แบ่งเขต ไม่แบ่งใจ ; ไทย ลาว เวียดนาม / ตอนที่ 4 : หลวงพระบาง ลาว
แบ่งเขต ไม่แบ่งใจ : ไทย ลาว เวียดนาม ตอนที่ 4 : หลวงพระบาง ลาว เพียง 4 ชั่วโมงจากไชยบุรี จากถนนที่กำลังทำเป็นบางช่วงก็มาถึงที่หลวงพระบาง อาทิตย์ดวงกลมที่ลอยเฉียงอยู่บริเวณด้านบนกกหู กระตุกให้ผมมองนาฬิกา ชี้เด่เข็มสั้นตรงไปที่เลข 2 พอดี
ส นิยม พาเรามาที่สถานีขนส่งของหลวงพระบาง รูปร่างหน้าตายังคงอนุรักษ์ไว้ตามแบบดั่งเดิมที่เคยมีมาจากภาพยนต์ที่เคยฉายในไทยเมื่อหลายปีที่แล้ว เมฆก้อนใหญ่สีขาว กับท้องฟ้าสีน้ำเงิน และอากาศเย็นแบบเบาบางสบาย ทำให้มองเห็นสถานที่จอดรถแห่งนี้ชัดเจนไร้สิ่งบดบัง
ถัดจากตัวอาคารมีรถบัสท้องถิ่นที่มาจากไชยบุรีสู่เมืองหลวงพระบางอยู่จอดอยู่ไม่ไกล กล่องเหล็กที่ซ้อนกันอยู่หลายคัน มีรถจากเวียงจันทน์ วังเวียง เรียงจอดคอยเวลาอยู่กลางลานแจ้งนั้น ผมเองไม่รู้เหมือนกันว่าในอนาคตอันไกลนี้การเดินทางจะเป็นอย่างไร และพร้อมรองรับผู้คนจากด่านต่างๆของไทยได้มากแค่ไหน
แต่ตลอดเส้นทางที่ผ่านมา เส้นทางถูกปรับให้สะอาดเรียบร้อยและสะดวก ง่ายดายมากขึ้น การปรับเส้นทางเพื่อการสร้างเขื่อนและเพื่อการท่องเที่ยว
ที่นี่ ! กำลังจะมีพลังงานใช้กันอย่างกว้างขวางอีกไม่นานนี้แล้ว เท่าที่ผมเห็นในแผนที่ของลาวเหนือ หากพวกเขากำลังจะเป็นศูนย์กลางแหล่งส่งพลังงาน ที่รอบด้านมีทั้งจีน เมียนม่าร์ ไทย เวียดนาม กัมพูชา ที่นี่จะเป็นอย่างไรอีก 5 ปี ต่อจากนี้ไปเป็นเรื่องที่น่าสนใจไม่น้อย
หลังจากที่สอบถาม เจ้าหน้าที่แนะนำให้เรามาจองตั๋วรถไปเดียนเบียนฟูที่ด้านตรงข้ามของสถานีขนส่งแห่งนี้เมื่อมาถึงเจ้าหน้าถึงบอกตารางการเดินรถเข้าเดียนเบียนฟูที่จะออกตอนเช้าตรู่ตอน 6.30 am.นอกนั้นไม่มีเพราะต้องใช้เวลาเดินทางค่อนข้างนานและต้องมา Check in ที่นี่เวลา 6.00 am. ราคาตั๋ว 19,8000 K (972 B)โดยสมารถซื้อตั๋วเที่ยวเดียวไปซาปาได้เลยจากที่นี่แต่สำหรับผมแล้วอยากแวะพักที่เดียนเบียนฟูก่อน แล้วต่อจากนั้นค่อยว่ากันใหม่มาถึงตอนนี้ มีอยู่ 2 อารมณ์ คือ สบายใจที่สามารถมีช่องทางการเดินทางตามที่คิดไว้ได้อารมณ์ที่ 2 คือ ต่อจากนี้เราจะไม่มีเพื่อนที่เคยรู้จักเหมือนตอนเริ่มทริปที่ น้ำปาด หรือที่ ไชยบุรี อีกแล้วกล่องของขวัญใบใหญ่กำลังให้เราลุ้นเปิดอยู่ข้างหน้า
ส นิยม ขับรถพาเราชมรอบเมืองหลวงพระบาง เมืองเก่าแก่ที่เป็นมรดกโลก นั่นหมายความว่าเมืองนี้จะถูกรักษาไว้ในสภาพแบบนี้ตลอดไป ไม่มีตึกสูงบดบัง ไม่มีการรื้อเพื่อสร้างห้องแถว
สำหรับอาหารการกินของที่นี่ ก็คงเหมือนกับเมืองท่องเที่ยวทั่วไป คือ เข้าร้านให้ถูกที่ ไม่งั้นก็มีสิทธิ์กินอาหารราคาแบบจัดเต็ม ซึ่งเราอาจเจออาหารตั้งแต่เฝอราคา 40 บาท จนถึง 120 บาทได้ สำหรับผมในทุกการเดินทางคงไม่ใช่การฟุ่มเฟือย ข้อจำกัดถูกวางไว้ตั้งแต่ราคาของที่พักโดยเฉลี่ยต่อคืน จนถึงราคาอาหารโดยเฉลี่ยต่อมื้อ
หลังจากที่ได้ที่พักซึ่งอยู่ด้านนอกของตลาดมืด หรือแล้วแต่จะเรียกกันว่า Night Market หรือ Street walk ราคาอยู่ในงบประมาณ 400 บาท และ ราคาถูกลงเมื่อถูกหารด้วย 2 จาก Peter เราก็ออกหารถสกายแลปเพื่อเข้าชมเขตเมืองเก่าในราคา 5000 K แต่ขอบอกก่อนว่ากว่าจะได้ราคานี้ต้องใช้เวลาพอสมควร เพราะถ้ารีบร้อนขึ้นทันทีราคาจะเพิ่มขึ้นอีกเท่าตัว คือ 10,000 - 15,000 K หรือ 40-60 บาท
เมื่อเดินทางถึงเขตเมืองเก่า เราเริ่มต้นด้วยอาหารบุปเฟต์ เป็นมังสวิรัตแบบผัดและทอด ราคา 10,000 K ตักได้ไม่อั้น ซึ่งตามงบประมาณที่ตั้งไว้หลังจากที่โดนร้านวิญญาณเฝอมื้อกลางวันที่เกินงบไปกว่าเท่าตัว
เมื่ออิ่มก็เริ่มมีแรงที่เดินสอดส่ายสายตาอีกครั้ง ในเวลานี้กลุ่มนีกท่องเที่ยวยงคงเดินทางมาที่นี่ไม่มากนัก จำนวนของร้านค้า มีมากมายกว่าคนซื้อ บรรดาพ่อค้าแม่ค้า ต่างส่งเสียงเรียกลูกค้าเพื่อขายของกัน บางรายทำบางสิ่งเมื่อขายของได้เป็นชิ้นแรก สิ่งนั้นคือ พวกเขาจะเอาเงินตบตัวสินค้านั้น กระดาษที่เรียกว่าเงินจำนวนหนึ่งที่รับจากมือของลูกค้าจะถูกตบกับตัวสินค้า เป็นการประเดิมขายสินค้าชิ้นแรกในเวลา 9.30 pm. เพื่อให้ขายได้ดีตลอดค่ำคืนนี้
ความเชื่อแบบนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นแต่ที่หลวงพระบาง หรือแต่ในประเทศไทยของเรา ผมยังเคยเห็นที่ ดรารัมซารา ประเทศอินเดีย และหลายๆพื้นี่ี่ได้เดินทางไปมา อาจเป็นการเรียกกำลังใจของตัวเองจากความเชื่อ ที่สำคัญคือ พวกเขา ยังมีความหวังที่ยังเหลืออยู่
11 12 2015 / 05.00 am. พวกเราออกจากที่พักเพื่อเผื่อเวลาไว้สำหรับการเดินทางที่อาจเจอปัญหาระหว่างทาง ไม่ว่าจะเป็นหารถ หรือการเดินเท้าที่ต้องใช้เวลากว่าจะถึง เรื่องของอาหารเช้า ห้องน้ำ และเตรียมอาหารในกระเพาะให้พอดีเพื่อไม่ให้เกิดอาการเมารถหรือหิวระหว่างเดินทาง
เรื่องราวในความคิดที่ถูกสร้างขึ้น แผนการณ์ย่อยๆถูกเรียบเรียงและเตรียมการรับมือกับปัญหาข้างหน้า หลายๆครั้งเรามักไม่ได้ใช้ เมื่อทุกอย่างง่ายดายกว่านั้นมาก
เราเดินทางมาถึงก่อนเวลาเช็คอิน 45 นาทีและเป็น 2 คนแรกของสถานที่แห่งนั้น ซึ่งเป็นสิ่งที่ดีสำหรับการเข้าสำรวจตารางเวลาและข้อมูลต่างๆที่เราอาจไม่มีวันได้รู้เลย หลังจากนั้นอีกไม่นานผู้คนก็ค่อยๆทะยอยกันเดินทางเข้ามา ด้านฝั่งตรงข้ามบริเวณสวถานีขนส่งมีรถบัสจากเวียงจันทน์เพิ่งเข้ามา ด้านอาคารที่ผมอยู่ มีชายหญิงคู่หนึ่งเดินเข้ามาด้วยท่าทางระมัดระวัง และเดินเข้าไปนั่งรอในที่ที่ห่างจากเราพอสมควร
เมื่อถึงเวลาเช็คอินผมเข้าไปเช็คอินและได้หมายเลขที่นั่งเลข 8 และ 9 ก่อนที่จะขอเปลี่ยนหมายเลข เป็น 1 และ 2 หลังจากที่เห็นรถที่จะใช้สำหรับการเดินทางซึ่งเป็นรถตู้ ซึ่งแถวในระยะกลางและหลังนั้นค่อนข้างเสี่ยงต่อการเมารถเป็นอย่างมาก และสุดท้ายเราได้นั่งหมายเลข1 และ 3 ซึ่งลงตัวที่สุดแล้วในเวลานั้น เพราะด้วยเหตุผลสำคัญคือการต่อรองขอถ่ายภาพ
6.50 ยังไม่มีวี่แววของรถที่จะออกเดินทางตามตารางเวลาเดินทางในตั๋ว พวกเราชาวต่างชาติบริเวณนั้นเริ่มกระวนกระวายโดยเฉพาะ Peter ที่ถามผมตลอดเวลา พวกเรากลุ่มผู้โดยสารเริ่มหันมาสนทนากันถึงปัญหาที่เกิดขึ้น
สุดท้ายก็เป็นผมที่รับอาสาไปถามเจ้าหน้าที่ทั้งที่จองตั๋ว และบริเวณเช็คอิน คือคำว่า "เดี๋ยวก็มา" "เดี๋ยว" คือ ความหมายของการรอที่ไร้ขีดจำกัดซึ่งแปลว่าอีกไม่นาน นั่นคือพวกเราต้องอยู่กันกับที่
จนในที่สุด 7.11 am ก็ได้เวลาที่รถตู้ทะเบียน 4899 เริ่มเคลื่อนตัวพร้อมการแจกอาหารบนรถไว้กันหิว ผูคนบนรถที่ผมเห็นเวลานี้ จากสีหน้าของผู้คนที่อยู่ในความคิดของตัวเอง อาจกำลังคิดว่า การข้ามแดนจากประเทศลาวสู่เดียนเบียนฟูครั้งนี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้าง ไม่มีใครรู้ ความสงสัยถูกอัดแน่นจากสถาณะการณ์ที่ผิดเวลามาเกือบชั่วโมง หรือไม่ทุกคนก็อาจกำลังโล่งอกที่ได้ออกเดินทางเสียทีเหมือนผม ที่พวกเราจะต้องใช้เวลาบนรถด้วยกันกว่า 12 ชั่วโมงกว่าจะถึงที่หมาย บนรถตอนนี้ มีทั้งชาวเกาหลี นอร์เวย์ เยอรมัน ไทย ลาว เวียดนาม แต่ละคนที่มาล้วนมีเหตุผลแตกต่างกันไป บางคนมาปั่นจักรยาน บางคนมาแบบงงๆแบบผม เสียงอ๊วกที่ดังเป็นระยะ ทำให้ผมไม่ค่อยมีเวลาจะกดชัตเตอร์เท่าไหร่เพราะต้องคอยส่งถุงอ๊วกและหยิบกระดาษทิชชูพร้อมเหยาะ"เซียงเพียวอิ๊ว"ให้พวกเขายาแก้เมาที่ผมมีถูกส่งให้ผู้หญิงชาวบ้านคนหนึ่งที่อ๊วกตลอดเส้นทางบนที่นั่งหมายเลข 11ถนนที่กำลังสร้างทำให้รถเดินทางได้ไม่เร็วเท่าไหร่นักเพราะติดเครื่องจักรและกองหินตลอด 2 ข้างทางของหมู่บ้านที่เราเดินทางผ่านล้วยปกคลุมไปด้วยหมอกขาวและฝุ่นขาวแต่อีกไม่นานเมื่อทุกอย่างที่นี่เสร็จสิ้น จะกลายเป็นความสะดวกและง่ายดายทั้งการเดินทางข้ามประเทศจากประเทศไทยทางภาคเหนือสู่ลาวเหนือ จนถึงเวียดนามเหนือพลังงานจากเขื่อนที่กำลังเร่งสร้างกว่า 5 เขื่อนตลอดเส้นทางที่ผ่านมา แสดงให้เห็นว่าประเทศนี้กำลังมีสินค้าสำคัญที่จะขายให้กับประเทศโดยรอบของพวกเขา นั่นคือ พลังงาน และรถไฟหรือรถไฟฟ้าก็กำลังดำเนินการอยู่ในเขตลาวใต้ การเดินทางติดต่อสื่อสารที่ง่ายขึ้น ย่อมสร้างโอกาสให้ง่ายตามไปด้วย
ทางโค้งที่มีอยู่มากมายจนผมนับไม่ไหว หากมาอีกครั้งผมว่านับทางตรงจะง่ายกว่า เพราะมีเพียงไม่กี่แห่ง บ้านของชาวเขาพื้นเมืองถูงถนนตัดผ่าน สองข้างทางอยู่ติดกับถนนแทบไม่มีระยะหน้าบ้านกับข้างทาง อีกไม่นานพวกเขาอาจไม่ได้อยู่บริเวณนี้ การรุกล้ำของความเจริญจากกลุ่มทุน มักผลักดันให้คนพื้นที่ต้องถอยร่นเข้าไปในปลางป่า และในที่สุดพวกเขาอาจใช้ชีวิตแบบเดิมหรือลำบากกว่าเดิม เพราะทุกอย่างต้องถูกเปลี่ยนด้วยค่าของเงิน
เด็กๆ เยาวชนที่เห็นตลอดเส้นทางมีทั้งจูงและปั่นจักรยานขึ้นเขา พวกเขากำลังกลับจากโรงเรียน ความมุ่งมั่นที่ผมเห็นกับการแลกด้วยความรู้ที่พวกเขาจะได้รับ เมื่อพวกเขาเห็นคุณค่าของการเรียน พวกเขาจะใส่ใจและไม่ทิ้งมันไป มนุษย์มักให้คุณค่าและใช้เวลากับสิ่งที่ตนหามาด้วยความยากลำบากเสมอ และเช่นเดียวกันหลายๆครั้งมนุษย์เองมักมองไม่เห็นคุณค่าของสิ่งที่ได้มาอย่างง่ายดาย โดยเฉพาะโอกาสในการเรียนรู้
02.19 pm. เราก็มาถึงทางแยกเข้าด่าน Phogsaly Laos และอีกไม่กี่นาทีเราจะออกจากประเทศลาวเพื่อเข้าสู่ประเทศเวียดนาม การเดินทางผ่านไปแล้ว 7 ชั่วโมง ระหว่างสองข้างทางมีเรื่องราวเกิดขึ้นในความคิดมากมายจนไล่คว้าไว้ไม่หมด การเริ่มต้นความสัมพันธุ์เล็กๆเกิดขึ้นในกลุ่ม Backpacker ด้วยกัน ระหว่างพักทานอาหารกลางวันที่อุดมไชย การสอบถามเส้นทาง ทริปการเดินทาง ตอลดจนถึงโรงแรมที่พักเกิดขึ้น เมื่อทุกคนต่างคิดเหมือนกันคือ ไปหาเอาข้างหน้า ไม่มีการจองที่พักล่วงหน้า เพราะเราต่างรู้ดีว่า มีสถานที่ดีรอพวกเราอยู่เสมอ ชีวิตที่เดินตามแผนหลัก โดยปล่อยให้รายละเอียดเล็กๆนั้นเดินทางไปตามเวลาที่ถูกกำหนด ผมเชื่อแบบนั้น เพราะเดียนเบียนฟูก็มีชื่อเสียงระดับหนึ่ง เป็นเมืองท่องเที่ยว เพราะฉะนั้นที่พักย่อมมีอยู่ดาษดื่นในเราเลือกตามงบประมาณที่เราได้ตั้งเอาไว้
ปัญหาคือ เวลานี้ทั้งผมและPeter มีแต่เงินบาทกับเงินกีบบางส่วน เราไม่ได้แลกดอลล่าร์ไว้ แต่เชื่อว่าที่เวียดนามจะสามารถใช้เงินบาทไทยได้ เหมือนกับที่ผมเคยเดินทางเข้าเวียดนามกลางเมื่อหลายปีก่อน และอีกไม่กีชั่วโมงข้างหน้า บทเรียนบทใหม่กำลังจะเกิดขึ้นที่... เดียนเบียนฟู ประเทศเวียดนาม
ตอนที่ผ่านมาและต่อไป "แบ่งเขต ไม่แบ่งใจ; ไทย ลาว เวียดนาม" ตอนที่ 4 : หลวงพระบาง ลาว <<<< Now! here ตอนที่ 5 : เดียนเบียนฟู เวียดนาม ตอนที่ 7 : ซาปา2 เวียดนาม ตอนที่ 8 : ซาปา3 เวียดนาม ตอนที่ 9 : ฮานอย 1 เวียดนาม ตอนที่ 10: ฮานอย 2 เวียดนาม ตอนที่ 11 : เหว้ เวียดนาม ตอนที่ 12 : เหว้-สวรรณเขตสู่ไทย
Create Date : 31 ธันวาคม 2557 |
Last Update : 14 มกราคม 2558 12:04:43 น. |
|
0 comments
|
Counter : 2938 Pageviews. |
|
|