Update! • Kenny Keng Web• Activity • Article • Imagine • My ARTWORK • BackPack/Journey • Sketch • All Art • alphafo

alphafoBasic Sketch • • 333 STUDIO KENNY KENG Blog


ALPHA FO
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 58 คน [?]








**อันนี้ก็สำคัญครับ กับเรื่องของสิทธิ
คือว่าถ้าหากเพื่อนๆท่านใด
ต้องการนำภาพหรือบทความไปเผยแพร่
กรุณาแจ้งผมด้วยนะครับ

**ขอบคุณครับ**

alphafo

New Article : JAN 2015

Art trip : My Journey
• "แบ่งเขต ไม่แบ่งใจ ; ไทย ลาว เวียดนาม"ฮานอย1 เวียดนาม:13/02/15
• "แบ่งเขต ไม่แบ่งใจ ; ไทย ลาว เวียดนาม" ซาปา3 เวียดนาม:31/01/15
• "แบ่งเขต ไม่แบ่งใจ ; ไทย ลาว เวียดนาม" ซาปา2 เวียดนาม:16/01/15
• "แบ่งเขต ไม่แบ่งใจ ; ไทย ลาว เวียดนาม" ซาปา1 เวียดนาม:14/01/15
• "แบ่งเขต ไม่แบ่งใจ ; ไทย ลาว เวียดนาม" เดียนเบียนฟู เวียดนาม:09/01/15
• "แบ่งเขต ไม่แบ่งใจ ; ไทย ลาว เวียดนาม" หลวงพระบาง ลาว:07/01/15
• "แบ่งเขต ไม่แบ่งใจ ; ไทย ลาว เวียดนาม" ไชยบุรี2 ลาว:26/12/14
• "แบ่งเขต ไม่แบ่งใจ ; ไทย ลาว เวียนาม" ไชยบุรี1 ลาว:25/12/14
• "แบ่งเขต ไม่แบ่งใจ ; ไทย ลาว เวียดนาม" ปาด แปด 8:23/12/14
• "เริ่มใหม่...ได้ทุกเมื่อ":25/02/14
• "ปั่นคิดที่กองโค":19/12/12
• "12 12 12":12/12/12

• "ลับแล ซะที" :06/08/12

• BEST OF THE BEST:05/03/12

alphafo

• กาแฟสดบ้านหมึกจีน coffee and china's art gallery:16/02/12

Update! • อุปกรณ์การวาด carbon powder
•เทคนิคการทำเฟรมเขียนสีน้ำมัน
•เทคนิคการทำเฟรมสีน้ำมัน
•ปลอกต่อดินสอ EE กรณีดินสอของท่านหดสั้นจุ๊ดจู๋
•การทำสมุดเสก็ตซ์อย่างง่ายและประหยัด
•ภาพตัวอย่างสีชอล์ก 1
•ภาพตัวอย่างสีชอล์ก 2
•ภาพตัวอย่างสีชอล์ก 3



Update!เทคนิค ขั้นตอน การวาดภาพการ์ตูน
• : เทคนิคการวาดภาพผงคาร์บอนพระเจ้าตากสินมหาราช และพระยาพิชัยดาบหัก
• การวาดการ์ตูนล้อเลียน
• พื้นฐานการวาดการ์ตูน
•เทคนิคการวาดภาพคนสีชอล์ก(หลวงปู่แดง)
•เทคนิคการวาดภาพคนเหมือนเต็มตัวสีน้ำมัน
•การวาดเส้นสีคนเหมือน แบบหญิง
•การวาดเส้นสีคนเหมือน แบบชาย
•เทคนิคการวาด carbon powder
•การวาดสีชอล์กแท่ง พระยาพิชัยดาบหัก
•การแก้ไขภาพสีน้ำมัน landscape
•เทคนิควาดภาพสีน้ำมัน Landscape
•พื้นฐานการวาดภาพสำหรับผู้เริ่มต้นใหม่(Basic)
•เทคนิคการวาดเส้นหุ่นนิ่ง(Drawing)
•เทคนิคการวาดเส้นภาพเหมือน(portrait) "ตา"
•เทคนิคการวาดเส้นภาพเหมือน(portrait) "จมูก"
•เทคนิคการวาดเส้นภาพเหมือน(portrait) "ปาก"
•เทคนิคการวาดเส้นรูปคนเหมือนด้วยดินสอ EE(drawing portrait-woman)
•เทคนิคการวาดเส้นคนเหมือน (Drawing sketch)
•เทคนิคการวาดเส้นรูปคนเหมือนภาพสีด้วยสีชอล์กแท่ง(pastel portrait)
•เทคนิคการใช้สีชล์อกแบบ drawing
•เทคนิคการแกะสติ๊กเกอร์แบบปลอกล้วย(จริงๆ)

alphafo ART ARTICLE :
• "เที่ยวไปกับถ่าน"ตอนที่ 6(สุดท้าย): โบนัสพิเศษกับงานศิลปะ
• "เที่ยวไปกับถ่าน"ตอนที่ 5 : วิธีการวาดภาพให้ได้ (เอาจริงซะที 2)
• "เที่ยวไปกับถ่าน"ตอนที่ 4 : วิธีการวาดภาพให้ได้ (เอาจริงซะที 1)
• "เที่ยวไปกับถ่าน"ตอนที่ 3 : ตามหามุมบันทึก(วาดเส้น)
• "เที่ยวไปกับถ่าน"ตอนที่ 2 : ทำไมต้องเป็นถ่าน?
• "เที่ยวไปกับถ่าน" ตอนที่ 1: เด็กน้อยกับฝาบ้าน
**ภาพสเก็ตซ์สีชอล์กน้ำมัน
**เทคนิคประสม...ใคร ??
ศิลป์(ป่ะ) “ต้องเป็นตัวของตัวเองดิ๊” ...

ภาพวาดที่ฉีก: ผมยืนมองภาพพร้อมกับฟังเสียงหล่น..
ANATTA: วันที่ความหดหู่ หดเหี่ยว หรือเหี่ยวจนหด...
alphafo
alphafo

alphafo
alphafo


Sketch crawl ร่วม Sketch กับเพื่อนๆทั่วโลก

alphafo ALPHA FOCUS หนังสือพิชัย เมืองเล็กฯ เรื่องราวเกี่ยวกับเมืองหน้าด่านของสยามประเทศในอดีต.....
alphafo
โอกาสที่ท่านมุ้ยมอบให้ สิ่งที่ผมเฝ้าศึกษาและสังเกตุ จะมีเรื่องราวและข้อมูลไปพ้องกับใครบางท่านเข้าอย่างจัง...

New Comments
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add ALPHA FO's blog to your web]
Links
 

 

กระบี่ไร้เทียมทาน ตอนจบ


ตอนที่ 6 : กระบี่จอมยุทธ์ : กระบี่ไร้เทียมทาน ตอนจบ


คราวที่แล้ว ค้างไว้ที่ว่าทำไมแต่ละที่ถึงใช้ดาบหรือกระบี่ต่างกัน

ทั้งกระบี่มีสองคม ดาบปลายแหลมและงอน ดาบหัวตัด ซามูไร
ธรรมชาติเป็นตัวกำหนดให้มนุษย์ใช้ต่างกัน
หรือมนุษย์เป็นคนกำหนดลักษณะอาวุธขึ้นมากันเอง

เข้าเรื่องกันเลยดีกว่า
กระบี่เป็นอาวุธประจำกายของเราชนิดหนึ่งแบบอาวุธระยะสั้น
แล้วกระบี่ต่างจากดาบ มีด อย่างไร

ดูง่ายๆทางกายภาพแล้วกระบี่ต่างจากดาบ คือ
กระบี่มีสองคม ดาบมีคมเดียว มีสันอยู่ด้านบน
กระบี่ใช้ฟันและแทงได้ แต่ดาบมักใช้ฟันมากกว่าแทง


และกระบี่ส่วนใหญ่จะทรงเพรียว เบากว่าดาบ
ไม่หนาเหมือนดาบเพราะดาบบางชนิดของชาวตะวันตกมีคมสองคม
แต่จะหนาและหนักกว่ากระบี่

พูดถึงอาวุธประเภทดาบกระบี่ มีดแล้ว
ลองมาพิจารณาดูอาวุธโบราณที่ใช้ในภูมิภาคบ้านเรากันบ้าง



ดาบไทย
ว่ากันว่าถ้าดาบดีต้องตีที่อรัญญิก อยุธยา
แล้วใช้เหล็กน้ำพี้ที่อุตรดิตถ์ เมืองพระยาพิชัยดาบหัก
ที่เรียกว่าดาบ เพราะดาบไทยมีสันขอบ
และมีคมอยู่ที่ท้องดาบ ช่วงปลายดาบไทย
จะมีปลายแหลมและงอนขึ้นเล็กน้อย



โดยจะต่างจากดาบของพม่าและพวกเงี้ยวทางเหนือ
ที่มีปลายหัวแบบตัด


ประโยชน์ของการมีปลายแหลมก็คือ
ใช้ประโยชน์ในการฟันและแทงได้ด้วย

สันดาบของไทยเราก็มีความหนา
คือโคนดาบจะหนากว่าปลายดาบในช่วงสันดาบ
เพื่อเพิ่มความคงทนหักยาก
เพราะเทคโนโลยีในการตีดาบของเรา
ตีดาบจากเหล็กชนิดเดียวต้องมีสันหนาเพื่อกันดาบหักง่าย



เนื่องจากหากใช้เหล็กเหนียวทำดาบคมดาบจะอ่อน
ฟันอะไรก็ยู้(บิ่นง่าย) หมดความคมไว
แต่หากต้องการดาบที่มีความคมที่ดี
จำต้องใช้เหล็กกล้าซึ่งคงทน แข็ง
แต่..มีความเปราะบางในตัว จึงหักง่าย

จำต้องทำสันดาบให้หนากว่าตัวคมของดาบ
และต้องหนาในช่วงโคนดาบ
เพื่อเพิ่มแรงในการฟันอีกที่หนึ่ง
โดยช่วงปลายต้องบางกว่าโคนเพื่อเพิ่มอนุภาพในการแทง
และเกิดบาดแผลที่ฉกรรจ์กับศัตรู

"ดูดิ๊!เรื่องทำลายกันนี้มนุษย์ถนัดนัก”

แต่ถ้าเป็นดาบญี่ปุ่นที่เราเรียกกันว่าซามูไรนั้น
ถือว่าเป็นสุดยอดของดาบในโลกก็ว่าได้
เพราะเทคนิคการตีดาบของญี่ปุ่นถือได้ว่าชั้นยอด



ซามูไรประกอบด้วยเหล็กสองชนิด
คือเหล็กกล้าที่คม ดาบแข็งและคมตัดเหล็กกันได้
สวนสันไร้เหล็กเหนียว
นำเหล็กสองชนิดมาตีรวมกันเป็นดาบเล่มเดียว
ถือว่าสุดยอดจริงๆ

ว่ากันว่าที่ดาบญี่ปุ่นบางและคมนั้น เพราะพื้นฐานของเขานั้นกินปลา
การกินปลาทำให้พวกเขาต้องใช้มีดบางและคมในการแร่เนื้อปลา
ทำให้พัฒนาการเป็น ซามูไร
ผลข้างเคียงของการกินปลามากๆ
ก็อย่างที่เห็นถึงควมคิดของประชากรและพัฒนาประเทศ ด้วยความล้ำลึก
ทำกันด้วยสมองที่สั่งการด้วยจิตสำนึก แบบไม่ดราม่าเหมือนไฟไหม้ฟาง


แล้วเรามาดูดาบของเพื่อนๆบ้านเราบ้าง
พม่า มอญ กระเหรี่ยง เงี้ยวและกลุ่มคนทางเหนือที่ไม่ใช่กลุ่มชนชาติไทย
มักจะใช้ดาบหัวตัดเป็นหลัก
อาจเป็นเพราะความจำเป็นที่ต่างกันกับของเรา

ดาบพม่าไม่สะดวกในการแทง
แต่จะมีอนุภาพในการฟันมากกว่า
ที่เป็นเช่นนี้เพราะทางเหนือมีป่าไม้รกทึบมาก
ดาบหัวตัดจะมีความสะดวกในการเดินป่าใช้แผ่วถ่างได้สะดวก



ไม่เหมือนคนไทยที่อยู่ตามทุ่งท้องนา
รูปทรงของดาบจึงต่างกัน


ส่วนดาบของชนชาติขอมหรือเขมรมักจะใหญ่และมีปลายตัดเฉียง
ดูจากหลักฐานที่พบที่นครวัดตามรูปสลักทั้งหลาย
ดูคล้ายมีดหวดบ้านใช้ทั่วไป
อาจเป็นเพราะคนขอมมีรูปร่างที่บึกบึนล่ำสั้นกว่าคนไทยและพม่า
จึงใช้ดาบที่มีความหนาหนักใหญ่กว่าพวกเรา



ส่วนอีกที่ติดกับเวียดนามอาวุธจึงดูคล้ายคลึงกับดาบจีน
เพราในอดีตขอมและจามทำสังคมกับจีนตอนได้บ่อย
เนื่องจากชนชาติเวียดนามน่าจะมีเชื้อสายของคนจีน
มากกว่ากลุ่มคนในลุ่มสุวรรณภูมิ

ส่วนทางใต้ของไทยส่วนใหญ่นิยมใช้กริช
ซึ่งจริงๆแล้วกริชจัดว่าเป็นอาวุธชนิดหนึ่ง
เป็นอาวุธประจำกายแบบสั้น
โดยปัจจุบันแล้วเข้าใจกันว่าเป็นของวัฒนธรรมอิสลาม
แต่หากย้อนไปจริงๆน่าจะมาจากพวกฮินดูที่มาจากอินเดีย
พระในรูปเคารพโบราณของอินเดียก็มีกริชแล้ว



ที่ทางใต้ใช้กริชเพราะในช่วงอาณาจักรศรีวิชัยถือได้ว่า
เป็นกลุ่มชนที่ครองน่านน้ำทางทะเล
จากภาคใต้ของไทยไปจนถึงชวา ศรีลังกาบางส่วน

ในการเดินทางเรื่องทะเลอาวุธที่เหมาะสมคือกริช
เพราะสะดวกในการใช้งานใช้ได้ในพื้นที่แคบๆบนเรือ
ส่วนดาบน่าจะเป็นดาบโค้งงอนแบบดาบแขก
และต้องเบาบาง



ส่วนมีดถือเป็นอุปกรณ์พื้นฐานของบุคคล
ใช้เป็นอาวุธและเครื่องมือทำมาหากินได้

จบแล้วครับวันนี้น้าหนวดขอหยุดโม้เรื่องราวเอาไว้ก่อน
แล้วเที่ยวหน้าจะหาเรื่องมาคุยใหม่
....ถ้ายังไม่เบื่อกันเสียก่อนนะครับ


(ขอบคุณภาพประกอบจาก Internet)



เรื่องเล่าผ่านกาลเวลา ตอนที่ผ่านมา
• ตอนที่ 1 : พาเที่ยวแหล่งกำเนิดหม้อ21/06/11
ชุด กระบี่จอมยุทธ์
• ตอนที่ 2 : กระบี่จอมยุทธ์ : เหล็กเจ็ดขี้เป็ด 1:31/10/11
• ตอนที่ 3 : กระบี่จอมยุทธ์ : เหล็กเจ็ดขี้เป็ด 2:08/11/11
• ตอนที่ 4 : กระบี่จอมยุทธ์ : เหล็กเจ็ดขี้เป็ด 3:24/11/11
• ตอนที่ 5 : กระบี่จอมยุทธ์ : เหล็กเจ็ดขี้เป็ด 4 (ตอนจบ):2/12/11
• ตอนที่ 5 : กระบี่จอมยุทธ์ : กระบี่ไร้เทียมทาน 1:14/12/11
• ตอนที่ 6 : กระบี่จอมยุทธ์ : กระบี่ไร้เทียมทาน ตอนจบ:23/12/11

Keywords :กระบี่ ดาบ เครื่องปั้น ดินเผา ประวัติดินเผายุคหินใหม่ ศิลปะการปั้น วาดรูป ขี้เป็ด

alphafo




 

Create Date : 23 ธันวาคม 2554    
Last Update : 23 ธันวาคม 2554 11:22:27 น.
Counter : 10922 Pageviews.  

กระบี่ไร้เทียมทาน


ตอนที่ 5 : กระบี่จอมยุทธ์ : กระบี่ไร้เทียมทาน



(ภาพประกอบโดย น้าหนวด)


หลังจากเล่าเรื่องกระบี่ในคราวที่แล้วไป
จนถึงเหล็กเจ็ดขี้เป็ดสุดยอด ศาสตราวุธของจอมยุทธในสมรภูมิแล้ว
...จะว่าไปคนรุ่นเก่าในสมัยที่ยังไม่มีคอมพิวเตอร์
หรือมีอินเตอร์เน็ต ใช้อยู่ตามบ้านตามช่องให้เกลื่อนกลาด
ดาดดื่นจนกลายเป็นขยะอยู่เต็มบ้านเต็มเมืองเหมือนปัจจุบัน
ก็เห็นจะมีแต่หนังสือไว้อ่านให้ความรู้กับทุกคน

ไม่มี พี่กรู.....!!!

แบบอยากรู้อะไรก็หาอ่านเอา
และต้องเสาะหามาเอา
ไม่เหมือนเดี๋ยวนี้อยากรู้อะไรก็กดหาพี่กรูเอา

ที่คุยมานี้มันเกี่ยวอะไรกับกระบี่
ละก็เข้าเรื่องเลยแล้วกันว่ากระบี่นั้นจะรู้จัก
ก็ต้องรู้จักกับบู๋ลิ้มหรือยุทธภพก่อน
ถ้าคอเก่าติดหนังสือจีนประเภท จอมยุทธทั้งหลาย

ก็จะรู้ว่าจอมกระบี่มีมากมายหลายเล่ม
ทั้งกระบี่ไร้เทียมทาน กระบี่คู่ กระบี่วงพระจันทร์
โอ๊ย สารพัดเลยครับพี่น้องทั้งหลาย



เอ๊ย..ที่กล่าวมาก็เพราะนึกถึงอดีต
สมัยก่อนต้องอ่านหนังสือจีน ไม่มีการ์ตูน VDO CD DVD แบบเดี๋ยวนี้หรอก
พออ่านแล้วก็ได้อรรครถอีกแบบหนึ่ง
ประเภทอ่านไปอินไปจินตนาการกว้างไกล
เหมือนประหนึ่งเป็นจอมยุทธผู้เก่งกล้าในนิยายจีนเสี่ยเองเลยที่เดียว



(ภาพประกอบโดยเป็งแปะ)


ติดจนไม่ยอมวางมือแบบเหนียวหนึบ ไม่ยอมกินข้าวกินปลาเลยที่เดียว
เขาว่ายุทธภพที่สมบูรณ์จะต้องมีห้าสำนักใหญ่
เป็นหลักในยุทธภพไว้แก้ปัญหา เพื่อสร้างปัญญา

ประมาณแบบเป็นสหภาพเหมือนบ้านเมืองในปัจจุบัน
ไว้ปกครองยุทธภพโดยประกอบไปด้วย



1.สำนักเส้าหลิน หรือ เซี้ยวลิ้มยี่
สำนักนี้เป็นพระบวชในศาสนาพุทธนิกายมหายาน
พวกนี้ไม่เก่งเรื่องกระบี่แต่จะเก่งเรื่องกระบองและหมัดมวย
คำภีร์โด่งดังถือคำภีร์โยกย้ายเส้นเอ้น
(คำภีร์นี้มีประเทศเราก็ไร้เหมือนกินโดยมาไร้ช่วงตุลาหรือเปลี่ยนรัฐบาลใหม่)




2.สำนักง้อไบ๊



สำนักนี้ไม่ง้อน้ำมัน แต่ง้อไบท์ซิเคิ้ล...อ๊ากกก ล้อเล่ง

สำนักนี้เป็นของแม่ชีพวกนี้เก่งเรื่องกระบี่
แต่แสดงให้เห็นว่าพระกับชีในเมืองจีนอยู่ด้วยกันไม่ได้
จึงต้องแยกกันตั้งสำนักใหม่
ไม่เหมือนเมืองไทยเรา พระกับชีอยู่ในสำนักเดียวกันได้




3. สำนักบู๊ตึ๊ง
สำนักนี้เป็นนักพรหมลัทธิเต๋าและมืออาชีพดูดวง
ทำพิธีทางเต๋า ซึ่งเป็นลัทธิเดิมของคนจีน






4. สำนักกระยาจก
สำนักนี้มีอาวุธเป็นไม้เท้าตีสุนัขและหมัดเมาเป็นหลักการทำมาหากิน
เพราะมักทำหน้าที่คุ้มกันสิ่งของพวกสำนักหรือพรรคต่างๆในบู๋ลิ้ม




ดูๆไปก็เหมือนนักธุรกิจเมืองไทยดูมีเกรียติมีหน้ามีตา
แต่วันๆไม่ค่อยทำมาหากินอะไร
หาเรื่องตีกัน ฟันกัน แทงกัน ไปวันๆ

ให้ประชาชนชาวบ้านดูกันไป เป็นเรื่องเป็นราวที่สนุกสนาน
จนเป็นนิยายอ่านกันติดกันงอมแงม
ในสมัยปู่ใกล้โกว์เล้งยังอยู่ เมื่อ 50-30 ปีก่อนโน้น
ปัจจุบันแกตายไปแล้วละครับ

ด้วยฉายาโกว์เล้งเป็นไทยแปลว่าไอ้มังกรทอง
คำคมของแกยังติดหูหลายคนโดยเฉพาะคอสุรา
เช่น “ข้าพเจ้ามิได้ชื่นชอบในรสสุรา
แต่ข้าพเจ้าชื่นชอบในบรรยากาศการร่ำสุรา”


หรือ “สหายน้ำมิตรผู้รู้ใจดื่มพันจอกหมื่นจอกก็ไม่เมา”
(เป็นผมละก็อ้วกตั้งแต่สามจอกแรกแล้วละครับ)

ส่วนคำที่เป็นเรื่องกระบี่ละก็คำคมคือ
"กระบี่อยู่ที่ใจแม้ไม่มีกระบี่อยู่ในมือแต่ขอให้ใจมีกระบี่ก็ชนได้”



คุยไปคุยมา เขาว่ากันว่า..
สุดยอดของกระบี่คือกระบี่ไร้เทียมทาน
แต่กระบี่ที่ว่าไร้เทียมทานก็ยังแพ้ ดาบ

ดาบที่ว่ามีฉายาดาบไร้น้ำใจ

ว่าดาบไร้น้ำใจร้ายแล้วก็ยังแพ้กระบอง
กระบองที่ว่าก็ คือ

กระบองหน้าด้าน

เพราะว่าให้ไร้เทียมทาน ให้ไร้น้ำใจเพียงใด
ก็สู้ความหน้าด้านหน้าทนของคนเราไม่ได้หรอก
ก็ กูจะเอา กูไม่ไป กูไม่ออก

ฟังๆแล้วดูคล้ายๆนักการเมืองประเทศใดประเทศหนึ่งแถวๆรอบตัวเราเนอะ
(พอเป็นฝ่ายค้านละก็เก่งกันจัง..ไม่ว่าฝ่ายไหน)

ขอโทษทีนะครับที่คุยนอกเรื่องนอกราวไปหน่อย(ไม่หน่อยละมั้ง)
จริงๆแล้วจะคุยกันเรื่องกระบี่เป็นอาวุธต่อจากคราวที่แล้วสักหน่อย
แต่ก็อีกนั่นแหละ..คงต้องต่อตอนหน้าอีกละครับ

มาดูกันว่าทำไม แต่ละที่ถึงใช้ดาบหรือกระบี่ต่างกัน
ทั้งกระบี่มีสองคม ดาบปลายแหลมและงอน ดาบหัวตัด ซามูไร

ธรรมชาติเป็นตัวกำหนดให้มนุษย์ใช้ต่างกัน
หรือมนุษย์เป็นคนกำหนดลักษณะอาวุธขึ้นมากันเอง


ตอนหน้า ตอนจบครับ

ตอนนี้มีการตีดาบซามูไรในเมืองไทยมาฝากก่อนครับ
รายการกระบี่มือหนึ่ง นำมาพอดีเลย อยู่ใกล้นี่เอง เย้!




(ขอบคุณภาพประกอบจาก Internet)



เรื่องเล่าผ่านกาลเวลา ตอนที่ผ่านมา
• ตอนที่ 1 : พาเที่ยวแหล่งกำเนิดหม้อ21/06/11
ชุด กระบี่จอมยุทธ์
• ตอนที่ 2 : กระบี่จอมยุทธ์ : เหล็กเจ็ดขี้เป็ด 1:31/10/11
• ตอนที่ 3 : กระบี่จอมยุทธ์ : เหล็กเจ็ดขี้เป็ด 2:08/11/11
• ตอนที่ 4 : กระบี่จอมยุทธ์ : เหล็กเจ็ดขี้เป็ด 3:24/11/11
• ตอนที่ 5 : กระบี่จอมยุทธ์ : เหล็กเจ็ดขี้เป็ด 4 (ตอนจบ):2/12/11

Keywords :กระบี่ ดาบ เครื่องปั้น ดินเผา ประวัติดินเผายุคหินใหม่ ศิลปะการปั้น วาดรูป ขี้เป็ด

alphafo




 

Create Date : 14 ธันวาคม 2554    
Last Update : 23 ธันวาคม 2554 10:08:33 น.
Counter : 4156 Pageviews.  

กระบี่จอมยุทธ์ : เหล็กเจ็ดขี้เป็ดตอนจบ


ตอนที่ 5 : กระบี่จอมยุทธ์ : เหล็กเจ็ดขี้เป็ดตอนจบ



เริ่มเรื่องจากตอนที่แล้วต่อกันเลยนะครับ

เมื่อนานมาแล้ว(นั่นแหละ) สมัยปู่ย่า ตา ยาย ของเรา
มีอาเจ๊กคนหนึ่ง เดินทางมาจากซัวเถา ตามหลักสูตรเด๊ะๆ
คือ เสื่อผืน หมอนใบ หลักสูตรชาวจีนรุ่นแรกที่เข้าไทย

เมื่ออาเจ๊กแกเห็นผืนแผ่นดินของไทยอุดมสมบูรณ์ขนาดนี้
แกมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่า ยังไงแกก็ไม่อดตายอย่างแน่นอน
เมื่อลงเรือมาก็ตั้งใจทำงาน หาเงินวาดหวังไว้ว่าจะหาซื้อที่ดินเหมาะๆ
เพื่อลงหลักปักฐาน มีบ้านเล้กๆ มีสวนครัวน้อยๆ พออยู่พอกินสบาย

ไม่นานด้วยความมุ่งมั่น ตั้งใจ
เมื่อสำเร็จตามเป้าประสงค์ พออยู่พอกินสบายๆ
แกก็เริ่มคิดจะขยับขยายหาวิธีสร้างรายได้อย่างอื่นอีก

จนวันหนึ่งในฤดูหนาวที่กำลังจะมา ลมหนาวเริ่มโชยเอื่อยๆ
เมื่อแกว่างจากงานประจำวัน อาเจ๊กแกก็อยากไปเดินเล่นตามชายทุ่ง
สิ่งหนึ่งที่สะดุดตาของอาเจ๊กแก ก็คือ ฝูงเป็ดฝูงใหญ่นับร้อยอยู่ในชายทุ่ง
เมื่ออาเจ๊กเห็นฝูงเป็ดเยอะแยะมากมายขนาดนี้ก็เริ่มสงสัยว่า

...มันเป็นของใครหว่า?
....นี่ถ้าเป็นของเราก็คงจะดี!



ในขณะที่นึกพร้อมกับฝันหวานอยู่ในใจอยู่นั้น
ฉับพลันก็มีเด็กน้อยไว้ผมแกละ ทักทายส่งคลื่นมากระทบรูหูว่า

"ตาแปะ ลื้อดูอะไรวะ?"

อาเจ๊กตอบไปโดยไม่ทันหันไปมองด้วยซ้ำไปว่าคนถามเป็นใคร
"อั้วดูเป็ด"

"ฮืมมม..ดูทำไมละ" แกละถามต่อ

"อั้วอยากได้...เป็ดของใครวะ?...อั้วจะซื้อ"

ไอ้แกละนึกอยู่ในใจ
ตาแปะนี่ท่าจะบ้า เป็ดนี่จะมีของใครวะ ถึงปีมันก็มาลงอยู่กลางทุ่งทุกปี
มันเป็นป่า ใครจะเป็นเจ้าของ ใครอยากได้ก็ดักเอามากินเท่านั้นก็จบ
ฮืมมม...แต่ตาแปะนี่มันว่ามันจะซื้อ แสดงว่ามันมีตังค์
หาเรื่องเอาตังค์ใช้จากตาแปะนี่ดีกว่า
ว่าแล้ววิญญาน ศรีธนนชัยก็เข้าสิงเจ้าแกละทันที

"ของข้าเองน่ะ พ่อแม่ข้าให้เลี้ยงดูมัน แต่ข้าขี้เกียจไม่อยากเลี้ยงแล้วเบื่อ!
....ตาแปะ แกอยากได้ไหม?" เจ้าแกละตะโกนบอกกับอาเจ๊ก

อาเจ๊กนึกในใจ เด็กนี่ขี้เกียจแล้วยังไม่พอ โง่ด้วย
นี่ถ้าเป็นลูกเป็นหลานละก้อช้ำใจตายแหงๆ เลยตอบไปว่า
"ถ้าลื้อขายแล้วพ่อแม่ลื้อไม่ว่าเอาเหรอ"

"ไม่ว่าหรอกตาแปะพ่อแม่ข้าไปสวรรค์กันหมดแล้ว"
"รับรองตาแปะ แกจ่ายมาบาทเดียว เอาไปหมดทั้งฝูงเลย ...
..พ่อแม่ไม่ว่าแกกับข้าหรอก" แกละสวนทันควัน

อาเจ๊กจึงตกลงจะจ่ายเงินให้แกละไป
(ในสมัยนั้นเงินบาทหนึ่งก็มากพอสมควร)
เมื่จ่ายเงินไปแล้ว อาเจ๊กก็มาดูแลเป็ดของแกทุกวัน
แกนึกอยู่ในใจว่า อีกไม่กี่วันจะเอาเป็ดมาทำเป็ดพะโล้
ขายที่ตลาดตอนเช้าคงได้กำไรงาม



จนเช้าวันหนึ่ง อาเจ๊กจะไปจับเป็ดเอามาขาย
พอไปถึงที่ทุ่ง เป็ดกลับหายไปหมด
อาเจ๊กตกใจมาก จึงออกมาตามหาเป็ดที่หายไป

เมื่อเดินมาเจอไอ้แกละ จึงถามทันที
"อาตี๋ อาตี๋ เป็ดอั้วหายไปไหนวะ ลื้อเห็นเป็ดอั้วไหม?"

ไอ้แกละเห็นความซวยที่ค่อยๆคืบคลานเข้ามาถึง
ความซวยที่ตั้งเค้ามาเหมือนฟ้าจะผ่าลงกลางกบาลซะบัดนั้น
เลยตอบปัดไปตามแบบฉบับของตัวเอง
"มันบินไปสวรรค์นู้น สงสัยมันคิดถึงเลยบินไปหาพ่อแม่ข้า
..ถ้าลื้ออยากได้คืน ก็ตามไปเอาในสวรรค์ก็แล้วกัน"

แปะนึกในใจ
"ไอ่หย๊า ! แล้วนี่สวรรค์มันอยู่ที่ไหนกันละหว่า????"
ว่าแล้วเจ๊กก็ออกเดินตามหาเป็ดไปเรื่อยๆ จนเริ่อมอ่อนล้า
จึงนั่งพักที่ใต้ต้นไม้ บริเวณพุ่มไม้พุ่มหนึ่ง

ด้วยความเหนื่อยล้า จนกำลังจะเคลิ้มหลับไป
ก็มีคลื่นเสียงแว่วๆเข้ามากระทบ สั่นแก้วหูของแก
เป็นเสียงของหนุ่มสาวคู่หนึ่ง พอจับใจความได้ว่า

น้องจ๊ะ น้องจ๋า เดี๋ยวพี่จะพาน้องไปขึ้นสวรรค์นะจ๊ะ

อาเจ๊กแกรออยู่พักใหญ่ สองคนนี้มันรู้ว่าสวรรค์อยู่ไหน
เดี๋ยวมันออกมาจะถามทั้งคู่ให้ได้

ขณะนั้นพุ่มไม้ก็สั่นไหวอย่ารุนแรง อาเจ๊กตกใจจึงนั่งสั่นอยู่พักใหญ่
จนกระทั่งทุกอย่างหยุดสั่นไหวความเงียบสงบจึงเกิดขึ้น

พร้อมเสียงของสาวน้อยน้องจ๋าคนนั้น พูดออกมาเสียงแผ่วๆว่า
"โอสวรรค์ โอ้ สวรรค์"

เท่านั้นเองอาเจ๊กที่รอดูเหตุการณ์อยู่จึงอดรนทนไม่ไหว
ทำการแหวกพุ่มไม้เข้าไปแทรกอยู่กลางสถานการณ์ของทั้งคู่นั้นทันที
พร้อมทั้งสะกิดสาวเจ้านั้นทันที และเอ่ยวาจากับสาวนั้นว่า

"อาหมวย อาหมวย ลื้อไปสวรรค์มา ลื้อเห็นเป็ดอั้วไหม๊?????"

!!!!!!!!!!!!!!????????????????????????



อ๊ากกกกกก!!!!!!...จบแล้ววว กระบี่เจ็ดขี้เป็ด ^0^"








กระบี่จอมยุทธ์ ตอนที่ผ่านมา
• ตอนที่ 2 : กระบี่จอมยุทธ์ : เหล็กเจ็ดขี้เป็ด 1:31/10/11
• ตอนที่ 3 : กระบี่จอมยุทธ์ : เหล็กเจ็ดขี้เป็ด 2:08/11/11
• ตอนที่ 4 : กระบี่จอมยุทธ์ : เหล็กเจ็ดขี้เป็ด 3:24/11/11


(ขอบคุณภาพประกอบจาก Internet)


Keywords : เครื่องปั้น ดินเผา ประวัติดินเผายุคหินใหม่ ศิลปะการปั้น วาดรูป

alphafo




 

Create Date : 02 ธันวาคม 2554    
Last Update : 2 ธันวาคม 2554 16:39:52 น.
Counter : 1681 Pageviews.  

กระบี่จอมยุทธ์ : เหล็กเจ็ดขี้เป็ด 3


ตอนที่ 4 : กระบี่จอมยุทธ์ : เหล็กเจ็ดขี้เป็ด 3


เมื่อคราวที่แล้ว 2 ครั้ง ได้บอกถึงกระบวนการขี้เป็ด
ว่าทำไม? หรือเพราะอะไร? นั่นดิ๊ !
(ลิงค์คราวที่แล้ว)

ก็นั่นแหละครับ

ก่อนอื่นลองนึกดูว่าเราเป็นคนสมัยโบราณ
เอ๊ะ! หรือว่าไม่ต้องนึก(โบราณอยู่แล้ว)

สมัยนั้นไม่มีเทคโนโลยีทางอุตสาหกรรมหนักๆแบบปัจจุบัน
แต่ต้องการของดีๆ เลิศๆ เราจะทำอย่างไร?



คำตอบคงไม่พ้นว่าเราคงต้องใช่ทุกอย่างเท่าที่รู้
หรือหาได้ก็เท่าที่มีนั่นแหละ

เริ่มจากวัตถุดิบแรก คือ เหล็ก
ถามว่ารู้กันหรือเปล่าว่า เหล้กหรือแร่เหล้กที่ได้มานั้น
มันอยู่ในเหมือง อยู่ในดิน
และแน่นอน ไม่มีเหมืองไหน ที่ขุดเหล็กมาแล้ว
เป็นเหล็กบริสุทธิ์ จู้ฮุกกรู๊แหงๆ



แร่เหล็กมีสารปนอยู่มากมาย
และวิธีที่จะทำให้เหล็กบริสุทธิ์ได้นั้น เราต้องถลุง
แต่การถลุงเหล็กนั้น ไม่เหมือนการถลุงเงินทางบ้านเล่น

การถลุงเหล็กต้องใช้ความร้อนสูงในการหลอม
และอุณหภูมิต้องเป็นพันๆองศา
และพลังงานความร้อนที่รู้จักได้ดีในตอนนั้น คือ ไม้
ไม่ต้องพูดถึงน้ำมันหรือแก็สอย่างในปัจจุบัน

และไม้ที่ช่างหล็กทุกคนจะรู้ดีว่าให้พลังงานความร้อนดีที่สุดคือ

ไม้ไผ่

ไม้ไผ่นี่แหละ แถมยังต้องอาศัยลมเพิ่มอ๊อกซิเจน
เพื่อที่จะได้ความร้อนที่สูงปรี๊ด
ซึ่งถ้าเป็นปัจจุบัน คงมีตัวช่วยอย่างมากมายก่ายเป็นกองๆ
อย่างเครื่องไดวโว่เป่าลม แทนที่จะสูปลมจากแรงกล
ที่ได้จากคนและจากสัตว์

จึงเป็นการยากยิ่งในการหลอมเหล็กให้ได้เจ๋งๆในแต่ละครั้ง



เมื่อปัญหามากมี ปัญญาจึงเกิด

คนสมัยนั้นจึงคิดหาวิธีที่สะดวก
โดยไม่ต้องใช้ทรัพยากรและแรงงานให้เมื่อยตุ้ม

ในที่สุด"เป็ด"ก็คือตัวช่วยอันนั้น
คงเพราะเป็ดเป็นสัตว์ที่มีธาตุแรง
นั่นคงเพราะเป็ดนั้นกินสัตว์พวกหอย ปู ปลา



จึงทำให้น้ำย่อยของเป็ดนั้น มีฤทธิ์กัดกร่อนที่รุนแรง
ที่แรงเพราะแกเองไม่ได้
น้ำย่อยต้องย่อยให้ได้ทั้งเปลือกหอย หรือปู

เคยมีคนทดลองดู ว่าถ้าหากเอาเหรียญที่เป็นสนิมให้เป็ดกิน
เมื่อเป็ดขับถ่ายออกมา กลายเป็นเหรียญที่อยู่ใน ขี้เป็ด
เราจะได้เหรียญที่สะอาดสะอ้าน แต่บางลงไปหลายเท่าตัว

เมื่อเกิดการสังเกตุแบบนี้ คนก็เอาแร่เหล้กให้เป็ดกิน
เมื่อเป็ดขี้ออกมาก็จะได้เหล็กที่บริสุทธิ์ผุดผ่อง
เหมือนกับเป็นเหล็กแรกแย้มออกมาจากตูดเป็ดทีเดียว



ทำไปเรื่อยๆ ไม่ต้องถลุงเหล็กเองหลายๆรอบ
ไม่ต้องเปลืองไม้ หรือแรงงาน


วิธีนี้ตามตำนาน(ตำนานอร่อยป่ะ?)
เล่าขานมาว่าเป็นวิธีการของชาวจีน
ซึ่งก็น่าจะเป็นเช่นนั้น เพราะคนจีนเลี้ยงเป็ดมานานแล้ว


นานจนสังเกตุเห็นสิ่งเด็ดๆที่หลุดลอดออกมาจากตูดเป็ด






ยิ่งถ้าเป็นช่างของกองทัพด้วยละก็
ยิ่งเป็นไปได้ใหญ่ เพราะเป็ดจำนวนมากถูกเลี้ยงไว้เป็นเสบียง
และยังมีประโยชน์ในการถลุงเหล็กทำกระบี่ หรือดาบชั้นดี



นี่แหละที่มาของเหล็กชั้นเลิศที่กระเด็นกระดอนออกมาจากตูดเป็ด
เป็นเรื่องของขี้เป็ดที่เราเองต่างเข็มขัดสั้น(มุกเก่า คาดไม่ถึง)

ก่อนจบอีก 1 ตอนหน้า น้าหนวดมีเรื่องเล่าเกี่ยวกับเป็ด
หลักฐานเด็ดที่ทำให้รู้ว่าคนจีนนั้นเลี้ยงเป็ดก่อนคนไทยเลี้ยง
เรื่องมีอยู่ว่า......
เมื่อนานมาแล้ว(นั่นแหละ) สมัยปู่ย่า ตา ยาย ของเรา
มีอาเจ๊กคนหนึ่ง เดินทางมาจากซัวเถา ตามหลักสูตรเด๊ะๆ
คือ เสื่อผืน หมอนใบ หลักสูตรชาวจีนรุ่นแรกที่เข้าไทย

เมื่ออาเจ๊กแกเห็นผืนแผ่นดินของไทยอุดมสมบูรณ์ขนาดนี้
แกมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่า ยังไงแกก็ไม่อดตายอย่างแน่นอน
เมื่อลงเรือมาก็ตั้งใจทำงาน หาเงินวาดหวังไว้ว่าจะหาซื้อที่ดินเหมาะๆ
เพื่อลงหลักปักฐาน มีบ้านเล้กๆ มีสวนครัวน้อยๆ พออยู่พอกินสบาย

ไม่นานด้วยความมุ่งมั่น ตั้งใจ
เมื่อสำเร็จตามเป้าประสงค์ พออยู่พอกิน

อาเจ๊ก แกก็บอกว่า ไปอ่านต่อตอนหน้านะครับ....(พิมพ์ไม่ไหว)


กระบี่จอมยุทธ์ ตอนที่ผ่านมา
• ตอนที่ 2 : กระบี่จอมยุทธ์ : เหล็กเจ็ดขี้เป็ด 1:31/10/11
• ตอนที่ 3 : กระบี่จอมยุทธ์ : เหล็กเจ็ดขี้เป็ด 2:08/11/11


(ขอบคุณภาพประกอบจาก Internet)


Keywords : เครื่องปั้น ดินเผา ประวัติดินเผายุคหินใหม่ ศิลปะการปั้น วาดรูป

alphafo




 

Create Date : 24 พฤศจิกายน 2554    
Last Update : 24 พฤศจิกายน 2554 22:51:13 น.
Counter : 2122 Pageviews.  

กระบี่จอมยุทธ์ : เหล็กเจ็ดขี้เป็ด 2


ตอนที่ 3 : กระบี่จอมยุทธ์ : เหล็กเจ็ดขี้เป็ด 2


คราวที่แล้ว บอกคร่าวๆไปว่าอะไรทำให้น้าหนวดนึกถึงเรื่องขี้เป็ดที่แปลงร่าง
กลายเป็นเหล็กที่มีความคงทนบาดลึกไปได้ (ลิงค์คราวที่แล้ว)

หลักการทำเหล็กเจ็ดขี้เป็ดเป็นหลักการของเรื่องการสังเกตล้วนๆ
ผ่านการทดลองหรือลองผิดลองถูก จนเกิดความลงตัว

แล้วทำยังไง?................



แน่นอนอยู่แล้ว.....
คงไม่มีใครเอาขี้เป็ดทั้งดุ้นมาผสมกับวัตถุธาตุลึกลับจากต่างดาว

วัตถุดิบมีอยู่ 2 อย่างครับ คือ เหล็ก กับ ขี้เป็ด

เรื่องของเรื่องคือให้เป็ดกินเหล็กเข้าไป
ไม่ใช่เหล็กเป็นแท่งๆนะครับ
แต่เราต้องฝนหรือบดเหล็กจนละเอียดเป็นผง
แล้วผสมกับอาหารให้เป็ดกิน



เมื่อเป็ดสวาปามเข้าไปเรียบร้อย
ก็ต้องย่อยเป็นกากผ่านออกมาจากลำไส้ทะลุมาจนถึงตูดเป็ด
และก็กลายเป็นขี้เป็ดสำเร็จรูป

จากนั้นก็นำขี้เป็ดนั่นแหละมากรองเอากากเหล็กออกมา
และนำไปถลุงจนเป็นเหล็ก


ยังครับ เหล็กยังไม่กล้าพอ



ยังต้องนำไปฝนหรือบดผสมอาหารให้เป็ดกินต่ออีกจนครบ 7 ครั้งก่อน
แล้วจึงนำขี้เป็ดครั้งที่ 7 มากรองถลุงเป็นเหล็กมาถลุง
จึงจะได้เหล็กชั้นเลิศกว่าเหล็กกล้าใดๆในสมัยก่อน
เพื่อนำมาตีเป็นกระบี่หรือดาบอาวุธชั้นเลิศ



บ้า!

เอาขี้เป็ดมาตีเหล็ก??

ฟังๆดูแล้วมันจะมีเหตุผลอันใด
ที่ต้องลำบากลำบนเอาเหล็กมานั่งฝนให้เป็ดกินถึง 7 ครั้ง 7 ครา
เสียทั้งเวลาและความรู้สึก

ที่สำคัญมันจะได้เหล็กชั้นเลิศจริงเหรอ?

ถ้ามองแบบสายตาธรรมดาคงบ้าแหงๆ

บ้า!(อีกที)

แต่ถ้าลองเปิดใจให้กว้างขึ้นอีกนิด
ไม่บิดบังรับเอาเฉพาะข้อมูลที่เคยชินหรือเราคิดเอาเอง
ว่าน่าจะเป็นแบบนั้นแบบนี้
ผมว่าทำไมคนโบราณถึงได้ช่างคิดและสังเกตถึงวิธีพิสดารกันมาขนาดนี้ด้วย

สิ่งสำคัญคือ เมื่อมีผลมันก็ต้องมีเหตุ
เหตุผลของการเป็นเหล็กชั้นเลิศผ่านกระบวนการ “ขี้เป็ด”
ที่พากันขี้ถึง 7 รอบ กว่าจะกลายเป็นเหล็กชิ้นเยี่ยม

คราวหน้าครับคราวหน้ามาตามกันต่อถึงกระบวนการขี้เป็ด
ว่าทำไม? หรือเพราะอะไร?

อย่าเพิ่งเซ็งเป็ด(เหมือนอาการภาพข้างล่าง)กันก่อนล่ะครับ



(งานนี้พี่แบ็คฯมีภรรยามาด้วยอ่ะ อิอิอิ)



(ขอบคุณภาพประกอบจาก Internet)

กระบี่จอมยุทธ์ : เหล็กเจ็ดขี้เป็ด ตอนต่อไปครับ
• ตอนที่ 4 : กระบี่จอมยุทธ์ : เหล็กเจ็ดขี้เป็ด 3:24/11/11

Keywords : เครื่องปั้น ดินเผา ประวัติดินเผายุคหินใหม่ ศิลปะการปั้น วาดรูป

alphafo




 

Create Date : 08 พฤศจิกายน 2554    
Last Update : 24 พฤศจิกายน 2554 22:53:53 น.
Counter : 2376 Pageviews.  

1  2  
 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.