• ALPHA FO BLOG
• แวะคุยกันก่อน
• ห้องรับแขก
• คิดไปเรื่อยเปื่อย
• เริ่มฝึก+หัดวาด(Basic Art)
• วาดเส้นดินสอ + สี (Drawing&Sketch)
• ไปมาซะที..(Sketch on travel)
• พู่กันจีน
• ผลงานภาพวาด(Drawing & Painting)
• แบ่งกันใช้
• หนังสือ พิชัย เมืองเล็กฯ
• คอลัมน์ "จินตนากร" โดย"เป็นเกลียว
• เรื่องเล่าผ่านกาลเวลา
• "แสงตะเกียงไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม" โดย "เป็นเกลียว"
• THE PAINTER
• อินเดีย ซีเปีย กาแฟ

• haiku
• กะว่าก๋า
• poongie
• saipin
• Atas
• anavrin
• ตาอ้วนชวนคุย
• ค่ำคืนหน้าหนาว
• noojew
• JoySewing
• ลายปากกา
• บูรพากรณ์
• merveillesxx
• puifaikpp
• lozocat
• pinklilac
• ลำดวนดอย
• พิธันดร
• สิงห์อมบ๊วย
• พรายทราย
• ร่มไม้เย็น
• yyswim
• sorwor
• skinhead
• คุณพ่อภัคค์
• Webmaster - BlogGang

• พิชัย เมืองเล็กแต่ใหญ่ ที่ตกสำรวจ
• ชาร์ลส ชาเดอร์โลต์ (หมึกจีน)
• pino-artist (Oil)
• ตัวอย่างหนังสือหลายๆแบบ
• ประวัติศาสตร์สีน้ำ
• artgazine
• SKETCH CRAWL
• พระไตรปิฎก
• สีน้ำ lucywillis
• พจนานุกรมไทย
• บล๊อกสีน้ำคุณรินา Water color Guรู้ Guru
• ตัวอย่างงานสีน้ำ
• ACADEMY OF ART
• kengonartandtravel
• KENG ON ART & TRAVEL
• Kenny Keng Blog
• BlogGang.com

เทคนิคการทำเฟรมเขียนสีน้ำมัน ทุกครั้งที่จะเขียนภาพสีน้ำมันทีไร ผมก็มักจะทนรอไม่ไหวทุกทีไปเลยครับ สาเหตุเพราะการเขียนสีน้ำมันนั้น ต้องรอ รอทุกอย่าง ทั้งเฟรม การร่างภาพและการรอจังหวะของสีในการวาด โดยเฉพาะผู้ไม่ค่อยพิศมัยผ้าใบสำเร็จรูปอย่างผม แต่จะว่าไปแล้ว การทำเฟรมหรือผ้าใบเขียนรูปนั้นก็เพลินดีเหมือนกันครับ เพราะเราจะต้องคอยดูแลเขา(ภาพ)ตั้งแต่เป็นวัตถุดิบทุกอย่าง ตั้งแต่เป็นผ้าใบธรรมดาๆ ที่แสนจะธรรมดา ที่ไม่ธรรมดา ที่ไม่ธรรมดาเพราะเราต้องเลือกเหมือนกับครับ กับการที่จะเขียนภาพประเภทไหนให้ถูกใจกับรายละเอียดการทอผ้า หรือรอยห่างของเนื้อผ้า ที่สำคัญอีกอย่างไม่แพ้กันคือ อย่าให้ยับมาก ถ้ายับมากๆต้องนำไปรีดก่อนนะครับ จากนั้นก็ต้องทำกรอบเฟรมขึ้นมาเพื่อขึงผ้าใบลงไปบนนั้นให้ตึงละครับ ให้ผ้าตึงนะครับ ไม่ใช่หู (อิอิอิ) ที่พยายามจะตึงไม่ได้ยินอะไรโดยเฉพาะเรื่องที่ไม่อยากฟัง แต่ทางบ้านผมบอกว่า "ทำหูทวนลม"อ่ะ โดนข้อหากวนอวัยวะเบื้องต่ำกว่าข้อเท้าขึ้นมาทันทีทันใด เราก็เลยหาข้ออ้างไปว่า ที่ไม่ได้ยินน่ะเพราะว่ากำลังมีสมาธิ เพราะถ้าทำงานจนเกิดสมาธิน่ะใครเรียกจะไม่ได้ยิน ก็เลยรอดตัวไปด้ แต่ก็ไม่ทุกครั้งหรอกครับ หุหุหุ วิธีการขึงเฟรมนี้คงต้องหาเพื่อนมาช่วยกันขึงละครับ ช่วยกันจับ ช่วยกันดึง อย่างขึงขัง อีกคนดึง อีกคนก็ยิง ยิงให้ถี่ๆ ยิงแบบไม่ต้องรอให้กรรมการเป่านกหวีดเหมือนบอลคู่อังกฤษกับเยอรมัน ที่บอลเข้าไปจนจะโดนตาข่ายอยู่แล้ว แถมเด้งอยู่ในนั้นตั้งหลายทีแล้วเด้งออกมา แต่กรรมการยังไม่ยอมเป่า ไม่รู้ว่านกหวีดรูตันหรือเป่านกหวีดกลับด้าน ข้อห้ามของการยิงเฟรมก็คือ อย่าไปกวนคนยิงนะครับ โดยเฉพาะถ้าเขาเชียร์ทีม(บอล)ตรงข้ามกับเราถ้าเราดึงอยู่ ไม่งั้นอารมณ์มนุษย์อาจนำพาให้เขายิงเสกหน้าเอาง่ายๆได้ อิอิอิ เมื่อขึงเฟรมโดยรอดจากการถูกยิงเสกหน้าเรียบร้อยแล้ว จากนั้นก็มีวัสดุง่ายๆครับที่เราเตรียมมาแล้วครับ นั้นคือ สีน้ำที่มีอะคิลิคผสมอยู่เยอะหน่อย แต่ถ้าหาไม่ได้ก็ สีทาภายนอกเรานี้แหละครับ เลือกที่มีอะคิลิกเยอะๆหน่อยก็แล้วกัน นำมาผสมกับกาวลาเท๊กซ์ในอตราส่วน 60 ต่อ 40 คือสี 60 เปอร์เซนต์น่ะครับ อีก40 เป็นกาว ทาแบบนี้ไปสัก 1 รอบก่อน แล้วรอจนแห้ง เมื่อแห้งแล้วก็ทำการขัดครับ ขัดด้วยกระดาษทรายนะครับ อย่าเอาหน้าใครไปขัดเพราะคิดว่าเป็นกระดาษทราย (แซวแบบนี้ไม่รอดแน่ๆ) ใช้เบอร์ละเอียดหน่อยครับ เอาเบอร์ 0 หรือ เบอร์ 1 มาขัดก็ได้ ขัดเสร็จก็จัดแจงลงสีเพิ่มเติมอีกรอบครับ คราวนี้ถ้ามียางปาดก็เอามาปาดด้วยก็ได้(ไม่มีไม่เป็นไร) แล้วก็ขัด ทำแบบนี้สักสามรอบ ใจเย็นๆนะครับ อย่าใจร้อนใช้สีหนาเกินไปแล้วทารอบเดียว ต่อให้สีเหนียว(อะคิลิก)แค่ไหนก็จะแตกเอาง่ายๆครับ ทำแบบนี้สักสามรอบ พอรอบที่สี่สุดท้ายก็ผสมกาวลงในสีสัก 50 ต่อ 50 แล้วผสมน้ำเยอะพอประมาณ แต่อย่าให้เหลวนะครับ ลงอีกรอบ เมื่อแห้งสนิท ก็นำกระดาษทรายเบอร์ 0 มาลูบเบาๆอีกครั้ง ลองเอามือลูบสัมผัสดู อย่าให้เฟรมสากเหมือนกระดาษทราย เฟรมต้องเรียบ นุ่ม และพร้อมที่จะนำพู่กันแต้มสีลงไปขยี้ในนั้นได้อย่างเมามันส์ จากนั้นก็นำขึ้นแสตนด์ร่างรูปที่อยากวาดลงได้เลยครับ **บางท่านใช้รองพื้นด้วย กรอสซี่เพื่ออุดรอยตาข่ายถักของผ้าใบอีกรอบ หรือไม่ก็มีเทคนิคของแต่ละคนครับ ทั้งส่วนผสมของลินซีสกับน้ำมันสนทาทับอีกรอบ หรือเทคนิคอื่นๆที่มีหลากหลาย แต่แค่นี้ก็ทำได้แล้วล่ะครับ ลองดูนะครับ ซึ่งขั้นตอนต่อไปการเขียนภาพสีน้ำมัน Land scape จะเป็นการร่างรูปและเขียนรูป สีน้ำมันแบบแลนด์สเคปครับ เป็นเทคนิคที่ใช้ได้ง่ายๆ ตามสถานที่ที่ซึ่งถูกจำกัดไว้ด้วยซึ่งวัสดุและอุปกรณ์ แต่อารมณ์แห่งการทำงานมีอยู่เต็มเปี่ยม ครั้งหน้านะครับ สรุปนะครับสิ่งที่ต้องเตรียมคือ 1. ผ้าใบ 2. กาวลาแท๊กซ์ ที่มีอะคิลิกมากๆ(แห้งแล้วเป็นพลาสติก) 3. สีน้ำอะคิลิก 4. เครื่องยิง 5. ไม้ทำเฟรม 6. แปรง(อย่าให้ขนหลุดง่ายนะครับ ไม่งั้นทาไปหลุดไปแกะกันเพลิน) 7. ยางปาด 8. กระดาษทราย 9. คนช่วยดึงเฟรม 10. ความอดทน 10.1 ใจเย็นๆ 11. เทคนิคพิเศษแต่ละคน แต่ละสไตล์การเขียนรูป ว่าจะเป็นพอตเทต หรืออื่นๆ ขอให้สนุกกับการทำงานนะครับ เพราะถ้าเรารักเราจะสนุกกับมันครับ สวยไม่สวย ดีไม่ดี ค่อยว่ากันอีกทีครับ   Create Date : 28 มิถุนายน 2553     Last Update : 1 กรกฎาคม 2553 8:15:29 น. Counter : 20115 Pageviews.   22 comment Share Tweet

อุปกรณ์ การต่อดินสอ EE "แบ่งกันใช้"  หายไปนานเลยครับ ไม่ใช่ไม่รู้ว่าจะมีอะไรจะแบ่งหรือจะแบ่งอะไรให้ใครใช้นะครับ มีอีกหลายอย่างเลยครับที่อยากจะแบ่งบันหรือแนะนำให้กับผู้ที่รักที่จะเข้ามาสัมผัสกับความงามแห่งศิลปะ แต่หลายๆอย่างที่ประเดประดังเข้ามาดั่งพายุลูกใหญ่ ทำให้ต้องทำหลายๆสิ่งให้ทันการณ์ ก่อนการแก้ไขในอนาคต ทำจนหัวเป็นน๊อต ตัวเป็นเกลียว ลุยจนเกลียวหายกันไปเป็นแถบๆเลย  แต่ก็ไม่ถึงขั้นไปปีนเกลียวใครให้ปวดกะโหลกเล่น จนเกิดเรื่องราวใหญ่โตอย่างในปัจจุบันประเทศของเรานะครับ (อุ่ย!...)   เผอิญบวกกับพอดีที่ทีหลายๆท่านถามไถ่มาว่า " ดินสอหดสั้นลงแล้วทำไง  เสียดายจัง? " รวมทั้งปัญหาดินสอที่เหลาแล้วหักบ่อยๆ เหลาหัก หักเหลา เหาหลัก เฮ้ย! ....  หรือหักไม่บ่อยแต่ซ้อมวาดประจำจนทำให้ดินสอ EE แท่งเก่งหดสั้นจุ๊ดจู๋จนใช้การได้ไม่ถนัด ก่อนที่จะต่อของที่สั้นให้ยาวเราต้องมาดูสาเหตุก่อนล่ะครับ ว่าที่สั้นลงน่ะ ใช้งานมากหรือใช้งานน้อยแต่หักเอา หักเอา (อย่ากลับคำนะครับ ขอร้อง)  ที่หักบ่อยก็มาจากหลายสาเหตุ  ละครับ ทั้งคนอื่นทำร่วงแล้วเราไม่รู้(จึงต้องรับกรรมไป เพราะไส้มันหักข้างใน ใครก็ไม่รู้หรอก)  หรือทำร่วงเองแล้วปลอบใจตัวเองว่าไม่เป็นไรหรอกน่ะ ( ทั้งๆที่รู้อยู่เต็มอก) แต่แล้วก็ไม่รอด..........เหลาทีไรหักทุ้กกกกกก....ที (สีชอล์กแท่งสยองกว่านี้อีกครับ หักง่ายกว่า EE อีก) เวลาดินสอ EE ร่วงพื้นทีไร เสมือนกับหัวใจหล่นแตกสลายทุกที (โดยเฉพาะพื้นห้องที่เป็นพื้นหินอ่อน) ปวดร้าววววววว......เจ็บลึกกกกกกกก  ส่วนเทคนิคการเหลาก็เป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ใบมีดไม่คม หรือมือไม่ถึง(ขาดความชำนาญในการเหลา).....ว่าไปนั่น เพราะไส้ดินสอ EE นี้ช่างอ่อนไหวเปราะบางซะเหลือเกิน เนื่องจากความคมเข้มเพราะเป็นคาร์บอนที่ดำสนิท เราจึงต้องพยายามรักษาอย่างสุดฤทธิ์ไม่ให้ร่วงหล่นจากความเพลิดเพลินของเราเอง การต่อดินสอทำได้หลายแบบครับ ทั้งแบบเฉพาะหน้าและแบบมีการเตรียมพร้อม แบบเฉพาะหน้าก็ต้องหากระดาษกับเทปใสหรือทึบก็ได้มาพันกับดินสอ แบบนี้ไม่ต้องการความสวยงาม เน้นการใช้ได้เป็นครั้งคราไปเพียงอย่างเดียว อีกแบบก็ต้องลงทุนเพิ่มอีกนิดครับ ด้วยการไปหาซื้อปลอกต่อดินสอมาเพิ่ม ปลอกต่อดินสอก็มีอยู่หลายแบบครับแต่ก็คล้ายๆกัน คือ ทำให้สิ่งที่สั้นนั้นให้ยาวขึ้น ทั้งแบบมียางลบติดและไม่มี แบบพลาสติก หรือ สแตนด์เลส สตีล (Stainless steel) ลองหาซื้อตามร้านขายเครื่องเขียนทั่วไปก็ได้ครับ ราคาก็ประมาณ 40 - 60 บาท ทั้งคุ้มค่าและดีเกินคาดเชียวล่ะ สุดท้าย ขอให้สนุกและมีความสุขกับการวาดเส้น (Drawing) นะครับ *** ของฝากอีกนิด เอาเทคนิคการวาดหุ่นนิ่งสำหรับมือใหม่มาฝากกันลืมนะครับ คลิ๊กที่รูปได้เลยครับ   Create Date : 16 พฤษภาคม 2553     Last Update : 16 พฤษภาคม 2553 17:49:22 น. Counter : 6314 Pageviews.   7 comment Share Tweet

วิธีแกะสติ๊กเกอร์ ต้องเตรียม สติ๊กเกอร์มาก่อนนะครับ เอาสีที่เราชอบและเหมาะสมกับชิ้นงานครับ ข้อห้ามใช้สีดังนี้ครับ สีหญิง สีซอฯ สีหน้าอย่างเรา...^_^ สำหรับแบบก็ตามแต่น่ะครับ ก๊อปปี้ลงในกระดาษ A4มาแล้วแปะทับ ทับลงบนแผ่านสติ๊กเกอร๋นั่นแหละครับ ใช้เทปกาวแปะข้างๆระหว่างกระดาษกับสติ๊กเกอร์ครับ จากนั้นก็ค่อยๆแกะลงบนกระดาษA4 ลองบ่อยๆนะครับ ให้น้ำหนักมีดที่กดลงไปไม่ทะลุแผ่นหลังน่ะครับ จนได้ลวดลายแบบที่ต้องการแล้ว ก็เตรียมเอาแผ่านนี้แปะทับชั้นที่สองต่อไป ใช้เทปกาว ที่ไม่เหนียวจนเกินไปแปะทับตัวสติ๊กเกอร์ที่ตัดไว้เลยครับ (ตามแบบ) จากนั้นก็ลอกออกมา ต้องใจเย็นๆนะครับ ไม่งั้นเดียวและ ติดกันนัวเนียจนแกะไม่ออก เมื่อลอกออกมาแล้วก็นำไปติดบริเวณสติ๊กเกอร์ที่เราต้องการให้เป็นพื้นหลังครับ จากนั้นก็ใช้มีดแกะคัดเตอร์ค่อยๆเล็มขอบข้งๆที่เราไม่ต้องการออกจนหมด สำเร็จแล้วครับ ลองดูหลายๆแบบนะครับ เคล็ดลับคือฝึกบ่อยๆและเรียนรู้จักน้ำหนักมือ และความคมของใบมีดครับ ในภาพผมใช้พื้นหลังสีขาวน่ะครับ เราสามารถเลือกสีสติ๊กเกอร์ได้ตามใจชอบเลยครับ ลองดูอีกตัวอย่างนะครับ ขอให้ทุกๆท่านมีความสุข และสนุกกับการแกะสติ๊กเกอร์นะครับ   Create Date : 06 ตุลาคม 2552     Last Update : 14 ธันวาคม 2552 1:37:01 น. Counter : 9717 Pageviews.   8 comment Share Tweet

การทำสมุด Sketch อย่างง่าย "ไว้ว่างก่อนค่อยทำ" ผมมักจะใช้คำนี้เป็นข้ออ้างสำหรับตัวเองเสมอ เวลาที่ขี้เกียจตั้งแต่ระดับปานกลางขึ้นไป พอถึงเวลาจะใช้งานให้ทันตามอารมณ์ที่ขึ้นลงยิ่งกว่าน้ำทะเลก็ไม่ทันการณ์สักที เก็บอารมณ์ไม่ทัน มันเปลี่ยนไปเร็วมาก โน้นก็สวย นี่ก็ชอบ แล้วก็ผ่านเลยไป การเก็บอารมณ์ อารมณ์หนึ่งไว้ในความทรงจำนอกเหนือจากตัวอักษรในสมุดบันทึกแล้ว อีกอย่างหนึ่งก็คงไม่พ้นสมุดเสก๊ตซ์ อารมณ์และความคิดมันไม่ได้มาเป็นหลินฮุ้ย  แต่มันมาเป็นช่วงๆ มันมาแบบไม่บอกกล่าวล่วงหน้า เหมือนสิวหัวช้างที่ชอบขึ้นปลายจมูกทุกทีเวลาจะไปงานสำคัญ ผมจัดแจง สลัดข้ออ้างนี้ออกจากสมอง เพราะรู้ว่ามันแฝงตัวอยู่ในกายเรา คล้ายๆกับไวรัสที่ซ่อนอยู่ในระบบปฏิบัติการ ที่หาเท่าไหร่ก็หาไม่เจอ วิ่งหนีกันเป็นหนังอินเดีย การพกสมุดเสก๊ต เหมือนกับการติดตั้งโปรแกรมกำจัดไวรัส ไว้ในตัว ไวรัสข้ออ้าง ที่พร้อมจะจัดการกับร่างกายเราให้อ่อนระทวย โรยแรงได้ทุกเมื่อ ดินสอ ปากกา หรืออะไรก็แล้วแต่ที่เขียนได้+เนื้อกระดาษที่ขาวเนียน หรือจะแดงแจ๋ก็ได้ จัดการลากเส้นมันลงไปในสมุดที่น่าใช้ แถมยังมีผลงานเก่าๆจากที่ต่างๆไว้คอยปลุกใจ ทำให้ไฟในตัว ลุกติดพอๆกับแก็สที่ถูกปล่อยออกจากถังสู่ส่วนหัวให้ลุกติดได้ไม่อยากเย็น ดินสอที่หนักราวๆกว่ากับสิบกิโลในช่วงแรก จะค่อยๆปลิดปลิวเบาราวกับปุยเมฆบางๆยามเช้า อารมณ์ที่พลุกพล่านจะค่อยๆสงบลง เหมือนกับสิงโตเชื่องๆหมอบให้ลูบหัวเล่น สมุดเสก๊ตซ์ผู้ใจดี รองรับอารมณ์พร้อมสะกดใจเราให้นิ่งสนิทได้ตลอดเวลา พล่ามมาตั้งนาน...ผมแค่จะมาชวน+บอกกล่าววิธีการทำสมุดเสก๊ตซ์อย่างราคาเบาๆ สามารถเลือกขนาดและกระดาษได้เองตามสไตล์ กับวิธีการแบบง่ายๆไว้ใช้สะกดวิญานตัวเองกันดูน่ะครับ เตรียมกระดาษที่ตัองการก่อนครับ ในตัวอย่างผมใช้กระดาษขนาด B5 70 แกรม (70 บาท) บางเล่มผมก็ใช้กระดาษบรูฟครับ(แล้วแต่ว่าวันนี้จะอารมณ์ไหน) กระดาษทำพื้นหลังให้ใช้กระดาษหนาหน่อยครับ (15บาท แบ่งได้เล่มใหญ่ +เล็ก) เวลาเสก๊ตซ์ จะได้รองรับกับแรงกดกระชากวิญญานของเราได้ กระดาษปกใช้กระดาษบางหน่อยแต่อย่าถึงกับเจี๊ยบ(บาง) ตามภาพผมใช้กระดาษน้ำตาลที่เขาใช้ห่อของส่งพัสดุน่ะครับ/แผ่นละ 3บาทใหญ่เบ่อเริม จากนั้นเมื่อตัดกระดาษเรียบร้อยแล้วก็ไปเย็บเล่มที่ร้านน่ะครับ เขามีลวดเย็บใหญ่อยู่ (อันนี้ 5 บาท) ทากาวลาเท๊กซ์ ทาบริเวณสันขอบเล่ม ปกกระดาษน้ำตาล และกระดาษรองปกครับ จากนั้นก็ค่อยๆกดแปะเข้าไป เอามือหรืออะไรก็ได้รีดให้เรียบ แล้วหาอะไรกดทับให้แน่นๆ จนกว่ากาวจะแห้ง เมื่อแห้งแล้ว ก็มาตัดแต่งขอบ แค่นี้เองครับ เห็นไหมครับ ทำหลายๆขนาดอย่างในภาพ จะมีทั้งพกพาติดตัว ติดกระเป๋า และแบบเดินถือเหมือนกับกระดานเสก๊ตซ์สมัยเรียน หน้าปกเราจะแต่งยังไงก็แล้วแต่ ตามสไตล์เลยครับ แค่นี้เราก็ได้เครื่องมือสะกดวิญาน(ตัวเอง+คนดู)ในราคาไม่ถึงร้อยครับ ยิ่งกระดาษบรูฟยิ่งเชฟใหญ่ ขอให้มีความสุขกับการออกไปเสก๊ตซ์ภาพ เผชิญโลก กันทุกคนนะครับ   Create Date : 22 กรกฎาคม 2552     Last Update : 14 ธันวาคม 2552 1:37:22 น. Counter : 5491 Pageviews.   7 comment Share Tweet