ตอนสมัยเด็ก เคยเล่นสร้างบ้านกันบ้างหรือเปล่าครับ
.....
สร้างบ้าน ออกแบบพื้นที่ ตลอดจนสร้างเป็นอาณาจักรของตนเอง ไม่ได้เพื่ออวดอ้างตัวเองให้ใครต้องมาชื่นชม
แต่อยากเห็นภาพในสมองของตัวเอง ปรากฎกายอยู่ข้างหน้า
พร้อมอาวุธสำคัญของมวลมนุษย์ คือ จินตนาการ
จู่ๆก็มีอันธพาล(ก็เพื่อนเรานี่แหละ) เดินเข้ามารื้อ แล้วเดินจากไปด้วยเสียงหัวเราะ
เจ็บไหมครับ??
ผมเองก็ไม่เข้าใจว่าระหว่างเดินมาถาม มาช่วย หรือให้กำลังใจกัน
กับการเข้ามาพัง มารื้อ หรือทำให้ผู้อื่นอารมณ์เสียโดยไร้เหตุผล
การใช้เวลาที่เท่ากัน แต่ผลลัพท์แตกต่างกันอย่างมากมาย
ทำไม เจ้าเพื่อนตัวแสบถึงมาแกล้งยั่วทำลายฝันของเรา เพื่อความสะใจของตัวเขาเอง
เพื่ออะไร? ...พวกเขาทำเพื่ออะไร?
และที่สำคัญพวกเขาจะรู้บ้างไหมว่าการทำร้ายจิตใจของใครโดยขาดเหตุผลนั้น
............มันเจ็บนาน
ไม่ได้อาฆาต ไม่ต้องการแก้แค้น แต่มันเจ็บนาน
ทำลายบ้านผมยังไม่พอ ยังทำลายหุ่นยนต์แปลงร่างของผมด้วย
นี่ถ้าผมมีนาฬิกาแปลงร่างได้ละก็ ฮึ่ม!
นี่ผมผมอ่อนไหวเกินไปหรือเปล่า?หรือว่ามนุษย์ปกติใครๆก็ทำกันโดยไม่เก็บมาคิดให้เปลืองอารมณ์
หรือว่าตัวมนุษย์นั้นลืมง่าย และไม่คิดที่จะรักษาจิตใจของกันและกัน
ไม่มีอะไร..ก็แค่บรรยากาศพาไป กับการรอการรอทำให้จินตนาการของเราแอบมุดหลุมดำ เข้าไปในหลายๆแห่ง
ไม่ว่าจะเป็นอดีต หรืออนาคต
ยกเว้นปัจจุบัน ที่กำลังรอ
หรือว่าที่มนุษย์ทั้งหลายโกรธ หงุดหงิด อารมณ์เสีย หรือการนั่งยิ้มคนเดียว
เพราะอยู่กับอดีตหรืออนาคตมากเกินไป
มากเกินจนลืมที่จะมองหาสุขในปัจจุบันท้องฟ้าที่นี่ ก็เหมือนกันกับท้องฟ้าทั่วไปที่มีเมฆ มีแสงอาทิตย์ที่ค่อยๆเร่งแสงให้สว่างขึ้นเรื่อยๆ
มีอากาศที่เรามองไม่เห็น แต่สำคัญกับร่างกายและชีวิต
อากาศที่ดีให้ประโยชน์กับชีวิต เหมือนกับคำพูดที่ดีสามารถทำให้ใครก็ตาม
มีชีวิตที่ดีได้อย่างไม่ยากนัก เช่นเดียวกัน อากาศเป็นพิษ กับ คำพูดที่เป็นพิษ
อากาศ ที่กลายเป็นลมเหมือนกัน แต่ให้ผลต่างกันต่างกันที่ผลลัพท์ไม่ว่าจะเป็นเพียงคลื่นที่แทรกเข้ามาก็ตาม
...คิดไปได้...
ผมเหลือบมองดูหลายๆคนถ่ายรูปบรรยากาศ พร้อมเตรียมของใส่บาตร
พวกเรากำลังรอพระ ที่กำลังเร่งแข่งกับดวงอาทิตย์
ที่กำลังจะแผดแสงเรงขึ้นเรื่อยๆ ถ้าไม่มีเมฆมาบังเสียก่อน
ในที่สุดพระที่พวกเรารอ ก็มาถึงจนได้
สังเกตุจากการเดินนำของพระองค์ที่นำอยู่ด้านหน้าแถวแล้ว
ท่านเร่งจนทิ้งช่วงองค์ที่สองค่อนข้างยาวพอสมควร
อาจต้องหยุดรอ หรือไม่ก็ต้องให้พระองค์หลังวิ่งตาม
ในที่สุด...
พระองค์แรกก็หยุดรอ เพื่อตั้งขบวนใหม่
ที่ท่านรีบเดินขนาดนี้คงติดภาระกิจหลายอย่างนั่นเอง
สาเหตุคงเพราะวันนี้ เป็นวันเข้าพรรษา
วันพิเศษที่ตามปกติพระต้องอยู่วัดแต่ด้วยภาระกิจพิเศษ จึงต้องออกมาบิณฑบาตร
เพื่อโปรดญาติโยม ที่เดินทางข้ามคืน ข้ามน้ำมาเยือน
ณ ดินแดนแห่งนี้ ปากเซ
ถึงแม้หลายๆคนจะอิ่มบุญ จนล้นเต็มปรี่
แต่ก็ยังต้องกินข้าวเช้าอยู่ดี
เรายังมีเวลาเหลือนั่งแช่อยู่หน้าจานอาหาร อยู่พอสมควร
บางคนกอดให้กำลังใจกันยามเช้า นี่แหละมั๊งกับพลังงานที่ไร้รูป
พลังที่เติมเต็มกับหลายๆคนทั้งที่ต้องการและบอกว่าไม่ต้องการ
ทั้งๆที่มนุษย์เรา ยังต้องการความรัก ความห่วงใย และเอื้ออาทรกันอยู่เสมอผู้ที่ต้องการจะถูกเติมเต็มส่วนผู้ที่บอกว่าไม่ต้องการจะได้รับการปลดปล่อย
ปลดปล่อยออกจาก บรรยากาศแบบมาคุๆ เหมือนมิติคู่ขนานที่กำลังเออร์เร่อ
หลายๆท่านทำภาระิกิจส่วนตัว ทั้งการช๊อปและเข้าห้องน้ำ
รวมถึงการขัดรองเท้า ที่โรงแรมตั้งไว้หน้าทางเข้าห้องอาหาร
ผมเชื่อว่าพี่แอ้คงไม่ได้ตั้งใจอยากให้รองเท้ามันเงาเพิ่มหรอก
แต่อยากเล่น พอๆกับผมที่คิดว่าเป็นเครื่องต้มกาแฟรุ่นเก่าเอามาวางโชว์
ผมกับพี่แอ้ ชวนชาวเขมรสองคนที่เข้ามาเที่ยวเหมือนกันขัดรองเท้า
พร้อมการแนะนำจนดูเหมือนใกล้เป็นพนักงานโรงแรมไปทุกที
หลังจากได้คนทดลองเอารองเท้ามาขัด ก็สิ้นสุดภาระกิจ
พร้อมเดินทางสู่ "หลี่ผี" โดยต้องพากันข้ามน้ำ
ที่เรียกว่า "มหานที สีพันดอนที่ซึ่งมีเกาะกลางน้ำอยู่มากมายคาแม่น้ำโขงก่อน
การเริ่มต้นเดินทางเกิดขึ้นอีกครั้ง ทั้งๆที่เราเองก็อยู่ในทรปเดินทางอยู่
การเดินทางท่มีกิจกรรมเกิดขึ้นตลอดเวลา แม้กระทั่งการซอยผมบนรถ
และแน่นอน เมื่อมีการสอบถาม ผมก็กลายเป็นผู้ใช่บริการไป
แ้ม้คุณป้าจะตวัดหวีซอยแค่ 3 เพลงยุทธก็ตาม แต่ก็สร้างความมั่นใจให้กับผมเพิ่มขึ้น
เมื่อถึงท่าเรือ เราต้องข้ามน้ำโขงไปเพื่อจะข้ามไปอีกฝั่ง
และข้ามสะพานไปอีกแก่ง เพื่อให้ถึง หลี่ผี
สถานที่น้ำทุกสายไหลพุ่งเข้าหากัน
ช่วงเวลาแห่งการเดินทางที่ขึ้นรถ ข้ามเรือ ขึ้นรถ
ก่อนที่จะขึ้นรถอีกรอบพระอาทิตย์ก็ตรงหัวพอดี
โชคดีที่อาทิตย์ดวงโตถูกเบรคแสงไว้ด้วยก้อนเมฆที่เหมือนจะอุ้มน้ำไว้บนนั้น
และเมื่อพร้อมเมื่อไหร่ก็จะปล่อยละอองเล็กๆลงสู่พื้นให้เราได้ชื่นใจ
ได้เวลาอาหารกลางวันแล้ว ณ สถานที่แห่งนี้
มองเห็นสายน้ำที่ไหลพุ่งเข้ามาแล้วเล่นเอาเสียวเหมือนกัน
เห็นน้ำขุ่นแดงและชายฝั่งอีกด้านที่กว้าง เล่นเอาหลุมดำในจินตนาการเกือบเปิดอีกครั้ง
ถ้าไม่ติดที่อาหารข้างหน้า ตั้งรอพร้อมที่จะให้เราลุยแล้ว
เมื่อข้าวเหนียวเริ่มเรียงเม็ดในกระเพาะกิจกรรมการเดินถ่ายรูปเพื่อช่วยเขย่าลำไส้ก็เกิดขึ้น
ส่วนหนึ่งก็รอรถนั่นแหละ ที่ต้องเดินทางต่ออีกนิดเพื่อให้ถึงสถานที่หมาย
หันไปมองกล้วยที่ทางร้านห้อยไว้ให้เด็ดกินเล่นอยู่ 1 เครือ
ทุกอย่างเหลือแต่ภาพแห่งความทรงจำ เพราะภาพที่เห็น
คงเหลือแต่เปลือกและก้านที่แขวนท้าแดดลมให้เหี่ยวเล่นๆ
และแล้วการเดินทางในซอกเล็กๆ ก็เกิดขึ้นอีกรอบ
หลากชีวิต ต่างมุมมอง ต่างความสุขความสุขเล็กๆของเด็กตัวน้อยๆคนหนึ่งเราจะรู้ได้ไงว่าเขาต้องการอะไร
ที่แน่ๆหนึ่งในเด็กคนนี้ไม่ต้องการสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ ไม่ต้องการแท๊ปเล็ท
สายตาที่จับจ้องของเขามีเพียงข้าวโพดปิ้งในมือของพี่ชาย
โอกาสที่อยากจะขอลิ้มลองสักคำ โอกาสที่เริ่มต้นและสิ้นสุดของใครบางคน
เมื่อถึงน้ำตกหลี่ผี หรือ ตาดสัมพะมิตร
ซึ่งเป็นน้ำตกที่ไหลกลางแม่โขงและไหลมาบรรจบรวมกัน
ด้วยแรงน้ำกระทบโขดหินจนทำให้เป็นหลุม เว้าแหว่งไปตามแรงน้ำ
น้ำธรรมดา ที่ทั้งอ่อนนุม ให้ประโยชน์ ให้พลัง และค่อยๆกัดกร่อน
ถึงแม้น้ำจะแรงแค่ไหนก็ยังมีคนนำ"หลี่"มาดักจับปลาจนได้
หลี่ที่เป็นภาษาของที่นี่ที่แปลว่าที่ดักจับปลา
เคยได้ยินมาว่า ถ้าอยากได้ปลาตัวใหญ่ ต้องตกในที่ลึก
แต่ตกในที่น้ำแรงๆแบบนี้ ปลาคงแข็งแรงน่าดู
และสุดท้าย......ก็ไม่รอดน้ำมือมนุษย์.......
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะดักจับปลาด้วยหรือเปล่า
หรือว่าเป็นแหล่งรวมจากน้ำที่ไหลมาจากเกาะแก่งทุกทาง
ตามด้วยท่าบังคับที่สายน้ำต้องไหลลงสู่ที่ต่ำเสมอ ถึงแม้จะลอยขึ้นก็ตาม
ได้ไหลผ่านโขดหินที่ถูกขัดเกลาด้วยสายน้ำที่มีอยู่มากมาย
จึงมักจะมีศพคนตายมาติดและในภาษาลาว เรียกว่า ผี
นี่เองจึงเป็นที่มาของชื่อน้ำตกที่ชื่อว่า "หลี่ผี"
นึกถึงตอนกลางคืน คงเงียบสงัดน่าดู
คงมีแต่เสียงน้ำ ที่พุ่งชนหิน
ก่อให้เกิดเสียงเหมือนมีใครมายืนหายใจข้างๆรดต้นคอ
สายน้ำที่พุ่งมาชนกันเกือบทุกจุด ณ ที่แห่งนี้
ทำให้มีหลายๆมุมที่พร้อมเป็นแบล็กกราวให้ถ่ายรูป
เดินไปอีกนิดก็มี ย้ายจุดอีกหน่อยก็กลายเป็นอีกมุม
หลายๆท่านจึงพร้อมเป็น นายแบบและนายแบบถ่ายภาพกันอย่างสนุกสนาน
ใครรู้จักกัน ก็ถ่ายรูปด้วยกัน หรือเพิ่งรู้จักก็ยังถ่ายคู่กันไว้เก็บเป็นความประทับใจ
เมื่อถึงเวลากลับที่พักในเส้นทางเดิมที่เดินทางมาเมื่อเช้า
มีเวลาเหลือช่วงรอเรืออีกสักนิด สายตาก็เหลือบไปเห็นหม้อต้มกาแฟ
ที่ประดิษฐ์ขึ้นมาจากกาต้มน้ำ เจาะฝาเพื่อรับเอาพลังไอน้ำ
นี่ไงน้ำที่ไหลขึ้นข้างบน แต่ไม่ว่าจะขึ้นบนหรือลงล่าง
น้ำยังคงเป็นพลังงานสำคัญต่อมวลมนุษย์
ธรรมชาติกับมนุษย์ยังต้องพึ่งพากันอย่างเยกกันไม่ได้
จะว่าไปแล้ว ธรรมชาติไม่ต้องมีมนุษย์
คงปลอดภัยจากการถูกบุกรุกทำลายมากกว่าแต่มนุษย์ยังคงขาดธรรมชาติไม่ได้
มนุษย์ยังต้องการอากาศบริสุทธิ์ไว้หายใจเพื่อรับอ๊อกซิเจน
มนุษย์ยังต้องการน้ำ อาหาร พืชผัก จนถึงชีวิตสัตว์อื่นเพื่อบำรุงร่างกาย
แต่การบริโภคอะไรที่เกินพอดี มักเป็นอันตราย
ไม่เราก็พวกเขาเหล่านั้นกับสิ่งมีชีวิตอื่นในธรรมชาติ
ตอนนี้ผมลืมไปแล้วว่าใครเคยแกล้งให้เจ็บใจทั้งๆที่ตอนแรกคิดว่ามันจะเจ็บนาน และมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อเช้า
จากเหตุการณ์ที่จมหายไปกับกาลเวลานานแสนนาน
แต่.......ความเจ็บปวดในครั้งอดีต
ทำให้เรามีแผนการณ์ใหม่ๆที่พัฒนาขึ้นเพื่อป้องกัน
ทั้งจิตใจเราเอง และของผู้อื่น
อย่างน้อยเราก็ไม่อยากทำให้ใครเจ็บใจ โดยไร้เหตุผล ที่ไม่ใช่แค่เหตุผลของเราเอง
แต่ต้องเป็นเหตุผลทั้งสองด้าน ทั้งสองฝ่าย
ความเจ็บปวดถึงจะไม่เกิดขึ้น แต่กลับมีความเข้าใจเกิดขึ้นแทนวันนี้อดวาดรูปอีกตามเคย
คงใช้วิธีเดิม คือ เก็บไว้ในภาพถ่ายและจินตนาการ
ไว้รอวันเวลาที่เหมาะสม จะได้ลงมือวาดซะที(เมื่อไหร่?)
ยังมีเรื่องราวอีกมากมายกับทริปลาวใต้ครั้งนี้
ไว้จะเอามาลงเพิ่มนะครับ ไม่กล้ากำหนด
แต่ถ้าจัดเวลาได้จะพยายามทำให้จบทริปโดยเร็ววันครับ
ติดตามตอนต่อไปตามนี้เลยครับ
สบายดีปากเซ 4(ตอนจบ) : ชนเผ่าที่ตาดผาส้วม:29/07/11
สบายดีปากเซ 3 : คอนพะเพ็ง ตาดฟาน:28/07/11
สบายดีปากเซ 2 : หลี่ผี:27/07/11
สบายดีปากเซ 1 : ปราสาทวัดพู:26/07/11
Keywords : งานศิลป์ เที่ยลาวใต้ จำปาสัก ปากเซ หลี่ผี งานเสก็ตซ์ ดรอวอิ้ง วาดไปเที่ยวไป
Create Date : 27 กรกฎาคม 2554 |
Last Update : 29 กรกฎาคม 2554 2:31:26 น. |
|
4 comments
|
Counter : 1601 Pageviews. |
|
ตอนที่โนบิตะถูกอันธพาลไจแอนท์แกล้งอ่ะ
อยากจะบอกโดเรม่อนส่งไทม์ แมทชีน มาให้ซะจริงๆเลย อิอิ
รื่นตาเย็นใจกับภาพและเรื่องเล่า เหมือนได้ไปด้วยเลยค่ะ
รอๆๆตอนต่อไป