Review : Japan Trip [Part 7]วันที่13 DisneySea & วันที่14 โยโกฮาม่า & วันที่15-16 ชอปปิ้งก่อนกลับไทย ![]() My Makeup TodaY วันที่สิบสามในญี่ปุ่น [6/11/2013] จัดให้เป็นมินิฮาวทูขั้นตอนตามนี้ฮับ 1. ทาสีชมพูอ่อนทั่วเปลือกตา 2. คัดเบ้าตาด้วยสีชมพูอมแดง 3. เขียนขอบตาด้วยไลน์เนอร์แบบปากกา Kate สีดำ เน้นเส้นหนาๆหางตาตวัดเชิดขึ้น 4. เขียนขอบตาล่างด้วยดินสอ Cosluxe สีเงิน 5. ทาอายแชโดวสีดำที่หางตาล่างเบลน ให้เข้ากับไลน์เนอร์สีเงินด้วยอายแชโดวสีชมพูอมแดง 6. ทาสีขาวมุกที่หัวตาล่าง 7. ทาสีขาวมุกตรงกางเปลือกตาบนเพื่อให้ตาดูกลมโต 8. ดัดขนตาติดขนตาปลอมบนแล้วปัดมาสคาร่าทับ จานั้นปัดขนตาล่าง 9. ติดขนตาปลอมด้านล่างเน้นฟูๆ ***ขนตาบนของไทยยี่ห้อ BohkToh เบอร์ P-047 ขนตาล่าง Dolly Wink #8 ***อายแชโดวพาเลท Shu Uemura 6Princess Collection #Pink ***คอนแทคเลนส์ DreamColor1 Sky #Violet ***รองพื้น Shu Uemura Lightbulb #764 แป้งฝุ่น Candy Doll ***แก้ม Canmake ***ปาก Etude Rosy Tint Lip #1 + Clinique #RunwayCoral + Candy Doll #ApricotBeige ![]() My Outfit TodaY วันนี้มาสายแบ๊วเต็มพลังเพราะจะไปปล่อยแก่ที่โตเกียวดิสนีย์ซี ฮี่ๆ เอี๊ยมซื้อที่ตลาดนัด Promp รัชดา ราคาประมาณ 500 บาท เสื้อมินนี่ตัวในซื้อที่สยามหน้าดิจิตอลเกทเวย์ 350 บาท เสื้อกันหนาวสีเหลือง Uniqlo จำว่าราคาไม่ถึงพันซื้อตอนเซลล์ฮะอุ่นดี ส่วนรองเท้าคู่เดิมใส่แทบทั้งทริปของ Maxstar สั่งจากเว็ปของเกาหลี //www.maxstarstore.com/ค่ารองเท้า+ค่าส่ง+ภาษีตกคู่ละสองพันต้นๆ กระเป๋า Charles & Keith สอยมาจากสิงคโปร์ใบละประมาณสองพันกว่าบาท ทรงผมแบ๊วๆม้วนด้วยเลอซาช่าสไปรัลแล้วมัดแกละสองข้างฮับ ----------------------------------------------------------------------- การเดินทางไป Tokyo DisneySea แสนง่าย นั่งรถไฟ JR ไปลงที่สถานี Mahaima แล้วก็ต่อ Disney Line ไปยัง Disneysea ได้เลยฮับ รถไฟของดิสนีย์น่าร๊ากห่วงที่จับเป็นหัวมิกกี้ดูสมวัยเรายิ่งนักกร๊ากกก ![]() มาถึงแว๊วววไปซื้อตั๋วกันก่อน เค้ามาวันธรรมดาเลยชิลๆมาซื้อตั๋วที่นี่ วันที่เค้าแนะนำถ้าอยากมาแล้วคนไม่เยอะมาก ต่อแถวเครื่องเล่นไม่นานคือ"วันพุธ" หมูคอนเฟิร์ม! ราคาค่าตั๋วแบบรวมเครื่องเล่น 1-Day Passport ผู้ใหญ่ 6,200 yen (1,980 บาท) <<<เค้าซื้อแบบนี้ เด็ก 12-17 ปี 5,300 yen (1,690 บาท) เด็กเล็ก 4-11 ปี 4,100 yen (1,310บาท) 2-Day Passport : เข้าได้ทั้ง DisneySea และ DisneyLand แต่ต้องเข้าที่ละวันโดยต้องเป็นสองวันติดกันเท่านั้น ผู้ใหญ่ 10,700 yen (3,415 บาท) เด็ก 12-17 ปี 9,400 yen (3,000 บาท) เด็กเล็ก 4-11 ปี 7,400 yen (2,362บาท) ![]() โตเกียวดิสนีย์ซีสร้างเมื่อปี 2544 เป็นสวนสนุกแห่งที่ 9 จากทั้งหมด 11 ที่เป็นของดิสนีย์ ซึ่งเป็นที่เดียวในโลกที่สร้างติดทะเลและใช้งบประมาณมหาศาล เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่เกิดจากการถมที่ในทะเล บรรยากาศด้านในเลยจำลองพื้นที่เกี่ยวกับน้ำ เช่น เวนีซ เมืองบาดาล เรือไททานิก ถ้ำใต้น้ำในปล่องภูเขาไฟ ฯลฯ ซึ่งสวยอลังอ้ะตื่นตาตื่นใจ เนื่องจากสวนสนุกตั้งริมทะเลลมจะแรงมากอากาศจะเย็นกว่าในเมือง แนะนำว่าควรเตรียมเสื้อกันหนาวมาหนาๆหน่อยเน่อ ลมพัดหัวกระเจิงทั้งวัน ![]() สวนสนุกนี้ผู้ใหญ่มาก็ลั้นลาได้ไม่ใช่แนวการ์ตูนจ๋า แถมถือเบียร์เดินกินชมวิวชิลๆได้ด้วย เวลาเปิดปิดจะแล้วแต่วันส่วนใหญ่จะปิดสี่ทุ่ม แนะนำให้เช็คจากในเว็ปไปฮะ >>>CLICK<<< โซนด้านหน้าสุดตรงทางเข้าคือโซน "Mediterranean Habour" จำลองคลองเวนีซจากอิตาลี มีให้ล่องเรือกอนโดล่าชิลๆ ![]() ถัดไปคือโซน "American Waterfront" อาคารเครื่องเล่นจะจำลองลักษณะเมืองของอเมริกาสมัยก่อน เครื่องเล่นแรกวิ่งไปต่อแถวอย่างไวตั้งใจว่าต้องไม่พลาดก็คือ "Toy Story Mania!" เป็นเครื่องเล่นที่ใหม่สุดถึงแม้จะไม่ใหม่มากแล้วก็ตามเปิดตัวไปเมื่อกรกฏาคม 2012 แต่ก็ได้ยินกิตติศัพท์มาว่าต้องต่อแถวนานมากเลยเลือกที่จะไปเล่นเป็นสิ่งแรก ซึ่งโชคดีเค้าไปวันพุธที่คนน้อยต่อแถวอยู่ประมาณครึ่งชั่วโมงก็ได้เล่นไม่นานอย่างที่คิด ที่สำคัญคือสนุกสมการรอคอย เป็นรถรางนั่งไปเป็นคู่ๆต้องใส่แว่นตามสามมิติ รถค่อยๆวิ่งไปแล้วหยุดให้เล่นเกมส์เป็นแบบ 3D Carnival Festival เหมือนงานวัด มียิงปืน ปาเป้า โยนห่วงแบบสามมิติ มันส์ตรงที่มีแต้มโชว์ให้ดูด้วยแข่งกันกับคู่ของเรา แบบนี้มันยอมมิได้นะฮร้าสู้ขาดใจ 555 ยิงจนเครื่องแทบพัง ![]() พอถึงทางออกเค้าก็จะสรุปผลคะแนนของทุกคันให้ชมกัน ซึ่งเค้าแพ้หลุดลุ่ย แต่ตะลึงคนที่ได้คะแนนสูงสุดในรอบที่เค้าเล่น ได้คะแนนเกือบห้าแสนแน่ะ มีแอบเมาท์กับคุณแฟน ว่าเค้าต้องต่อแถวเล่นมาหลายรอบแล้วแน่เลย555 ![]() สรุปว่าเป็นเครื่องเล่นที่ได้ปล่อยแก่สนุกกับภาพสามมิติง่ายๆแต่ดูน่ารัก มันส์ตรงมีการแข่งขันกันเอง มาที่นี่แนะนำให้ลองเล่นจริงๆฮับหมูติดใจ อยากจะต่อแถวอีกรอบแต่ออกไปแล้วท้อคนเยอะกว่าตอนแรกมากไว้คราวหน้าละกันเนอะ ![]() ตัวเด็ดอีกหนึ่งอย่างที่ทุกคน Reccomend! มาว่าห้ามพลาด เรียกกันคุ้นเคยในชื่อ "ลิฟต์หล่น" หรือชื่ออย่างเป็นทางการว่า "Tower of Torror" มีแต่คนบอกว่าตัวนี้หวาดเสียวมากสงสัยทำใจไว้เยอะไปไม่หวาดเสียวเลย แต่ประทับใจตรงที่วิวสวย เครื่องเล่นเป็นลิฟต์เก่าๆเลื่อนขึ้นแล้วตกลงแบบวืดๆ จุดพีคขึ้นลิฟต์ขึ้นไปค้างที่ชั้นบนสุดซึ่งเป็นช่องที่กระจกแตกมองเห็นวิวกว้างๆของดิสนีย์ซี วิวจากจุดนั้นสวยอลังการมากแต่ต้องมองแบบห้ามกระพริบตาเพราะว่าแว่บเดียวมันก็จะตกลง เสียดายง่าเห็นแว่บเดียวจริงๆ ต่อแถวอยู่ชั่วโมงกว่าได้เห็นวิวเพียงเสี้ยววินาทีแต่ก็สวยคุ้มค่าฮับ ตอนเค้าเล่นสนุกตรงที่คนที่ขึ้นลิฟต์พร้อมกันเป็นกลุ่มหนุ่มๆวัยสะรุ่นใส่ชุดนักเรียน ส่งเสียงบิวท์กันเองตั้งแต่ยังไม่ได้เข้าไปในลิฟต์ คือขำและฮามากสนุกขึ้นอีกเป็นกอง 555 ต้องยกให้คนญี่ปุ่นเลยการแสดงออกทางอารมณ์เค้าชัดเจนสุดๆไม่แอ๊บไม่กั๊ก อิอิ ![]() ใกล้พระอาทิตย์ตกไปล่องเรือกันกับ "DisneySea Transit Steamer Line" ใช้เวลาในการล่องไปรอบๆสวนสนุก 13 นาที เค้าชอบนะทำให้เรารู้ว่ารอบๆมีอะไรบ้าง จะได้เห็นว่าจุดไหนที่น่าสนใจและจะได้วางแผนได้ว่าเราจะไปตรงไหนต่อดี ล่องเรือคนน้อยมากไม่ต้องต่อแถวเดินเข้าไปมึนๆได้นั่งเรือเลยเย้ๆ ![]() วิวยามค่ำคืนเห็นเรือไททานิกจอดอยู่คู่กับตึกลิฟต์หล่นสวยมั่กๆ ![]() ![]() ร้านของที่ระลึกของที่ดิสนีย์ซีจะมีน้องหมี Duffy กับสาวน้อย Shellie May ซึ่งที่ดิสนีย์แลนด์ไม่มีนะคร้าบ สาวๆญี่ปุ่นฮิตมากหิ้วน้องหมีดัฟฟี่กันแทบทุกคน หน้าตาแบ๊วๆใสๆน่ารักแต่ราคาไม่ค่อยน่ารักเท่าไหร่มีเสื้อผ้าให้เลือกใส่ตามชอบราคาแรงพอกัน แต่ไหนๆมาแล้วเลยต้องซื้อเป็นที่ระลึกสักตัว เราเบี้ยน้อยหอยน้อย จัดดัฟฟี่กะลาสีตัวเล็กมาตัวเดียวแค่ตัวน้อยนี้ก็หลายร้อยบาทแล้วจ้า ![]() โซนถัดไป "Port Discovery" ตรงทางเข้าโซนนี้มีเครื่องเล่น "Aquatopia" หน้าตาเป็นเรือบั๊มเค้าว่าคล้ายๆรถบั๊มบ้านเราเลย ท้องฟ้าที่ดิสนีย์ซีหลังพระอาทิตย์ตกสวยมาก สีฟ้าอมน้ำเงินเขียวๆถ่ายมายังกะฉากไม่เหมือนฟ้าจริงเลยเนอะ ![]() เครื่องเล่นอีกหนึ่งอย่างในโซนนี้คือ "StromRider" ตั้งอยู่ในอาคาร "The Center for Weather Control" เป็นเครื่องเล่นที่จำลองให้เราเข้าไปนั่งเครื่องบินที่ขับทะลุเข้าไปในพายุ โดยมีจอภาพใหญ่ๆฉายภาพแบบ Simulator ตัวเครื่องบินก็จะโยกสั่นด้วยไฮโดรลิกไปตามเนื้อเรื่อง เวลาตกลงไปในน้ำหรือฝนตกกระจกเครื่องบินแตกเราก็เปียกจริงด้วย เปียกมากกว่าที่คิดในเรื่องฝนตกพักใหญ่ออกจากเครื่องเล่นมาเจอลมข้างนอกหนาวเลยจ้า เครื่องเล่นนี้ไม่น่ากลัวแต่อาจจะเวียนหัวได้เพราะโยกไปโยกมาฮับ ![]() ต่อมาในโซน "Lost River Delta" กับเครื่องเล่น "Indiana Jones Adventure: Temple of the Crystal Skull" อันนี้หนุกดีนะเค้าชอบมากต่อแถวแป๊บเดียวสิบห้านาทีได้เล่น อิอิ เป็นแบบรถรางกึ่งรถไฟเหาะแบบอินดอร์เหมือนเราได้ผจญภัยไปกับอินเดียน่าโจนส์ในฉากต่างๆ เค้าทำฉากและเอ็ฟเฟ็คได้เริ่ดมาก เล่นเอาตื่นเต้นมีฉากให้ลุ้นเรื่อยๆ หมูแนะนำว่าควรลอง!!! ![]() ![]() ต่อด้วย "Raging Spirits" รถไฟเหาะตีลังกา 360 องศา แต่ด้วยความที่เป็นรางสั้นๆตีลังการอบเดียววงแคบๆพอกรุบกริบ แอบงงว่าอ้าวนี่ตีลังกาแล้วเหรอยังไม่รู้สึกตัวเลย 555 สำหรับเค้าอันนี้ชิลๆไม่มีอะไรน่ากลัว แต่เล่นตอนกลางคืนรางเปิดไฟสวยงามนั่งชมวิวไปเพลินดีฮะ ![]() ถัดมาคืนโซน "Arabian Coast" เป็นโซนเมืองแขกๆอาหรับๆ ไปเล่น "Sindbad's Storybook Voyage" มา โซนนี้เป็นเครื่องเล่นจะสำหรับเด็กน้อยแต่เค้าก็สนุกนะ555 ล่องเรือชมเรื่องราวการผจญภัยของซินแบด เหมือนกับ Small World ที่ฮ่องกง แต่เค้าว่าฉากอันนี้สวยอลังการกว่า เรียงร้อยเรื่องราวได้สนุกกว่านั่งชมแล้วเพลินดี ![]() เค้าชอบฉากในโซน "Arabian Coast" สวยอลังการดี ![]() ถัดไปคือโซน "Mermaid Lagoon" เห็นจากตอนล่องเรือฉากสวยอลังจริงๆ แต่เครื่องเล่นด้านในเหมาะสำหรับเด็กน้อย เช่น ถ้วยหมุนๆ โซนนี้เลยแวะมาถ่ายรูปอย่างเดียวฮะ ![]() โซนสุดท้าย "Mysterious Island" โซนนี้แลดูอลังเหมือนฉากในหนังเลยเริ่ดๆ ![]() เดินมาถึงโซนนี้เค้าจุดพลุเกือบจะจบพอดีเลยสรุปคือมาทันดูแค่พลุสามลูกสุดท้าย ไม่เป็นไรปลอบใจตัวเองไปว่าเก็บไว้ดูตอนมาเที่ยวรอบหน้าละกัน 555 ![]() ![]() ไปเล่นเครื่องเล่นสุดท้ายที่เค้าว่ามาถึงนี่แล้วต้องเล่นกันดีกว่า เป็นไฮไลท์ปิดท้ายได้อย่างสวยงาม คือ "Journey to the Center of the Earth" เป็นรถไฟเหาะที่เริ่มจากการขุดลึกลงไปใต้โลกเป็นฉากจำลองเมืองใต้พิภพ สัตว์ประหลาดต่างๆตรึมเลย เด็ดตรงท้ายๆมีมังกรพ่นไฟแล้วรถก็แล่นขึ้นมา ผ่านจุดบนสุดของภูเขาไฟซึ่งเป็นปล่องเปิดจะมองเห็นวิวดิสนีย์ซีแบบกว้างๆได้แวบนึง ถ้าใครไม่กลัวความสูงแนะนำว่าลืมตาตลอดไม่งั้นมองตรงนี้ไม่ทันกระพริบตาเดียวหายไปแร้น สรุปเป็นเครื่องเล่นสุดท้ายที่เค้าได้เล่น ปิดท้ายได้อย่างน่าประทับใจฮับ ในโซนเดียวกันเค้าไม่ได้เล่นเครื่องเล่นไปอย่างนึงคือ "20,000 Leagues Under the Sea" แต่หลายรีวิวบอกว่าอันนี้เฉยๆไม่มีอะไรน่าตื่นเต้นเท่าไหร่ ถือว่าเก็บเอาไว้ตอนมารอบหน้ามาเล่นพร้อมดูพลุละกัน อิอิ ![]() ก่อนออกไปแวะเวิ่นเวออยู่ในร้านขายของที่ระลึกพักนึง มุ้งหมีน่ารักอ้ะแต่สรุปตัดใจได้ด้วยราคาจิแพงไปหนายยยย หลุดรอดออกมาจากร้านของฝากได้แบบไม่เสียกะตังดีใจจุงเบย เป็นการมาดิสนีย์ซีที่ฟินกะเครื่องเล่นได้เล่นแทบทุกอย่าง บรรยกาศด้านในสวยเดินถ่ายรูปเล่นก็เพลินละ มีโอกาสมาอีกแน่นอนคร้าบ ![]() ![]() ออกจากดิสนีย์ซีก็ดึกละต้องรีบบึ่งรถไฟกลับบ้านเพื่อน เพราะว่านอกเมืองมีรถไฟถึงแค่ห้าทุ่มตกรถนี่ซวยเลยต้องรอถึงเช้า มื้อเย็นเลยฝากท้องไว้ที่ร้าน Cafe Gusto แถวบ้านเพื่อนร้านที่กินตอนมาถึงญี่ปุ่นวันแรก เค้าหม่ำสปาเก็ตตี้กุ้งให้กุ้งอย่างเยอะเลย 7-8 ตัวแน่ จานละ 670 yen (215 บาท) แหล่มมั่ก ส่วนคุณแฟนหม่ำสเต็กไก่เทอริยากิไก่สองชิ้นใหญ่ๆเนื้อชุ่มๆราคาพอๆกันเริ่ดค่า ร้านนี้เป็นร้านเฟรนด์ชายที่เห็นทั่วๆญี่ปุ่น หมูแนะนำฮะรสชาติดีราคาไม่แรง ![]() สวัสดีเช้าวันที่สิบสี่ในญี่ปุ่นฮับ [7/11/2013] มื้อเช้าวันนี้คุณแม่เพื่อนชาวญี่ปุ่นจัดให้เฮลท์ตี้มากกกก โยเกิร์ตรสธรรมชาติไม่มีน้ำตาลใส่พลับสุก , น้ำเต้าหู้ใส่โยเกิร์ตรสธรรมชาติไม่มีน้ำตาล , โยเกิร์ตรสเบอร์รี่พรุนเสาวรส , ลูกพลับสด , ลูก feijoa (ซ้ายบน) คุณแม่เก็บมาให้จากในสวนครัวที่บ้าน เพิ่งเคยลองกลิ่นหอมๆรสหวานเบาๆมีเม็ดกรุบๆไฟเบอร์และวิตามินซีสูง จริงๆมีแอปเปิ้ลเหลืองด้วย เช้านี้ลำไส้ปรอดโปร่งโล่งสบายเลยจร้า 555 ![]() ![]() วันนี้คุณแม่เพื่อนพาเที่ยวเย้ๆ มัมพาขับรถไปถึงโยโกฮาม่า พาเด็กน้อยไปเที่ยวพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติเสมือนจริง "Orbi Yokohama" ซึ่งเป็นโครงการร่วมมือกันระหว่างช่องสารคดี BBC Earth ประเทศอังกฤษ และ บริษัท SEGA ผู้ผลิตเกมรายใหญ่ในญี่ปุ่น โดยใช้เทคโนโลยีทางภาพและเสียง ที่ทันสมัยที่สุดของ SEGA บวกกับภาพสุดยอดสารคดีที่ถ่ายทำจากทั่วโลกของเครือ BBC ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ราคา 2,600 yen (830 บาท) นักเรียน 1,300 yen (415 บาท) ซึ่งบัตรเข้าชมจะหน้าตาเหมือนนาฬิกาข้อมือเอาไว้แสกนเข้าในจุดทางเข้า เปิด 10.00-23.00 น. ถ้าไม่ได้ขับรถมาเองสามารถนั่งรถไฟมาได้ รายละเอียดเข้าไปชมในเว็ปของเค้าได้เลยตามนี้จ้า //orbiearth.jp/en/tickets/#hours ![]() เข้าไปจุดแรกเราจะเจอจอฉายภาพขนาดใหญ่ ให้เราเข้าไปยืนในวงกลมแล้วจะโบกมือสัมผัสกับตัวสัตว์ที่วิ่งไปวิ่งมาในจอได้ โดยสัตว์ตัวที่เราเลือกจะมีข้อมูลรายละเอียดทั่วไปขึ้นมาให้เราชม โบกกันจนเมื่อยแขน คาดว่าต้องการให้เราได้ออกกำลังกายไปด้วยเป็นแน่แท้ 555 ![]() ด้านในพิพิธภัณฑ์จะแบ่งเป็น Exhibition Zone ต่างๆ ให้เราเข้าไปสัมผัสกับภาพและเสียงจากธรรมชาติในรูปแบบต่างๆ เช่น ศึกษาความไวในการขยับตัวของสัตว์เทียบกับการขยับตัวของคน มีห้องถ่าย Green Screen แล้วเอาตัวเราไปซ้อนในฉากให้ด้วย หนุกๆขำๆ ![]() เค้าชอบโซนนี้เป็นแท่นฉายภาพรูปวงรีซึ่งจะเปลี่ยนตัวสัตว์ไปเรื่อยๆ ตัวสัตว์ที่ฉายจะขยับกระดุ๊กกระดิ๊กได้ด้วยน่าร๊าก โดยฉากหลังก็จะเปลี่ยนไปตามแหล่งที่อยู่ของสัตว์นั้นๆ ![]() ห้องจำลองสภาพอากาศ ณ อุณหภูมิ -89.2 องศาฟาเรนไฮต์ หรือ -32 เซลเซียส ห้องนี้มัมติดใจเข้าไปสองรอบ มัมน่าร๊ากเล่นสนุกเหมือนเด็กเลย เค้าจะให้เราเข้าไปที่ห้องแรกที่อุณหภูมิศูนย์องศาก่อนแล้วก่อนเข้าไปเจอกับ -32 แต่เจอ -32 แค่ 10 วินาทีเท่านั้น เป็นลมอัดเข้าตัวเราแรงๆ ซึ่งเอาจริงๆทุกคนลงความเห็นว่าไม่หนาวง่ะแค่รู้สึกว่าลมแรงๆ เลยชวนเข้าไปลองกันอีกรอบซึ่งก็เหมือนเดิมไม่หนาวแค่เย็นลมไปยืนท้าลมให้หัวฟูเล่น555 ![]() ถ้าเทียบกับสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆเค้าว่าที่นี่เฉยๆนะไม่ค่อยมีอะไรให้เล่นมากนัก เดินแป๊บเดียวก็ทั่วแล้วเทียบกับราคาตั๋วที่ค่อนข้างแพงก็ไม่ค่อยคุ้มเท่าไหร่ฮะ แต่มาแล้วเราต้องอย่าคิดมากเล่นไปให้สุดทำตัวลั้นลาไว้เที่ยวไหนก็สนุกเนอะ ![]() ![]() ก่อนออกจากโยโกฮาม่ามัมพาไปแวะหม่ำขนมที่ Red Brick Warehouse เป็นอาคารที่ปรับปรุงมาจากโกดังเก่า สร้างด้วยอิฐแดงดูสวยคลาสสิคสุดๆ ถ่ายมาเหมือนอยู่ยุโรปมากกว่าอยู่ญี่ปุ่นเนอะ ![]() ![]() ร้านที่มัมพามาชื่อร้าน "Bills" เป็นร้านแพนเค้กชื่อดังจากออสเตรเลีย ซึ่งมีสาขาแรกอยู่ที่ซิดนีย์ ช่างน่าอับอายยิ่งนักเค้าเคยไปอยู่ซิดนีย์มาเกือบปี ไม่รู้จักและไม่เคยกิน เอาฟระได้มาลองครั้งแรกที่ญี่ปุ่นนี่หล่ะ555 ![]() ร้านแอบโหดนิดนึงคือมาสี่คนต้องออเดอร์อาหารหรือเครื่องดื่มสี่อย่างตามจำนวนคน เลยสั่งเป็น Orecchiette Pasta พาสต้าหนึบๆกลมๆรสชาติกลมกล่อมดี และต้องไม่พลาดที่จะลองแพนเค้กมัมสั่ง Berry Berry Pancake มาให้ เป็นแพนเค้กเพิ่งทอดใหม่ๆเสิร์ฟมากับเบอร์รี่หลากชนิดราดด้วย Maple Serup สำหรับเค้าก็แยกไม่ค่อยออกว่าแพนเค้กมันอร่อยต่างกันยังไงแต่เบอร์รี่ที่ใส่มาอาหย่อยมั่กๆ อาหารไม่ครบสี่เค้าเลยสั่งโก้โก้ คุณแฟนสั่งลาเต้ ซดเครื่องดื่มอุ่นๆตอนอากาศเย็นๆเข้ากั๊นเข้ากัน ![]() มื้อเย็นวันนี้อร่อยเด็ดที่สุดตั้งแต่มาญี่ปุ่น เพราะมัมจัดสุกี้ญี่ปุ่นแบบโฮมเมดให้หม่ำเริ่ดที่ซู้ดดดด ช่วยกันเตรียมเครื่องล้างผักหั่นเนื้อสนุกมาก เนื้อเป็นเนื้ออย่างดีที่มัมหมักกับข้าวและยีสต์ไว้เองด้วยเลิฟมัมๆๆ ![]() ได้เรียนรู้วิธีการกินแบบญี่ปุ่นแท้ๆแบบที่ทำทานกันในบ้าน สุกี้สำหรับญี่ปุ่นคือเนื้อวัวเท่านั้นไม่มีการใส่เนื้อหมู เริ่มด้วยการใส่น้ำมันงาเล็กน้อยแล้วผัดต้นหอมญี่ปุ่นให้หอมๆ ใส่มิริน ซุป และซอสโชยุลงไปแค่พอขลุกขลิก ตามด้วยเต้าหู้ ผัก เส้นบุกตามชอบ ส่วนเนื้อค่อยเอาลงไปลวกเวลาจะทาน กรีดร้องงงงเขียนบล็อคไปหิวไปอีกแว๊ววว นึกถึงกลิ่นเนื้อที่โชยขึ้นมาอร๊างง ![]() เวลาทานลวกเนื้อแค่พอสุกแล้วจิ้มกับไข่ดิบ เนื้อนุ่มสุดยอดละลายในปากอยากกินอีกจังเล้ยยย ![]() หม่ำสุกี้แกล้มกับอุเมะชูหรือเหล้าบ๊วยที่หมักกันเองในบ้านมันฟินที่สุด! เค้าว่าอร่อยคนละแบบกับกินที่ร้าน เหมือนเราทำกับข้าวกินกันในครอบครัวอ่าเนอะแฮปปี้ ปิดท้ายด้วยของหวานลูกพลับฉ่ำๆ ลูกฟิกซ์สด <<<อร่อยมากของโปรดเค้าหากินย๊ากยาก และคัสตาร์ทยี่ห้อดังที่โมโมโกะเพื่อนเค้าซื้อมาให้ลองจำยี่ห้อไม่ได้แต่จำรสชาติได้เด็ดม๊วก ![]() กินอิ่มกันแล้วโมโมโกะชวนลงไปเล่นดอกไม้ไฟกันที่ริมแม่น้ำหลังบ้าน เก๋นะฮร้าปกติดอกไม้ไฟเค้าเล่นกันหน้าร้อน ลองมาเล่นหน้าหนาวกันดู หนุกไปอีกแบบเล่นไปตัวสั่นงั่กๆไป คนผ่านไปผ่านมามองกันงงๆเล่นอะไรตอนนี้ 555 ![]() แป๊บเดียววันที่สิบห้าในญี่ปุ่นแล้วไวเว่อร์ [8/11/2013] พรุ่งนี้ต้องกลับไทยวันนี้เลยจัดเป็นวันฟรีเดย์.....ชอปปิ้งงงงง!!! ฮี่ๆ ออกมาลั้นลาย่านวัยสะรุ่นที่ฮาราจูกุเป็นย่านที่เสื้อผ้าราคาถูกหน่อยพอจิชอปไหว แนะนำให้ลองเดินในซอย Takeshita ดูเสื้อผ้าเยอะดีไซน์ญี่ปุ่น แต่ผลิตจีนราคาเลยไม่แรงฮะ เลือกดีๆก็ได้เสื้อผ้าคุณภาพดีได้อยู่น้า ![]() ชอปจนหมดพลังแนะนำให้เดินมาเติมพลังที่ร้านนี้อยู่ใกล้ๆสถานีรถไฟฮาราจูกุนั่นแล เปิดหาใน Google Map ได้เลย ชื่อร้าน Kyusyu Jungara จุดเด่นคือมีป้ายภาษาไทย!!! ![]() เมนูเริ่ดมากภาษาไทยอธิบายชัดเจน นอกจากเมนูจะไทยแล้วพนักงานยังพูดไทยได้นิดหน่อยด้วย แนะนำให้ดิบดี"เมนูนี้อร่อยมากๆครับ" แหม่เว้ยแนะนำขนาดนี้ไม่ลองได้ไง 555 ![]() เค้าสั่งเมนูเด็ดมาลองเลยเมนู Kyusyu Jangara ตามชื่อร้าน เป็นราเมนสไตล์คิวชูซุปกลมกล่อมมาก เส้นราเมนจะเล็กๆกลมๆ สั่งแบบเซ็ตคู่กะข้าวหน้าหมูตุ๋นและสลัด 1,250 yen (400บาท) แบ่งกันหม่ำสองคนอิ่มกำลังดี จบไปอีกหนึ่งมื้อ ![]() ![]() ได้ลองมากาฮอง Laduree ไปแล้ววันนี้เลยมาตามล่าร้านคู่แข่ง Pierre Herme ที่เค้าว่าเด็ดไม่แพ้กัน เค้ามาซื้อที่ห้าง Isetan Shinjuku ราคาแรงกว่าอีกนะนี่ชิ้นละ 294yen (94 บาท)ของ Laduree ชิ้นละ 270 yen เนื้ออันนี้จะหนักและหนึบกว่าแต่หวานน้อยกว่า Laduree สรุปคือเค้าชอบแป้งด้านนอกของ Laduree แต่ชอบความหนึบ และความหวานที่น้อยกว่าของ Pierre อร่อยไปคนละแบบอ่านะ แต่ที่เหมือนกันคือราคาจะแพงไปหน๊ายยยลองให้รู้นานๆกินทีละกัน ของ Pierre เค้าชอบรสวานิลลากับจัสมินกลิ่นหอมติดจมูกมากกกกกก ![]() สตรอเบอร์รี่ซื้อที่ห้างเดียวกันแดงฉ่ำสะใจแต่ไม่หวานเท่าที่กินเมื่อวันก่อนง่ะ ![]() ใครชอบคอนแทคเลนส์ของญี่ปุ่นเค้าเดินมั่วๆไปเจอมาอยู่ในย่านชินจูกุนั่นแล หน้าร้านวงไว้ให้ตามในภาพ มีคอนแทคเลนส์ให้เลือกจนตาลาย แต่การจะซื้อคอนแทคเลนส์ที่นู่นจะต้องมีการเซ็นต์เอกสารซึ่งมีแต่ภาษาญี่ปุ่น ถ้าจะไปซื้อมีเพื่อนเป็นคนญี่ปุ่นไปด้วยก็ดีฮะ สรุปคือร้านนี้เค้าเข้าไปแล้วซื้อบ่ได้ พนักงานเอาเอกสารมาให้กรอกเค้าอ่านไม่ออกร้านเลยไม่ขายให้ ฮือ แต่เดินข้ามมาอีกฝั่งร้าน Matsumoto ยอมขายให้เอกสารที่ให้เซ็นต์ แค่กรอกชื่อกะที่อยู่ในญี่ปุ่นลงไปแค่นั้นเองก็ซื้อได้ละ ปั๊ดโถ๊วววว! รอบหน้าไม่พลาดจิเข้าไปตะลุยร้านนั้นใหม่ คอนแทคเลนส์สวยละลานตามาก ขอบอกว่าคอนแทคเลนส์ของญี่ปุ่นใส่แล้วสวยเป็นธรรมชาติมากกกก ติดแค่ราคาแรว๊งงง ![]() มื้อเย็นวันนี้จัดปิ้งย่างๆมาจนครึ่งเดือนละยังไม่ได้ลองปิ้งย่างเลย ไม่รู้จะเลือกร้านไหนเลยลอง Gyukaku สาขา Shinjuku ตั้งอยู่บนตึก Tops House ร้านนี้มีในไทยด้วยแต่เค้ายังไม่เคยลองกิน มาลองของออริจินัลก่อนเลยละกัน อิอิ ![]() เค้าหม่ำแบบบุฟเฟ่ต์ 90 นาที ราคารวม Vat หัวละ 3,654 yen (1,167 บาท) ![]() ปิ้งย่างที่นี่เนื้อกะหมูใช้ได้เลยมีให้เลือกหลากหลายคุณภาพดี แต่ที่เด็ดคือซีฟู้ด หอยเชลล์เอย กุ้งเอย ตัวใหญ่สะใจ น้ำจิ้มเค้าก็รสชาติดีหม่ำกะผักสดแหล่มเลย ![]() แต่อันนี้ความเห็นส่วนตัวน้าเค้าชอบแบบหมูย่างเกาหลีมากกว่า เคยไปกินที่เกาหลีเหมือนเครื่องเคียงมันจะโดนใจกว่าอ่าฮับแล้วแต่คนชอบเนอะ ![]() ปิดท้ายด้วยของหวานที่อร่อยโฮกกกประทับใจกว่าปิ้งย่างอีก คือไอติมชาเขียวและไอติมวานิลลาราดคาราเมล เนื้อไอติมหนึบๆกลิ่นหอมรสหวานกำลังดีโดนใจเจ้มากๆ แต่โกรธนะแม้จะเป็นบุฟเฟ่ต์แต่ไอติมเสิร์ฟให้แค่คนละก้อน อะไรแว๊! ![]() ![]() อีกหนึ่งแหล่งชอปสุดโปรดที่เค้าไม่พลาดก็คือ 7-11 และตามซุปเปอร์มาร์เก็ตต่างๆ แวะร้านนู้นนิดร้านนี้หน่อยตุนขนมเตรียมขนกลับไทย เป็นการชอปปิ้งที่แฮปปี้มาก แต่อย่าดูถูกไปซื้ออย่างละนิดละหน่อยตลอดทริปนี่หมดเงินไปกะขนมเยอะสุดเลยหล่ะ แหะๆ ![]() และแล้วมันก็มาถึงวันสุดท้ายในญี่ปุ่น [9/11/2013] กระซิกๆ ![]() สิบหกวันเวลาช่างผ่านไปไวยังกะโกหก มื้อสุดท้ายในญี่ปุ่นโมโมโกะพาไปหม่ำร้านโปรดเป็นร้านราเมนอยู่แถวๆบ้านย่าน Chufu ![]() เป็นราเม็งแบบแยกน้ำซุป คนละแบบกับราเม็งเย็นเน่อ แอบตื่นเต้นร้านแถวบ้านอร่อยเว่อร์ทำไมโมโมโกะไม่บอกเค้าแต่แรก 555 เค้าชอบหน่อไม้ที่ใส่มาด้วยมากๆซุปแบบออริจินอลร้านนี้สุดยอดกลมกล่อมสุดๆ คุณแฟนเค้าลองรสเผ็ดสุด ก็เผ็ดเลยนะสำหรับคนไทยแต่เป็นความเผ็ดระดับที่ทนได้ แต่มั่นใจกว่าคนญี่ปุ่นต้องบ่นว่าเผ็ดมากแน่ๆ ไม่รู้เค้าเอาไว้ขายใครรสแซ่บดี อิอิ ![]() จากบ้าน Chofu กลับมาสนามบินเค้าอาศัยรสบัสเหมือนตอนขา ค่ารถบัสคนละ 3,200 เยน (ประมาณ 1,020 บาท) แรงหน่อยแต่สะดวกอ่านะ เค้าบิน United Airline สายการบินนี้ฟิกซ์เรื่องน้ำหนักกระเป๋ามากนะ โหลดได้แค่คนละหนึ่งใบและน้ำหนักต้องไม่เกิน 23 กิโล ซึ่งของเค้าเกินไปไกล 555 เลยซื้อเพิ่มเป็นน้ำหนักกระเป๋าอีกหนึ่งใบไปเลย โดยจ่ายเพิ่ม $75 (ประมาณ2,250บาท) จะได้น้ำหนักเพิ่มไปอีก 23 กิโล เค้าว่าระบบนี้ก็แฟร์ดีรอบหลังมาจะได้เตรียมกระเป๋ามาขนของ ฮี่ๆ ได้เพิ่มมาอีกตั้ง 23 กิโลต้องใช้ให้คุ้มค่า รอบนี้ไม่ได้เตรียมตัวเท่าไหร่เลยใส่ถึงพลาสติกโหลดไป ![]() เข้าไปสนามบินยังมิวายโดนละลายทรัพย์ไปอีกประมาณเกือบหมื่นบาทไทย!!! ขนมในสนามบินมีให้ชอปอีกบานตะไทถ้าใครอยากซื้อของฝากแนะนำว่ามาซื้อสนามบินนี่หล่ะฮะ โดนไปสองถุงใหญ่ๆเงินที่อุตสาห์ดีใจว่าจะเหลือกลับไม่เหลือละกระซิกๆ ![]() ![]() ของที่ซื้อในสนามบินเยอะจัดช่องเก็บของเหนือศีรษะเก็บไม่พอ ขนมที่ซื้อมาทางสายการบินเลยจัดการโหลดให้ใต้ท้องเครื่องก่อนจะขึ้นเครื่อง แหะๆ จัดการสัมภาระเรียบร้อยก็ขึ้นเครื่องกลับบ้านได้ บนเครื่องมีหนังสือพิมพ์ไทยให้ด้วย แต่เครื่องรอบนี้ไม่มีจอด้านหน้า แต่ฉายหนังบนจอรวมให้ สามารถเสียบหูฟังฟังได้ ดูเรื่อง The Great Gatsby มีพากย์ไทยด้วยแฮะ ![]() อาหารบนเครื่องมีให้จัดเต็มเอร็ดอร่อยเหมือนขามากินจนพุงอืด เค้าชอบน้ำแอปเปิ้ล 100% ของ Miniute Maid ที่เสิร์ฟบนเครื่องมากมาย ![]() หกชั่วโมงผ่านไปมาถึงไทยแล้วจ้าจบทริปญี่ปุ่นครั้งแรกในชีวิตไปอย่างเมามันส์ นี่คือสภาพข้าวของทั้งหมดกับการไปใช้ชีวิตลั้นลาในญี่ปุ่นมาครึ่งเดือนเยอะจริงอะไรจริง หวังว่าบล็อคที่เขียนทั้งหมดตั้งแต่ [Part 1] - [Part 7] จะเป็นประโยชน์ สำหรับเพื่อนๆที่สนใจจะไปเที่ยวญี่ปุ่นด้วยตัวเองนะคร๊าบ เป็นประเทศที่ประทับใจจริงๆ การเดินทางสะดวกสบายเที่ยวง่ายมาก สิ่งที่ทุกคนอยากรู้คือใช้เงินไปเท่าไหร่ เค้าตอบให้ไม่ได้จริง เพราะเค้าใช้ระบบลงเงินกองกลางกับคุณแฟนเพื่อเอาไว้จ่ายค่าเดินทางและค่ากิน ส่วนค่าชอปก็ต่างคนต่างจ่าย เรื่องงบประมาณจึงขึ้นอยู่กับว่าเรากินเที่ยวหรูหราแค่ไหน แต่การวางแผนเที่ยวญี่ปุ่นเราต้องทำการจองตั๋วเครื่องบิน จองที่พัก จ่ายค่า JR Pass ไปล่วงหน้าอยู่แล้ว ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือค่าใช้จ่ายหลักที่เราตั้งงบประมาณได้ ส่วนเงินที่จะเอาไปใช้ก็ลองเผื่อไปดูว่าเราชอบกินหรูแค่ไหน ชอปปิ้งประมาณไหน พกเงินไปแต่พอดีส่วนที่เหลือแนะนำว่ารูดบัตรเอาก็ได้ฮะ พกเงินไปมากๆมันก็เสี่ยงอ่าเนอะ สำหรับบล็อคนี้ก็ขอขอบคุณทุกคนที่เข้ามาเยี่ยมชมล่วงหน้าคร๊าบแล้วเจอกันทริปหน้าฮับ จุ๊บๆ ![]() ----------------------------------------------------------------------------- รวบรวมลิงค์ [Part 1] - [Part 7] ตามนี้ฮับ Review : Japan Trip [Part 1] เปิดฉากตะลุยประเทศในฝัน ต้องเตรียมอะไรบ้าง & วันที่สอง ณ Akihabara Review : Japan Trip [Part 2]วันที่3หม่ำโซบะชื่อดัง ณ วัดJindai-ji & วันที่4ตะลุยชินจูกุชมวิวบนตึกสูง Review : Japan Trip [Part 3] วันที่5 ศาลเจ้า Meiji Jingu@Harajuku & วันที่ 6 นั่งชินคันเซ็นไปโอซาก้า Review : Japan Trip [Part 4] วันที่7 ตะลุยUniversalวันฮาโลวีน, หม่ำโอโคโนมิยากิร้านดัง Mizuno & วันที่8 ปราสาทโอซาก้า, ศาลเจ้า Temmagu และ Osaka Aquarium Kaiyukan Review : Japan Trip [Part 5] วันที่9 ไปเกียวโตพักเรียวกัง , วัดทอง , ซูชิเวียนจานละ 137 yen & วันที่10 เช่ากิโมโนใส่ตะลุยศาลเจ้าเ วัดเงิน , ย่านกิอง , หม่ำทงคตสึเจ้าดัง Katsukara Review : Japan Trip [Part 6] วันที่ 11 ศาลเจ้าพ่อจิ้งจอกขาวFushimi Inari , นาโกย่า , ไก่ทอดยามะจัง & วันที่ 12 ข้าวหน้าปลาไหล Houraiken , วัดไทย-ญี่ปุ่น Nittaiji Review : Japan Trip [Part 7]วันที่13 Tokyo DisneySea & วันที่14 พิพิธภัณฑ์ Orbi Yokohama & วันที่15-16 ชอปปิ้งทิ้งทวนก่อนกลับไทย thx u crab
โดย: Kavanich96
![]() อ่านจบครบทุกตอนแล้วอยากแพ็คกระเป๋าไปคืนนี้เลย น่าสนุก น่าเที่ยว น่าช้อปทุกสิ่งอย่างมากๆ
โดย: หนีแม่มาอาร์ซีเอ IP: 125.25.153.74 วันที่: 14 มกราคม 2557 เวลา:14:49:15 น.
อ่านครบเลยครับ ชอบจัง ได้ idea เยอะเลย ขอบคุณคร้าบบบบบบ
โดย: Note_Manutd01 IP: 115.87.215.95 วันที่: 18 มีนาคม 2557 เวลา:12:27:12 น.
I??ve read several good stuff here. Certainly worth bookmarking for revisiting. I wonder how so much effort you place to make the sort of fantastic informative website.
Sacs Louis Vuitton //bmasl.com/bdatos/popups/hho.cfm โดย: Sacs Louis Vuitton IP: 94.23.252.21 วันที่: 21 สิงหาคม 2557 เวลา:22:00:37 น.
อ่านทุกภาคเลยค่ะ ^^
โดย: แนน IP: 192.99.14.36 วันที่: 16 ตุลาคม 2557 เวลา:13:15:35 น.
NNsNw5 //www.FyLitCl7Pf7kjQdDUOLQOuaxTXbj5iNG.com
โดย: horny IP: 94.23.252.21 วันที่: 3 พฤษภาคม 2558 เวลา:16:16:46 น.
5ZgTh2 //www.FyLitCl7Pf7kjQdDUOLQOuaxTXbj5iNG.com
โดย: JimmiXzS IP: 188.165.201.164 วันที่: 15 ตุลาคม 2559 เวลา:6:55:11 น.
|
บทความทั้งหมด
|