Update! • Kenny Keng Web• Activity • Article • Imagine • My ARTWORK • BackPack/Journey • Sketch • All Art • alphafo

alphafoBasic Sketch • • 333 STUDIO KENNY KENG Blog


ALPHA FO
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ให้ทิปเจ้าของ Blog [?]
ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 58 คน [?]








**อันนี้ก็สำคัญครับ กับเรื่องของสิทธิ
คือว่าถ้าหากเพื่อนๆท่านใด
ต้องการนำภาพหรือบทความไปเผยแพร่
กรุณาแจ้งผมด้วยนะครับ

**ขอบคุณครับ**

alphafo

New Article : JAN 2015

Art trip : My Journey
• "แบ่งเขต ไม่แบ่งใจ ; ไทย ลาว เวียดนาม"ฮานอย1 เวียดนาม:13/02/15
• "แบ่งเขต ไม่แบ่งใจ ; ไทย ลาว เวียดนาม" ซาปา3 เวียดนาม:31/01/15
• "แบ่งเขต ไม่แบ่งใจ ; ไทย ลาว เวียดนาม" ซาปา2 เวียดนาม:16/01/15
• "แบ่งเขต ไม่แบ่งใจ ; ไทย ลาว เวียดนาม" ซาปา1 เวียดนาม:14/01/15
• "แบ่งเขต ไม่แบ่งใจ ; ไทย ลาว เวียดนาม" เดียนเบียนฟู เวียดนาม:09/01/15
• "แบ่งเขต ไม่แบ่งใจ ; ไทย ลาว เวียดนาม" หลวงพระบาง ลาว:07/01/15
• "แบ่งเขต ไม่แบ่งใจ ; ไทย ลาว เวียดนาม" ไชยบุรี2 ลาว:26/12/14
• "แบ่งเขต ไม่แบ่งใจ ; ไทย ลาว เวียนาม" ไชยบุรี1 ลาว:25/12/14
• "แบ่งเขต ไม่แบ่งใจ ; ไทย ลาว เวียดนาม" ปาด แปด 8:23/12/14
• "เริ่มใหม่...ได้ทุกเมื่อ":25/02/14
• "ปั่นคิดที่กองโค":19/12/12
• "12 12 12":12/12/12

• "ลับแล ซะที" :06/08/12

• BEST OF THE BEST:05/03/12

alphafo

• กาแฟสดบ้านหมึกจีน coffee and china's art gallery:16/02/12

Update! • อุปกรณ์การวาด carbon powder
•เทคนิคการทำเฟรมเขียนสีน้ำมัน
•เทคนิคการทำเฟรมสีน้ำมัน
•ปลอกต่อดินสอ EE กรณีดินสอของท่านหดสั้นจุ๊ดจู๋
•การทำสมุดเสก็ตซ์อย่างง่ายและประหยัด
•ภาพตัวอย่างสีชอล์ก 1
•ภาพตัวอย่างสีชอล์ก 2
•ภาพตัวอย่างสีชอล์ก 3



Update!เทคนิค ขั้นตอน การวาดภาพการ์ตูน
• : เทคนิคการวาดภาพผงคาร์บอนพระเจ้าตากสินมหาราช และพระยาพิชัยดาบหัก
• การวาดการ์ตูนล้อเลียน
• พื้นฐานการวาดการ์ตูน
•เทคนิคการวาดภาพคนสีชอล์ก(หลวงปู่แดง)
•เทคนิคการวาดภาพคนเหมือนเต็มตัวสีน้ำมัน
•การวาดเส้นสีคนเหมือน แบบหญิง
•การวาดเส้นสีคนเหมือน แบบชาย
•เทคนิคการวาด carbon powder
•การวาดสีชอล์กแท่ง พระยาพิชัยดาบหัก
•การแก้ไขภาพสีน้ำมัน landscape
•เทคนิควาดภาพสีน้ำมัน Landscape
•พื้นฐานการวาดภาพสำหรับผู้เริ่มต้นใหม่(Basic)
•เทคนิคการวาดเส้นหุ่นนิ่ง(Drawing)
•เทคนิคการวาดเส้นภาพเหมือน(portrait) "ตา"
•เทคนิคการวาดเส้นภาพเหมือน(portrait) "จมูก"
•เทคนิคการวาดเส้นภาพเหมือน(portrait) "ปาก"
•เทคนิคการวาดเส้นรูปคนเหมือนด้วยดินสอ EE(drawing portrait-woman)
•เทคนิคการวาดเส้นคนเหมือน (Drawing sketch)
•เทคนิคการวาดเส้นรูปคนเหมือนภาพสีด้วยสีชอล์กแท่ง(pastel portrait)
•เทคนิคการใช้สีชล์อกแบบ drawing
•เทคนิคการแกะสติ๊กเกอร์แบบปลอกล้วย(จริงๆ)

alphafo ART ARTICLE :
• "เที่ยวไปกับถ่าน"ตอนที่ 6(สุดท้าย): โบนัสพิเศษกับงานศิลปะ
• "เที่ยวไปกับถ่าน"ตอนที่ 5 : วิธีการวาดภาพให้ได้ (เอาจริงซะที 2)
• "เที่ยวไปกับถ่าน"ตอนที่ 4 : วิธีการวาดภาพให้ได้ (เอาจริงซะที 1)
• "เที่ยวไปกับถ่าน"ตอนที่ 3 : ตามหามุมบันทึก(วาดเส้น)
• "เที่ยวไปกับถ่าน"ตอนที่ 2 : ทำไมต้องเป็นถ่าน?
• "เที่ยวไปกับถ่าน" ตอนที่ 1: เด็กน้อยกับฝาบ้าน
**ภาพสเก็ตซ์สีชอล์กน้ำมัน
**เทคนิคประสม...ใคร ??
ศิลป์(ป่ะ) “ต้องเป็นตัวของตัวเองดิ๊” ...

ภาพวาดที่ฉีก: ผมยืนมองภาพพร้อมกับฟังเสียงหล่น..
ANATTA: วันที่ความหดหู่ หดเหี่ยว หรือเหี่ยวจนหด...
alphafo
alphafo

alphafo
alphafo


Sketch crawl ร่วม Sketch กับเพื่อนๆทั่วโลก

alphafo ALPHA FOCUS หนังสือพิชัย เมืองเล็กฯ เรื่องราวเกี่ยวกับเมืองหน้าด่านของสยามประเทศในอดีต.....
alphafo
โอกาสที่ท่านมุ้ยมอบให้ สิ่งที่ผมเฝ้าศึกษาและสังเกตุ จะมีเรื่องราวและข้อมูลไปพ้องกับใครบางท่านเข้าอย่างจัง...

New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ALPHA FO's blog to your web]
Links
 

 
แบ่งเขต ไม่แบ่งใจ ; ไทย ลาว เวียดนาม / ตอนที่ 8 : ซาปา3 เวียดนาม



แบ่งเขต ไม่แบ่งใจ ; ไทย ลาว เวียดนาม / ตอนที่ 8 : ซาปา3 เวียดนาม

แบ่งเขต ไม่แบ่งใจ : ไทย ลาว เวียดนาม
ตอนที่ 8 : ซาปา3 เวียดนาม

ไม่สำคัญว่านานแค่ไหน สำคัญที่ว่าเราเริ่มเมื่อไหร่
เมื่อเริ่มต้นเดินทางก้าวแรก เราก็เข้าใกล้ความฝันมากขึ้นเรื่อยๆ
แม้จะล้ม แต่เราก็ยังลุกด้วยความยินดี เพราะเราอยู่บนเส้นทางนั้น
เส้นทางแห่งความเป็นจริง ทีไม่ใช่อยู่เพียงความฝันที่ล่องลอยอยู่ในอากาศอีกต่อไป

นั่นคือครั้งแรกที่ผมตัดสินใจเดินทางและเลือกที่จะใช้เส้นทางนี้
การออกเดินทางแม้จะไม่มีใครยืนยันถึงสิ่งที่จะปรากฏอยู่ข้างหน้าเราในวันต่อวัน
ความจริง ชีวิตเราก็เป็นเช่นนั้น! เราต้องเผชิญกับการเปลี่ยนแปลงที่คาดไม่ถึงในทุกวัน

เมื่อคืนทั้งคืน ลมพัดค่อนข้างแรง เสียงป้าย ผ้าใบ ไม้ เหล็ก เสียดสี กระทบกันดังก๊อกแก๊กตลอดคืน
อากาศที่เย็น พร้อมกับสถาณะการณ์แบบนี้ทำให้จิตใจของเรากังวลและสร้างภาพต่างๆมากมายในสมองโดยปราศจากความเป็นจริง
ภาพแห่งความกังวล หรือสิ่งที่ต้องการถูกสมองสั่งการผุดขึ้นมาเป็นภาพสลับไปมาจนตามเรื่องราวเหล่านันไมทัน
บางครั้งก็เหมือนกับการนั่งรอบางอย่างให้เคลื่อนตัวเข้าใกล้เรื่อยมา
มีมืดย่อมมีสว่าง ดวงอาทิตย์เริ่มปรากฏแสงรางๆบนท้องฟ้าด้านนอกหน้าต่าง

เช้านี้ผมต้องออกไปสำรวจภายนอกให้ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นข้างนอกนั้นบ้าง
....หมอกขาวที่บังตากำลังถูกลมพัดพาออกไป
แสงอาทิตย์สีทองดูอบอุ่น กำลังฉาบร่างของโลกและชาวโลกที่อยู่ที่นี่
เป็นครั้งแรกของหลายวันที่ผ่านมา

ลมแรงไม่ได้ร้ายกาจอย่างที่ผมคิดไว้เมื่อคืน



6.55 ทะเลหมอกที่ผมเห็นมาหลายวัน กำลังเคลื่อนตัวอาบแสงอาทิตย์
แนวภูเขาสูงใหญ่พากันปรากฏกายให้เห็นเรียงแถวกันยาวเหยียด
บ้านหลังโตหดเหลือเพียงนิด เมื่อเห็นพื้นหลังเป็นทิวเขาใหญ่เหมือนเพิ่งถูกจับมาตั้งไว้



หมอกที่ถูกลมหอบออกไปทำให้เราเห็นหลายๆอย่างชัดเจนขึ้น
บ้านบางหลังหลบซ่อนอยู่ใต้หมอกนั้นมาหลายวันแล้ว



ฟ้าใสสีน้ำเงินกับแสงสวยที่ประทะกลุ่มทะเลหมอก
ทำให้นักท่องเที่ยวหลายคนตื่นตา ตื่นใจรีบลงมาถ่ายภาพเก็บเป็นที่ระลึกกันใหญ่
บรรยากาศเหมือนในภาพยนต์ที่หลังเหตุการณ์พายุสงบ ผู้คนต่างมายืนชมแสงสวย
และความงามที่แท้จริงของธรรมชาติพร้อมพูดคุยกัน



ทุกอย่างชัดเจน 
ตอนนี้พวกเรามองเห็นที่พัก เห็นถนน บ้านเรือน ในวันที่หมอกจากไป
ทั้งมนุษย์รวมถึงสัตว์น้อยใหญ่ต่างออกมารับแสงอันอบอุ่น ท่ามกลางลมที่ยังพัดหอบเอาความเย็นเข้าปะทะร่างไม่หยุด
ความเป็นเพื่อน ความเข้าใจของสิ่งมีชีวิตปรากฏจากแมวสองตัวที่ Yeonju เรียกผมไปดูบนหลังคาบ้านหลังหนึ่งที่ต่ำกว่าที่พักที่เราอยู่


เมืองในหมอกและไอหมอกที่ไหลลงจากฟ้าไม่หยุดหายไป
บ้านเรือนที่นี่ถูกย่อขนาดให้หดลงเหลือนิดเดียว









ทะเลสาบที่ผมเดินข้ามผ่านมาในวันแรก กลายเป็นอีกความมหัศจรรย์ที่พบเห็น
หลังจากที่แสงได้ทำงานอย่างเต็มที่
ภาพสีเทาที่มีหมอกบดบัง ถูกเม็ดสีรวมตัวกันกลายเปนภาพที่งดงาม
ภาพเหล่านี้อาจดูธรรมดา หากขาดการเปรียบเทียบกับภาพที่ถูกบดบังในครั้งก่อน
ชีวิตอาจหาความงดงามไม่เจอ หากขาดหมอกที่เคยบดบังชีวิต
เรามองเห็นคุณค่าของวันฟ้าใส เมื่อหมอกถูกพายุพัดพาออกไป
สายลมเพียงแผ่วเบาคงไม่สามารถทำอะไรกับหมอกที่หนาซึ่งปกคลุมเมืองทั้งเมืองแห่งนี้ได้



แสงมีคุณค่ากับทุกชีวิตจริงๆ
กิจกรรมต่างๆเริ่มขึ้น เหมือนดอกไม้ที่กำลังชูช่อ



9.55 ทุกสิ่งมีชีวิตต่างพากันออกมาสังเคราะห์แสง พร้อมหมอกบางๆที่ถูกลมหอบมพัดมาสลับกับภาพที่ชัดเจน
เวลาดีแบบนี้ Ben เสนอ เพจเกจชมวิวที่เราไม่สามารถเดินไปได้บนยอดเขา
พร้อมเพื่อนเดินทางซึ่งเป็นชาวเวียดนามอีก 3 คน ที่พ่อของ BEN เสนอเพิ่มมาในตอนหลังและลดราคาให้เรา
จากคนละ 100,000 D เหลือ 80,000 D กับการชมเมืองซาปาของพวกเราทั้ง 4 คน 





วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่เราจะพักอยู่ที่นี่ 
เป็นความบังเอิญแบบโชคดีที่เราสามาถได้เห็น ซาปา ถึง 2 บรรยากาศ
ทั้งบรรยากาศแบบเมืองในหมอก และบรรยากาศแบบฟ้าใส
ก่อนออกเดินทางจากทริปที่ BEN เสนอ เราถ่ายภาพเก็บเป็นความทรงจำกันไว้ที่นี่
ซึ่งราคาที่พักเหมาะกับ Backpacker อย่างเราเป็นที่สุด ในราคา 8 USD 
หากมาคนเดียวก็มีห้องรวมให้พัก ราคา 4 USD ที่ MIMOSA HOTEL กลางเมืองซาปาแห่งนี้

11.29 เราเริ่มออกเดินทางกันพร้อมกับ 3 สาวชาวเวียดนาม
ความเงียบภายในรถเป็นบรรยากาศที่กดดันนิดๆเพราะมีเพื่อนใหม่เพิ่มมาอีก 3 คน
และแน่นอนว่า 3 สาวนั้นก็มีเพื่อใหม่ชาวต่างชาตินั่งมาด้วยอีก 4 คน





ระหว่างเส้นทางไปน้ำตกเราจะเห็นภาพทิวทัศน์ทะเลหมอกจากด้านบนยอดเขาที่สูงขึ้นไปอีกเป็นระยะ
จนกระทั่ง 1.55 pm. เราก้เดินทางมาถึงบริเวณน้ำตกแห่งแรก ซึ่งต้องซื้อตั๋วเขาไปเดินชมอีกคนละ 10,000 D ในเส้นทางที่สูงชัน
น้ำตกเล็กๆที่เป็นทางผ่าน แต่เป็นการสร้างมิตรสัมพันธใหม่ที่ดีให้กับพวกเรามากขึ้น
เราเริ่มถ่ายภาพด้วยกันและพูดคุยกันมากขึ้น ถึงแม้ ภาษาอังกฤษจะไม่ค่อยแข็งแรง
แต่ภาษามือและสายตาก็บ่งบอกได้ถึงความจริงใจที่ไม่แสแสร้งซึ่งสังเกตุได้ไม่ยากนัก








12.25 pm เราเดินทางกันมาถึงน้ำตกอีกแห่งที่พ่อของ BEN ภูมิใจเสนอสุดๆ บอกว่าที่นี่เป็นน้ำตกใหญ่ของ Sapa
LOVE WATERFALL 
ผมไม่รู้ที่มาของชื่อนำตกจริงๆว่ามีความเป็นมาแบบไหน อย่างไร
แต่เท่าที่สัมผัสได้หลายาอย่างที่เกิดขึ้นที่นี่ คงมาจากบรรยากาศและทิวเขาที่เหมือนภาพวาดสมัยวัยเด็ก
ภาพวาดที่ภูเขาเป็นนสามเหลี่ยม  มีบ้านหนึ่งหลัง และครอบครัวยืนจูงมือกันถ่ายภาพ





พวกเรายังคงเดินกันอย่างเร่งรีบเพื่อถ่ายภาพ ในขณะที่เราสามารถใช้เวลาสำหรับทริปนี้ไปถึง 4 ชั่วโมง
ผมยังคงเดินตามท้ายขบวนอีกเช่นเคย ไม่ใช่เพราะเดินปิดท้ายแล้วปลอดภัยหรืออยากทำอะไรก็ให้กลุ่มคนข้างหน้าหยุดรอ
แต่ที่ผมชอบเดินปิดท้าย เพราะบางครั้งผมจะได้ช่วยเหลือคนที่แย่สุด สามารถมองเห็นอาการของทุกคนได้ว่าเหนื่อยกันหรือเปล่า
ทุกคนเร่งรีบกันมาแค่ไหน แลใครอยากได้รับความช่วยเหลืออะไรบาง โดยเฉพาะการถ่ายภาพร่วมกันกับคู่ของตน
มันเป็นสิ่งที่ผมสามารถมอบให้กับพวกเขาได้ง่ายที่สุดและเราทุกคนมีอยู่ในตัวมากที่สุด
คือการหยิบยื่น ช่วยเหลือ เกื้อกูลซึ่งกันและกัน


ทุกคนเริ่มเดินกันอย่างเร่งรีบ จนผมต้องตะโดกนเรียกให้ช้าลง
พร้อมกับอธิบายสามเหตุว่าทำไมถึงต้องช้า ทั้งเรื่องของเวลาที่ยังคงเหลืออยู่

เราสามารถนั่งชมบรรยากาศที่นี่ให้ช้าลงได้
เราสามารถนั่งพักเพื่อฟังเสียงน้ำ เสียงลม สัมผัสกับสายน้ำและก้อนหิน
โดยที่ในกระเป๋าผมและPeter มีโดนัทที่ซื้อมาเมื่อเช้าอยู่คนละ 2 ชิ้น
แต่ของผมเหลือเพียงชิ้นครึ่ง เพราะเมื่อเช้าสังหารไปครึ่งหนึ่งตอนซื้อใหม่ๆร้อนๆเพราะอดใจไม่ไหว

ผมอธิบาย พร้อมฉีกแบ่งโดนัทแบ่งกันคนละครึ่ง ครบ 7 คนพอดี
เป็นอาหารกลางวันมื้อแรก เวลา 1.20 pm ที่เราทานด้วกันกลางน้ำตกแห่งรักนี้
อาหารมื้อง่ายๆแต่เต็มไปด้วยมิตรภาพใหม่ที่กำลังงอกงามอย่างรวดเร็ว
ทุกคนมีเวลาเป็นของตัวเอง เดินเล่น ถ่ายรูป และบางคนหยุดพักนิ่งๆเพียงลำพัง เพือถามตัวเอง สายลม ผืนดิน ก้อนหินและสายน้ำ

แม้เป็นอาหารที่น้อยนิด แต่เมื่อถูกที่ถูกเวลา ย่อมกลายเป็นความทรงจำทีไม่มีวันเลือนลาง


เราเดินพูดคุย พร้อมกับเสียงหัวเราะกันมาเรื่อยๆระหว่างทาง
เบอร์โทร ที่อยู่ Email ถูกสอบถามและแลกเปลี่ยนไว้เพื่อความสัมพันธ์อันดีในครั้งต่อๆไป
หรือเอาไว้พูดคุยกันยามคิดถึงเมื่อต่างคนต่างอยู่กันในพื้นที่ของตน
เป็นมิตรภาพดีๆที่ไม่มีใครอยากสูญเสียไปและอยากเก็บไว้ให้นานที่สุด

ทุกอย่างช้าลง เรามีเวลามากขึ้น ความเงียบงันที่ต่างคนต่างเดินนั้นหายไป
และทุกสิ่งกลายเป็นความสวยงามแม้กระทั่งก้อนกินก้อนเล็กๆ
ความรักที่แท้จริงของธรรมชาติสามารถสร้างโลกให้งามกว่าที่เป็นอยู่

เมื่อเดินออกจากน้ำตกแห่งรักแห่งนี้ Taeheon และ Yeonju ชวนผมกับ Peter นั่งกินอาหารกลางวันเพิ่มเติมกันแบบง่ายๆ
ด้วยข้าวที่หุงในไม้ไผ่หรือข้าวหลามของเรา เพียงแต่ข้าวหลามของเวียดนามยังไม่ผ่านการปรุงงรสใดๆ
มีเพียงถั่วบดที่ใหช้จิ้มกับข้าวเมื่อแกะออกจากกระบอกไม้ไผ่เพียงเท่านั้นเอง
หลังจากนี้เราก็มีแรงที่จะเดินต่อขึ้นเนินเขาสูงอีกลูก ในขณะที่ 3 สาว ต้องหยุดรอที่รถเพราะขาเจ็บ



ข้างบนนี้ลมแรง อากาศเบาบาง หมอกที่มองเห็นเป็นทิวยาวไม่สิ้นสุด 
และมีระฆังไว้ทำอะไรสักอย่าง อาจเป็นความเชื่อ หรือไม่ก็อาจมีไว้สำหรับผู้พิชิตยอดเขาลูกนี้
ถือเป็นการจบทริปการเดินทางสำหรับการซื้อทัวร์ของ Ben ครั้งนี้




เมือมาถึงโรงแรมเรายังเหลือเวลาก่อนเดินทางเข้าฮานอย
กระเป๋าของพวกเราฝากไว้ให้กับเบนเพื่อเก็บไว้ที่เคาว์เตอร์หลังจากเช็คแินออกเมื่อตอนเที่ยง
เวลาที่เหลืออยู่เราพากันมาเดินดูพิพิธภัณฑ์ของชาวซาปา ซึ่งเป็นบ้านไม้
ภายในเล่าเรื่องราวของชนเผ่าต่างๆของที่นี่ มีรูปแบบบ้านของ Memi ซึ่งเป็นเผ่า Hmong ด้วย



หมอกเริ่มกลับเข้ามาปกคลุมที่นี่อีกครั้ง
คราวนี้หนาวกว่าเดิม ไฟฟ้าก็ติดๆด้บจากลมที่พัดแรงเอาการ
ครึ่งวันที่หมอกหาย เหมือนเป็นของขวัญที่ถูกส่งมาเฉพาะสำหรับพวกเรา

ในช่วงอาหารเย็น ผมกับ Taeheon และ Yeonju มีเวลาแลกเปลี่ยนกันชมผลงานภาพวาดของเรามากขึ้นที่ร้านอาหาร
พวกเรานั่งดื่มชาพร้อมกับอาหารเย็นกันอย่างยาวนานเพียงไม่กี่โต๊ะที่มีลูกค้าสลับกันมานั่งก่อนที่จะได้เวลาสำหรับการเดินทาง


เมื่อใกล้เวลาพวกเรากลับมาเอากระเป๋าพรอมกับพูดคุยกับ Ben ที่เขาจะเดินทางไปส่งเราฟรีๆที่บริเวณรถยัสนอนไปฮานอย
ตอนนี้ที่นี่ติดเตาผังใหม่เรียบร้อยแล้ว หลังจากที่กำลังติดตั้งกันช่วงที่เราเดินทางไปชมวิวน้ำตก
ไม่ต้องใช้กระทะใบใหญ่ก่อไฟผิงด้านในอีกแล้ว

เมื่อได้เวลา Ben พาพวกเราไปขึ้นรถพร้อมกล่าวคำร่ำลาและบอกความสนใจขอซื้อนาฬิกาข้อมือของผม
แต่น่าเสียดายที่ผมถอดไว้ให้กับเขาไม่ได้ เพราะสิ่งนี้ก็มีค่าทางใจสำหรับผมเหมือนกัน
จึึงต้องติดเขาไว้สำหรับครั้งหน้าหากมาที่นี่อีกครั้งผมจะหานาฬิกาใหม่ไปให้เขาเพื่อตอบแทนให้กับมิตรภาพที่ได้รับ


 8.15 pm TOYOTA FORTUNER  ถูกขับมาพาเราส่งขึ้น Sleeping bus เพื่อเข้าสู่ฮานอยในวันรุ่งขึ้น

พวกเราขึ้นรถหาที่พักของแต่ละคนซึ่งเป็นเหมือนกับแคปซูลอาวกาศที่พักส่วนตัว 
ภายในรถมี Wifi ซึ่งเปฒือนเป็นสิ่งสำหรับสำหรับทุกแห่งไปแล้ว ไม่ว่าจะเป็นที่พัก ร้านอาหาร ร้านกาแฟหรือบนรถขณะเดินทาง
ผมสลับที่นอนหมายเลข 11 กับ Yeonju ให้อยู่ข้างกับ Taeheon และนอนด้านหลังเหมือนเดิม
ทุกคนยังอยู่ในสายตาของผม จนกว่าผมจะหลับตาลง







ตอนที่ผ่านมาและต่อไป "แบ่งเขต ไม่แบ่งใจ; ไทย ลาว เวียดนาม" 





Create Date : 25 มกราคม 2558
Last Update : 6 ธันวาคม 2559 7:33:48 น. 0 comments
Counter : 2583 Pageviews.

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.