อ่านเรื่อยๆ มาเรียง ๆ ทุกวันของ หนี่งหน่อง นะครับ
เรื่องเล่าของตุ้เย็น

เรื่องเล่าของตู้เย็น

WRITTEN BY TOONGPANG ON . POSTED IN ทั่วไป, วิทย์ทั่วไป

               ด้วยอากาศที่ร้อนมากขึ้นทุกวัน ๆ เช่นนี้  ทำให้มนุษย์เราอดที่จะรู้สึกอยากรับประทานอาหารเย็น ๆ อย่าง “น้ำแข็ง” ไม่ได้  และในยุคที่เทคโนโลยีวิวัฒนาการก้าวล้ำไปมากเช่นปัจจุบัน  ทำให้เมื่อเราอยากรับประทานน้ำแข็ง  เราก็สามารถผลิตน้ำแข็งขึ้นเองได้อย่างง่ายดาย  เพียงแค่มีเครื่องทำความเย็น อย่างตู้เย็น……..

แต่หากลองมองย้อนกลับไปในสมัยอดีต  ในยุคที่ยังไม่มีตู้เย็น  หรือไม่มีเครื่องทำความเย็นใด ๆ ทั้งสิ้น  แล้วเราสงสัยกันมั๊ยคะว่า…ในยุคก่อนนั้นจะสามารถผลิต “น้ำแข็ง”  ได้อย่างไร?  

Qx0IId

สำหรับประเทศไทยบ้านเรานั้น   เริ่มรู้จักกับน้ำแข็งเมื่อในสมัยรัชกาลที่ 4  เมื่อมีคนซื้อน้ำแข็งใส่เรือกลไฟจากสิงคโปร์มาถวาย  รัชกาลที่ 4 จึงรับสั่งให้ตอกน้ำแข็งออกและแจกจ่ายให้ได้ลองชิมกันถ้วนหน้า  นับว่าสร้างความตื่นเต้นเป็นอย่างมากในยุคสมัยนั้น  แต่อย่างไรก็ตาม  น้ำแข็งถือเป็นของที่มีค่าและหายาก  เฉพาะในชนชั้นสูงเท่านั้น  จึงจะสามารถหารับประทานได้  จนกระทั่งในสมัยรัชกาลที่ 5  นายเลิศ  เศรษฐบุตร ได้ตั้งโรงงานน้ำแข็งขึ้นที่ถนนเจริญกรุงเป็นแห่งแรก  และตั้งชื่อว่า  “น้ำแข็งสยาม” 

1202016766
นายเลิศ  เศรษฐบุตร (พระยาภักดีนรเศรษฐ)

แต่หากลองมองย้อนกลับในประวัติศาสตร์  เราจะพบว่ามนุษย์เราเริ่มรู้จัก น้ำแข็ง จากที่ปรากฎตามธรรมชาติ  ในเขตภูมิประเทศที่มีอากาศหนาวเย็น  โดยจุดเริ่มต้นของการนำน้ำแข็งมาบริโภคนั้นมาจากชนชาติจีนคนหนึ่ง  นามว่า Sci ching (ไซชิง)  ซึ่งเป็นผู้ที่ค้นพบว่า  น้ำแข็ง  สามารถทำให้รสชาติของเครื่องดื่มดีขึ้น  นอกจากนี้ยังช่วยแก้ดับกระหาย  คลายร้อน  และทำให้รู้สึกสดชื่นขึ้นอีกด้วย

ต่อมาชาวอเมริกันนามว่า เฟรอเดอริก ทรูดอร์  ได้นำก้อนน้ำแข็งยักษ์ที่เกิดตามธรรมชาติ  ซึ่งมีน้ำหนักกว่า 130 ตัน   บรรทุกลงเรือส่งไปขายยังหมู่เกาะอินเดียตะวันตก  โดยประยุกต์ทำไอศกรีมขาย  ซึ่งเป็นที่น่าตื่นตาตื่นใจมาก  สำหรับผู้คนในยุคสมัยนั้น  แต่ใช่ว่าทรูดอร์จะประสบความสำเร็จ  เพราะเขาต้องพบกับสภาพปัญหาขาดทุนย่อยยับ  เนื่องจากยังไม่รู้วิธีการกักเก็บน้ำแข็งให้อยู่ได้นาน  ทำให้น้ำแข็งเหล่านั้นละลายไปเป็นจำนวนมาก

ทรูดอร์จึงพยายามคิดค้นหาวิธีเพื่อที่จะเก็บน้ำแข็งให้อยู่ได้เป็นระยะเวลานาน  เพื่อให้น้ำแข็งละลายได้ช้าที่สุด  โดยสร้างห้องเก็บกักน้ำแข็ง  ซึ่งนำขี้เลื่อยของต้นสนมาห่อหุ้มน้ำแข็งไว้  ช่วยให้น้ำแข็งละลายช้าลงมาก  ทำให้เขาสามารถส่งน้ำแข็งไปขายยังประเทศต่าง ๆ ซึ่งสร้างกำไรให้กับทรูดอร์เป็นอย่างมาก

ตู้เย็น

ต่อมาเมื่อน้ำแข็งกลายเป็นที่ต้องการมากขึ้น  ทั้งยังสามารถขนส่งได้ไม่ทั่วถึงกับความต้องการของผู้บริโภค  ทำให้มนุษย์เกิดความคิดที่อยากจะผลิตเครื่องทำความเย็นขึ้น  และนี่เองจึงเป็นจุดกำเนิดของการผลิตเครื่องทำความเย็นอย่างตู้เย็น นั่นเอง

การทำงานของตู้เย็นจะอาศัยหลักการกลายเป็นไอทำให้เย็นลง  หรือการดูดความร้อนเมื่อของเหลวกลายเป็นไอ  โดยตู้เย็นประกอบไปด้วยส่วนประกอบหลักสองส่วนใหญ่ ๆ คือ  ฉนวนป้องกันความร้อน ไม่ให้ความร้อนเข้ามา  และ ส่วนทำความเย็น คือปั๊มความร้อนออกไปสู่ภายนอก

220px-1826_JacobPerkins_byThomasEdwards_BostonMonthlyMagazine_v1_no11

จากหลักฐานการผลิตตู้เย็นเครื่องแรกนั้น  พบว่ามีการจำลองการสาธิตการทำงานของตู้เย็น เมื่อปี ค.ศ 1748  โดย วิลเลียม คัลเลน  ที่มหาวิทยาลัยแห่งกลาสโกว์    ต่อมาปี ค.ศ. 1805   โอลิเวอร์ อีวาน นักประดิษฐ์ชาวอเมริกันก็ได้ออกแบบตู้เย็นที่ใช้ไอทำความเย็น  แต่ก็ยังไม่ได้เป็นตู้เย็นที่สามารถใช้งานได้จริง   จนกระทั่งในปี ค.ศ. 1834  จาคอบ  เพอร์กินส์  ได้ประดิษฐ์ตู้เย็นที่ใช้งานได้จริงเป็นครั้งแรก  โดยใช้อีเทอร์เป็นสารทำความเย็น  และเป็นทำความเย็นชนิดอัดไอความเร็วช้า  โดยใช้มือโยกตัวเครื่องอัด (Compressor) แทนการใช้เครื่องจักรกล และใช้ลิ้นถ่วงน้ำหนักเป็นตัวควบคุมการไหลของสารทำความเย็น

ชนิดอัดความเร็วช้า
เครื่องทำความเย็นอัดไอ ชนิดความเร็วช้า

นับแต่นั้นมาการพัฒนาเทคโนโลยีด้านเครื่องทำความเย็นก็ค่อย ๆ พัฒนาก้าวหน้ามากขึ้นเรื่อย ๆ  อย่างในปี ค.ศ 1851  ดร. จอห์น  กอรี่   ได้ทำการจดทะเบียนเครื่องทำน้ำแข็งขึ้น  โดยใช้อากาศเป็นตัวทำความเย็น   ต่อมา เจมส์  แฮริสัน  วิศวกรชาวออสเตรเลียได้ประดิษฐ์ตู้เย็นที่ทำความเย็นด้วยการอัดไอเพื่อใช้ในอุตสาหกรรมเนื้อแช่แข็ง   และ เฟอร์ดินานด์ คารี่  ชาวฝรั่งเศสได้พัฒนาระบบให้ซับซ้อน  โดยสร้างเครื่องทำความเย็นแบบดูดละลายหรือดูดซึม และใช้แก๊สแอมโมเนีย  ซี่งเป็นสารที่ระเหยเร็วเป็นตัวระบายความร้อนแทนอากาศ


1260146809
เครื่องทำความเย็นแบบดูดละลาย หรือดูดซึม

สารทำความเย็นที่ใช้ในระยะแรก ๆ นั้น จัดเป็นสารจำพวกแอมโมเนีย  และคาร์บอนไดออกไซด์  ซึ่งเป็นสารทีใช้กับเครื่องทำความเย็นที่มีขนาดใหญ่ ๆ  ต่อมาจึงการนำเอาซัลเฟอร์ไดออกไซด์และเมทิลคลอไรด์ใช้กับเครื่องทำความเย็นขนาดเล็ก   จนกระทั่งต่อมาจึงใช้สารทำความเย็นจำพวกคลอโรฟลูออโรคาร์บอน (CFC)  หรือที่รู้จักกันดีในชื่อทางการค้าว่า ฟรีออน  ซึ่งเป็นสารเป็นสารประกอบอินทรีย์ที่มีธาตุคาร์บอน คลอรีน ไฮโดรเจนและฟลูออรีน เป็นอนุพันธ์ของมีเทนและอีเทนที่ระเหยเป็นไอได้รวดเร็ว

จนกระทั่งระยะหลังเราพบว่า สารคลอโรฟลูออโรคาร์บอน  ซึ่งนำมาใช้เป็นสารทำความเย็นนี้เป็นสารที่ทำลายชั้นโอโซนในบรรยากาศ  ดังนั้นปัจจุบันตู้เย็นรุ่นใหม่ ๆ จึงมักใช้สารทำความเย็นที่ไม่มีส่วนผสมของสารคลอโรฟลูออโรคาร์บอน  เช่น HFC-134a  ซึ่งเป็นสารที่ไม่ทำลายชั้นโอโซน  เพื่อรักษาสภาพของชั้นบรรยากาศ

Refrigerator

แม้ตู้เย็นจะเป็นสิ่งที่มีการประดิษฐ์ขึ้นมานานแล้ว  แต่ด้วยเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่ก้าวหน้าในปัจจุบัน  ทำให้ตู้เย็นถูกพัฒนามากขึ้นเรื่อย ๆ ตลอดเวลา  แต่อย่างไรก็ตามคงต้องขอบคุณนักประดิษฐ์ทุกท่านที่สร้างสรรค์ผลงานทำให้เราสามารถใช้ประโยชน์จากตู้เย็นได้จนถึงปัจจุบันนี้ค่ะ

อ้างอิง
//th.wikipedia.org/wiki/ตู้เย็น
//www.rmutphysics.com/charud/howstuffwork/howstuff2/refrigerator/refrigeratorthai.htm
//mte.kmutt.ac.th/




Create Date : 20 เมษายน 2557
Last Update : 20 เมษายน 2557 6:49:43 น. 1 comments
Counter : 4329 Pageviews.

 
สวัสดีนะจ้ะ เราแวะมาเยี่ยมนะจ้ะ ^____^ สักคิ้ว 6 มิติ ลบรอยสักคิ้วด้วยเลเซอร์ ลบรอยสักคิ้ว Eyebrow Tattoo Removal เพ้นท์คิ้วลายเส้น เพ้นท์คิ้ว 3 มิติ
ให้ใจหายใจ สุขภาพ วิธีลดความอ้วน การดูแลสุขภาพ อาหารเพื่อสุขภาพ ออกกำลังกาย สุขภาพผู้หญิง สุขภาพผู้ชาย สุขภาพจิต โรคและการป้องกัน สมุนไพรไทย ขิง น้ำมันมะพร้าว ผู้หญิง ศัลยกรรม ความสวยความงาม แม่ตั้งครรภ์ สุขภาพแม่ตั้งครรภ์ พัฒนาการตั้งครรภ์ 40 สัปดาห์ อาหารสำหรับแม่ตั้งครรภ์ โรคขณะตั้งครรภ์ การคลอด หลังคลอด การออกกำลังกาย ทารกแรกเกิด สุขภาพทารกแรกเกิด ผิวทารกแรกเกิด การพัฒนาการของเด็กแรกเกิด การดูแลทารกแรกเกิด โรคและวัคซีนสำหรับเด็กแรกเกิด เลี้ยงลูกด้วยนมแม่ อาหารสำหรับทารก เด็กโต สุขภาพเด็ก ผิวเด็ก การพัฒนาการเด็ก การดูแลเด็ก โรคและวัคซีนเด็ก อาหารสำหรับเด็ก การเล่นและการเรียนรู้ ครอบครัว ชีวิตครอบครัว ปัญหาภายในครอบครัว ความเชื่อ คนโบราณ


โดย: สมาชิกหมายเลข 3762148 วันที่: 24 มีนาคม 2560 เวลา:17:30:45 น.  

ชื่อ :
Comment :
  *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

หนี่งหน่อง
Location :


[Profile ทั้งหมด]

ฝากข้อความหลังไมค์
Rss Feed
Smember
ผู้ติดตามบล็อก : 33 คน [?]




pub-1485477287124314
Group Blog
 
All Blogs
 
Friends' blogs
[Add หนี่งหน่อง's blog to your web]
Links
 

 Pantip.com | PantipMarket.com | Pantown.com | © 2004 BlogGang.com allrights reserved.