วันสุดท้ายชีวิตครูชนบท... วันสุดท้ายชีวิตครูชนบท... วัน 30/03/2004 เวลา 11:44 หัวข้อ: ประกวดสารคดีสั้น นายก๊อต บันทึก " เมื่อมีการเริ่มต้นก็ต้องมีการสิ้นสุดเป็นธรรมดา ไม่มีสิ่งใดยั่งยืนเที่ยงแท้ในโลกใบนี้ไปได้ แต่คงมีเพียงผลของการกระทำเท่านั้น ที่จะยังอยู่ให้ได้รำลึกในวันข้างหน้า.... เมื่อเกือบสามปีมาแล้ว..ผมยังคงเป็นคนว่างงานอยู่ ซึ่งมันเป็นผลพวงมาจากผิดฟองสบู่ที่ทำให้บัณฑิตจบใหม่ในยุคผมตกงานกันมากมาย แต่ก็มีบัณฑิตใหม่ที่โชคดี มีความสามารถจริงๆ ที่ได้ทำงาน ส่วนผมนั้นคงตกอยู่ในจำพวกที่โชคไม่มี ดวงหาย ความสามารถไม่เข้าตานายจ้างที่จะรับเข้าทำงาน ก็เลยเคว้งคว้างไปตามระเบียบ และแล้ววันหนึ่ง..ที่ธรรมศาสตร์ผมก็ได้รับข่าวสารที่ปิดประกาศอยู่ที่สำนักบัณฑิตอาสาสมัคร ว่าที่มูลนิธิเพื่อเยาวชนชนบทกำลังเปิดรับเจ้าหน้าที่มาทำงานด้านคอมพิวเตอร์ที่ศูนย์ฝึกอบรมคอมพิวเตอร์ ศสพ.ร้อยเอ็ด และสามารถทำงานชุมชนได้ ผมเองในขณะนั้น..ก็คิดเข้าข้างตนเองว่าเราน่าที่จะสามารถทำได้ ก็เพราะเรียนจบมาทางคอมพิวเตอร์ และเรียนด้านทางทำงานในชนบทมาบ้าง (ปวส.เทคนิคคอมพิวเตอร์ ป.บัณฑิตอาสาสมัคร) ก็เลยไปสมัครงานที่ มยช. ซึ่งพรุ่งนี้ก็จะเป็นวันที่จะปิดรับสมัครแล้ว ผมก็รีบเลยคราวนี้ โดยโทรไปถามว่าที่ตั้งมูลนิธิฯ อยู่ตรงไหน นั่งรถสายอะไรไป อยู่เอกชัยซอยไหน เป็นต้น แล้วในวันรุ่งขึ้นผมก็ไปสมัครงาน ซึ่งเป็นการสมัครงานในสายอาชีพองค์กรพัฒนาเอกชนครั้งแรกในชีวิตผม........(ยังมีต่อ).. วันนั้นผมเจอพี่ช้าง พี่ฟู พี่อ้อ เป็นผู้สัมภาษณ์งาน ซึ่งเป็นวันที่น่าประทับใจวันหนึ่งในชีวิต เพราะผมมั่นใจว่าผมได้งานทำแน่ๆๆ ซึ่งก็เป็นเช่นนั้น แล้วผมก็ได้เดินทางไปร้อยเอ็ด ผมคาดหวัง หรือวาดฝันว่าที่ร้อยเอ็ดน่าจะเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ แต่ก็ผิดคาด ผมวาดภาพสถานที่ไว้เกินความจริงไปมาก ก็เพราะไม่เคยเห็นภาพของสถานที่แห่งนี้ก็เลยมโนภาพจากสถานที่อื่นๆ มาทดแทน (ซึ่งผมจะนำภาพศูนย์ส่งเสริมพัฒนาเด็กเยาวชนและสตรีมาลงในสมุดภาพกิจกรรมให้เพื่อนฅนพลัดถิ่นได้ชมกันต่อไป) แล้ววันหนึ่ง ณ. ที่ศูนย์ส่งเสริมพัฒนาเด็กเยาวชนและสตรี ร้อยเอ็ด ผมก็ได้คำว่า "ครู" มานำหน้าชื่อ ซึ่งผมเองไม่กล้าที่รับเท่าไหร่เพราะคำนี้มันสูงเกินไปสำหรับผม ผมเองคงไม่สามารถเป็นครูของใครได้ ถ้าเป็นได้ก็เป็นเพียงผู้แนะนำเท่านั้น แต่..ผมก็ได้แนะนำหรือสอน นักเรียนโรงเรียนชุมชนเด็กชนบท โรงเรียนไตรคามสามัคคี โรงเรียนเหล่าหลวงประชานุสรณ์ ในวิชาคอมพิวเตอร์พื้นฐาน ให้กับนักเรียนเหล่านั้น.. ระหว่างที่ผมใช้ชีวิตอยู่ที่ร้อยเอ็ด ผมได้เรียนรู้อะไรมากมายทั้งภายในจิตใจตนเองและความรู้ในวิชาชีพ จากที่ผมไม่เป็นระบบแลน ระบบเครือข่ายการติดตั้งระบบปฏิบัติการ Setting Server ทั้ง Windows2000serv LinuxRedhat การเขียนเว็บไซต์ การใช้งาน phpNuke ผมก็ได้ใช้ทั้งเวลาว่าง และเวลางานเรียนรู้เรื่องเหล่านี้จนพอสามารถใช้งานมันได้ แต่ก็ยังคงต้องเปิดตำราทำตามอยู่บ้าง ทั้งตำราที่เป็นหนังสือ และตำราบนเว็บไซต์ ผมรู้สัจจะธรรมข้อหนึ่งว่า "การเรียนรู้ไม่มีวันจบ เราเรียนรู้สิ่งใหม่ๆเสมอ ตลอดชีวิต" และผมก็เป็นเช่นนั้น เมื่อผมซื้อหนังสือ หรือตำราคอมพิวเตอร์เล่มใหม่มาอ่าน ผมได้เรียนรู้ความรู้ใหม่ ได้ศึกษาวิชาการใหม่ และยิ่งได้ห้องฝึกอบรมคอมพิวเตอร์เป็น Lab ให้ผมได้ปฏิบัติจริงในวิชา Network ความรู้จึงไม่ได้อยู่นิ่งกับที่แต่มันขับเคลื่อนของมันไปตลอด จนถึงจุดหนึ่งที่ความขัดแย่งระหว่างความคิดกับงานที่ทำมันบังเกิดขึ้น คือ ผมมาทำงาน NGO ด้านการพัฒนา แต่ขณะนี้ผมเจริญทางความคิดไปทางด้านเทคโนโลยีมากกว่างานพัฒนาที่ผมทำอยู่และยังไม่สามารถปรับวิธีคิดให้มันสอดคล้องกับไปได้ จุดแตกหักทางความคิดจึงเกิดขึ้น ผมมานั่งพิจารณาตนเองแล้วเห็นว่า ควรที่จะถอยออกมาก้าวหนึ่งเพื่อให้เวลากับตนเองได้พักทางความคิด โดยหันหน้าเข้าหาวัด อายุก็เลยครบบวชมามากแล้ว เพื่อที่คุณพ่อคุณแม่จะได้ชื่นใจเมื่อเห็นลูกชายได้บวชเรียน ซึ่งทางบ้านผมเข้าก็ไม่ได้บังคับอะไรว่าต้องเป็นเมื่อนั้นเมื่อนี้ แต่ให้ลูกคิดได้เองแล้วค่อยบวช ครับ..ผมคิดได้แล้ว ว่าผมควรพักเรื่องการพัฒนาทางเทคโนโลยีของผมลงบ้างเพื่อที่จะได้มาพัฒนาจิตใจของตนเอง ตามหลักแนวทางของพุทธศาสตร์ ผมหลงกับวัตถุมากเกินไป... และเมื่อคิดได้ดังนั้นผมจึงขอออกจากงานที่ทำอยู่ เลยทำให้ผมไม่ได้มีโอกาสที่จะมาแนะนำหรือสอนนักเรียนอีก ซึ่งมันก็น่าใจหายอยู่บ้าง แต่ผมว่าคงมีอีกหลายๆ คนที่เหมาะสมและสามารถมาทำหน้าที่ในตำแหน่งนี้แทนผมได้ ..ผมเองไม่มีวิญญาณความเป็นครู แต่ผมมีวิญญาณของการดิ้นรนเอาตัวรอด ซึ่งทุกๆคนก็มี ..คนยอมเอาตัวเองให้รอดพ้นจากความทุกข์หรือความไม่พึงใจไว้ก่อนเป็นธรรมดา ผมพยายามบอกนักเรียนว่า "ให้รู้จักอ่าน รู้จักครูพักลักจำ ช่างซักช่างถาม และลองผิดลองถูก" ซึ่งมันก็เป็นพื้นฐานของคนชนบทที่เข้ามาทำงานในเมืองใหญ่ ซึ่งต้องมีกันทุกคน แต่ผมพยายามกระตุ้นให้เกิดเสียตอนที่กำลังเรียนหนังสือ จะได้มีความชำนาญเมื่อตนเองต้องออกไปเป็น "ฅนพลัดถิ่น" เผชิญกับโลกกว้าง....ในอนาคต ความเป็นครูชนบทในแบบของผมก็คงจบลงเพียงเท่านี้แหละครับ จบพร้อมกับการเริ่มต้นใหม่ของชีวิตผมเอง และชีวิตคนอื่นๆ ทั้งที่จะเข้ามาทำงานแทน หรือจะอาสาเข้ามา ขอให้โชคดีครับคุณครูชนบททุกท่าน.... หมายเหตุ: เป็นบทความที่นายก๊อต..คนทำงานคนหนึ่งใน มยช. ได้เขียนเผยแพร่ก่อนที่เขาจะออกจากงาน แล้วเดินไปตามทาง ..บนถนนชีวิต พิมพ์เผยแผร่ครั้งแรกที่ //fry1985.org/nuke/modules.php?name=News&file=article&sid=14&mode=&order=0&thold=0 //sarakadee.com/modules.php?name=News&file=print&sid=194 |
บทความทั้งหมด
|
ฉลามบุกสู้ชีวิต โย่ๆๆๆ