อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย ตอน 2 หลังจากได้ไปแอบเรียนวิชาประวัติศาสตร์ศิลป์ จากคลิปการสอนของท่านอาจารย์ รศ.พิชญา สุ่มจินดา ทำให้ได้รู้จักปราสาทพิมายเพิ่มขึ้น จากการเรียนรู้การอ่านประวัติศาสตร์ผ่านทางศิลปะ จึงนำมาเขียนใหม่ตามปัญญาของเราที่เข้าใจ และเขียนเต็มความสามารถ ที่จะให้คนที่อ่านได้เข้าใจนะคะ ปราสาท สร้างขึ้นมาเพื่อให้เป็นที่อยู่ของเทพที่เป็นที่เคารพ จึงต้องสร้างขึ้นเป็นดั่งวิมานจำลอง ประกอบด้วย ปรางค์ประธาน มณฑป เชื่อมกันด้วยมุกกระสัน ทุกประตูจะมีมุกยื่นออกมา ปรางค์ประธานมีศิขร 5 ชั้น ด้านบนเป็นบัวคลุ่ม (หม้อน้ำ) และพินทุ - หยดน้ำ มีการเปลี่ยนแปลงจากศิลปะก่อนหน้า-ศิลปะบาปวน คือ เรือนธาตุยืดต้วสูงขึ้น เริ่มปรากฏยอดศิขรทรงพุ่มเป็นครั้งแรก โดยทำกลีบขนุนให้เอนเข้า ปราสาทพิมายสร้างก่อนปราสาทนครวัด 50 ปี (ตรงมุมเรียกกลีบขนุน ตรงกลางด้านเรียกใบขนุน) ทับหลังและหน้าบัน ของแท้บางชิ้นติดที่ปราสาท บางชิ้นอยู่ในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพิมาย ลวดลายสวยงามอ่อนละมุนยิ่ง มาชมกันค่ะ หน้าบันด้านหน้าปรางค์ประธาน - ด้านทิศใต้ เป็นภาพศิวนาฏราช ภาพบุคคลตรงกลาง - พระศิวะ มีหลายพระกร สื่อถึงพระกรที่กำลังเคลื่อนไหว ถ่างพระชงฆ์ กำลังร่ายรำ สื่อถึงการสร้างโลกหรือจักรวาล , เป็นสัญญลักษณ์ของการกำจัดอวิชชา ภาพบุคคลด้านขวาพระศิวะ - พระสกัณฑะ บุตรพระศิวะ ประทับบนนกยูง บุคคลล่างขวาของพระศิวะ - นางกาไรกาล นางเลื่อมใสศรัทธาในพระศิวะจนขอพรได้ตามประสงค์ ทำให้สามีเห็นว่านางมีสถานะสูงส่งกว่าและปฏิบัติต่อนางอย่างนอบน้อมราวกับพระเทวี นางรับไม่ได้จึงขอพรจากพระศิวะให้กลายเป็นหญิงชราน่าเกลียด เพราะความงามของนางไม่มีคุณค่าต่อสามีอีกต่อไป และปวารณาตนเอง เป็นมือฉิ่งและร้องเพลงถวายพระศิวะ ด้านนอกปราสาทแกะสลักตกแต่งเรื่องรามยณะ , มหาภารตะ และพระพุทธศาสนา การอ่านภาพ ไม่ได้อ่านเองเพราะไม่มีความรู้เรื่องรามายณะ มหาภารตะ และพุทธศาสนา เพียงพอที่จะอ่านได้ จึงทำได้เพียงแค่นำมาจากท่านผู้รู้ที่ได้ตีความไว้แล้ว - ซึ่งอาจจะใช่ไหรืไม่ใช่ก็ได้ - *รามายณะ* พระรามยกทัพข้ามมหาสมุทรไปยังไปกรุงลงกา จึงต้องทำถนนโดยให้ไพร่พลลิงขนหินมาถมมหาสมุทร ฝ่ายยักษ์เมื่อเห็นพวกลิงกำลังถมทะเล ก็ไปบอกทศกันฐ์ ทศกัณฐ์จึงสั่งให้นางสุพรรณมัจฉา ลูกสาวที่มีแม่เป็นปลาไปเกณฑ์เหล่าปลามาขนหินออก หนุมานดำลงไปดูจึงรู้สาเหตุ ได้จับนางสุพรรณมัจฉาให้นางสั่งฝูงปลาไปนำหินกลับมาที่เดิม แต่ด้วยรูปโฉมที่งดงามของนางสุพรรณมัจฉา นางจึงตกภรรยาของหนุมาน สุดท้ายแล้วการถมทะเลทำถนนก็เสร็จ มุมซ้ายบนของทับหลัง อินทรชิตหลบอยู่ในกลีบเมฆ แผลงศรนาคบาศใส่ พระราม และพระลักษณ์ ศรแปลงเป็นนาค (นาคบาศ) รัดทั้งคู่นอนสงบนิ่ง หมู่พลลิงนึกว่าทั้งคู่ตายก็ร้องไห้ หน้าบันด้านบน หนุมานไปตามพระยาสุบรรณ (ครุฑ) มาช่วย พวกนาคถูกฤทธ์ของครุฑหนีไป พระราม พระลักษณ์ก็ฟื้นกลับมาดังเดิม ในพิพิธภันฑ์บรรยายว่า สุครีพครองเมือง มีลิงแบกยาน 2 คัน คันหน้ามีบุคคลนั่งอยู่ คันหลังมีลิงนั่งอยู่ มือกำลังทำท่านอบน้อมไหม? มีเครื่องสูงแสดงความเป็นกษัตริย์ มีการดีดสีตีเป่าในขบวน แสดงความเฉลิมฉลอง *มหาภารตะ* พระกฤษณะ เป็นร่างอวตารร่างที่ 8 ของพระวิษณุ หรือพระนารายณ์ เพื่อช่วยปราบอสูร และยุคเข็ญทั้งหลาย กษัตริย์ ณ มถุรานคร พระนามว่าอุคระเสน มีบุตร 2 คน คือ ท้าวกงส์และนางเทวกี นางเทวกีสมรสกับพระวาสุเทพ ต่อมาท้าวกงส์กบฏต่อพระบิดา จับพระบิดาอุคระเสน , พี่สาว , พี่เขย ขังไว้ โหรทำนายว่าบุตรคนที่แปดของนางเทวกีจะฆ่าท้าวกงส์ ท้าวกงส์จึงฆ่าลูกทุกคนของนางเทวกี หลังจากฆ่าหกคนแรกแล้ว คนที่เจ็ดแท้ง พระกฤษณะเป็นคนที่แปด พระวสุเทพ (พ่อ) ได้ลักลอบเอาพระกฤษณะไปแลกลูกสาวคนเลี้ยงโคที่ชื่อนันทะและนางยโศธาให้เลี้ยง เมื่อเอาลูกสาวกลับเข้าวัง จึงไม่ถูกท้าวกงส์ฆ่า พระกฤษณะเป็นเด็กขี้เล่นร่าเริง หน้าตาดี เป่าขลุ่ยได้ทั้งวัน เป็นที่เอ็นดูแก่คนที่พบเห็น ทั้งยังลักขโมยกินนมเนย และเอามาเผื่อแผ่เด็กกลุ่มเดียวกัน ถ้าขโมยจากบ้านไหน วัวบ้านนั้นจะให้น้ำนมมากกว่าเดิม ชาวบ้านจึงบอกใบ้ที่เก็บนมและเนยในบ้านตน เพื่อให้พระกฤษณะมาลัก วันหนึ่ง ได้พบเห็นการถวายนมเนยแก่พระอินทร์ จึงถามว่า " เหตุใดจึงต้องบูชาพระอินทร์ด้วยเล่า พระองค์ไม่เห็นทำอะไรเลย ทำไมไม่บูชาวัว ซึ่งให้นมและเนยกับพวกเรา ทำไม่บูชาหญ้าซึ่งเป็นอาหารของวัว หรือทำไมไม่บูชาภูเขาโควัฒนะ ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดความร่มรื่นและป่าไม้ควาอุดมสมบูรณ์แก่หมู่บ้าน " พระอินทร์ (เจ้าแห่งฝน)ได้ยินดังก็โมโห สาปให้ฝนตก 7 วัน 7 คืน พระกฤษณะก็ใช้นิ้วเดียวยกภูเขาโควัฒนะ ขึ้นมาบังท้อง ฟ้าเอาไว้ เมื่อทราบว่าเป็นพระวิษณุอวตารมาจึงได้ขอขมา ภาพพระกฤษณะ ยกเขาโควัฒนะขึ้นบังฝน พระกฤษณะได้บอกกับชาวบ้านไม่ต้องส่งส่วยนมเนยไปให้พญากงส์ พญากงส์ ทราบเรื่องพระกฤษณะนั้นแข็งข้อ และทราบว่าพระกฤษณะเป็นหลานคนที่ 8 ที่เล็ดรอดหนีไปได้ จึงออกอุบายให้ไปเชิญมายังเมือง ระหว่างที่พระกฤษณะติดตามข้าราชบริพารกลับก็ส่งอสูรและสัตว์ร้ายมากมาย มาฆ่าพระกฤษณะ แต่พระกฤษณะกลับฆ่าอสูรทั้งหลายหมดสิ้น พอพระกฤษณะเข้ามายังเมืองก็ได้ฆ่าพญากงส์ตาย ปล่อยพระเจ้าตา พระอุคระเสน นางเทวกี - พระวสุเทพ และพระอุคระเสน ขึ้นครองราชย์ตามเดิม ยุธิษฐิระทำพิธีอัศวเมธ (การฆ่าม้าบูชายัญ) โดยการปล่อยม้าไปยังดินแดนต่าง ๆ โดยมีอรชุนเป็นผู้นำทัพ ม้าพิธีที่ปล่อยออกไปจะต้องสามารถเอาชนะบรรดาแว่นแคว้นต่าง ๆ ที่ม้าเดินทางไปถึง เป็นเวลาหนึ่งปี อรชุนก็เดินทางกลับราชสำนักกรุงหัสตินาปุระพร้อมม้า แล้วทำพิธีบูชายัญ มีบรรดาพระราชาแว่นแคว้นทั้งหมดมาร่วมด้วย เพื่อสะสางบาปและมลทินบาปทั้งหมด รอตีความ สิงห์ทรงครุฑ มือทั้งสองข้างจับช้างไว้ *เทพ* พระอินทร์ เพราะ ทรงช้างเอราวัณ ภาพบน น่าจะถือวัชระ เพราะ วัชระเป็นอาวุธของพระอินทร์ บุคคลหญิงด้านขวาของพระอินทร์คนหนึ่งกำลังถวายเครื่องบูชา บุคคลหญิงด้านซ้ายของพระอินทร์อีกคนแสดงความนอบน้อม ภาพล่าง บุคคลหญิงทั้งสองข้างกำลังกำลังไหว้ เทพนพเคราะห์ - เราสันนิษฐานเอง ซึ่งก็แปลว่า เดานั่นแหละ พระอังคาร , พระพุธทรงสิงห์ , พระพฤหัสทรงช้าง , พระศุกร์ ทรงกระบือ ,พระเสาร์ทรงเสือ , พระราหูทรงนาค (ด้านหลังเป็นเศียรนาค) จบตอน 2 พอดูใกล้ ๆ และรู้ที่มาที่ไปด้วยแล้ว ลวดลายงดงามมากจริง ๆ ครับ
โดย: The Kop Civil วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา:13:46:07 น.
ตามมาย้อนเรียนประวัติศาสตร์ไทยผ่านศิลปะของประสาทพิมาย
เราเองก็ยังไม่เคยไปเห็นกับตาเองเลยคร้า ได้ชมเรื่องราวการเล่าผ่านภาพของคุณตุ๊ก พอจะเข้าใจบ้างมากขึ้น มีตัวเลขกำกับในรายละเอียด ขอบคุณจริงๆค่ะคุณตุ๊ก ไม่เคยไป ก็เหมือนได้ตามไปชมด้วย โดย: Tui Laksi วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา:14:13:22 น.
รักศิลปะขอม
โดยเฉพาะความงดงามของประดา ทับหลัง โดย: เริงฤดีนะ วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา:14:27:14 น.
ที่นี่พวกคนญี่ปุ่นชอบนะครับ เพื่อนหลายๆ คน ชอบกันมาก ทั้งที่มันได้รับอิทธิพลจากทางขอม แต่สมัยก่อนเส้นแบ่งเขตแดนประเทศก็ไม่ชัดเจนด้วย
โดย: คุณต่อ (toor36 ) วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา:16:04:50 น.
สวัสดีครับ
มาเที่ยวด้วยครับ มีข้อมูลประกอบได้ความรู้ไปด้วย สุขสันต์วันหยุดครับ ขอบคุณที่แวะไปอ่านนะครับ โดย: Sleepless Sea วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา:17:49:53 น.
ปราสาทหินเป็นศิลปะที่สวยงาม
และดูขรึมขลังจริงๆครับพี่ตุ๊ก โดย: กะว่าก๋า วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา:18:46:54 น.
กลับมาเดินทางได้อีกครั้ง ไม่พลาดปราสาทหินพิมายแน่ๆครับ
โดย: ทนายอ้วน วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา:19:28:25 น.
โอ้ ครบถ้วนกระบวนความเลยนะครับ
แกะ detail มีรายละเอียดหมายเลขกำกับสุดยอดมาก อ.เต๊ะ ว่าประติมากรรมนูนต่ำ ที่ปราสาทหินพิมายนี่ ตอนที่สมบูรณ์ๆ น่าจะงดงามมาก การถ่ายทอดเรื่องราว รามยณะ , มหาภารตะ และพระพุทธศาสนา ออกมาเป็นประติมากรรมนี่ ไม่ใช่ง่ายๆเลยนะครับ น่าทึ่งในฝีมือช่างยุคนั้นจริงๆ และสำหรับคุณตุ๊ก คนกำลังมีความรัก (โบราณสถาน)555 อ.เต๊ะ ไปเจอวีดีโอ การบูรณะปราสาทพิมาย ด้วยวิธีอนัสติโลซีส (ANASTYLOSIS) ฉบับการ์ตูน ดูง่าย น้ำลายไม่ยืด เอามาฝากอีกนะครับ 555 https://www.youtube.com/watch?v=E8NpuGxfq_A โดย: multiple วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา:19:34:02 น.
สวัสดีตอนมืดวันเสาร์ครับ
ขอบคุณสำหรับกำลังใจสำหรับบล็อก - Claudia's Favorite ครับ โดย: ทนายอ้วน วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา:19:50:29 น.
ตามมาเที่ยวต่อครับ
ได้ความรู้ปราสาทหินเพิ่มขึ้นครับ โดย: สองแผ่นดิน วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา:21:52:01 น.
สวัสดีครับคุณตุ๊ก
ศิลปะบนหน้าบัน มีรายละเอียดให้ได้ดูได้ศึกษาเยอะดีนะครับ ทั้งความเชื่อ วัฒนธรรม การใช้ชีวิตในยุคนั้นๆ และได้ความรู้จากที่คุณตุ๊กอธิบายในบล็อกนี้ด้วย โดย: มาช้ายังดีกว่าไม่มา วันที่: 13 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา:22:03:35 น.
หันเปิ้นแกะสลักหิน งดงามมีจินตนาการ
กว้างไกล มีความศรัทธาอย่างแรง และแถม มีเงินนักขนาด นับถือแต้ ๆ คนสมัยก่อน โดย: ไวน์กับสายน้ำ วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา:6:32:29 น.
แวะมาตามพี่ตุ๊กไปเที่ยว
มีเกร็ดความรู้มากมาย อ่านอยู่นานเลยเชียวค่ะ น่าจะสันนิษฐานถูกนะคะ โดย: หอมกร วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา:7:32:15 น.
สวัสดีวันแห่งความรักครับ จากบล็อก - จะร้องจนกว่าคุณตุ๊กจะเบื่อครับ ถ้าคุณตุ๊กเบื่อ ก็ยังจะร้องต่อไป โดย: เซียน_กีตาร์ วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา:9:20:02 น.
สวัสดีมีสุขค่ะ
ชอบดูภาพใกล้ๆแบบนี้ ได้เห็นรายละเอียดชัดแจ้งดีค่ะ อ่านประวัติไปด้วย เพิ่มเติมความรู้ดีค่ะ โดย: ตะลีกีปัส วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา:11:42:41 น.
สวัสดีตอนบ่ายที่แสนจะร้อนอบอ้าวครับพี่ตุ๊ก โดย: กะว่าก๋า วันที่: 14 กุมภาพันธ์ 2564 เวลา:13:50:46 น.
|
บทความทั้งหมด
|
ตามมหาภารตะ...มาคะ..