ทีอี คอนเน็คทิวิตี้ เผย ตลาดไทย ใหญ่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทุ่มงบกว่า 10 ล้านบาท จำลองห้องดาต้าเซ็นเตอร์ โชว์เทคโนโลยีสายสัญญาณ เล็งผุดงานโรดโชว์อวดเทคโนโลยี พร้อมแลกเปลี่ยนความเห็นระหว่างกูรูระบบ...

เมื่อเร็ว ๆ นี้ ทีอี คอนเน็คทิวิตี้ ผู้ผลิตและจำหน่ายผลิตภัณฑ์สายสัญญาณและอุปกรณ์เชื่อมต่อแบรนด์ AMP Netconnect และ Krone ได้เปิดเผยแนวโน้มเทคโนโลยีใยแก้วนำแสง ที่ถูกนำมาใช้เพื่อรองรับการเติบโตของ ตลาดดิจิตอล คอนเทนต์ และคลาวด์คอมพิวติ้ง พร้อมประกาศรุกตลาดด้วยการจัดงาน "TE Connectivity Roadshow 2013" INTELLIGENT DATA CENTER WITH 100Gbps AND BEYOND ที่จะระดมผู้เชี่ยวชาญด้านโครงสร้างระบบไอทีมาแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์ เพื่อช่วยให้ผู้ดูแลระบบไอทีได้เตรียมความพร้อมรองรับการแข่งขันในอนาคต

นายเนวิลล์ ไล ผู้อำนวยการฝ่ายธุรกิจประจำภูมิภาคเอเชีย กลุ่มผลิตภัณฑ์ เอ็นเตอร์ไพร์สเน็ตเวิร์กส์ กล่าวว่า ในช่วงที่ผ่านมา ทีอี เอนเทอร์ไพรส์เน็ตเวิร์กส์ ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกมีการเติบโตที่ดี โดยในแง่ของรายได้ ประเทศไทย ถือเป็นประเทศที่ตลาดมีขนาดใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และใหญ่เป็นอันดับสองรองจากประเทศจีน สำหรับตลาดในเอเชีย ซึ่งประเทศไทยนับเป็นตลาดที่มีความสำคัญสูงสำหรับ ทีอี คอนเน็คทิวิตี้ ส่วนแนวโน้มทางเทคโนโลยีและการดำเนินธุรกิจ ทั้งการเติบโตของระบบคลาวด์คอมพิวติ้ง การขยายตัวของ ดาต้าเซ็นเตอร์ ในกลุ่มองค์กร และปริมาณความต้องการใช้งานดิจิตอลแอพพลิเคชั่น ในกลุ่มผู้ใช้ตามบ้านที่เพิ่มขึ้น ล้วนเป็นสิ่งที่ ทีอี เอนเทอร์ไพรส์เน็ตเวิร์กส์ ให้ความสำคัญ เนื่องจากการเติบโตอย่างรวดเร็วของดิจิตอลคอนเทนต์ ส่งผลให้จำเป็นต้องเพิ่มประสิทธิภาพ ในการรับส่งข้อมูล ให้มีความรวดเร็วยิ่งขึ้น เพื่อรองรับการเปลี่ยนแปลง และผลักดันให้เกิดความต้องการใช้งานเทคโนโลยีโครงข่ายความเร็วสูงยิ่งขึ้น

นายรักเกียรติ หงษ์กาญจนพงษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายขาย ประจำภาคพื้นอาเซียนเหนือ กล่าวว่า ทีอีฯ มีเป้าหมายหลักในการขยายตลาดในอาเซียน เนื่องจากเป็นตลาดใหญ่ และมีกำลังขยายการลงทุนด้าน ดาต้าเซ็นเตอร์ อีกมาก โดยในปีที่ผ่านมา บริษัทยังได้ขยายสำนักงานไปยังประเทศเวียดนาม และพม่าอีกด้วย ซึ่งสำนักงานในพม่าจะได้รับการดูแลและบริหารงานโดยตรง จากสำนักงานประเทศไทย ซึ่งการขยายตลาดในครั้งนี้ สอดรับกับการที่ประเทศไทยจะเปิดประตูสู่ประชาคมอาเซียน ซึ่งเชื่อว่า จะช่วยกระตุ้นให้ตลาดมีการเติบโต บริษัทต่างชาติจะเข้ามาดำเนินธุรกิจในภูมิภาค ทั้งในเวียดนาม พม่า รวมถึงไทยมากขึ้น องค์กรธุรกิจต่าง ๆ จำเป็นต้องลงทุนด้านไอที เพื่อเพิ่มศักยภาพการให้บริการ เพื่อสอดรับกับกฏระเบียบ ข้อบังคับใหม่ ๆ ตลอดจนการเติบโตของธุรกิจ ซึ่งนับเป็นปัจจัยกระตุ้น และผลักดันให้ตลาดไอทีมีการขยายตัว

นอกจากนี้ ทีอีฯ ยังลงทุน TE Innovation Center (TEIC) โดยจัดสร้างขึ้นในประเทศต่าง ๆ ภายในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีการดำเนินธุรกิจของ ทีอีฯ อาทิ ไทย ฮ่องกง มาเลเซีย สิงคโปร์ เวียดนาม (ฮานอย และโฮจิมินห์) และต่อไปที่ประเทศพม่า โดยมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุนการฝึกอบรมแก่ลูกค้า และให้ความรู้เชิงลึกที่สามารถจับต้องได้จริง รวมถึงสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าและพันธมิตรในแง่ความเชี่ยวชาญระบบสายสัญญาณของทีอีฯ

นายรักเกียรติ กล่าวด้วยว่า สำหรับ TEIC ในประเทศไทย บริษัทลงทุนกว่า 10 ล้านบาท เพื่อนำเสนอเทคโนโลยีทั้งหมดของ ทีอีฯ โดยส่วนหนึ่ง เป็นการจำลองห้อง ดาต้าเซ็นเตอร์ เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้ามาเยี่ยมชม และทำความเข้าใจกับเทคโนโลยีสายสัญญาณได้อย่างเป็นรูปธรรม ทั้งยังมีทีมวิศวกรผู้เชี่ยวชาญที่คอยให้คำแนะนำ เพื่อนำเสนอเทคโนโลยีที่ตอบสนองความต้องการใช้งานของแต่ละองค์กร อาทิ ควอริโอ (Quareo) ที่ช่วยในการระบุตัวตนของจุดในการเชื่อมต่อของสายสัญญาณ พร้อมความสามารถในการมอนิเตอร์ และตรวจสอบประวัติการใช้งาน สามารถมองเห็นความเป็นไปของการเชื่อมต่อใน ดาต้าเซ็นเตอร์ ตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง ผ่านซอฟต์แวร์ ICM ที่แสดงผลการเชื่อมต่อในลักษณะรูปภาพ อุปกรณ์ที่เชื่อมต่ออยู่จริง แบบเรียลไทม์ รวมทั้งสั่งงานแบบระยะไกล ที่สะดวกและคล่องตัว ทั้งใน ดาต้าเซ็นเตอร์ หรือข้ามไปยัง ดาต้าเซ็นเตอร์ อื่น ๆ ผ่านอุปกรณ์คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต สมาร์ทโฟน ขณะเดียวกันก็มีระบบแอมพ์แทรค (AMPTRAC SYSTEM) ระบบการจัดการเชื่อมต่ออีกรูปแบบหนึ่ง ที่สามารถมองเห็นและรับรู้ว่า สายมีการเชื่อมต่ออยู่กับอุปกรณ์อะไรบ้าง และใช้งานอยู่ ณ ตำแหน่งใดในเครือข่าย ให้องค์กรธุรกิจเลือกใช้ได้ตามความเหมาะสม หรือความต้องการของธุรกิจ

นอกจากนี้ ทีอีฯ ยังประกาศจัดงาน "TE Connectivity Roadshow 2013" INTELLIGENT DATA CENTER WITH 100 Gbps AND BEYOND เพื่อสร้างศักยภาพด้านโครงสร้างสายสัญญาณในประเทศไทย และเตรียมความพร้อมระดับเลเยอร์ 1 ในดาต้าเซ็นเตอร์ ให้สามารถส่ง-รับข้อมูลได้อย่างลื่นไหล โดยงานดังกล่าว จะมีการระดมผู้เชี่ยวชาญด้านไอทีและลูกค้า ตลอดจนพันธมิตร พร้อมกรณีศึกษาจากประสบการณ์ทั่วโลก และแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์ด้านการวางแผนระบบไอทีและเน็ตเวิร์ก ขณะเดียวกัน ทีอีฯ จะนำเสนอระบบโครงสร้างพื้นฐานอัจฉริยะ ที่สามารถรองรับความเร็วได้ 100  กิกะบิตต่อวินาที แต่บริหารจัดการได้อย่างง่ายดาย ทั้งยังเป็นการเตรียมพร้อม เพื่อจะอัพเกรดระบบให้ตอบสนองความต้องการทางธุรกิจภายในอนาคต ซึ่งงานดังกล่าวจะจัดขึ้นใน วันที่ 28 พ.ย. นี้ ณ เซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลลาดพร้าว.