Basic Sketch 333 STUDIO KENNY KENG Blog
Kenny Keng
ART ARTICLE : "เที่ยวไปกับถ่าน"ตอนที่ 6(สุดท้าย): โบนัสพิเศษกับงานศิลปะ "เที่ยวไปกับถ่าน"ตอนที่ 5 : วิธีการวาดภาพให้ได้ (เอาจริงซะที 2) "เที่ยวไปกับถ่าน"ตอนที่ 4 : วิธีการวาดภาพให้ได้ (เอาจริงซะที 1) "เที่ยวไปกับถ่าน"ตอนที่ 3 : ตามหามุมบันทึก(วาดเส้น) "เที่ยวไปกับถ่าน"ตอนที่ 2 : ทำไมต้องเป็นถ่าน? "เที่ยวไปกับถ่าน" ตอนที่ 1: เด็กน้อยกับฝาบ้าน**ภาพสเก็ตซ์สีชอล์กน้ำมัน **เทคนิคประสม...ใคร ?? ศิลป์(ป่ะ) ต้องเป็นตัวของตัวเองดิ๊ ...ภาพวาดที่ฉีก: ผมยืนมองภาพพร้อมกับฟังเสียงหล่น..ANATTA: วันที่ความหดหู่ หดเหี่ยว หรือเหี่ยวจนหด...Sketch crawl ร่วม Sketch กับเพื่อนๆทั่วโลก
ALPHA FOCUS หนังสือพิชัย เมืองเล็กฯ เรื่องราวเกี่ยวกับเมืองหน้าด่านของสยามประเทศในอดีต..... โอกาสที่ท่านมุ้ยมอบให้ สิ่งที่ผมเฝ้าศึกษาและสังเกตุ จะมีเรื่องราวและข้อมูลไปพ้องกับใครบางท่านเข้าอย่างจัง...
เมื่อโลกยังหมุนรอบ ดวงอาทิตย์ ดวงจันทร์หมุนรอบดาวโลกอีกชั้น แสงจากดวงอาทิตย์ใช้เวลาเดินทางมาถึงโลกใบนี้ พร้อมกับการเกิดฤดูกาลให้ผันเปลี่ยนอยู่ทุกช่วงเวลากับองศาของโลก ที่หมุนหลบแสงเฮ้อ! อะไรจะขนาดน้านนนน...แค่ไปเที่ยวธรรมชาติ กับการเขียนรูป เพ้อซะ....เป็นงานระดับธรรมชาติจักรวาลไปเลย....แต่มันเป็นความทรงจำดีๆของผมจริงๆนะ สำหรับผมแล้ว มันมหัศจรรย์พอๆกับค้นพบดาวดวงใหม่ในจักรวาลทีเดียวแหละเผลอๆมากกว่าด้วยซ้ำไป กับมนุษย์ตัวเล็กๆอย่างผมกับการได้ไปเที่ยว ได้อยู่และสัมผัสกับกลิ่นอายของธรรมชาติโดยมีการตกแต่ง จัดระเบียบเพียงนิด ของมนุษย์แต่พองาม เพราะบางที ธรรมชาติแบบเพียวๆ ก็ดูจะแรงไปนิด (กลัวอดกะลำบาก ^^!)หรือที่มนุษย์ตกแต่งมากมายจนเกินงาม ก็ไร้แรงจูงใจเสียเหลือเกินพอๆกับต้นไม้พลาสติกกับของจริง ที่แตกต่างกับทั้งความรู้สึกและประโยชน์ที่ได้รับยังไงก็ต่างกันเอาเป็นว่าทริปนี้ พวกเราจัดแจงนัดหมายกันมาเพื่อทำภาระกิจทางใจของแต่ละคนกันหลายคนต่างเดินทางมาตามวิถีทางและความสะดวกของตนเอง โดยไม่สนโชคชะตาข้างหน้าสำหรับผมสะดวกกับรถโดยสารมากกว่า เพราะทำอะไรก็ได้ ...ยกเว้นขับรถแทนคนขับใจอยากเตรียมอาหารไปแต่ก็ไม่ทันสักอย่างเพราะ ไปถึงสถานีขนส่งปุ๊ป มีรถเข้าปั๊ปเลยจำต้องเดินทางทันที เดินทางไปอุทยานแห่งชาติ น้ำหนาว จังหวัดเพชรบูรณ์ด้วยเป้ สี กระดาษ และที่สำคัญคือใจเต็มร้อย ที่พร้อมจะไปลุยกับอากาศที่เขาบอกว่าเย็นเจี๊ยบ และภาระกิจที่อยู่ข้างหน้า ที่พอๆกับการไปกู้โลกให้รอดพ้นจากวายร้ายโจ๊กเกอร์ซื้อตั๋วขึ้นนั่ง คนขายตั๋วบอกทันทีว่า" เดี๋ยวพี่จัดให้นั่งดีๆเลย"ขึ้นไปได้นั่งกับน้องนักศึกษาที่แสนน่ารัก(เพราะได้ขนมแจกตั้งสองชุด)เสียอย่างเดียวไม่ยอมทักผม(แล้วทำไมผมไม่ทักเธอก่อนเน๊อะ) แต่มีนกอยู่ตัวหนึ่งบินเข้ามาในรถจุดที่ผมนั่งอยู่ เหมือนมาทักทายแทน บินวนอยู่ สามรอบ....ฮืมมมก่อนที่จะถูกเจ้าหน้าที่ไล่ออกไป (เหมือนจะจับกินเลยอ่ะ) พยายามเอาใจช่วยอยู่เหมือนกัน สุดท้ายก็บินรอดไปจนได้ผมรีบจัดการเสก็ตซ์เหตุการณ์นี้ก่อน ที่จะเลือนหายไปทั้งคนนั่งรอด้านนอก และนกตัวนั้นที่ห่างกันเพียงกระจกกั้น ส่วนน้องที่นั่งข้างผม เธอยังระแวงไม่หายเลย แหะๆๆ...และแล้วรถก็มาถึงที่น้ำหนาวด้วยเวลาสามชั่วโมงกว่าแต่ใจของผมไปถึง(โดยไม่รู้จักที่)ตั้งแต่ก่อนขึ้นรถแล้วเข้าซื้อบัตรผ่าน แล้วเดินต่อเข้าไปอีกนิดหน่อยประมาณสองกม.กว่าๆมองเห็นป้ายทางช้างผ่าน เราเลยต้องคอยระวังเจ้าหน้าที่เห็น แต่มานึกดูแล้วคงไม่เป็นไรหรอก......เพราะเราแค่ลูกหมู ไม่ถึงกับช้าง แต่ที่แน่ๆคือต้นไม้ ที่พยายามฟ้องว่า..เพื่อนของพวกเขาต้องสละตัวเอง เพื่อสร้างทางให้เราเอารถและความสะดวกเข้ามาเพื่อให้เผ่าพันธ์มนุษย์ได้เทียวพักผ่อนกันอย่างสำราญใจ พวกเขาต้องเสียสละอย่างจำยอมแต่มนุษย์กับไม่คิดที่จะขอบคุณพวกเขาเลย ยังคงหาประโยชน์จากเขาออยู่ร่ำไปอ่ะ..ขอบคุณคร้าบจนกระทั่งได้พบเจอกับเพื่อนๆ ในขณะที่นั่งรออยู่ใต้ต้นไม้ สายตาก็ดึงคอให้แหงนหน้าขึ้นมอง เห็นท่อนไม้ท่อนใหญ่วางอยู่บนหัวพอดี อ๊ากกก...เสียงแตร รถมาพอดี(ยังเสียวไม่หาย)พวกเราวนหาที่ตั้งเต๊นท์จนได้ที่เหมาะเจาะ ปลอดผู้คน เพราะมีสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่คนกราบไหว้อยู่ตรงนั้นสถานที่ริมน้ำที่ถ้าเป็นหน้าฝนคงไม่กล้านอน เกิดน้ำหลากมาเดียว สีจะหายเอา(คนด้วย)พวกเราช่วยกันจนทั้งกางทั้งตั้งเต๊นท์เสร็จพิธี สำหรับผมถูกแนะนำให้ไปนอนขวางต้นไม้ที่พวงมาลัยถูกใครก็ไม่รู้ไปแขวนไหว้ไว้ตื่นเต้นดี ทั้งจอมปลวกที่อยู่กอไผ่และพวงมาลัยที่แขวนอยู่กับต้นไม้มองๆดูแล้วเขาคงไม่ได้เหลือไว้จากการขายแน่ๆ แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรต่อมากไปกว่านี้คืนแรกผ่านไปด้วยความเหนื่อยล้าจากการเดินทางและอิ่มเอมกับอาหาร หมูกระทะที่เพื่อนๆเตรียมมากว่าจะแยกย้ายเข้าที่นอนกันก็เกือบเที่ยงคืน ด้วยอาการงอแงหลังอิ่ม จากกุ้งที่พี่สมย่าง+ก่อไฟ น้องแอร์แกะกุ้ง ส่วนผมกินกะพล่าม..พร้อมทำเสียงเสือคอยคำรามไว้กันช้างมากินน้ำทั้งคืน ครอกกกกกก....ฟี้ ZZzzzฮืมมม...มีชามะรุมด้วย ขับน้ำในร่างกายได้ดีชะมัด (ทั้งคืน)05:15 เช้าวันที่ 23 ต้องรีบตื่นเตรียมเดินทางไปดูพระอาทิตย์โผล่ขึ้นมาอีกด้าน ด้วยรถหมายเลขทะเบียน 55 ของอุทยานอากาศเย็นชะมัดกับเพื่อนๆที่ไปดูด้วยกัน 11 คน ได้อุณหภูมิ 11 องศาพอดีกับจำนวนคนเวลา 06.44 น.อาทิตย์ดวงจิ๋ว กำลังค่อยๆขยายตัวได้ทั้งรูปถ่ายและรูปเขียน ที่เสก็ตซ์ลงในสมุดเล่มเล็กไว้เรียบร้อย กลับมาถึงที่เต๊นท์ รีบค้นหากระดานเสก็ตซ์ และอุปการณ์ต่างๆทันที เข้าไปหามุมที่ชอบเห็นเงาในน้ำสวยจับตา บางครั้งเงามันก็สวยกว่าของจริงนะ แต่ยังไงมันก็คือเงาสะท้อนเท่านั้นเอง เมื่อหมดแสง ก็ไร้เงา แต่ของจริงจะยังคงอยู่เล็งมุมที่ชอบไว้พร้อมสะกดเป็นภาพวาดก่อนที่จะวิ่งไปผ่านน้ำ ที่สมคำร่ำลือกับคำว่า "น้ำหนาว" จริงๆ (สะใจ)ต่างคนที่ต่างวาด กับคุณนิด ตามความถนัด จนลืมกาแฟ กับอาหารเช้า ที่คุณสิงห์ถือมา แบบงงๆผมเลยถือโอกาส แย่งกินซะเลย ฮ่าๆๆๆ ส่วนพี่สมแม่ครัวใหญ่ ก็จัดการเตรียมข้าวต้มกุ้งเป็นอาหารเช้าไว้แค่กลิ่นที่โชยมาก็ชวนอร่อย ซะแล้ว.....จนกระทั่งได้ภาพมาแบ่งกันชม ด้วยสีชอล์กและถ่านชาร์ลโคล(ขาวดำ)กับลำแสงที่ผาดลำต้นของต้นไม้พยายามที่เอียงข้ามลำน้ำ ที่ค่อยๆไหลรินไปยังแรงดึงดูดของโลกจากด้านล่างทำให้เห็นถึงระยะ ที่เราจะเพิ่มจะตัดได้ตามใจชอบ โดยไม่ต้องไปยุ่งหรือทำร้ายพวกเขาให้เป็นอย่างที่เราต้องการ เพราะเราตัดเขาออกในภาพเขียนนี้เเท่านั้นเอง
คุณสิงห์พาพวกเราเดินมาวาดกันที่กลุ่มต้นสน และหญ้าพันปี(มั๊ง)เมื่อถึงที่ทุกคนต่างแยกย้ายกันไปคนละมุมหลังจากที่ แนะนำบอกกล่าวกันให้รับทราบถึงมุมที่ต้องวาดตามที่ตัวเองเห็น เพียงแต่ว่าให้หาพระเอกของภาพให้ได้ก็เท่านั้นเองว่าเราจะใช้แสง ใช้ต้นไม้ต้นไหนที่เด่นกว่าเพื่อนสำหรับผม แลือกใช้ต้นที่เอียงและประหลาดกว่าเป็นพระเอก ทั้งๆที่ชาวบ้านเขาตั้งกันตรงเด่ทำให้ เห็นถึงความแตกต่าง มักเป็นจุดเด่นเสมอซึ่งถึงแม้ว่าจะด้อยกว่า แต่ก็มีความสวยงามในตัวของมันเองคุณนิดกำลังหามุมอย่างขมักเขม้นและต่อสู้กับความกล้าของตัวเองในขณะที่พี่สมวาดรูปสีน้ำอีกมุม แล้วปลดปล่อยตัวเองอย่าอิสระจากกรอบความกลัว กับคุณแอร์ที่อ่านหนังสือตาลอย ไปถึงไหนก็ไม่รู้และอีกคน คุณสิงห์ไปหาส่องยิงนก แต่ไม่ใช้ปืนยิงใช้สายตายิงเข้าไปจับจ้องเพื่อมองดูชีวิตอิสระที่บินผาดโผน โดยไม่ต้องกลัวลูกปืนกับบรรดานกที่หาดูยากยิ่ง นอกจากในสวนสัตว์ ที่เราต้องไปเกาะกรงดูแต่นี่อิสระทั้งคนทั้งนก ตามหาดูกันให้วุ่น รวมทั้งผมเองด้วยที่ส่องไป วาดไปจนมึนหัว ต้องยอมแพ้ไปในที่สุดเป็นสิ่งที่บอกว่าผมไม่ถนัด ยอมครั้งนี้ แต่ไม่ได้หมายถึงคราวหน้าที่จะยอมอีก(ยอมวาดอีกหรือเปล่า แหะๆๆ)จนได้ภาพที่กลับมาแก้ไขกันอีกรอบ หลังจากที่จิตวิญญานที่เข้าไปจับจ้องแบบนี้ยังคงฝังใจและสถิต ณ ที่แห่งนี้ โดยเราฝากวิญาณและความทรงจำ ไว้ในรูปภาพเหล่านี้ไปเรียบร้อยแล้วเวลาอาหารมาถึงอีกรอบ คราวนี้ต้องพึ่งร้านค้าด้วยส้มตำที่ร้าน....ทุกอย่างเงียบกริบราวกับไร้ผู้คนอยู่บนโต๊ะนั้น เมื่ออาหารมาถึง..(ง่ำๆๆๆๆ)สำหรับอาหารเย็นและกองไฟที่อบอุ่น ได้พี่สมกับคุณแอร์ช่วยกัน ส่วนผมพล่าม และทำหน้าที่เบ็ดเตล็ดอีกเหมือนเดิมพร้อมกับคุณสิงห์ที่หนาวกว่าคนอื่นสองเท่า คุณนิดที่ดูอบอุ่นกว่าคืนแรกจากที่ไม่ยอมซุกกายเข้าในถุงนอน
เช้าสุดท้ายก่อนกลับ เสก็ตซ์ภาพเหล่านี้ไว้ส่วนลึกในใจก่อน ทั้งเต๊นท์ที่พักที่คุณสิงห์เตรียมมาคุณนิดที่ยกครัวมาบริการอย่างไม่ต้องลำบากกัน ส่วนผมแล้ว"อะไรก็ได้ ผมเป็นคนง่ายๆ" ที่เพื่อนๆรู้ซึ้งถึงความเป็นคนง่ายๆของผมกันอย่างดี เน๊อะ!กระทั่งขากลับย้อนกลับไปขึ้นรถที่ชุมแพ คาดว่าจะกิจองตั๋วแล้วกินข้าวพลาดอีกแล้ว อดตามเคย เมื่อรถออก 12.10 กับเวลาเพียง 10 นาทีที่มีอยู่พี่สมและเพื่อนๆรอส่งพร้อมส่งสายตา สะใจที่เราอดข้าวกลางวันแต่ผมก็ไม่พลาด เมื่อมีข้าวหลามช่วยชาติขึ้นมาขายบนรถ เลยรอดตัวสบายไปออกฤทธิ์ เสก็ตซ์สาวๆจากด้านหลัง(ก็ยังดี) อีกรูป พร้อมกับทริปที่แสนจะประทับใจในครั้งนี้ อีกทริปที่ "น้ำหนาว (แต่)เราไม่หนาว(ใจ)"เลยขอบคุณพี่สม ที่ทำกับข้าวให้กินทุกมื้อ ก่อไฟให้คลายหนาวด้วยขอบคุณคุณสิงห์ ที่ขับรถ ติดต่อที่พัก จัดเตรียมอุปกรณ์ และเป็นไกด์แนะนำ(จริงๆ)ขอบคุณคุณนิด ที่ยกเตรียมห้องครัวมาไว้ให้ทำอาหารกันลังใหญ่ๆขอบคุณคุณแอร์ ที่แกะกุ้ง พร้อมเป็นลุกมือที่ดีให้กับพี่สมทุกมื้อเลยขอบคุณรถทุกคันที่ชวนผมขึ้น แต่ผมเลือกที่จะเดินขอบคุณเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทุกท่านที่ช่วยดูและป่าผืนนี้ไว้ขอบคุณตัวเองที่ไม่เป็นภาระกับพี่ๆเพื่อนๆมากนักเพราะ "ผมอะไรก็ได้ง่ายๆ" แต่....(ต่อกันเอง อิอิ)ขอบคุณภาพประกอบ จากกล้องคุณจุ๋ม คุณนิด พี่สม ด้วยนะครับครั้งหน้าไม่รู้ว่าที่ไหน เมื่อไร แต่คาดว่าจะมีผู้ร่วมขบวนการและชะตากรรมมากขึ้น กับการเที่ยวไป วาดไปที่เริ่มจัดกันขึ้นมาโดยไม่ตั้งใจ แต่เกิดจากความรัก และศรัทราในมิตรภาพและศิลปะที่มีอยู่เราใช้เครือข่ายไซเบอร์ที่มีอยู่อย่างเป็นประโยชน์ในการรวมกลุ่มคนที่มีความชอบเดียวกัน คล้ายๆกันต่างจากการใช้สังคมไซเบอร์ไปอย่างผิดๆ ที่หลายๆคนที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์กำลังทำกันอยู่"ในเมื่อมีด อยู่ในมือคนที่เห็นและรู้คุณค่า ย่อมสร้างประโยชน์ได้เสมอและเมื่อมีดอยู่ในมือเด็กน้อย ย่อมอันตรายเหมือนกัน" ทุกอย่างมีสองด้านเสมอ อยู่ที่เราจะเลือกใช้ด้านไหนและนี่คือข้อดีอีกด้านหนึ่งของสังคมที่..."ใช้ใจที่จริงคุยกัน มากกว่ามองแต่เพียงเปลือกนอกที่ห่อหุ้มเท่านั้นเอง"
ขอตามมาเที่ยวน้ำหนาวด้วยคนค่ะ