เจียะแจ - กินเจ

...




สวัสดีครับ

เทศกาลกินเจก็เวียนมาถึงอีกครั้งแล้ว
เวลานึกถึง "เทศกาลกินเจ" ผมจะนึกไปถึงหมี่ผัดโรงเจแถวบ้านเมื่อตอนเด็กๆก่อนย้ายบ้าน
เพราะตามปกติไม่ค่อยจะมีโอกาสได้กินเท่าไรนัก

เส้นหมี่จะเป็นเส้นกลมๆ หนากว่าบะหมี่แต่นุ่มกว่า เอามาผัดกับผักกาด ผักกะหล่ำ เห็ดฟาง ข้าวโพด...อร่อยมากกก

พอมาช่วงหลังๆก็จะนึกถึง "งานมหกรรมหนังสือฯ" ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
เพราะงานมักจะจัดขึ้นในช่วงเวลาคาบเกี่ยวกับเทศกาลกินเจอยู่เป็นประจำ ซึ่งผมก็ไม่เคยกินที่นั่นเหมือนกัน...เพราะมันแพง



เข้าเรื่องดีกว่า
เมื่อเช้านั่งรถเมล์มาทำงาน (ในความหมายของการได้มีที่นั่งเป็นหลักแหล่งบนรถเมล์จริงๆ )

บนรถเปิดวิทยุสถานีของกองทัพเรืออะไรนี่ล่ะครับ ไม่รู้ว่าคลื่นไหนเหมือนกัน เพราะปกติที่เจอๆหากไม่เป็นคลื่น FM103 ซึ่งเป็นช่วงเวลาของพี่น้องสินเจริญที่มีคนไปตั้งกระทู้บ่อยๆใน 'เหลิมไทย ว่าไม่ชอบเอาเสียเลย บางคันก็จะเปิดคลื่นเพลงลูกทุ่ง

นั่งฟังข่าวทหารเรือยกพลไปช่วยเหลือผู้ประสบภัยน้ำท่วมตามเขตปริมณฑลได้สักพัก รายการก็ตัดมาเป็นช่วงสาระน่ารู้
ซึ่งเนื้อหาในวันนี้ว่าด้วยเรื่อง "เทศกาลกินเจ" ครับ
จึงขอนำความบางส่วนที่ได้ฟังมาแบบงัวเงียๆ ผสมปนเปบวกเพิ่มไปกับสำนวนและความคิดเห็นเฉพาะตัวมาเล่าสู่ให้เพื่อนๆฟัง ณ ที่นี้

หากชอบใจหรือพอจะมีประโยชน์ประการใดก็ขอยกผลประโยชน์ให้รายการวิทยุของทหารเรือที่ผมได้ฟังมา แต่หากอ่านแล้วพบว่าไม่เป็นประโยชน์ หรือพบว่า "มันเขียนมั่วนี่หว่า" ก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ครับ


คำว่า "เจ" หรือ "แจ" ในภาษาจีน (ซึ่งคาดว่าออกเสียงตามสำเนียงแต้จิ๋ว) มีความหมายถึง "อุโบสถ"
ซึ่งหมายความถึง "การถืออุโบสถศีล"

อะไรคืออุโบสถศีล?
อุโบสถศีลก็คือ ศีลที่มักจะมีการน้อมนำมาประพฤติปฏิบัติในวันพระครับ
ซึ่งส่วนประกอบของอุโบสถศีล ก็ประกอบไปด้วย "ศีล 5" ที่เราๆท่านๆทราบกันดีอยู่ คือ งดเว้นการฆ่าสัตว์ + งดเว้นการลักขโมย + งดเว้นการประพฤติผิดในกาม + งดเว้นการพูดปดหรือพูดเพ้อเจ้อ + งดเว้นการเสพสุราและยาเสพย์ติด

บวกด้วยส่วนเพิ่มอีกดังนี้
งดเว้นการมีเพศสัมพันธ์ + งดเว้นการดูการละเล่น (ซึ่งหากเป็นสมัยปัจจุบันก็คงประมาณว่าไม่ดูหนังดูละคร หรือฟังเพลงนั่นล่ะครับ) + งดเว้นการประทินโฉมด้วยเครื่องหอม (ซึ่งก็หมายถึงการเสริมสวยทั้งหลายทั้งปวง) + งดเว้นการรับประทานอาหารหลังยามวิกาล (อันเป็นเวลาตั้งแต่หลัง 12.00 น.จนถึงเช้าวันใหม่ที่ดวงอาทิตย์ทอแสง) + งดเว้นการนอนบนที่นอนอันสูงใหญ่ (ซึ่งโดยนัยก็ประมาณว่าไม่ให้ยึดติดกับความสบายกาย เช่นการนอนบนฟูก ตั่ง เตียง ที่จะทำให้ใจเคลิ้มไปได้ง่าย)

และด้วยนักบวชนิกายมหายานในประเทศจีนมีการงดเว้นการรับประทานเนื้อสัตว์ (ซึ่งในสมัยพุทธกาลไม่ได้มีการห้ามไว้ เป็นเพราะเหตุใด...ถ้ามีโอกาสจะนำมาเล่าครับ ) นอกจากการกินเจจะหมายถึงการน้อมนำอุโบสถศีลมาปฏิบัติแล้ว จึงได้รวมเอาการงดเว้นการรับประทานเนื้อสัตว์เข้าไปด้วย

แต่เหตุที่เวลาผ่านไปๆแล้วกลายเป็นว่า "เทศกาลกินเจ" หมายความถึง "การงดรับประทานเนื้อสัตว์" แต่เพียงอย่างเดียวนั้น
ผมเดาเอาว่า เกิดจากการที่อุโบสถศีลเป็นสิ่งที่สังเกตได้เด่นชัดค่อนข้างลำบาก และเป็นเรื่องที่รู้ได้เฉพาะตน
อย่างเช่น เราไม่อาจจะรู้ได้ว่าคนที่เราเห็นๆเดินผ่านไปมานั้นงดเว้นการมีเพศสัมพันธ์จริงหรือเปล่า
หรือว่าคนรู้จักกันงดเว้นการพูดปดได้จริงไหม

มีเพียงกิจกรรมการรับประทานอาหารที่งดเว้นเนื้อสัตว์เท่านั้น (ซึ่งอาจรวมถึงการงดเว้นอาหารยามวิกาล) ที่สังเกตเห็นได้ง่ายในคนหมู่มาก ขณะร่วมรับประทานอาหารกัน
จึงทำให้คนส่วนใหญ่ (และปัจจุบันกลายเป็นเกือบทั้งหมด) เห็นและเข้าใจไปว่าการกินเจคือการงดเว้นการกินเนื้อสัตว์เท่านั้น


ส่วนสาเหตุที่ทำไมถึงต้องกินเจกัน มีเรื่องเล่าหลากหลายตำนานครับ
ขอยกเอาตำนานอันนี้มาละกัน สั้นๆ ได้ใจความ และสะท้อนถึงลักษณะนิสัยของมนุษย์ได้ดีมาก

เรื่องมีอยู่ว่า
ทุกๆวันขึ้น 1 ค่ำ ถึงขึ้น 9 ค่ำ เดือน 9 (ตามปฏิทินจีน)
"เก้าอ้วงฮุดโจ้ว" ซึ่งเป็นเทพผู้มีหน้าที่เก็บข้อมูลความดี-ชั่วของมนุษย์ จะเสด็จลงมาจากสวรรค์เพื่อจดบันทึกว่ามนุษย์แต่ละคนบนโลกนี้มีความประพฤติเช่นไร
มนุษย์โลกแต่ละคนก็เลยขวนขวายกันประพฤติ ปฏิบัติตนเป็นคนดีกันยกใหญ่ในช่วง 9 วันดังกล่าว เพื่อให้ท่านเทพเห็นว่าตนเป็น "คนดี-ดี่-ดี้-ดี๊-ดี๋" เพื่อเวลาตายไปตนจะได้ขึ้นสวรรค์
เจ๋งมั้ยครับคนเรา...หลอกลวงกระทั่งเทพเทวดา


นอกจากเนื้อสัตว์แล้ว ก็ยังมีผักฉุนอีก 5 ประเภทที่จะงดเว้นการรับประทานในเทศกาลกินเจ คือ
1) กระเทียม 2) คึ่นช่าย 3) ต้นหอม ส่วน 4) และ 5) นี่จำไม่ได้ครับ


และทั้งหมดก็คือข้อมูลเกี่ยวกับการกินเจในเวอร์ชั่นของผมครับ


ไม่ว่าใครจะกินเจหรือไม่กิน
จะถืออุโบสถศีลหรือไม่ถือ
จะสำรวมหรือไม่สำรวม
ในเทศกาลกินเจ 9 วันนี้ (และบางคนอาจจะ 10 วัน)
มันก็คงไม่ใช่สาระสำคัญอะไรนัก หากว่าอีก 356 - 357 วันที่เหลือเราจะละเลยการกระทำดีทั้ง กาย-วาจา-ใจ
เพราะลึกๆแล้วมนุษย์เราคงรู้กันว่าควรจะประพฤติตนเป็นคนดีเพียงไหน (ก็ขนาดหลอกลวงเทพเจ้าน่ะครับ )

เวลา 9 วันดังกล่าว
คงเป็นเพียงเครื่องเตือนใจเท่านั้นว่า ถึงที่สุดแล้ว มีแต่การปฏิบัติดี-ปฏิบัติชอบ ฝึกฝนกายใจของตนให้ดีพร้อมเท่านั้น ที่จะช่วยให้เราทุกคน "ดี" กันให้ถึงที่สุดได้จริง


สุขกาย สุขใจ กันถ้วนหน้าทั้งตัวเองและครอบครัวของทุกๆคนครับผม


ที่มา: ข้อมูลจากสถานีวิทยุทหารเรือและวิกิไทย
รูปภาพจากอิมเมจกูเกิ้ล


--ขอบคุณที่แวะมาครับผม--

Create Date : 20 ตุลาคม 2549 Last Update : 20 ตุลาคม 2549 15:10:57 น. Counter : 1813 Pageviews.		33 comments
Share Tweet

	:: กะก๋าแนะนำหนังสือ - โจน :: กะว่าก๋า (8 ม.ค. 2564 06:29:08 น.)		10 มค 64 นางพญาเสือโคร่ง - Wild Himalayan Cherry mcayenne94 (10 ม.ค. 2564 21:47:42 น.)
	✿ ✿ Food For Fun :: Hot Wok Return #55 :: อาหารผู้สูงวัย "แกงจืดผักกาดขาวม้วนไส้หมูสับ" ✿ ✿ เนินน้ำ (12 ม.ค. 2564 08:30:50 น.)		夫妻比强 Fūqī bǐ qiáng สามีภรรยาใครดีกว่ากัน Kavanich96 (4 ม.ค. 2564 04:15:51 น.)