อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย ตอน 3 ... ตอนจบ ตอนที่สาม วันนี้ จะพยายามเล่าเรื่องที่ได้ไปแอบเรียนวิชาประวัติศาสตร์ศิลป์ จากคลิปการสอนของท่านอาจารย์ รศ.พิชญา สุ่มจินดา เรื่องปราสาทพิมาย ขอบพระคุณอาจารย์มา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ ศาสนาลัทธิมหายาน มองพระพุทธเจ้าเป็นผู้ยิ่งใหญ่ดุจเทพเจ้า - คือคงอยู่เสมอเป็นนิรันดร์ - พระอมิตาภะพระผู้มีความสว่างอันประมาณมิได้ ส่งพระพุทธเจ้าหลาย ๆ องค์มาเกิด เพื่อสอนมนุษย์ โดยมีพระโพธิสัตว์เป็นผู้คอนช่วยเหลือเพื่อให้มนุษย์บรรลุธรรมได้คราวละมาก ๆ ตันตระ แปลว่า เส้นด้าย เปรียบเหมือนการยึดโยงจากคุรุ ไปยังศิษย์ คัมภีร์จะเป็นภาษาลับ มีเคล็ดลับในคำสอนของพระพุทธเจ้าต่างกันไป แต่ละสำนักจำกัดจำนวนศิษย์ ใช้วิถีทางของภาษาลับสอนเพื่อบรรลุโพธิจิตร นำเอาวัชระ (อาวุธของพระอินทร์) มาเป็นสัญญลักษณ์ จึงเรียกอีกชื่อว่า วัชรยาน ในการท่องมนต์ตามคัมภีร์ จะถือวัชระในมือขวา และ ฆัณฏา (ระฆัง) ในมือซ้าย ในตันตรยาน หรือ วัชรยาน มีพระพุทธเจ้าของตันตระ มี 5 พระองค์ รวมเรียกว่า พระปัญจชินะ คือ ผู้ชนะทั้ง 5 ทิศ เหนือ ใต้ ตะวันออก ตะวันตก ศูนย์กลาง หรือ ผู้ชนะธาตุทั้ง 5 คือ ดิน น้ำ ลม ไฟ อากาศ(สุญญตา) (ได้แก่พระอโมฆสิทธิ- เหนือ พระอักโษภยะ-ตะวันออก พระรัตนสัมภวะ-ใต้ พระอมิตาภะ-ตะวันตก พระไวโรจนะ-กลาง) มีพระพุทธเจ้าองค์ที่ 6 พระอาทิพุทธะ หรือพระพุทธเจ้าพระองค์แรก เป็น จักรพรรดิของพระปัญจชินะ ไม่มีใครสามารถเห็นได้ จึงสร้างตัวแทนทางสถาปัตยกรรมคือสถูปที่มีพระเนตร 4 ด้าน สร้างตัวแทนทางปฏิมากรรมให้มองเห็นได้ คือรูปเคารพ , ทรงเครื่องแสดงถึงความเป็นจักรพรรดิ์ มี 4 พักตร์ , ปางโพธยาศรีมุทรา (ท่านินจาหายตัว) อ่านถึงตรงนี้ก็คิดถึงปราสาทบายนในทันที ปราสาทพิมายเป็นพุทธศาสนสถาน นิกายตันตระยาน หรือ วัชรยาน ที่กรอบประตูทางเข้าด้านทิศใต้ พระวัชรสัตว์ - เป็นปฎิมากรรมอีกรูปแบบหนึ่งของพระอาทิพุทธะ มือขวาถือวัชระ มือซ้ายถือวัชรฆัณฏา วัชระเป็นสัญลักษณ์ของกรุณาและอุบายในการสอน มีเพศชายบุรุษ ฆัณฏา เป็นสัญลักษณ์ของปราชญา มีเพศหญิง ทรงยืนร่ายรำอยู่ยนซากศพ -อวิชญา ประดิษฐาน พระกัมรเตชคตวิมาย เป็นพระพุทธรูปนาคปรกทรงเครื่อง ปรากฎชื่อครั้งแรกในจารึกในสมัยพระเจ้าชัยวีรวรมัน - จารึกวัดจงกอ ตามคัมภีร์กาลจักรตันตระ ปฏิมากรรมของพระอาธิพุทธะคือ เป็นพระพุทธรูปทรงเครื่อง ประทับสมาธิราบ ปางสมาธิ บนขนดนาค 3 ขนด 7 เศียร ดั่งพระกัมรเตชคตวิมายคือ ทับหลังภาพการแห่แหนพระกัมรเตชคตวิมาย ในจารึกปราสาทพระขรรค์ บอกว่า ทุกปีเมื่อถึงเทศการจะอัญเชิญพระกัมรเตชคตวิมายขึ้นคานหาม แห่แหนจากพิมายไปเมืองพระนครแล้วแห่กลับ ทับหลังรูปบุคคลทำอัษฎางคประดิษฐ์ เป็นการกราบโดยให้องคาพยพทั้ง 8 ของร่างกาย แตะพื้น ได้แก่ หน้าผาก 1 หน้าอก (บางแห่งว่าหน้าท้อง) 1 ฝ่ามือทั้ง 2 เข่าทั้ง 2 และปลายเท้าทั้ง 2 มีเครื่องสูงบอกว่าผู้กราบเป็นกษัตริย์ มีหม้อน้ำมนต์ จากพระกัมรเตชคตวิมาย (วิมาย แปลว่าผู้ปราศจากมารยา) กำลังเดารพพระกัมรเตชคตวิมาย พระพุทธรูปนาคปรกทรงเครื่อง -กุณฑล ประทับสมาธิราบบนขนดนาค 3 ชั้น บนตั่งที่มีหงส์รองอยู่ - ของสูง ทับหลังด้านในเหนือประตูทางเข้า มุกกระสัน ของวิมาน รูปภาพมารผจญ พระศรีศากยมุนี พระพุทธเจ้าประทับสมาธิราบ ปางมารวิชัย ใต้ต้นโพธิ (พระที่ตรัสรู้ใต้ต้นโพธิ คือพระโคดม , ตันตระเรียกว่าพระศรีศากยมุนี) ขนาบด้วยนางโยดินีที่ร่ายรำ เป็น สัญญลักษณ์ของชัยชนะตัญหา มี บุคคลกำลังไหว้ และเทวนารียืนอยู่หลายนาง มารอยู่ด้านล่างเข้ามารบกวน เมื่อผ่านมุกกระสันถึงประตูวิมานทางด้านทิศใต้ ทับหลังประตูชั้นในของวิมานด้านในทิศใต้ ภาพนมัสการพระกมรเตงคชตวิมาย - พระประธาน พระพุทธรูปนาคปรกทรงเครื่อง ขวาของพระประธานเป็นพราหมณ์ถวายสักการะ ซ่ายของพระประธานเป็นกษัตริย์ถวายสักการะ ด้านหลังเป็นหมู่ผู้คนนำเครื่องสักการะทูนหัวเพื่อมาสักการะ ข้อสันนิษฐานของอาจารย์พิชญา เกี่ยวกับการที่ปรางค์หันหน้าไปทางทิศใต้ คือ ทิศใต้ มีพระยมเป็นเทพประจำทิศ และยังหมายถึง ความตาย, พระยม, บรรพบุรุษ ในคัมภีร์ของศาสนาพราหมณ์ว่า ทิศใต้เป็นทิศของบรรพบุรุษ เหนือเป็นทิศของสวรรค์ โดยผ่านสุริยทวาร การทำประตูทางเข้าด้านทิศใต้ เพื่อให้ผู้ที่ตายไปเข้ามาบูชาพระกมรเตงคชตวิมาย เพื่อบรรลุขจัดอวิชชา แล้วจะหลุดพ้นออกสู่สุริยทวารด้านทิศเหนือไปแล้วไม่กลับมาอีก ทิศตะวันตก เป็นตอนเสด็จกลับกรุงกบิลพัสดุ์ พระพุทธรูปทรงเครื่อง วิตรรกมุทรา - แสดงธรรม มีต้นไม้สองต้น ขวาพราหมณ์ มีมวยผม มีเคราเป็นสามเหลี่ยม ถือฆัณฏารูปนาค ด้านหลังมีกษัตริย์ถือของบูชา ขวาเป็นกษัตริย์ ดูจากจามร , มยุรฉัตร (ฉัตรนกยูง) คือ ทำท่าแสดงความอบน้อม ด้านล่างมีดนตรี การร่ายรำ เล่าว่า พระพุทธเจ้ารอที่อโศการาม แต่พวกศากยที่ไปเฝ้าไม่ยอมรับ พระองค์จึงแสดงอภินิหาร จึงได่รับการยอมรับ ทับหลังวิมานชั้นในด้านทิศเหนือ พระ 3 เศียร 6 กร 5 องค์ มาจากคัมภีร์คุหยสมาชตันตระ หมายถึงพระชินะทั้ง 5 ในพระคุหยสมาชอักโษภยวัชรมณฑล คือมณฑลที่พระอักโษภยะเป็นประธาน พระปัญจชินะ จะมีรูป 3 เศียร 6 กร ทุกพระองค์ ประทับสมาธิ มือที่เหลือ ถือดอกบัว และฆัณฏา ข้างล่างเป็นนนทิเกศวร และมหากาฬเฝ้าประตูมณฑลอยู่ มีโยคินียืนร่ายรำบนซากศพ มุมบนภาพมีภาพบุคคลซ่อนอยู่ 2 คน ซ้ายขวาคือ เทพทางทิศเหนือ ปัญจิกะ หรือ กุเวร กำลังลูบเครา นางหารีตี - ชายยาของปัญจิกะ มีลูกเป็นร้อยดังในภาพมีลูกเคลีคลออยู่ นางชอบจับเด็กที่เป็นลูกคนอื่นมากิน พ่อแม่่ของลูกถูกกินจึงไปฟ้องพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าจึงเอาลูกของนางหาริตีไปซ่อน นางหาริตีจึงไปโวยพระพุทธเจ้า พระพุทธเจ้าทรงยกมือห้าม - ปางอภัย - แล้วทรงสั่งสอน นางจึงเข้าใจ ชั้นในทางตะวันออก เป็นจักรสัมวรมณฑล ช่วงเวลาการสร้างปราสาทพิมายกำลังนิยมคัมภีร์จักรสัมวรตันตระ บุคคล 4 พักตร์ 8 กร - พระสัมวร ร่ายรำบนซากศพของพระเจ้าในศาสนาพราหมณ์ คือ ซ้ายพระไภรวะ หรือ พระศิวะภาคดุร้าย สื่อเรื่องสังสารวัฏ คือการเวียนว่าตายเกิด ขวานางกาลราตรี หรือ พระนางกาลี สื่อเรื่องไม่มาเกิดอีก การเหยียบ คือ อย่าโอนเอนไปด้านใดด้านหนึ่ง ต้องทำใจเป็นกลาง พระสัมวร ห่มหนังช้างสด เป็นอาภรณ์ สื่อถึง ทำลายอวิชญญา แถวบนคือ พระตถาคต - พระพุทธเจ้า ไม่เจาะจงว่าเป็นใคร ล่างเป็นพระวัชรสัตว์ และโยคินี ร่ายรำบนซากศพ หน้าบันปรางค์ประธานทางทิศตะวันออก ภาพทศกันฐ์บุกยมโลก บนสุดเป็นบุษบกของท้าวกุเวรที่ทศกัณฐ์รบชนะจึงใช้บุษกนี้ขี่ลงมายมโลก ทศกัณฐ์ถูกยิงยานจึงเอายานลงมาจากบุษบก พระยม มีพระมฤตยู (หรือพระกาฬ) เป็นลูกน้องมาด้วย ยุให้พระยมใช้ไม้ชี้ทศกัณฐ์ตาย พระพรหมทรงหงส์มาห้าม เพราะ ทศกัณฐ์ได้พรของพระพรหมว่าไม่มีใครฆ่าได้นอกจากมนุษย์ ถ้าชี้แล้วตาย สิ่งที่พระพรหมสร้างจะเสียหมด ถ้าชี้แล้วทศกัณฐ์แล้วไม่ตาย - พระยมเสีย คือปล่อยให้สิ่งที่จะเกิดต่อไปให้เป็นไปตามกรรมที่ใครทำขึ้น หนุมานอาสาเป็นยานให้พระลักษณ์ในการรบกับอินทรชิต พระลักษณ์ใช้ศรของพระอินทร์และอธิษฐานว่าหากพระรามเป็นกษัตริย์ที่มีคุณธรรมขอให้สัมฤทธิ์ผล เมื่อยิงอินทรชิต - อินทรชิตตาย - สอนให้ยึดมั่นในธรรม ทับหลังรูปพระมานุษิตพุทธะ 7 พระองค์ ในลัทธิมหายานและลัทธิตันตรยาน ทรงแสดงธรรม -วิตรรกมุทราสองพระหัตถ์ที่นิยมในกลุ่มมอญ เป็นพระพุทธรูปยืนทรงเครื่องยุคแรกที่พบในไทย - แสดงถึงพระพุทธเจ้าทุกพระองค์ทรงเครื่องได้หมด ได้แก่ พระวิปศยี (พระวิปัสสี) พระศิขี (พระสิขี) พระวิศวภู (พระเวสสภู) พระกรกุจฉันทะ (พระกกุสันทะ) พระกนกมุนิ (พระโกนาคมน) พระกาศยปะ(พระกัสสป) และพระศากยสิงห์ (พระศากยมุนี หรือ พระโคตม) ภาพอื่นในพุทธศาสนา พระพุทธรูป ประทับสมาธิราบปางสมาธิในรัตนปราสาท ข้าง ๆ มีภาพบุคคลอยู่สองคน พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร 4 กร ถือดอกบัว ลูกปะคำ คัมภีร์ หม้อน้ำ ภาพบุคคลชายถือดอกบัว - พระปัทมปาณิ พระโพธิสัตว์ผู้ถือดอกบัว - เราสันนิษฐาน แปลว่าเดา เองค่ะ ภาพพระพุทธรูป 4 องค์ด้านบน - พระตถาคต เป็นพระพุทธเจ้าองค์ใดก็ได้ ด้านล่างนางโยคินีร่ายรำ ตรงกลางภาพบุคคลมือซ้ายถือดอกบัวขาบในระดับบ่า มือขวาอยู่ในระดับต่ำ นั่งท่ามหาราชลีลาบนหลังสิงห์ - เราสันนิษฐานหรือเดาว่า พระมัญชุศรีโพธิสัตว์ ทีแรกคิดว่าเป็นพระศิวะ เพราะมีบุตรของพระศิวะ คือ พระคเณศทรงช้าง และ พระสกัณฑะทรงนกยูง แต่พระศิวะไม่ถือบัวขาบ และทรงโคนนทิ ด้านบนเป็นพระพุทธรูป 6 พระองค์ ประทับสมาธิราบ ปางสมาธิ องค์กลางพระพุทธรูปยืน อยู่ในเรือนแก้ว ทรงแสดงธรรม - เดาว่า พระศรีศากยมุนี ด้านล่างเป็นบุคคล ชาย ร่ายรำ บางองค์ถือดอกบัว - เดาว่าพระโพธิสัตว์ ในปรางค์พรหมทัต และปรางค์แดง พบพระรูป หรือ รูปเหมือนพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ซึ่งปกติในดินแดนนี้ไม่นิยมสร้างพระรูป เป็นพระรูปพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 นั่งสมาธิ ถ้าแขนมีครบจะอยู่ในท่านมัสการ - ไหว้ อาจารย์พิชญาสรุปว่าอาจสร้างเพื่อเป็นพระรูปแทนพระองค์ หันไปทางพระวิมาย เพื่อนมัสการพระวิมายตลอดกาล ขอเซฟไว้อ่านและหาข้อมูลเที่ยวพิมายนะคราบ
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา:15:04:10 น.
มีรายละเอียดมากจริงๆ ค่ะพี่ตุ๊ก
เที่ยวไปได้ความรู้รอบตัวไปนะคะ โดย: หอมกร วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา:16:31:32 น.
สวัสดีครับ
มาเที่ยวด้วยได้ความรู้ไปด้วยครับ ทับหลังแต่ละชิ้นลวดลายสวยมากครับ โดย: Sleepless Sea วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา:17:13:44 น.
มีอะไรให้น่าค้นหาเยอะมากๆเวลาเที่ยวสถานที่โบราณตามวัดวา
โดย: โอน่าจอมซ่าส์ วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา:18:33:27 น.
เรามีอาจารย์คนเดียวกันครับ ชอบดูคลิปการสอนของอาจารย์เหมือนกัน
ปูลู อาจารย์เป็นรุ่นน้องที่คณะนิติ มธ ครับ อิอิอิ ขอบพระคุณสำหรับกำลังใจที่บล็อก พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เชียงแสน ด้วยนะครับ โดย: ทนายอ้วน วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา:19:56:20 น.
สวัสดีค่ะ...
ชื่อคนแต่ละชื่อ อ่านยาก เขียนยากนะคะ โดย: อ้อมแอ้ม (คนผ่านทางมาเจอ ) วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา:21:36:51 น.
ตามมาเที่ยวต่อครับ
ชอบดูภาพทับหลัง หน้าบัน ที่ปราสาทหินพิมายครับ ที่นี่น่าจะมีมากที่สุดใช่ไหมครับ โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 16 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา:23:23:56 น.
มาเที่ยวกับพี่ตุ๊กได้ความรู้ด้วยค่ะ
คลิปวิชาประวัติศาสตร์ศิลป์น่าสนใจค่ะพี่ตุ๊ก โดย: Sweet_pills วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา:0:10:55 น.
อรุณสวัสดิ์ครับพี่ตุ๊ก ศิลปะขอม มีความสวยงามและน่าเกรงขามไปพร้อมๆกันเลยครับ โดย: กะว่าก๋า วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา:6:09:56 น.
สวัสดีมีสุขค่ะ
ตามมาดูภาพและหาความรู้ไปด้วยค่ะ ยังไม่เคยไปที่ปราสาทหินพิมายเลย ดูภาพคุณตุ๊ก ละเอียด ดีค่ะ โดย: ตะลีกีปัส วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา:8:30:12 น.
เก็บรายละเอียดไว้เต็มที่เลยนะครับ^^
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา:16:52:06 น.
โอ้ ข้อมูลเชิงลึกแบบนี้ หายากมากเลยนะครับ
ขนาด อ.เต๊ะ เรียนทางสถาปัตย์ ยังไม่เจาะลึกขนาดนี้เลย อันนี้ น่าจะระดับ นักโบราณคดี +ภัณฑารักษ์ +นักประวัติศาสตร์+อินเดียน่า โจนส์ ขุมทรัพย์สุดขอบฟ้า เลยทีเดียวเชียว555 อ.เต๊ะ ต้องคารวะให้เลยนะครับนี่ โดย: multiple วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา:17:17:56 น.
สวัสดีตอนมืดๆครับ
ชวนไปชิมเค้กที่ร้าน ชนบทคาเฟ่ เขาใหญ่ครับ โดย: ทนายอ้วน วันที่: 17 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา:19:45:23 น.
เอนทรี่นี้อ่านยากมาก ศัพท์แสงมากมาย
อ่านแล้วบางอย่างก็นึกตามไม่ออกว่าทำยังงัย เช่น อัษฎางคประดิษฐ์ เป็นการกราบโดยให้ 8 ส่วนของร่างกาย แตะพื้น ดูจากภาพคล้ายๆนอนคว่ำไปกับพื้นนะคะ ขอบคุณที่ไปเที่ยวเก็ยเรื่องราวดีๆมาฝากกันค่ะ โดย: ภาวิดา คนบ้านป่า วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา:8:59:53 น.
คุณตุ๊ก เป็นคนที่เที่ยววัดวังได้ละเอียดถี่ถ้วนมากค่ะ ดูแบบคนมีความรู้ด้านนี้มากๆ เลย ดีจังค่ะ
โดย: Sai Eeuu วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา:17:45:48 น.
ขอบคุณสำหรับกำลังใจที่บล็อก - ชนบท เขาใหญ่ด้วยนะครับ
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 18 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา:19:47:53 น.
เข้าใจในฐานะคนเขียนบล็อก ที่เห็นนี่คงใช้เวลามากมาย ในการนำมาถ่ายทอดให้เพื่อนๆ ได้อ่านกัน ขอบคุณครับ
พระพุทธรูปนาคปรก ที่พระนามตามชื่อปราสาทนี่คุ้นๆ ว่าเจออยู่ กระทั่งเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์พิมายหรือเปล่า ไม่ได้เจอแค่รูปสลักพระเจ้าชัยรวรมันที่ 7 ทุกคนที่ไปเที่ยวปราสาทนี้จะได้อ่านตรงผังข้อมูลในอาคารจัดแสดงว่า นี่คือต้นแบบของปราสาทนครวัด แปลว่าต้องสร้างก่อนสุริยวรมันที่ 2 แน่ หน้าบันสลักเรื่องพราหมณ์ฮินดูไม่น่าประหลาด เพราะเป็นความเชื่อมาก่อนหน้านั้น แต่ทำไมถึงอยู่ร่วมกับพุทธตันตระยานได้ แปลว่าสร้างในคราวเดียวกันจากคนที่เชื่อและผสมผสาน หรือเกิดจากการดัดแปลงโดยใช้วัสดุจากการสร้างหลังปราสาทหลังเก่า จากสิ่งของที่ขุดค้นพบจำนวนมากเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์พิมายผมว่าน่าจะบอกเล่าเรื่องราวที่นี่ได้มาก เรียกว่าเป็นระดับปราสาทศูนย์กลางในภูมิภาคนี้เลยทีเดียว ดังนั้นถ้าพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ส่งคำสั่งมาให้ปรับปรุงที่นี่ให้เป็นพุทธมหายานในช่วงรัชกาลท่าน หน้าบันของฮินดูไม่รอดมาแน่ โดย: ผู้ชายในสายลมหนาว วันที่: 19 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา:11:34:40 น.
|
บทความทั้งหมด
|