ทำดีได้ดี - ทำชั่วได้ชั่ว (2)
...




สวัสดีครับ






นัท-คุง เคยเขียนบล็อกที่จั่วหัวว่า "ทำดีได้ดี - ทำชั่วได้ชั่ว" ไปครั้งหนึ่งแล้ว
เผอิญว่าช่วงนี้มี "สัญญา (ความจำ)" ย้อนระลึกไปถึงเรื่องที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อดังกล่าวอีกครั้ง
ก็เลยมาอัพบล็อกนี้โดยใช้หัวเรื่องเดิมครับ



...




เมื่อคราวที่ นัท-คุง ไปเข้าคอร์สวิปัสสนากรรมฐานที่ ยุวพุทธิกสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ เดือน ก.ย. ที่ผ่านมา
ได้มีโอกาสฟัง ธรรมบรรยาย หลายต่อหลายเรื่อง และส่วนหนึ่งของทั้งหมดนั้น ก็คือเรื่องที่จะนำมาเล่าให้ฟังครับ



(มันผ่านมาสักระยะหนึ่งแล้ว กอปรกับขณะนั่งฟัง นัท-คุง ต้องนั่งขัดสมาธิสลับกับนั่งพับเพียบกับพื้นทั้งวัน อันก่อให้เกิดความปวดเมื่อยเหลือแสน รายละเอียดจึงอาจจะเลือนๆไปบ้าง แต่เนื้อหาคงเดิมครับผม )




...



พราหมณ์ผู้หนึ่งได้พบกับ พระพุทธเจ้า และได้ถามต่อพระองค์ว่า



"ศาสนาของท่านสอนว่า...ทำดีได้ดี ทำชั่วได้ชั่ว...ใช่หรือไม่?"



(นัท-คุง ฟังถึงตรงนี้ก็พยักหน้าอยู่ในใจ พลางตอบคำถามแทน พระพุทธองค์ ว่า...ใช่แล้ว พราหมณ์เอ๋ย)



แต่ปรากฎว่าคำตอบของ พระพุทธองค์ คือ "ไม่ใช่หรอก พราหมณ์"



(นัท-คุง ตกใจเล็กน้อย...คืออยู่ในห้องกรรมฐาน ค่อนข้างมี "สติ" อ่ะครับ
ไม่งั้นคงตกใจใหญ่ ...
คิดไปว่า 'นี่ข้าพเจ้ามาถูกที่รึป่าวเนี่ย? ก็ทำดีต้องได้ดี แล้วทำชั่วต้องได้ชั่วดิ')



พระพุทธองค์ทรงตรัสต่อว่า

"ศาสนาของเราสอนว่า ผู้ทำกรรมดี-ย่อมได้รับผลของกรรมดีที่ทำ
และผู้ทำกรรมชั่ว-ก็ย่อมได้รับผลของกรรมชั่วนั้นเช่นกัน"




...




อาจารย์ผู้บรรยายยังได้อธิบายเพิ่มเติมว่า
ในสมัยพุทธกาลมีภิกษุผู้เป็น พระอรหันต์ อยู่รูปหนึ่ง ท่านเป็นผู้มี "ตาทิพย์" ที่สามารถมองเห็นอดีตชาติอันไกลโพ้นทั้งของตนและของผู้อื่น


พระพุทธองค์ตรัสว่า นั่นเป็นเพราะผลของ "กรรมดี" ที่ภิกษุผู้นี้ได้เคยสร้างสมไว้แต่อดีตชาติ
คือ ท่านชอบที่จะเติมน้ำมันไฟตะเกียงในวิหาร หรือตามวัดวาอาราม ให้สว่างไสว



ซึ่งหากเราๆท่านๆจะใช้ ตรรก แบบทื่อๆตรงๆ
ภิกษุรูปนี้ก็คงจะเกิดมาเป็นผู้มี "ไฟ" ลุกท่วมตัว ไม่ใช่มี "ตาทิพย์" เป็นแน่แท้


...




หลายๆครั้ง หลายๆหน ที่ได้ยินผู้คนบ่นท้อใจว่า
"ทำดีแล้วไม่ได้ดี", "ขยันทำงานแล้วก็ไม่รวยสักที" หรือ "ซื่อสัตย์สุจริตมาตลอดแต่ก็ไม่เคยมีใครเห็นค่า"



ฟังแล้วก็รู้สึกเห็นใจหลายๆคนไม่น้อย แต่เมื่อ "ผล" ของการกระทำของเขาเหล่านั้นมันยังไม่ผลิดอกออกผล แล้วจะทำอย่างไรได้เล่า?



ยิ่งบางคนสร้างเหตุดีไว้แล้ว แต่รอผลอันดีที่ตามมาไม่ไหว จึงพาลประชดชีวิตทำชั่วแบบพลิกขั้วซะงั้น
ก็ให้เสียดายแทนประดาเขาอีกเช่นกัน เพราะขนาดไปสร้าง "เหตุอันดี" ไว้ "ผลดี" ยังผลิดอกออกมาไม่ทันใจ นี่ยังจะไปสร้าง "เหตุอันชั่ว" อีก แล้วมันจะไม่ยิ่งไปกันใหญ่เหรอเนี่ย?



...



ได้ยินแต่คนบ่นๆกันเวลาที่ชีวิตไม่เป็นดังหวัง ไม่ดีดังหวัง
แต่ไม่ยักกะจะได้ยินใครบ่นเลยเวลาประสบเหตุโชคดีอย่างล้นเหลือ หรือได้ลาภลอยมาโดยไม่ลำยากยากเย็นว่า


"ทำไมเราต้องได้สิ่งดีๆเช่นนี้มาด้วยล่ะ ก็เราไม่ได้ทำอะไรดีๆสักหน่อย?"


"ทำไมเราถึงถูกรางวัลเป็นเงินตั้งเยอะล่ะเนี่ย ทั้งที่ก็ไม่เคยบริจาคเงินกะใครเขาเลย"


หรือ


"เราก็ทำตัวไม่ค่อยดีนะ แต่ทำไมมีแต่คนมานิยมชมชอบ"


อะไรประมาณเนี้ย




คือออกแนว ถ้ามีอะไรดีๆมาก็ขอรวบมาโดยไม่ต้องตั้งคำถาม


แต่ถ้าสิ่งไม่ดี สิ่งร้ายๆล่ะก็ มันไม่ควรเกิดกับฉันอย่างเด็ดขาด


ดูทะแม่งๆเนอะ แต่โดยส่วนใหญ่ เราๆท่านๆ ก็มักจะเป็นกันเช่นนี้
(นัท-คุง นี่ล่ะตัวดีเลย )



...




ท่านพุทธทาสฯเคยกล่าวไว้ว่า (ไม่ quote คำพูดนะครับ)


"ทำดีมันก็ดีอยู่แล้วในตัวของมัน ไม่จำเป็นต้องได้อะไรทั้งนั้น


"เช่นเดียวกันกับการทำชั่ว ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นสิ่งที่ชั่ว


"ที่ถูกคือควรจะบอกว่า ----- ทำดี - ดี และ ทำชั่ว - ชั่ว ----



...



อีกสองสัปดาห์จะผ่านพ้นปีนี้ขึ้นปีใหม่แล้ว
แม้วันเวลาจะเดิมๆวนเวียนไปเรื่อยๆ แต่ก็คงเป็นฤกษ์อันดีสำหรับทุกคนนะครับ ที่จะมาคิดกันว่า


"ที่ผ่านมา ไม่ว่าจะปีนี้หรือปีก่อนๆและปีก่อนๆหน้า เราได้สร้างสมเหตุดีๆเพียงพอจะให้เกิดผลดีแก่เราในภายภาคหน้าหรือยัง?


"และกลับกัน เราได้สร้างเหตุร้ายๆ เหตุชั่วๆ ที่จะทำให้เราต้องชดใช้และได้รับผลร้ายดังกล่วในอนาคตไว้บ้างหรือไม่? ถึงเวลาแล้วหรือยังที่จะหยุดมัน"



...




เรื่องของผลกรรม เปรียบไปก็อาจจะคล้ายๆ "ธรรมชาติ" และ "สิ่งแวดล้อม" นะครับ



"เราปลูกต้นไม้ในวันนี้ จะหวังให้มันผลิดอกออกผลใหญ่โตสูงใหญ่ให้ร่มเงาแผ่ไพศาล ให้เราได้เห็นภายในปีสองปี มันก็เป็นไปไม่ได้


"เช่นกันกับการที่เราทำลายธรรมชาติ ตัดไม้ทำลายป่า ปล่อยควันพิษสู่ชั้นบรรยากาศ ปล่อยน้ำเสียลงแม่น้ำลำคลองโดยไม่บำบัด เราก็ไม่ได้เห็นผลเสียของมันในฉับพลันทันใดสักหน่อย


"ตัวอย่างที่เห็นกันชัดๆก็เรื่อง --โลกร้อน-- ที่เป็นกระแสครึกโครมในช่วงปีสองปีนี้ อันเกิดจากเหตุที่เราทำร้ายธรรมชาติกันมาตั้งแต่ ยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม ไงครับ


"หรือจะเอาใกล้ตัวก็ เรื่องของดาบตำรวจผู้หนึ่ง (จำรายละเอียดไม่ได้อ่ะครับ -- ขอโทษครับผม ) ที่เพียรปลูกต้นไม้ลงในพื้นที่แห้งแล้ง และหลายสิบปีถัดมาพื้นที่แห้งแล้งดังกล่าวก็พลิกเป็นอุดมสมบูรณ์ได้ดังเห็นในปัจจุบัน "



...



ไม่เห็น ไม่ได้แปลว่าไม่มี


เพื่อนๆพี่ๆน้องๆ ทุกคนครับ


"เรามามองอะไรกันยาวๆดีกว่านะครับ"














-- ขอบคุณที่แวะมาครับผม --







Create Date : 17 ธันวาคม 2550
Last Update : 17 ธันวาคม 2550 15:02:20 น.
Counter : 1034 Pageviews.

18 comments
: กะว่าก๋าแนะนำหนังสือ - เนปาลประมาณสะดือ : กะว่าก๋า
(5 ก.ค. 2568 04:59:10 น.)
: กะว่าก๋าแนะนำหนังสือ - อิฐ : กะว่าก๋า
(4 ก.ค. 2568 04:59:56 น.)
ข้อคิด สะกิดจิต สะกิดใจ ตอนที่ 4 อาจารย์สุวิมล
(3 ก.ค. 2568 15:24:41 น.)
: กะว่าก๋าแนะนำหนังสือ - บุกคนสำคัญ : กะว่าก๋า
(1 ก.ค. 2568 04:20:36 น.)
  
สาธุ


สัจธรรมโดยแท้
โดย: แพนด้าฯ IP: 125.25.155.144 วันที่: 17 ธันวาคม 2550 เวลา:16:02:41 น.
  
แวะมาอ่านเรื่องราวดีๆค่ะ
โดย: whitelady วันที่: 17 ธันวาคม 2550 เวลา:19:43:22 น.
  
+ เท่าที่พี่เคยศึกษาธรรมะมาบ้าง ในความคิดพี่ ... มนุษย์แทบทุกคนที่มีสามัญสำนึกปกติ น่าจะมี "ต่อมสำนึก" หรือความรู้สึกผิดชอบชั่วดีอยู่ในตัวเองด้วยกันทั้งนั้น (ยกเว้นคนที่สำนึกนี้เลือนหายไปเสียแล้ว เช่นอาชญากรโดยสันดาน)

... ดังนั้น 'สวรรค์' และ 'นรก' ก็น่าจะเกิดในใจ ในฉับพลันทันที เช่น หลังจากที่คนๆ นั้น ได้กระทำกรรมดี สามัญสำนึกก็ย่อมทำให้เค้าเกิดความปีติยินดีขึ้นในใจตัวเอง ร่างกายหลั่งฮอร์โมนแห่งความสุข (เอ็นโดฟิน) ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ดีออกมา ทำให้หน้าตาผ่องใส จิตใจเบาสบายเบิกบาน ซึ่งนี่ก็จะน่าจะเป็น 'สวรรค์ในอก' ที่คนๆ นั้นจะได้รับผลอย่างฉับพลันนั่นเอง ... ส่วนผลแห่งกรรมดีในระยะยาวที่จะเกิดขึ้นต่อไปนั้น ก็ต้องรอดูกันต่อไป

... ในทำนองเดียวกัน สำหรับคนที่ทำกรรมชั่ว ถึงแม้จะไม่มีใครรู้ คนๆ นั้นก็จะรู้ได้ด้วยตัวเอง เกิดความรู้สึกทุกข์ร้อนขึ้นในใจ เกิดความเครียด ทำให้หน้าซีดคล้ำหม่นหมอง จิตใจก็ต้องระแวงระวังอยู่เนืองๆ ว่าจะมีใครมารู้สิ่งเลวร้ายที่ตัวได้ทำลงไปหรือไม่ ... อันนี้ก็คือ 'นรกในใจ' ดีๆ นี่เอง ... และส่วนผลแห่งกรรมชั่ว ก็คงต้องรอดูกันต่อไปยาวๆ เช่นกัน

+ สำนึกผิดชอบชั่วดี หรือ 'หิริโอตตัปปะ' จึงเป็นธรรมะขั้นพื้นฐานเบื้องต้น สำหรับพลเมืองที่ดีของสังคม ... และก็ยังมี "กฎหมายบ้านเมือง" มาป้องกันไว้อีกชั้นหนึ่ง สำหรับคนที่มีหิริโอตตัปปะต่ำ เพื่อป้องปรามให้คนผู้นั้นเกรงกลัวต่อกฎหมายบ้านเมือง ถึงแม้จะไม่กลัวผิดศีลธรรมก็ตาม
... แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม กรรมดี-กรรมชั่ว ของมนุษย์ทุกผู้ที่ได้ทำไว้ ก็คงจะติดตัวคนผู้นั้นดั่ง กงเกวียนกำเกวียน นั่นเอง
... เพราะเหตุว่าทำดี จึงได้รับผลดี ... และเพราะเหตุว่าทำชั่ว จึงได้รับผลชั่ว ... เหล่านี้สอดคล้อง เป็นสัจธรรม เป็นกฎธรรมชาติที่ทุกคนไม่อาจหลีกพ้นได้ครับ

+ สาธุ สำหรับนัท-คุงด้วยครับ สำหรับความตั้งใจที่จะเผยแผ่ธรรมะลงบล็อกอยู่เนืองๆ ... ของพี่นานๆ ถึงจะเขียนได้ซักหัวข้อนึงอ่า
โดย: บลูยอชท์ วันที่: 18 ธันวาคม 2550 เวลา:13:20:06 น.
  
อ่านแล้วก็ได้แต่คิดถึงแต่เรื่องพึงทำดีเอาไว้ อย่างน้อยๆ ถ้ามันจะไม่ได้อะไรตอบแทนเลย แต่ว่ามันก็ทำให้เรารู้สึกดีๆ ได้ ณ ขณะนั้นก็คิดว่าเพียงพอแล้วมั้งเน๊าะ .... เหมือนที่นัทคุงบอกเอาไว้ในบล็อกเรื่อง The Pursuit of Happiness ไว้ไงว่า

" หมั่นสร้างเหตุดีๆเอาไว้เป็นการ เพลย์ เซฟ น่าจะดีที่สุดนะครับ "


อันนี้เห็นด้วยเต็มที่เลยจ้ะ ...


แล้วหนังเรื่องนี้ก็ วิล สมิธเล่นใช่แล้วจ้ะ
โดย: JewNid วันที่: 18 ธันวาคม 2550 เวลา:14:31:14 น.
  
มาเยี่ยมคุณนัทจ้ะ ต้นไม่ได้อัพบล๊อคเลย ด้วยความเบื่อหลายๆอย่าง
สวรรค์ในอก นรกในใจค่ะ เรื่องทำดีทำชั่วนี่ ไม่ได้หวังว่าทำดีจะต้องได้ดีทันตาเห็นหรอกค่ะ แต่ทำแล้วมันสบายใจ
เมื่อวานนี้ แค่ใส่บาตร ทำกับข้าวเองง่ายๆ แล้วรู้สึกว่ามันไม่น่าจะอร่อยก็เป็นทุกข์แล้วค่ะ เกรงพระท่านจะฉันไม่ได้ บาปไหมคะเนี่ย..ฮือๆ นรกในใจเกิดแล้วค่ะเนี่ย ทั้งที่ตั้งใจทำดีแท้ๆเลย..
โดย: takiendeutsch วันที่: 18 ธันวาคม 2550 เวลา:15:11:24 น.
  
เชื่อเรื่องกรรมติดจรวด เจอมาแล้ว ทุกวันนี้คงมีกรรมดีประคองไว้มั๊งเลยเจอทางสงบเข้า

บาปกรรมมีจริง แต่อย่างที่เคยบอก ถ้าไม่รู้จักความชั่วจะไม่รู้ค่าของความดี ถ้าไม่เคยทำผิดจะไม่รู้ว่าความถูกต้องคืออย่างไร
โดย: ป้านิด IP: 195.93.60.69 วันที่: 19 ธันวาคม 2550 เวลา:4:19:17 น.
  
เก็บสแปความดีกันไป
โดย: เจ้าชายไร้เงา วันที่: 19 ธันวาคม 2550 เวลา:16:06:05 น.
  





ขอบคุณที่แวะไปดที่ยวที่บล็อกนะค่ะ

โดย: TopFeeKIVI วันที่: 19 ธันวาคม 2550 เวลา:19:24:00 น.
  
...


-- แพนด้าฯ / สาธุ ครับ

-- whitelady / ยินดีครับ

-- บลูยอชท์ / ขอบคุณพี่ที่เอา หลักคิด มาแบ่งปันกันครับ

-- JewNid / ใช่ครับพี่ ไอ้ความสบายใจขณะทำดีเนี่ย ยังไงๆก็หาไม่ได้จากทางอื่นเลยนะครับ

-- takiendeutsch / แหม แค่ทำเต็มที่แล้วก็ดีแล้วครับผม อย่าซีเรียสเลย

-- ป้านิด / ยินดีด้วยครับ

-- เจ้าชายไร้เงา / ได้เยอะเท่าไรแล้วล่ะครับ

-- TopFeeKIVI / เช่นกันครับ








-- ขอบคุณที่แวะมาครับผม --



โดย: The Legendary Midfielder วันที่: 20 ธันวาคม 2550 เวลา:15:56:11 น.
  
มาอ่าน

ยังไงพี่ก็ยังเชื่อสุดใจ

อาจจะโชคดีตรงที่ว่า พี่ได้มีโอกาสได้อยู่ในวาระและสังคมที่คนทำดีได้ดีเยอะน่ะจ้ะ ส่วนคนทำชั่ว ก็เห็นบ้างที่ได้รับผลของกรรมชั่ว แม้จะไม่ครบถ้วนหรือ ณ ขณะนี้ พี่ก็ยังเชื่อว่า วันหนึ่งผลกรรมจะตอบสนองเขาน่ะนะ

ดังนั้นเมื่อได้เห็นตัวอย่างเชิงประจักษ์ (กระทั่งตัวเองก็เห็นชัดนะ) ก็เลยเชื่อมากๆ จ้ะ
โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 20 ธันวาคม 2550 เวลา:19:52:31 น.
  
โดย: หมูน้อย (magicaldogg ) วันที่: 22 ธันวาคม 2550 เวลา:5:08:50 น.
  
เมื่อก่อนไม่ค่อยได้ทำอะไรดีๆเท่าไหร่ค่ะ
แต่ปีใหม่คิดว่าจะทำเรื่องดีๆให้มากขึ้น
เพื่อเป็นสิริมงคลแก่ตัวเอง
หวังว่าทำสิ่งดีๆแล้ว จะมีสิ่งดีๆเกิดขึ้นในชีวิตบ้าง เป็นผลตอบแทนนะคะ



กระต่ายสวัสดีปีใหม่คุณนัทล่วงหน้าเลยนะ
เพราะจากนี้ก็จะหายไปอีกแล้วล่ะค่ะ
โดย: กระต่ายลงพุง วันที่: 22 ธันวาคม 2550 เวลา:15:19:30 น.
  
เห็นไปเม้นท์ว่าจะรอติดตามด้วยใจระทึกนี่...

หมายถึงที่พี่บอกไว้ที่สโลแกนหรือเปล่า
โดย: สาวไกด์ใจซื่อ วันที่: 24 ธันวาคม 2550 เวลา:9:02:40 น.
  
บางทีทำดีแล้วโดนด่า ก็มีท้อบ้างเหมือนกันนะ
ก็อาศัยว่าช่างมัน ลืมๆมันไป บ่นระบายให้เพื่อนฟังแล้วก็ปล่อยไปดีกว่า คิดมากเดี๋ยวหัวล้านพอดี
โดย: juriojung วันที่: 24 ธันวาคม 2550 เวลา:16:38:43 น.
  
โดย: rebel วันที่: 25 ธันวาคม 2550 เวลา:12:13:51 น.
  
+ อุๆ เห็นนัท-คุง เหมือนจะหายไปพักนี้ เลยมาตามอ่ะครับ ... ถ้ามีเวลาว่างพอ ทำหัวให้โล่งๆ แล้วเข้าไปอ่านการเมืองที่บล็อกพี่ได้เน้อ แต่ถ้ารู้สึกว่ามันหนักไป ขี้เกียจเม้นต์ ก็ไม่เป็งไรนะคร้าบ
+ ปีใหม่ วางแผนไปเที่ยวไหน หรือไปหม่ำอะไรกับแก๊งจตุร(ท้อง)มาร ป่าวคับเนี่ย? ของพี่กลับบ้านตจว. อ่า เด๋วเย็นวันพฤหัสก็ขึ้นรถไฟไปแล้วล่ะ
โดย: บลูยอชท์ วันที่: 25 ธันวาคม 2550 เวลา:15:24:05 น.
  
...


-- สาวไกด์ใจซื่อ // ยินดีด้วยครับพี่

-- magicaldogg //

-- กระต่ายลงพุง // ขอให้สมหวังค้าบ

-- สาวไกด์ใจซื่อ // แม่นแล้วค้าบพี่

-- juriojung // คิดแบบนี้ก็ดีเหมือนกันครับ กลัวหัวล้านเลยมุ่งทำดีอย่างเดียว อิอิ

-- rebel // ขอบคุณค้าบ

-- บลูยอชท์ // เดี๋ยวจะดิ่งไปหาครับพี่วิน






-- ขอบคุณที่แวะมาครับผม --


โดย: The Legendary Midfielder วันที่: 26 ธันวาคม 2550 เวลา:14:50:18 น.
  
อีแพรว มุจรินทร์ ฆะระบุตร(Mudjarin Kharabut)เลขบัตรประชาชน 1412000062681 เกิด 13 ตุลาคม 2536ที่อยู่ 55หมู่8 ต.สร้างคอม อ.สร้างคอม จ.อุดรธานี บิดาชื่อนายเมรี ฆะระบุตร พีน้องอีก 2คนของอีดอกทองมุจรินทร์ชื่อ นายนัฐกรณ์ ฆะระบุตร และนายกฤษดา ฆะระบุตร ผู้หญิงคนนี้ทำลายครอบครัวคนอื่น เป็นเมียเก็บผู้ชายที่เขามีลูกมีเมียแล้วอยู่ 2ปี (ระหว่าง 2557-2558) ทั้งๆที่ยังเรียนไม่จบ และรู้มาตลอดว่าผู้ชายมีครอบครัวแล้ว ทำให้ผู้หญิงด้วยกันต้องตกนรกทั้งเป็น ต้องอยู่กับความทรงจำอันเลวร้ายไปชั่วชีวิต ขอให้เอาเงินที่ผู้ชายไปเลี้ยงดูมาคืนก็หน้าด้านหนีไปเฉยๆ ขอให้ผลกรรมที่มันได้ทำไว้กับครอบครัวคนอื่นจงตกถึงครอบครัวของมันบ้าง ขอให้ตราบาปจงติดอยู่ในใจมันไปชั่วชีวิต พ่อแม่มันที่ไม่รู้จักสั่งสอนเลือดเนื้อให้รู้จักผิดชอบชั่วดี ปล่อยให้ไปทำร้ายคนอื่น จงได้รับกรรมที่ลูกสาวตัวเองได้ก่อไว้ด้วยเถิด ขอให้แรงอธิษฐานในครั้งนี้จงส่งไปยังครอบครัวฆะระบุตรด้วยเถิด
#Mudjarin #Kharabut #Mudjarinkharabut #มุจรินทร์ #ฆะระบุตร #มุจรินทร์ฆะระบุตร #เมรีฆะระบุตร #นัฐกรณ์ฆะระบุตร #กฤษดาฆะระบุตร #เมียน้อย #เมียเก็บ #เมียเช่า #นางบำเรอ #เป็นชู้กับผัวคนอื่น #นักศึกษาใจแตก #ไร้ยางอาย #หน้าด้าน #เดรัจฉาน #เปรตขอส่วนบุญ #สัมภเวสี #ทำลายคู่เขา #ทำลายครอบครัวเขา #บาปกรรมมีจริง #ผิดศีลธรรม #ตกนรกทั้งเป็น #มีตราบาปชั่วชีวิต
โดย: นักศึกษาไม่เสือกเรียนหนังสือ จ้องให้ท่าผู้ชาย จนฉกผัวเขาไปได้ มุจรินทร์ ฆะระบุตร IP: 182.232.168.25 วันที่: 10 กรกฎาคม 2559 เวลา:22:36:26 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Thenut.BlogGang.com

The Legendary Midfielder
Location :
กรุงเทพ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 1 คน [?]

บทความทั้งหมด