็มปรี่
แต่ก็ยังต้องกินข้าวเช้าอยู่ดี
เรายังมีเวลาเหลือนั่งแช่อยู่หน้าจานอาหาร อยู่พอสมควร
บางคนกอดให้กำลังใจกันยามเช้า นี่แหละมั๊งกับพลังงานที่ไร้รูป
พลังที่เติมเต็มกับหลายๆคนทั้งที่ต้องการและบอกว่าไม่ต้องการ
ทั้งๆที่มนุษย์เรา ยังต้องการความรัก ความห่วงใย และเอื้ออาทรกันอยู่เสมอ


ผู้ที่ต้องการจะถูกเติมเต็มส่วนผู้ที่บอกว่าไม่ต้องการจะได้รับการปลดปล่อย
ปลดปล่อยออกจาก บรรยากาศแบบมาคุๆ เหมือนมิติคู่ขนานที่กำลังเออร์เร่อ

หลายๆท่านทำภาระิกิจส่วนตัว ทั้งการช๊อปและเข้าห้องน้ำ
รวมถึงการขัดรองเท้า ที่โรงแรมตั้งไว้หน้าทางเข้าห้องอาหาร
ผมเชื่อว่าพี่แอ้คงไม่ได้ตั้งใจอยากให้รองเท้ามันเงาเพิ่มหรอก
แต่อยากเล่น พอๆกับผมที่คิดว่าเป็นเครื่องต้มกาแฟรุ่นเก่าเอามาวางโชว์

ผมกับพี่แอ้ ชวนชาวเขมรสองคนที่เข้ามาเที่ยวเหมือนกันขัดรองเท้า
พร้อมการแนะนำจนดูเหมือนใกล้เป็นพนักงานโรงแรมไปทุกที
หลังจากได้คนทดลองเอารองเท้ามาขัด ก็สิ้นสุดภาระกิจ

พร้อมเดินทางสู่ "หลี่ผี" โดยต้องพากันข้ามน้ำ
ที่เรียกว่า "มหานที สีพันดอน”ที่ซึ่งมีเกาะกลางน้ำอยู่มากมายคาแม่น้ำโขงก่อน



การเริ่มต้นเดินทางเกิดขึ้นอีกครั้ง ทั้งๆที่เราเองก็อยู่ในทรปเดินทางอยู่
การเดินทางท่มีกิจกรรมเกิดขึ้นตลอดเวลา แม้กระทั่งการซอยผมบนรถ
และแน่นอน เมื่อมีการสอบถาม ผมก็กลายเป็นผู้ใช่บริการไป
แ้ม้คุณป้าจะตวัดหวีซอยแค่ 3 เพลงยุทธก็ตาม แต่ก็สร้างความมั่นใจให้กับผมเพิ่มขึ้น



เมื่อถึงท่าเรือ เราต้องข้ามน้ำโขงไปเพื่อจะข้ามไปอีกฝั่ง
และข้ามสะพานไปอีกแก่ง เพื่อให้ถึง หลี่ผี
สถานที่น้ำทุกสายไหลพุ่งเข้าหากัน



ช่วงเวลาแห่งการเดินทางที่ขึ้นรถ ข้ามเรือ ขึ้นรถ
ก่อนที่จะขึ้นรถอีกรอบพระอาทิตย์ก็ตรงหัวพอดี
โชคดีที่อาทิตย์ดวงโตถูกเบรคแสงไว้ด้วยก้อนเมฆที่เหมือนจะอุ้มน้ำไว้บนนั้น
และเมื่อพร้อมเมื่อไหร่ก็จะปล่อยละอองเล็กๆลงสู่พื้นให้เราได้ชื่นใจ

ได้เวลาอาหารกลางวันแล้ว ณ สถานที่แห่งนี้
มองเห็นสายน้ำที่ไหลพุ่งเข้ามาแล้วเล่นเอาเสียวเหมือนกัน
เห็นน้ำขุ่นแดงและชายฝั่งอีกด้านที่กว้าง เล่นเอาหลุมดำในจินตนาการเกือบเปิดอีกครั้ง
ถ้าไม่ติดที่อาหารข้างหน้า ตั้งรอพร้อมที่จะให้เราลุยแล้ว



เมื่อข้าวเหนียวเริ่มเรียงเม็ดในกระเพาะ
กิจกรรมการเดินถ่ายรูปเพื่อช่วยเขย่าลำไส้ก็เกิดขึ้น
ส่วนหนึ่งก็รอรถนั่นแหละ ที่ต้องเดินทางต่ออีกนิดเพื่อให้ถึงสถานที่หมาย
หันไปมองกล้วยที่ทางร้านห้อยไว้ให้เด็ดกินเล่นอยู่ 1 เครือ
ทุกอย่างเหลือแต่ภาพแห่งความทรงจำ เพราะภาพที่เห็น
คงเหลือแต่เปลือกและก้านที่แขวนท้าแดดลมให้เหี่ยวเล่นๆ

และแล้วการเดินทางในซอกเล็กๆ ก็เกิดขึ้นอีกรอบ



หลากชีวิต ต่างมุมมอง ต่างความสุข
ความสุขเล็กๆของเด็กตัวน้อยๆคนหนึ่งเราจะรู้ได้ไงว่าเขาต้องการอะไร
ที่แน่ๆหนึ่งในเด็กคนนี้ไม่ต้องการสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ไม่ต้องการแท๊ปเล็ท
สายตาที่จับจ้องของเขามีเพียงข้าวโพดปิ้งในมือของพี่ชาย
โอกาสที่อยากจะขอลิ้มลองสักคำ โอกาสที่เริ่มต้นและสิ้นสุดของใครบางคน



เมื่อถึงน้ำตกหลี่ผี หรือ ตาดสัมพะมิตร
ซึ่งเป็นน้ำตกที่ไหลกลางแม่โขงและไหลมาบรรจบรวมกัน
ด้วยแรงน้ำกระทบโขดหินจนทำให้เป็นหลุม เว้าแหว่งไปตามแรงน้ำ
น้ำธรรมดา ที่ทั้งอ่อนนุม ให้ประโยชน์ ให้พลัง และค่อยๆกัดกร่อน

ถึงแม้น้ำจะแรงแค่ไหนก็ยังมีคนนำ"หลี่"มาดักจับปลาจนได้
หลี่ที่เป็นภาษาของที่นี่ที่แปลว่าที่ดักจับปลา
เคยได้ยินมาว่า ถ้าอยากได้ปลาตัวใหญ่ ต้องตกในที่ลึก
แต่ตกในที่น้ำแรงๆแบบนี้ ปลาคงแข็งแรงน่าดู
และสุดท้าย......ก็ไม่รอดน้ำมือมนุษย์.......



ไม่รู้ว่าเป็นเพราะดักจับปลาด้วยหรือเปล่า
หรือว่าเป็นแหล่งรวมจากน้ำที่ไหลมาจากเกาะแก่งทุกทาง
ตามด้วยท่าบังคับที่สายน้ำต้องไหลลงสู่ที่ต่ำเสมอ ถึงแม้จะลอยขึ้นก็ตาม
ได้ไหลผ่านโขดหินที่ถูกขัดเกลาด้วยสายน้ำที่มีอยู่มากมาย
จึงมักจะมีศพคนตายมาติดและในภาษาลาว เรียกว่า “ผี”

นี่เองจึงเป็นที่มาของชื่อน้ำตกที่ชื่อว่า "หลี่ผี"
นึกถึงตอนกลางคืน คงเงียบสงัดน่าดู
คงมีแต่เสียงน้ำ ที่พุ่งชนหิน
ก่อให้เกิดเสียงเหมือนมีใครมายืนหายใจข้างๆรดต้นคอ



สายน้ำที่พุ่งมาชนกันเกือบทุกจุด ณ ที่แห่งนี้
ทำให้มีหลายๆมุมที่พร้อมเป็นแบล็กกราวให้ถ่ายรูป
เดินไปอีกนิดก็มี ย้ายจุดอีกหน่อยก็กลายเป็นอีกมุม
หลายๆท่านจึงพร้อมเป็น นายแบบและนายแบบถ่ายภาพกันอย่างสนุกสนาน
ใครรู้จักกัน ก็ถ่ายรูปด้วยกัน หรือเพิ่งรู้จักก็ยังถ่ายคู่กันไว้เก็บเป็นความประทับใจ



เมื่อถึงเวลากลับที่พักในเส้นทางเดิมที่เดินทางมาเมื่อเช้า
มีเวลาเหลือช่วงรอเรืออีกสักนิด สายตาก็เหลือบไปเห็นหม้อต้มกาแฟ
ที่ประดิษฐ์ขึ้นมาจากกาต้มน้ำ เจาะฝาเพื่อรับเอาพลังไอน้ำ

นี่ไงน้ำที่ไหลขึ้นข้างบน แต่ไม่ว่าจะขึ้นบนหรือลงล่าง
น้ำยังคงเป็นพลังงานสำคัญต่อมวลมนุษย์
ธรรมชาติกับมนุษย์ยังต้องพึ่งพากันอย่างเยกกันไม่ได้

จะว่าไปแล้ว ธรรมชาติไม่ต้องมีมนุษย์
คงปลอดภัยจากการถูกบุกรุกทำลายมากกว่า


แต่มนุษย์ยังคงขาดธรรมชาติไม่ได้
มนุษย์ยังต้องการอากาศบริสุทธิ์ไว้หายใจเพื่อรับอ๊อกซิเจน
มนุษย์ยังต้องการน้ำ อาหาร พืชผัก จนถึงชีวิตสัตว์อื่นเพื่อบำรุงร่างกาย
แต่การบริโภคอะไรที่เกินพอดี มักเป็นอันตราย
ไม่เราก็พวกเขาเหล่านั้นกับสิ่งมีชีวิตอื่นในธรรมชาติ

ตอนนี้ผมลืมไปแล้วว่าใครเคยแกล้งให้เจ็บใจ
ทั้งๆที่ตอนแรกคิดว่ามันจะเจ็บนาน และมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อเช้า
จากเหตุการณ์ที่จมหายไปกับกาลเวลานานแสนนาน
แต่.......ความเจ็บปวดในครั้งอดีต
ทำให้เรามีแผนการณ์ใหม่ๆที่พัฒนาขึ้นเพื่อป้องกัน
ทั้งจิตใจเราเอง และของผู้อื่น

อย่างน้อยเราก็ไม่อยากทำให้ใครเจ็บใจ โดยไร้เหตุผล ที่ไม่ใช่แค่เหตุผลของเราเอง
แต่ต้องเป็นเหตุผลทั้งสองด้าน ทั้งสองฝ่าย
ความเจ็บปวดถึงจะไม่เกิดขึ้น แต่กลับมีความเข้าใจเกิดขึ้นแทน

วันนี้อดวาดรูปอีกตามเคย
คงใช้วิธีเดิม คือ เก็บไว้ในภาพถ่ายและจินตนาการ
ไว้รอวันเวลาที่เหมาะสม จะได้ลงมือวาดซะที(เมื่อไหร่?)

ยังมีเรื่องราวอีกมากมายกับทริปลาวใต้ครั้งนี้
ไว้จะเอามาลงเพิ่มนะครับ ไม่กล้ากำหนด
แต่ถ้าจัดเวลาได้จะพยายามทำให้จบทริปโดยเร็ววันครับ

ติดตามตอนต่อไปตามนี้เลยครับ
• สบายดีปากเซ 4(ตอนจบ) : ชนเผ่าที่ตาดผาส้วม:29/07/11
• สบายดีปากเซ 3 : คอนพะเพ็ง ตาดฟาน:28/07/11
• สบายดีปากเซ 2 : หลี่ผี:27/07/11
• สบายดีปากเซ 1 : ปราสาทวัดพู:26/07/11



alphafo

Keywords : งานศิลป์ เที่ยลาวใต้ จำปาสัก ปากเซ หลี่ผี งานเสก็ตซ์ ดรอวอิ้ง วาดไปเที่ยวไป




 

Create Date : 27 กรกฎาคม 2554    
Last Update : 29 กรกฎาคม 2554 2:31:26 น.
Counter : 1601 Pageviews.  

สบายดีปากเซ 1 : ปราสาทวัดพู




วิกฤตที่ต้องข้ามผ่าน คือการต่อสู้ภายในตัวเอง
.....หลายๆครั้งที่เราต้องหลบลี้เพราะความกลัว

ไม่มีอะไร ขึ้นต้นเรื่องให้เท่ห์ๆเฉยๆ แค่นี้เอง
แค่นี้ที่ผมจะหาทางขึ้นต้นย่อหน้าแรกให้ผ่านก็แค่นั้น

จริงๆแล้วก็ตามนั้นแหละ เพราะว่ากว่าจะมีทริปนี้มาได้
หลายๆคนต้องฝ่าฟันผ่านด่านหลายๆด่าน
เพื่อมารวมตัวกัน เผชิญกับการเดินทางในครั้งนี้
แต่ปัญหามีไว้เพื่อทดสอบเราให้ผ่านพ้น
ไว้ทดสอบเราเพื่อก้าวข้ามบางอย่าง
ไว้ทดสอบเราเพื่อสามารถสร้างโอกาสให้กับตัวเอง

เราจึงต้องก้าวข้้ามผ่านในทุกเรื่องให้ได้ ด้วยตัวเอง

ทริปนี้ผมมีโอกาสเดินทางร่วมกับหลายๆท่าน
ที่ซึ่งพบในเวลาต่อมาว่า เป็นทั้งผู้แนะนำและมอบโอกาสให้กับหลายสิ่ง
มากมายเหลือเกินกว่าจะเอ่ยชื่อได้หมด
เอาเป็นว่า พวกเรากำลังจะเดินทางไปต่างประเทศ
ประเทศที่อยู่ติดกับประเทศไทยแลนด์ของเรา

ที่ในอดีตเกือบจะเป็นประเทศเดียวกัน
ถ้าไม่เกิดเรื่องราวแห่งการรักที่จะเป็นอิสระของชนชาติ เพื่อพ้นจากพันธนาการ
เรากำลังจะไป "ลาวใต้" แขวงจำปาสัก หรือ "ปากเซ"



การเดินทาง ที่ค่อนข้างเวียนหัวจากรถติด เพราะวันหยุดยาว
ทำให้เรามาถึงช้ากว่ากำหนดมากหน่อย มีอ่อนล้ากันบ้าง

แต่นั่นก็ไม่ใช่อุปสรรคในการที่เราต้องฝ่าไป
เป็นความสนุกอีกรูปแบบหนึ่ง ของความนิ่งของจิตใจ
ว่าเราจะรักษาโลกแห่งฝันกับความเป็นจริงให้สมดุลย์กันได้อย่างไร
ความจริงคือ ทุกอุปสรรค เราจะผ่านไปได้ด้วย ความเข้าใจ
และที่สำคัญ เลือกมุมที่จะมองอย่างสนุกและเป็นบวก



หลังจากผ่านด่านหลายๆด่านรวมถึงด่านช่องเม๊ก ที่จังหวัดอุบล
ข้ามสะพานข้ามแม่น้ำโขง ลาว-ญี่ปุ่น อันยาวเหยียด
แวะทานอาหารรองกระเพาะจนเต็ม



การเดินทางที่ช่วยลำไส้เล็กในการบิดย่อยอาหาร
พร้อมกับความโชคดีที่ฝนตกปรอยๆ และเพิ่งหยดไปก่อนเรามาถึง
ทำให้ถนนเส้นนี้ไร้ฝุ่น และเต็มไปด้วยความชุ่มชื่น
เขียวชะอุ่มสองข้างทาง
พร้อมทั้ง ผู้คนที่ตั้งโต๊ะไว้หน้าบ้านและสมุดบันทึกสำหรับจดเลขซื้อหวย
ตัวเลขที่มีขายอยู่แถบทุกซอกมุม ผ่านการตั้งโต๊ะจดอย่างสง่าผ่าเผย



และในที่สุดก่อนที่อาหารจะย่อยจนหมด
พวกเราก็เดินทางกันมาจนถึงที่นี่



ปราสาทวัดพูที่จดทะเบียนเป็นมรดกโลกเรียบร้อย
นั่นดิ๊ มรดกโลก แล้วทำไมบางประเทศถึงไม่ยอมร่วมเป็นมรดกโลกกับเขา
....อันนี้ ลึกๆ ไม่รู้.......ผมมึน เพื่อนๆบอกงั้น
ที่สำคัญคือผมเห็นด้วยกับเพื่อน ว่ามึนแบบไม่ต้องใช้ตัวช่วย

สาเหตุของความมึน คงเพราะมีโลกส่วนตัวมากเกินไป (มั๊ง)



ปราสาทวัพูตั้งอยู่บนเนินภูควาย เป็นปราสาทที่เทวสถานขอม
ที่สร้างก่อนยุคนครวัด ซึ่งมีรอยพระพุทธบาทที่ประทับอยู่บนหน้าผา
มีผู้คนหลากหลายที่ต่างก็รองรับน้ำศักดิ์สิทธิ์

ซึ่งเชื่อว่าสามารถรักษาโรคได้

บางคนอ้าปากรองรับเลยผมละเสียวแทนจริงๆ
หลายๆท่านรองน้ำใส่ขวดไว้ตามศรัทธาและความเชื่อ
ว่ากันว่าถ้าเอามาพรมตัวจะเป็นศิริมงคล ผมงี้แทบอยากจะเอาอ่างน้ำมารองไว้
แล้วลงไปแช่ให้รู้แล้วรู้รอด ลำพังพรหมตัวท่าจะเอาไม่อยู่

อีกด้านมีลานที่ใช้ในพิธีบูชายัญ
มี่มีร่องรอยบนโขดหินเป็นรูปจระเข้
เขาบอกว่าใช้บูชายัญ แทนสาวพรหมจารีย์



ด้านความเชื่อ ดูๆแล้วยังคงเชื่อแบบฮินดู
ซึ่งมีรูปสลักของลัทธิ ตรีมูรติไว้คาก้อนหิน
ผมเองอยากจะหามุมวาดเหลือเกิน แต่ดูๆแล้วกว่าจะได้วาดคงอีกนาน
วิธีหนึ่งคือเก็บไว้ในความทรงจำ
จากนั้นก็ถ่ายรูป และหาจังหวะลงมือวาดเมื่อพร้อม
ผมทำแบบนี้ประจำ และก็ประจำอีกนั่นแหละคือ ไม่ได้วาดสักที เฮ้อ!



ผมเก็บรูปให้มากที่สุดเท่าที่เวลาและหน้าที่จะอำนวย
มองบริเวณกว้างจากด้านบนไปรอบๆ
ทำให้นึกถึงความรุ่งเรืองในอดีตของหลายๆอาณาจักรโดยเฉพาะขอม
ผมนึกถึงประเทศที่อยู่รายรอบที่มีงานศิลป์ที่คล้ายกัน

จนถึงขั้นเหมือนหรือลอกแบบกันมา ไม่ว่าจะเป็นช่างที่สร้างหรือผู้ที่ให้สร้าง
แต่ละที่แต่ละแห่งอยู่กันสลับไปมาเหมือนสับขาหลอก
แล้วนี่ถ้ามานั่งตีเส้นตามงานศิลปะจะตียังไงละเนี่ยะ
แต่สงสัยไปก็เท่านั้น เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้เสมอบนโลกเบี้ยวๆใบนี้



การสร้างสรรค์ การแกะหิน แบกหินหนักๆ
ที่หมู่มวลมนุษย์ได้สรรค์สร้างขึ้น ต้องใช้ความอดทนช่างน่าภูมิใจแทนจริงๆ
แกะหินเป็นลาย ยังทำได้ยืนยาวมาจนถึงป่านนี้ ไม่รู้สร้างนานแค่ไหน
แต่ที่แน่ๆ เราทำไม่ได้ ผมทำอย่างคนในอดีตไม่ได้
และแน่นอน มนุย์ในอดีตก็ทำไม่ได้อย่างผมเช่นเดียวกัน


ร่องรอยแห่งกาลเวลา ปรากฎอยู่รายรอบมากมาย
มีผู้คนหลายๆประเทศเข้ามาชม ถ่ายรูป เอาน้ำมาดิ่ม พรหมตัว
จุดธูปไหว้พระกันอย่างมากมาย
ส่วนผมกำลังมองภาพในอดีตของสถานที่แห่งนี้ ว่ายิ่งใหญ่เพียงใด
และที่สำคัญ ผู้ที่ยิ่งใหญ่เหล่านั้น หายไปไหนกันหมดแล้ว
ทุกอย่างกลายเป็นอดีต อำนาจ และการครอบครองกลายเป็นตำนาน



วันนี้ ที่แห่งนี้ มีผู้คนมากมายต่างเหยียบย่ำไปในที่ๆเมื่อก่อนไม่มีใครกล้า
มนุษย์ธรรมดาอย่างเราสามารถกระโดดขึ้นลงบันไดอย่างสบายใจ(ถ้าไม่เหนื่อย)
ทั้งๆที่ถ้าเป็นเมื่อก่อน กระโดดมั่วๆ อาจโดนกระทืบหรือหัวหลุดจากป่าได้ง่ายๆ
นี่แหละอำนาจที่แท้จริง อำนาจแห่งกาลเวลา

ในขณะที่มนุษย์ตัวจ่อยกลับหลงไหลได้ปลื้มกับสิ่งที่ได้รับจากพวกเดียวกัน
เพียงชั่วคราว ชั่วคราวเท่านั้นเอง



ขากลับลงมาเจอควายอยู่หลายตัว แต่มีตัวหนึ่งพิเศษกว่าตัวอื่น
เพราะกำลังจมปลักอยู่ เผอิญหูผมได้ยินคนด้านหน้าคุยกันว่า
สงสัยปลักมันท่าจะเย็นเนอะ ควายถึงชอบจมอยู่ในปลัก

นั่นดิ๊! ผมเองก็ว่างั้น ผิวหนังเขาคงร้อนจึงต้องหาปลักโคลนลงแช่ตัว
แช่เพื่อให้สบายกาย สบายใจ เมื่อสบายควายก็เลยติดปลัก
จมปลักอยู่อย่างนั้น ไม่ลุกเดินตากแดดไปไหนอีก เพราะติดสบาย
ว่าไปโน้น.....
และเมื่อปลักนั้นแห้ง ควายก็หาปลักใหม่ต่อไป ฮืมมม...
จะเข้าตัวไหมเนี่ย แหะๆๆ

ชมภาพรวมตัวอย่างก่อนนะครับ
ยังมีอีกหลายที่ครับ คงต้องทยอยเอาลงเรื่อยๆ
เพราะถ้าเร่งเอาลงหมด อาจขาดสิ่งเล็กๆที่ผ่านตาไป
ตอนหน้านะครับ

ติดตามตอนต่อไปตามนี้เลยครับฒฝิฬ
• สบายดีปากเซ 4(ตอนจบ) : ชนเผ่าที่ตาดผาส้วม:29/07/11
• สบายดีปากเซ 3 : คอนพะเพ็ง ตาดฟาน:28/07/11
• สบายดีปากเซ 2 : หลี่ผี:27/07/11
• สบายดีปากเซ 1 : ปราสาทวัดพู:26/07/11









alphafo

Keywords : งานศิลป์ เที่ยลาวใต้ จำปาสัก ปากเซ งานเสก็ตซ์ ดรอวอิ้ง วาดไปเที่ยวไป




 

Create Date : 26 กรกฎาคม 2554    
Last Update : 29 กรกฎาคม 2554 2:31:52 น.
Counter : 1281 Pageviews.  

แยกหนึ่งของการเดินทางในพิษณุโลกกับแกลอรี่ทีมีกาแฟ




หาแต่เรื่อง มีหลายคนเคยบอกกับผมไว้
.....ว่าผมชอบหาเรื่อง

ก็ใช่ดิ๊หาเรื่องมาเก็บไว้ในความทรงจำ
ที่มีขมองอิ่ม อวบ (หัวโต) มาเก็บไว้ให้เพลิดเพลิน บันเทิงใจเล่น

ก่อนหน้านี้ ในพิษณุโลก
ดินแดนที่ผมมักสัญจรโดยการเดิน หรือ ปั่นจักรยานไปทั่ว
ผมได้เก็บเกี่ยว บันทึกหลายสิ่งอย่างไว้ (เดี๋ยวจะรวมไว้ให้ในตอนท้ายนะครับ)
และ ตอนนั้นกับตอนนี้ทุกอย่าง ก็เปลี่ยนไป
เปลี่ยนไปเหมือนกับเส้นขนบนหนังหัวอวบๆของผม
ที่รูขุมขนเริ่มห่างขึ้นทุกที ทุกที

อย่างที่รู้ๆ(หรือไม่รู้) ผมนั้นเป็นคนที่ชอบงานศิลปะ
งานภาพวาด ชอบงานสวยๆมั่ง ไม่สวยมั่ง
ที่ทั้งไม่ต้องคิดมาก และคิดมากเป็นบางที
ทำเองบ้าง ดูของชาวบ้านเขาบ้าง ตามแต่อารมณ์จะเรียกร้องว่าให้ทำอะไรก่อน
แต่ก็ไม่สัดทัดในการที่จะออกไปโลดแล่น ลุยเล่นกันกับบรรดาศิลปิน
ที่ทำงานศิลปะและจัดแสดงงานกันในที่หรูๆสุดแสนอลังการ งานสร้าง

นักวาดภูธร ก็อยู่แบบภูธร ไปแบบเดี่ยวๆ ลุยโด่ๆ(หัวโด่)
หาโน้น นี่ นั่น ไปตามเรื่องตามราว เสร็จแล้วก็เอามาลงบล๊อก
เพื่อแบ่งปันสิ่งที่ได้พบเจอมา ให้คนธรรมดาๆอย่างเราๆท่านๆได้สัมผัสกัน




ริมน้ำพิษณุโลก ตอนช่วงเทศกาลหรือไม่่เทศกาล
ก็จะคึกครื้น คึกคักกันตั้งแต่เย็นมาออกกำลังกาย เขียนรูปเล็กๆ
เด็กตัวน้อยๆ ครอบครัว หนุ่มสาวมานั่งระบายสีกัน บริเวณริมแม่น้ำยาวเหยียด
ผมมาสะดุดตาก็บริเวณส่วนกลาง ที่ใกล้กับ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวนี่แหละครับ
ที่มีร้านกาแฟ ที่มีงานศิลป์เรียงราย จัดแสดงงานศิลป์เป็นช่วงๆ

มีเหรองานแบบนี้ที่ผมจะพลาด




คืนนั้นผมพยายามถ่ายภา่พเก็บไว้ แถมฝากฝังรายชื่อไว้ในสมุดเยี่ยมชม
เผื่อว่าวันหนึ่ง จะมีโอกาสได้มานั่งเล่นเน็ตฟรี + ชมงานศิลป์ เคล้ากลิ่นกาแฟ
แน่นอน...ผมต้องสั่งเอสเพรสโซมาวางไว้ใกล้ๆตัวสักแก้ว

ในที่สุดสายๆวันหนึ่งซึ่งไม่นานเกินกว่าภาพถ่ายจะหมดอายุ
ผมก็ได้มีโอกาสเข้ามานั่งจิบกาแฟในนี้
หลักๆก็อยากเข้าไปดูงานแบบเต็มๆนั่นแหละ




ความเงียบที่ครอบงำด้วยสมาธิ ถูกคลุกเคล้า
และเติมเต็มไปด้วยจินตนาการในภาพวาด ที่วางเรียบกันอยู่เต็มห้อง
เป็นลักษณะงานอิมเพรสชั่นนิสม์(Impressionism) สไตล์ที่ผมหลงไหล


ดูภาพ จิบกาแฟ + เรียบเรียงความคิด ไปเรื่อยๆ
คิดไปไหนต่อไหนถึงไหนๆ....




กระทั่งผมมีโอกาสได้พูดคุยกับพี่เจ้าของร้านที่ชื่อคุณเก๋
คุณเก๋บอกว่า ที่นี่เปิดกว้างเรื่องงานศิลปะ ใครๆก็มาจัดแสดงและใช้สถานที่ได้
คุณเก๋อยากเห็นวงการศิลปะในพิษณุโลกนี้คึกคักมาบ้าง
ผมเองก็คิดแบบนั้น เพราะมนุษย์เรานอกจากรับอาหารทางกายตามปกติแล้ว
น่าจะบริโภคอาหารทางใจผ่านงานศิลปะ
ที่เหมือนกับเป็นอาหารออแกนนิกทางอารมณ์บ้าง เหมือนข้าวกล้อง




คุณเก๋เล่าว่าผลงานนี้เป็นของศิลปินคนหนึ่งที่ชื่อ "มานะ กวางสือ"
ศิลปิน ที่ไม่ได้อ้างตัวว่าเป็นศิลปิน เป็นเพื่อนของเขาเอง
ที่อยากสร้างผลงานบนสิ่งที่ตนหลงใหลในธรรมชาติ ป่าเขา แม่น้ำ
ฝากถ่ายทอดผลงานผ่านอารมณ์ ความรู้สึก
ออกมาทางภาพวาดที่เต็มไปด้วยสีสันอยางสีน้ำมัน

และพวกเขาก็จบ มช.มาด้วยกัน เพียงแต่คนละคณะเท่านั้นเอง
สำหรับผมเอง มช. ก็ไม่ได้ใกล้จากที่ผมเรียนอยู่ ระหว่างเจ็ดยอดกับตีนดอยเท่าไหร่นัก
อยู่ตรงข้ามกันแค่นั้นถือว่ามาจากแหล่งผลิตเดียวกัน แต่คนละเตาเผาเท่านั้นเอง




เสียดายที่ผมไม่ได้มีโอกาสคุยกับคุณมานะแบบจังๆ



ได้แต่ขออนุญาติผ่านทางคุณเก๋ ถึงการนำเสนอผลงานแบบอิมเพรสชั่นนิสม์นี้
มาแบ่งกันชม เพื่อความบันเทิงใจ หรือเป็นตัวอย่างแนวคิด การใช้สี
ให้กับหลายๆท่านที่กำลังฝึกฝนวาดภาพ ดูภาพ
หรือชื่นชอบกับงานศิลปะผ่านทางบล๊อกเล็กๆนาม ALPHA FO แห่งนี้
เป็นอีกหนึ่งผลงานอันหลากหลายที่จิตรกรร่วมสร้างสรรค์เติมแต่งสีสัน
ให้กับดาวเคาระห์สีน้ำเงินที่หมุนรอบดวงอาทิตย์ดวงนี้




ก่อนกลับผมมีโอกาสเสก็ตซ์ภาพง่ายๆ
ด้วยแท่งถ่าน charcoal ให้กับคุณเก๋ ไว้เป็นที่ระทึก อ่ะจ๊าก.. ระลึก(มุกเก่าแป๊ก)
ภาพนี้ยอมรับจริงๆว่าทั้งล้าและรีบ แต่ก็ผ่านพ้นไปได้
คุณเก๋บอกว่าชอบ ไม่รู้ว่าด้วยมารยาทหรือชอบจริงๆ
แต่ผมตีความ(เข้าข้างตัวเอง)ไปเรียบร้อยว่าชอบมาก แหะๆๆ
ถึงแม้ภาพวาดผมจะไม่ค่อยสวยงามไปมากมายกว่าปกติ
แต่ เชื่อเหอะว่าใจผมน่ะ หล่อมากกก
^^"




หากใครผ่านไปพิษณุโลก สถานที่นั่งพักอารมณ์อีกแห่งที่อยากแนะนำให้สัมผัส
ก็ที่นี่เลยครับ coffee mania บริเวณริมแม่น้ำน่าน พิธภัณฑ์แพ ใกล้กับศูนย์ข้อมูลการท่องเที่ยวพิษณุโลกพอดี

เอาไว้มีโอกาสผมจะพาไปล่องแม่น้ำน่าน บนเรือครับ(หรือจะลอยไปดี)
เที่ยวไป วาดไป เพลินดีจริงๆ
นั่นไง ! ....หาเรื่องอีกจนได้ แหะๆๆ

อ่ะ! ...เกือบลืม ผมเอาลิงค์ที่ต่างๆในพิษณุโลกมาฝากครับ
ค่อยๆ เก็บรวบรวมเขียนมาเรื่อยๆในวันว่างและโอกาส
มีที่ไหนบ้าง ลองเข้าชมตามอัธยาศรัยเลยครับ

• แยกหนึ่งของการเดินทาง ณ ร่มโพธิ์ (พิษณุโลก) 2
• แยกหนึ่งของการเดินทาง ณ ร่มโพธิ์ (พิษณุโลก) 1
• แยกหนึงของการเดินทางในบ้านหมึกจีน (พิษณุโลก)2
• แยกหนึงของการเดินทางในบ้านหมึกจีน (พิษณุโลก) 1
• Sketch on_ พิษณุโลก
• SketchCrawl Day 24th On Phitsanulok:



alphafo

Keywords : งานศิลป์ เที่ยวพิษณุโลก งานเสก็ตซ์ ดรอวอิ้ง วาดไปเที่ยวไป ศิลปะสีน้ำมัน coffee mania ร้านกาแฟ




 

Create Date : 27 มิถุนายน 2554    
Last Update : 28 มิถุนายน 2554 16:07:48 น.
Counter : 6161 Pageviews.  

แยกหนึ่งของการเดินทาง ณ ร่มโพธิ์ (พิษณุโลก) 2




เป็นที่น่าชื่นใจครับสำหรับเรื่องราวของเตี่ยกับผมในตอนแรก
ที่มีคนชอบ ถึงแม้จะความคิดเห็นที่มีมาให้จะน้อยเต็มที
แต่ก็เติมเต็มไปด้วยมิตรภาพ หรือดูจากสถิติการชมก็เป็นอันน่าชื่นใจละครับ
จะเข้ามาพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันบ้างก็ยังดีครับในแต่ละบทความ
ได้เรื่อง หรือไม่ได้เรื่องก็ว่ากันไป หรือเข้ามาแค่ทักทายลงชื่อไว้ให้ชื่นใจ
ก็เป็นกำลังใจในการหาเรื่อง ฮืมม..หางานเกี่ยวกับอาร์ตๆมาลงกันอีกต่อไป

สำหรับท่านที่ยังไม่ได้ชมตอนแรกก็ที่นี่เลยครับ
แยกหนึ่งของการเดินทาง ณ ร่มโพธิ์ (พิษณุโลก) 1ที่ลงไว้เมื่อวันที่14/06/11
กับการที่เตี่ยพาผมไปดูภาพวาดที่วัดจูงนาง
และงานปฏิมากรรมที่วัดจุฬามณี

คราวนี้ผมจะพามาชมงานศิลป์ของเตี่ยกันครับ
ตามที่ผมได้สัญญาไว้
ภาพทั้งหมดผมขออนุญาติเตี่ยนำมาเผยแพร่เพื่อเป็นข้อมูล
และแรงจูงใจสำหรับคนที่มีใจรักหรือกำลังจะมีใจรักในงานศิลปะ



เตี่ยทำงานไว้หลายชิ้น
แต่ด้วยการกลับมาเริ่มต้น(อีกครั้ง)เมื่อวัยเกือบ 70 เข้าไปแล้ว
ซึ่งเตี่ยเองบอกกับผมว่า เตี่ยก็เหมือนกับมนุษย์ทั่วๆไปแหละครับ
ที่ต้องอดทนทำงานประกอบอาชีพเพื่อให้ได้เงินมาเพื่อจุนเจือครอบครัว
แต่ก็ไม่ได้ทิ้งงานศิลป์ไปไหนนะครับ เพียงแต่ไม่ได้เขียนภาพเท่านั้นเอง


(นี่ขนาดทิ้งพู่กันไปนานนะเนี่ยะ)





เตี่ยเล่าว่า.....
ได้ศึกษาเรื่องประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม ของเก่า มาตั้งแต่ยังหนุ่มๆ
จนกระทั่งเริ่มหันกลับมาเขียนภาพอีกครั้งในวัยที่เตี่ยบอกว่า

"ยังไม่สายเกินไป ความอดทน ความละเอียดรอบคอบ ยังอยู่กับเรา
โดยงานศิลป์ครั้งนี้ เตี่ยจะทำจนกว่ามือจะสั่นเขียนไม่ได้
หรือตาฝ้าฟางมองไม่เห็นภาพ เขียนรูปไม่ได้"




"เธอโชคดีที่ทำในสิ่งที่เธอรักตั้งแต่ตอนนี้ เตี่ยเองก็วาดอย่างเธอไม่ได้
...แต่เธอต้องอดทนนะ"


ผมงี้อึ้งเหมือนโดนมนต์สะกด
อึ้งถึงโอกาสที่เราจะยังสามารถสร้างงานได้อย่างเต็มที่
ในขณะที่เรายังสดอยู่ ถึงแม้บางทีหรือหลายๆที
ความอดทนจะมีค่อนข้างจำกัดในการเก็บรายละเอียดขนาดนี้

แต่ก็ไม่ได้หมายความว่า เราเองจะฝึกฝนไม่ได้เหมือนกัน

เป็นขุมพลังงานใหญ่ทีเดียว สำหรับร่มโพธิ์แห่งนี้
กำลังใจที่เหมือนน้ำมารดต้นไม้ที่ดินแห้ง และไม้เริ่มเฉา อย่างผม

ก็ไม่มีอะไรมากหรอกครับที่หลายๆครั้งเราเองต้องว่ายทวนกระแส
กระแสที่ถูกใครหลายๆคนได้สร้างขึ้นเพื่อให้เราวิ่งวนอยู่ในนั้น
วนจนหลายๆครั้งเราเพลอตกในหลุมที่เราขุดไว้ขึ้นมาเอง
หลุมแห่งความอยาก ความต้องการ



นี่แหละครับ ความละเอียดในทุกเม็ดของงานเตี่ย ณ ร้านร่มโพธิ์แห่งนี้
ที่อยู่มากว่า 50 ปี



แต่ละภาพเห็นการณ์จะอยู่ในช่วงตั้งแต่สมัย ลพบุรี มาจนถึงอยุธยา
โดยเฉพาะ ช่วงอยุธยาตอนต้นยุคที่กำลังรุ่งเรืองสุดขีด
การแลกเปลี่ยธรรมเนียมประเพณี
ตลอดถึงการแทรกผ่านทางอารยธรรมต่างๆ ล้นทะลักเข้ามาในสยามของเรา



มีคนมาขอซื้อภาพเตี่ยเยอะมาก
แต่เตี่ยไม่ขาย
โอ้.......เอาเป็นว่าใครอยากจะซื้อก็อด
ได้แค่มองกันเฉยๆ








กับงานที่หลากหลายทั้งด้านศาสนาและวัฒนธรรมประเพณีในตอนนั้น
ครั้งที่กลุ่มชาวสยาม กลุ่มชนแห่งหนึ่งของดาวโลก
มีเรื่องราวใหม่ๆเกิดขึ้นภายในกลุ่มชนเล็กๆ เขตแดนแห่งนี้







เรื่องราวการเดินทาง การตามหา ที่ไม่มีที่สิ้นสุดของมนุษย์
ผู้คนในทุกยุคสมัย ที่ต่างตามหา ทำหลายๆสิ่ง
ทั้งทำตามหัวใจของตนและของผู้อื่น อยู่อย่างพึ่งพาอาศัยกันและกัน
การตามหา การเดินทาง ที่หลายๆครั้งหลายคนเอง
ยังไม่รู้เลยว่าเดินตามหาอะไร และจะไปสิ้นสุดที่ตรงไหน
และบางคนกำลังเดินตามหาเส้นขอบฟ้าอยู่ เส้นขอบที่ไม่มีวันจะเดินไปถึง




ตามธรรมเนียมครับ แต่คราวนี้ผมขอวาดภาพเตี่ยด้วยสีชอล์ก
หลังจากที่เสก็ตซ์งานให้หลายๆท่านที่ได้เจอะเจอ
ด้วยแกรยบองบ้าง ชาร์ลโคลบ้าง ภาพนี้เข้ามาขอวาดให้เตี่ย
ตั้งแต่ตอนเข้ามาขอข้อมูลไปเขียนหนังสือแล้วล่ะครับ




ก่อนกลับรอบนี้ ผมถามถึงความเป็นมาของป้ายที่ฉลุด้วยไม้เป็นตัวอักษร
เตี่ยบอกว่าเอาไว้เตือนใจ เตือนสติลูกหลาน ถึงบางสิ่งที่ได้ผ่านพบมา
ซึ่งเรียงรายกันอยู่สองด้านของข้างห้อง
ยังมีอีกมากมายครับ ที่ผมเอามาลงได้ไม่หมด
เอาไว้ ใครมาเที่ยวพิษณุโลก ก็แวะเยี่ยมชมพูดคุยกันได้ครับ
ที่ร้าน"ร่มโพธิ์"แห่งนี้ ร้านที่ไม่ยอมขายของ
แต่เมื่อเข้ามาจะได้ประสบการณ์ดีๆ กลับไปอย่างไม่รู้ลืมครับ




alphafo

Keywords : งานศิลป์ เที่ยวพิษณุโลก งานเสก็ตซ์ ดรอวอิ้ง วาดไปเที่ยวไป ศิลปะลายไทย




 

Create Date : 20 มิถุนายน 2554    
Last Update : 28 มิถุนายน 2554 12:09:21 น.
Counter : 2252 Pageviews.  

แยกหนึ่งของการเดินทาง ณ ร่มโพธิ์ (พิษณุโลก) 1




การเดินทางของชีวิต ที่ไร้การกำหนด
แต่ก็ไม่ได้หมายความถึงการปล่อยปะละเลย
ช่วงหนึ่งๆของชีวิต บนทางเดินที่เราเลือก
มักจะมีแรงดึงดูดจากสิ่งนั้น ดึงให้เราเข้าไปหาเสมอ


ไม่ว่าจะเป็นผู้คน ผลงาน หรือสิ่งแวดล้อมต่าองๆ
ที่ถูกดึงมาให้ข้องเกี่ยว และเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต
ไม่มากก็น้อย

แล้วสิ่งเหล่านั้น จะเหมือนกับตัวต่อจิ๊กซอว์เล็กๆ
ที่รอประกอบเติมจนเต็มภาพให้เราได้ชื่นชม
บนผืนภาพที่สมบูรณ์ สวยงาม




ในซอกซอยของความเจริญในอดีต
ที่มีโรงหนังใหญ่โต เป็นศูนย์รวมสินค้า
ที่ปัจจุบัน ถูกปล่อยให้เสื่อมโทรมไปพร้อมๆกับตึกแถวที่รายรอบ
ก็พลอยหมดสิทธิ์ที่จะค้าขายไปด้วย

มีหลายๆห้องยังคงความเป็นตัวตนอยู่
ไม่ว่าจะเป็นคลีนิค หรือสำนักทนาย หรือร้านขายข้าว
ขายสินค้าลดราคา และอื่นๆอีกหลายหลาก
เพราะอยู่ตรงข้ามกับโรงพยาบาล ที่คนมีตังค์มักเข้าไปใช้บริการ

ชุมชนแห่งนี้มีอยู่ห้องหนึ่งที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อยเลย
ที่แห่งนั้นคือ ร้านร่มโพธิ์

ร้านที่มีชายสูงวัย นั่งวาดภาพรูปแบบไทยๆอยู่อย่าง สงบและเยือกเย็น



ผมรู้จักกับ อาจารย์ทองเทพ ภมรกุล มานานพอสมควร
สำหรับผม การได้รู้ถึงเรื่องราวของคนๆหนึ่งอย่างมากมาย
ที่รวมมาเป็นเรื่องเล่าที่ย่อแต่ใจความสำคัญมาให้เรา กับระยะเวลาร่วม75ปี

คงการันตีได้ว่า รู้จักได้นานทีเดียวกับเวลาที่ผ่านมาซึ่งมากกว่าอายุผมซะอีก

ความสนิทสนมทำให้ผมเรียก อ.ทองเทพ ซึ่งเป็นศิษย์อีกรุ่นหนึ่ง
ของ อ. เหม เวชกร ว่า"เตี่ย"


การเดินทางของผมกับเตี่ย เป็นความสุขอีกรูปแบบหนึ่ง
ของผู้ชายสองวัย ที่ใช้สองหารอายุก็เกือบลงตัวพอดี
การดูงานศิลปะ ชมงานสถาปัตยกรรมในอดีต
กระทั่งถึงงานปฏิมากรรม ที่มาในรูปแบบของความเชื่อของผู้คนแต่ละยุค
ทำให้เราคุยกันอย่างไม่รู้จักเหนื่อยทุกครั้ง บนกองข้อมูล
ทั้งจากประสบการณ์ที่ผ่านมา และข้อมูลที่ใช้อ้างอิง



เราคุยกันถึงภาพวาดเก่าๆในอดีตที่ยังหลงเหลือในพิษณุโลก
เมืองที่อายุ อานามไม่น้อยเลยทีเดียว

กระทั่งเตี่ยชวนผมออกเดินทางไปเพื่อดูภาพโบราณบนผนังโบสถ์เก่า
ที่วัดจูงนาง หรือวัดศรีรัตนาราม ที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำน่าน ไปทางทิศตะวันตก
ซึ่งมีตำนานเกี่ยวกับเรื่องราวของความรักและศักดิ์ศรี ณ ที่แห่งนี้ในสมัยอดีต
หญิงสาวซึ่งมีความสวยงามหน้าตา ผิวพรรณประดุจทอง ต้องถูกเรียกเข้าวัง
จนกระทั่งนางขัดขืนและยอมจากโลกนี้ไปด้วยการกลั้นใจตาย ก่อนลงเรือ

นี่แหละครับ ผมว่าทุกที่มีเสน่ห์และมีที่มาของตัวเอง
มีตำนานไว้เล่าต่อ สืบขาน ถึงความเศร้า สุข ทุกข์ สมหวัง รื่นเริง
ผสมผสานปนเปกันไป เหมือนกับภาพที่เหลือเพียงภาพเดียวบนพนังแห่งนี้
กับการเป่าแคนและรำกันอย่างสนุกสาน
ซึ่งดูจากเส้นสายแล้ว คงเป็นช่างที่มีฝีมือและจิตนาการดีทีเดียว
ถึงจังหวะการเต้นและเล่นดนตรีในงานรื่นเริงของทั้งคู่
บนพนังโบสถ์เก่าแห่งนี้ ซึ่งอยู่ประมาณในยุคสมัยอยุธยา

และคงเหลืออยู่ภาพเดียว ณ ที่แห่งนี้

มองๆดูแล้วไทยเราเองในสมัยนั้นที่ชาวบ้านข้างๆเราเรียกเราว่า "เสียม"
หรือ"สยาม" ยุคนั้นเราต้องออกต่อสู้ ทั้งแย่งชิงและป้องกัน
ยุคนั้น ชาวลาวเองก็ต้องถูกต้อนมาเป็นเชลยในประเทศ
และต้องถูกแบ่งมาเลี้ยงวัว ม้า ปลุกผัก ตามหัวเมืองหน้าด่าน หรือในเมือง
ทำให้ขนบธรรมเนียมประเพณีของชาวลาว ได้ถูกกาลเวลาหลอมรวม
ผสมปนกับชนชาติที่เข้าไปอยู่ด้วยอย่างไม่ทันได้รู้ตัว
ถึงการหลอมรวมวัฒนธรรมอย่างเหนียวแน่น ของทั้งสองวัฒนธรรม



งานเชิงศิลป์ของช่างแต่ละสกุล อีกแห่งที่เตี่ยอยากพาผมไปสัมผัส
คือวัดจุฬามณี วัดที่สมเด็จพระบรมไตยโลกนารถทรงผนวชอยู่ที่นี่
ประมาณปี พ.ศ. 2008 และทรงนำเกศาไปไว้ ณ ยอดพระปรางค์แห่งนี้
เลียนแบบพระพุทธเจ้า ที่ทำแบบนี้เหมือนกัน



รอบๆยังมีงานเดิมๆให้ดูอยู่ได้บ้าง อย่างรูปหงษ์ที่ติดอยู่ข้างวิหารเดิม
ที่บางตัวผ่านการซ่อมแซมไปเรียบร้อยแล้ว ด้วยฝีมือของเตี่ยเอง
แต่ที่ติดใจอีกอย่างคือ ทำไมเขาต้องทำประตูหลอกแบบตันๆไว้ถึงสามด้าน
และมีทางเข้าอยู่ทางเดียว ซึ่งอีกทางด้านข้างเหมื่อเดินออกมา
ก็ต้องเดินอ้อมกลับมาลงทางเดิม

"หรือว่าเป็นประตูทะลุมิติ?? " ความที่สมองฟุ้งซ่านกระจาย
เต็มไปด้วยจินตนาการของผม ทำให้อดที่จะหาคำตอบไม่ได้
ว่ามีโอกาสสักวัน จะมานั่งวาดภาพที่นี่ ที่ๆเขาว่าตอนกลางคืน.. บรื๋ออออ..



ดูๆแล้ว ผมพาเตี่ยเดินดูโน้น นี่ (เอ๊ะ ! เตี่ยพาเดินดิ๊)
เตี่ยคงเหนื่อยน่าดู รวมทั้งผมด้วย แหะๆๆ



กลับมาถึงร่มโพธิ๋ ที่ร่มรื่น เตี่ยหยิบพระหลายองค์มาให้ผมเลือกดู
ตามแต่ละยุคสมัย พร้อมกำชับให้รีบวาดซะ ก่อนที่จะเปลี่ยนมือไป
หรือบางชิ้นก็เป็นพระที่เตี่ยสะสมไว้

"ระหว่างภาพถ่ายกับวาด ฉันชอบภาพวาดนะ วาดไม่ต้องเต็มแบบถ่าย
ปล่อยๆให้ได้อารมณ์ของภาพ ที่เราจะทำในอารมณ์นี้ได้
เพียงครั้งเดียวเท่านั้น"
เตี่ยพูดกับผม
ถึงการวาดที่ไม่ต้องเกร็งกับความเหมือนหรือไม่เหมือน
เน้นถึงอารมณ์และบรรยากาศอารมณ์ ณ เวลานั้น

"เพราะภาพๆนี้ จะมีเพียงชิ้นเดียวในโลก" เตี่ยว่างั้น



หลายวัน กับหลายๆภาพที่ผมไปขลุกที่ที่ร่มโพธิ์อันแสนร่มเย็นแห่งนี้
เตี่ยเลือกเอาพระพุทธรูปแต่ละยุคมาบอก ให้ดูลักษณะ
ถึงยุคต่างๆ ทัั้งสมัย อู่ทอง สุโขทัย อยุธยา
จนถึงพระที่มากด้วยเครื่องทรงอย่างรัตนโกสินทร์



แต่เครื่องทรงนี้ก็ไม่ได้จำกัดอยู่แค่นี้ เพราะมีมาทุกยุคสมัยตามคติความเชื่อ
ที่เราได้รับกันมารุ่นต่อรุ่น ถึงการส่งผ่าน แทรกซึม จนกระทั่งการครอบงำ
เพราะทุกสมัยเมื่อทำสงครามชนะแล้ว ก็ต้องกลืนทางวัฒนธรรมเข้าไปด้วย

และสมัยนี้ก็เช่นเดียวกัน เราถูกกลืนวัฒนธรรม
บางสิ่งหลายอย่างถูกหลอมรวมกันไป แต่ก็ไม่ใช่เรื่องที่ต้องตกใจจนเกินงาม
เพราะเราก็เอาของเขามา เขาก็เอาของเราไป ต่างคนต่างอยากลองของใหม่
คงคิดกันแบบนั้นมั้ง

เหมือนกับมนุษย์ตั้งแต่ยุคเริ่มต้น
ชนเผ่าอารยันที่รุกไล่ ทราวิฑ และต่างฝ่ายต่างถูกซึมผ่านวัฒนธรรมความเชื่อกันไปมา
ผู้ชนะทางกำลังกลับถูกกลืนด้วยควาามเชื่อจากผู้พ่ายแพ้
นี่แหละความเป็นชนเผ่านักล่าของมนุษย์ที่มีมาทุกยุคสมัย




นี่แหละครับการเดินทางช่วงสั้นๆช่วงหนึ่งในชีวิตของผม
ยังมีเรื่องราวของผมกับเตี่ยอีกครับ
คงมีโอกาสได้เอามาลงอีกสักตอน
หรือถ้าติดลม มีคนชอบก็อาจมีอีกหลายๆตอน
ไว้คราวหน้าครับ จะพาไปชมงานของเตี่ยกันแบบเต็มๆกัน


ตอนที่สองคลิ๊กที่นี่เลยครับ
แยกหนึ่งของการเดินทาง ณ ร่มโพธิ์ (พิษณุโลก) 2 20/06/11


Key words : งานศิลป์ เที่ยวพิษณุโลก งานเสก็ตซ์ ดรอวอิ้ง พระพุทธรูป วัดจุฬามณี วัดจูงนาง วาดไปเที่ยวไป ศิลปะลายไทย




 

Create Date : 14 มิถุนายน 2554    
Last Update : 20 มิถุนายน 2554 9:11:14 น.
Counter : 1966 Pageviews.  

1  2  3  4  5  6  

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.