..ฉันเยาว์ ฉันเขลา ฉันทึ่ง...ฉันจึงมาหาความหมาย...
"...ฉันเยาว์ ฉันเขลา ฉันทึ่ง
ฉันจึง มาหา ความหมาย
ฉันหวัง เก็บอะไร ไปมากมาย
แต่สุดท้าย ให้กระดาษ ฉันแผ่นเดียว..."
ย้อนคิดไปถึงตั้งแต่วันแรกที่มาถึง มอชอ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ด้วยการรับน้องรถไฟ พี่ ๆ พาเราเหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางด้วยรถไฟชั้น 3 ที่แสนประทับใจ (แม้ว่าจะเมื่อเนื้อเมื่อยตัวไปหมดก็ตาม เพราะเกิดมาก็เพิ่งเคยนั่งเป็นครั้งแรก ได้รสชาดไปอีกแบบหนึ่ง) ในเช้าตรู่วันแรกที่มาถึงมอชอ มหาวิทยาลัยในฝัน พี่ ๆ พาเราไปทานอาหารเช้ากันที่โรงอาหารชื่อว่า อมช. ทีแรกเข้าใจว่าย่อมาจาก "โรงอาหารมหาวิทยาลัยเชียงใหม่" แต่แท้จริงแล้ว เป็นส่วนหนึ่งของตึกกิจกรรมนักศึกษา ในนาม องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ใครเคยผ่านมาก็ได้แวะเวียนมาเยี่ยมเยีอนแล้วลิ้มรสอาหารอร่อย ๆ ที่แสนราคาถูกเพียงมีเงินสิบบาทก็อิ่มไปได้มื้อหนึ่งแล้ว
มื้อแรกได้รับการรับรองอาหารแสนอร่อยด้วยข้าวมันไก่ทอด และขนมต่าง ๆ เราเองก็มองขึ้นไปเพดาน และพื้นที่โดยรอบ สะดุดตากับคำกลอนที่เขียนด้วยหมึกสีตัวโต ๆ ติดรายรอบฟากหนึ่งของโรงอาหารแห่งนี้ ความว่า ""...ฉันเยาว์ ฉันเขลา ฉันทึ่ง ฉันจึง มาหา ความหมาย ฉันหวัง เก็บอะไร ไปมากมาย แต่สุดท้าย ให้กระดาษ ฉันแผ่นเดียว..." ขณะนั้นก็จำใส่สมองไว้จนวันนี้ เพราะกว่าจะเรียนจบมาได้ก็ย้อนคิดคำกลอนนี้อยู่หลายครั้งหลายคราว่าแฝงนัยอะไรต่อนักศึกษาอย่างไร มาทราบความภายหลังว่าแต่งโดย ท่านอาจารย์วิทยากร เชียงกูล ซึ่งสมัยหนึ่งเคยอยู่ที่มหาวิทยาลัยแห่งนี้มาก่อน
เวลามีกิจกรรมแนวเพื่อสังคมใด ๆ ก็ตาม พรรคนักศึกษา หรือกลุ่มอาสาฯ นักศึกษาต่าง ๆ ก็มักอ้างถึงกลอนบทนี้อยู่เสมอ ๆ ได้ เพราะได้ยินทีไรก็ได้คิดทุกที..
เมื่อราวเรียนปี 3 ช่วงซัมเมอร์ได้เรียนวิชาปรัชญาเป็นวิชาเลือกเสรี อาจารย์ท่านหนึ่งได้ขึ้นบทกลอนบทนี้ตอนต้นคาบ และสอนดำเนินกิจกรรมการเรียนการสอนตามปกติ และพอท้ายคาบก็ยกอีกบทหนึ่งขึ้นมาความดังนี้
"...เพราะเธอเยาว์...เธอเขลา..เธอจึงทึ่ง เธอจึง มาหา ความหมาย มหาวิทยาลัย มีอะไรให้เธอ ตั้งมากมาย ทำไมสุดท้ายได้กระดาษ แค่แผ่นเดียว..."
เมื่อได้ยินและรับทราบถึงบทกลอนโต้อีกบทหนึ่งนี้ ทำให้ได้คิดอีก คิดอีก และคิดอีก ว่านัยแห่งความหมายที่ค้นหานี่ไม่สิ้นสุดเสียจริง ...
Ref :: //gotoknow.org/archive/2006/04/02/02/38/42/e22231