Review : Japan Trip [Part 5] วันที่9 เกียวโต, วัดทอง & วันที่10 เช่ากิโมโนใส่ตะลุยวัดเงิน , ย่านกิอง ![]() My Makeup TodaY วันที่เก้าในญี่ปุ่น [2/11/2013] วันนี้มาแนวสาวโหดไหนๆก็เสื้อลายทหารละสโมคกี้อายไปเล้ย สโมคกี้ด้วยโทนดำXเขียวขี้ม้าเข้ากะเสื้อ วิ้งๆใต้ตาของ Etude ฮะ เป็นกลิตเตอร์สีเงินปนทอง ส่วนขนตาปลอมจำเบอร์มิได้ขนไปเป็นสิบ แหะๆ ลุคนี้ใน IG คนชอบเยอะมากกก แต่ขอบอกว่าถ่ายรูปมาหน้าจะโหดๆทั้งวันนะ 555 ![]() My Outfit TodaY มาแนวเท่ๆทะมัดทะแมง เสื้อลายทหารแบรนด์ GU ที่ช้อปวันก่อนเพราะมันเซลล์ ราคาประมาณสองร้อยกว่าบาทไม่ต้องถามเลยว่าซักหรือยัง 555 เสื้อสีดำแขนยาวตัวในและเลกกิ้งไหมพรมสีดำ Uniqlo Heattech เสื้อกันหนาวสีส้มก็ Uniqlo Light Down ฮะสอยที่นี่หมดถูกกว่าไทยเยอะอยู่ รองเท้าคู่เดิมฮะใส่สบายฝุดๆ ยี่ห้อ Maxstar สั่งจากเว็ปของเกาหลี //www.maxstarstore.com/ค่ารองเท้า+ค่าส่ง+ภาษีตกคู่ละสองพันต้นๆ แว่นตากระโหลกกะลาอันละร้อยเดียวจากชั้นหนึ่งแพลตตินั่มบ้านเรา อิอิ ![]() อาหารเช้าประทังชีวิตด้วยซูชิกล่องจาก 7-11 598 yen ประมาณ 190 บาท อร่อยอ้ะแม้หน้าตาจะดูงั้นๆก็ตาม แบ่งกันหม่ำสองคนรอดไปอีกหนึ่งมื้อเซฟตังๆ ![]() วันนี้บ๊าย บาย โอซาก้า ใช้ JR Pass นั่งชินคันเซ็นไปตะลุยเกียวโตกัน! คือเร็วเว่อร์ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงถึงแล้วจ้าเมืองมันติดๆกัน เพิ่งสังเกตุว่าบนรถที่ปลั๊กให้เสียบชาร์จมือถือหรือโน้ตบุคด้วยแหล่มๆ ![]() มาถึงประมาณสิบเอ็ดโมงกว่าๆเอาสัมภาระไปฝากไว้ที่โรงแรมก่อน เค้าจองโรงแรมผ่าน Booking.com ไว้ล่วงหน้าเน้นทำเลดีอยู่ตรงข้ามสถานีรถไฟเลย เดินลงบันไดเลื่อนมองไปฝั่งตรงข้ามสถานีเห็นโรงแรมเลยจ้าตึกสีเหลืองๆ อยู่ติดๆกับโรงแรมที่เป็นรูปหอคอย Kyoto Tower Hotel ฮะ ![]() โรงแรมที่จองมาห้องเป็นแบบเรียวกังหรือห้องสไตล์ญี่ปุ่น ชื่อโรงแรม Matsumoto Ryokan ราคาสองคืน 32,760 yen (10,330 บาท) เป็นสองคืนที่แพงจุงเบยตกคืนละห้าพันกว่าบาทเพราะเป็นแบบเรียวกัง ฮือ เอาน่ามาญี่ปุ่นมันต้องลองนอนเรียวกังสักที เลือกที่นี่เพราะมีออนเซ็นและติดสถานีนี่หล่ะ เค้าชอบจองโรงแรมผ่าน www.booking.com ใช้แค่บัตรเครดิตในการจอง แต่ไปจ่ายเงินเอาที่หน้าโรงแรม ถ้าเราจ่ายเป็นเงินเยนจะถูกกว่าตัดผ่านบัตรนะฮร้า ฝากกระเป๋าไว้เรียบร้อยค่อยออกไปตะลุยเกียวโตได้ เย่! ![]() นิสัยสะเพร่าไม่เปลี่ยนอิชั้นทำตัวโหลด SD ลง Mini iPad หาย!!! ดีนะตรงข้ามโรงแรมด้านล่างสถานีมีร้าน Bic Camera เป็นร้านขายอุปกรณ์อิเล็กโทนิกส์ที่พบได้ทั่วประเทศตั้งอยู่ เลยเข้าไปสอย SD Card Camera Leader ที่นี่ขายถูกกว่าบ้านเรานิดนึง ที่นี่ 3,080 yen หรือ 970 บาท บ้านเราใน Apple Store ขายอยู่ 1,090 บาท กล้องที่เค้าใช้คือ Sony NEX-F3 เป็นรุ่นเก่าไม่มี wifi ในตัว ก็ใช้เจ้าตัวนี้นี่หล่ะในการโหลดรูปลง Mini iPad เค้าว่าก็สะดวกดีนะ ![]() จุดหมายแรก ณ เกียวโต คือ วัดทอง Kinkakuji Temple การเดินทางในเกียวโตแนะนำว่านั่งรถเมล์สะดวกสุดเพราะเป็นเมืองเล็กๆ ป้ายรถเมล์อยู่ตรงสถานีรถไฟด้านหน้าโรงแรมที่พักเลย มีจุด Information ให้สอบถาม หรือดูจากป้ายที่รถแต่ละคันจอดก็ได้ฮะ เค้าจะมีเขียนสถานีปลายทางให้อยู่ พวกสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญจะเห็นคนต่อแถวมากมาย การนั่งรถเมล์ในญี่ปุ่นแบบที่เคยเล่าใน [Part 2] ขึ้นไปแล้วจ่ายเงินที่คนขับโลด จากสถานีเกียวโตนั่งรถบัสสาย 101, 102, 204, 205 ลงที่ป้าย Kinkakuji-michi แล้วเดินต่ออีกประมาณ 300 เมตรจะถึงทางเข้าวัด สังเกตง่ายเป็นป้ายที่คนลงเยอะ ลงแล้วเดินตามๆเค้าไปเลยฮะ อิอิ ค่าเข้าชมวัดคนละ 400 yen (130 บาท) จ้า ![]() วัดคินคะคุจิ ( Kinkakuji Temple ) , วัดพลับพลาทอง ( Golden Pavilion ) หรือ วัดทอง เป็นหนึ่งในวัดชื่อดังของญี่ปุ่น ถ้ามาเกียวโตแล้วไม่ได้แวะที่นี่เรียกได้ว่ามาไม่ถึงเกียวโต เป็นวัดเก่าแก่สร้างเมื่อปี พ.ศ. 1940 ศาลาที่เห็นแปะผนังทองไปเมื่อปี พ.ศ.2530 อร่ามมาก วัดนี้เคยเป็นที่พำนักของโชกุนอาชิคางะ โยชิมิซึ ผู้ที่ชอบทายปุจฉา วิสัชนา ในการ์ตูนเรื่องอิกคิวซัง ซึ่งอิกคิวซังเป็นเรื่องแต่งขึ้นแต่โชกุนมีตัวตนจริงๆจ้า แต่เดิมที่นี่เป็นบ้านพักตากอากาศของโชกุนโยชิมิซึ แต่พอท่านเสียชีวิต ลูกชายของท่านก็เปลี่ยนที่นี่ให้กลายเป็นวัดแบบเซน ![]() บรรยากาศในวัดจะเป็นการจัดสวนแบบเซน ช่วงที่เค้าไปขนาดใบไม้เพิ่งเริ่มเปลี่ยนสีนะยังสวยอลังการเลย แต่เสียดายฝนตกด้วยตรงกับวันเสาร์ด้วยคือคนเยอะมว๊ากกกกเดินเบียดๆกันไป ![]() พอได้เห็นเมเปิ้ลเปลี่ยนสีนิดหน่อยให้ชุ่มชื่นหัวใจ ถ้าแดงทั้งต้นคงสวยสลบ ![]() ![]() เดินลงมาจากวัดฝั่งซ้ายมือเป็นป้ายรถเมล์ ฝั่งขวามือจะเจอร้านสกินแคร์ชื่อดังของเกียวโต ชื่อร้าน "Yojiya" โลโก้จะเป็นรูปหน้าผู้หญิง ในบ้านเรากระดาษซับมันยี่ห้อนี้ดังมากเห็นเค้าว่าเริ่ด แบรนด์นี้เป็นแบรนด์ของเกียวโตเลยเริ่มจากเป็นรถเข็นเล็กๆขายอุปกรณ์เสริมสวยตั้งแต่ปี 1904 แล้วค่อยๆขยับขยายมาจนเป็นร้านแบบในทุกวันนี้ โหขายมาร้อยกว่าปีแล้วอ้ะ ในร้านมีทั้งสกินแคร์ดูแลผิวหน้าผิวกาย อุปกรณ์ความงามต่างๆไม่ว่าจะเป็น ฟองน้ำล้างหน้า/ขัดผิว แปรงแต่งหน้า เครื่องสำอาง ฯลฯ มีของน่าเล่นเยอะมาก เค้าซื้อสบู่แผ่นไว้ใช้ล้างหน้ามาด้วยแหละ ชื่อว่า Kamisekken Soap หน้าตาเป็นแผ่นๆเหมือนกระดาษซับมัน แต่ถูๆกะน้ำแล้วจะกลายเป็นฟองได้ทั้งแผ่น ลองใช้แล้วเริ่ดมากสะอาดไม่แห้งตึง เหมาะกะเอาไว้พกพาเวลาเดินทางที่สุด ซองนึงมี 20 แผ่น ราคา 350 yen (110 บาท) อันนี้แนะนำๆ ![]() ของว่างระหว่างวันซาลาเปา 7-11 อยู่นี่ฟินกะเซเว่นมากพูดเลยของกินเริ่ดดดดด! ซาลาเปาร้อนๆแป้งนุ่มๆไส้คาราเมลและไส้ถั่วแดงอร่อยมว๊ากกก ไส้เข้มข้นสุดพลัง ![]() ![]() วิวข้างทางคือสวยมากกก เกียวโตเป็นอดีตเมืองหลวงของญี่ปุ่น เป็นเมืองที่ผสมผสานศิลปวัฒนธรรม อตีตแห่งความรุ่งโรจน์ มีวัดเยอะมากให้ฟิลประมาณอยุธยาบ้านเรา มาที่นี่แค่เดินดูบ้านเมืองเค้าก็แฮปปี้ละ คลาสสิคมาก ![]() กลับมาถึงในเมืองก็เย็นย่ำหัวค่ำพอดี เลยไปเดินเล่น ย่านกิอง หรือ กิออง (Gion) เป็นย่านโบราณที่ให้บรรยากาศเกียวโตแบบสุดๆ เป็นแหล่งรวมร้านค้า ร้านอาหาร ในสไตล์ญี่ปุ่นแบบดั้งเดิมไว้ การเดินทางมาย่านนี้เหมือนเดิมค่ะนั่งรถเมล์โลดถ้าจำไม่ผิดสาย 100 ผ่าน แต่แนะนำว่าอ่านป้ายหรือเช็คใน Google Map เอาดีกว่าจ้า ![]() บ้านเรือนอาคารยังเป็นบ้านแบบโบราณอยู่ เหมือนหลุดเข้าไปอีกยุคนึงเลยประทับจิต ที่นี่ยังเป็นแหล่งที่เราจะเจอเกอิชาจริงๆได้ แต่เค้าไม่เจอ แหะๆ และย่านนี้ก็เป็นย่านที่ถ่ายหนังเรื่องเกอิชาที่จางซิยี่เคยเล่นไว้นั่นแล ![]() ลองซื้อขนมญี่ปุ่นที่หน้าตาดูออริจินอลมากมาลองด้วย ชื่อ ขนมมันจู ขายอยู่กะชาเขียวลองซื้อแบบชาเขียวใส่กะทิมา ราคาโหดแบบกระอักเลือดอยู่ชาเขียวขวดละ 350 yen (110 บาท) ส่วนขนมชิ้นเล็กๆชิ้นเดียวที่เห็นนี้มูลค่าถึง 250 yen (80 บาท) โอ๊ย! แทบจะกินใบไผ่ที่ห่อเข้าไปด้วยเลย รสชาติธรรมดาสามัญมากเป็นแป้งมันเทศหนึบๆไส้ถั่วหวานน้อยๆ ชาเขียวใส่กะทิแช่เย็นๆหอมๆมันๆอร่อยดีแต่กินได้นิดเดียวเอือมเกิ๊น ![]() ของกระจุ๊กกระจิ๊กที่ขายตามร้านน่าร๊ากมากเดินดูเพลินๆ แวะร้าน Totoro ด้วยเป็นตัวการ์ตูนดังของค่าย Studio Ghibli ![]() ก่อนกลับเดินผ่านร้านขายเหล้า คุณแฟนอิชั้นตื่นตาตื่นใจใหญ่ เหล้าบ๊วยหลากชนิดราคาถูกมากกก เอ้าจัดไปอย่าให้เสีย แพ็คเกจจิ้งชนะเลิศน่าลองทุกอย่าง ![]() ![]() มื้อเย็นวันนี้ฝากท้องไว้ที่ร้านซูชิเวียนในสถานีเกียวโตหน้าโรงแรมนี่หล่ะใกล้ดี วันเสาร์นี่คนเต็มทุกร้านต่อแถวกันอลังการงานสร้าง คนญี่ปุ่นมีความอดทนในการกินมาก ส่วนเค้านั้นเลือกร้านนี้หล่ะแถวมันดูขยับไวกว่าร้านอื่น 555 หิวง่า ราคาดูน่าคบหาด้วย ทุกจานราคาเดียว 137 yen (43 บาท) ![]() บรรยากาศในร้าน ตื่นเต้นๆจะได้ลองซูชิเวียนของจริงแร้นนน! ร้านค่อนข้างใหญ่แล้วเลยเลื่อนไว หิวไส้กิ่วมากวันนั้น ![]() ได้ที่นั่งแล้วเย้ๆ บนโต๊ะจะมีซองชาเขียวและก๊อกกดน้ำร้อนให้ฟรีฮะ ![]() ทุกจานราคาเดียวสี่สิบสามบาทจัดไปหนักๆหยิบกินไม่คิดชีวิตเลยคุณภาพเกินราคาม๊ากกกก!!! คืออร่อยจริงจัง ทูน่าละลายในปาก ปลาไหลชิ้นเป้งๆ ไข่หวานหนานุ่ม ต้องนั่งเพ่งดีๆมันจะมีจานที่เขียนว่า Special เวียนมาด้วย เช่น Special Tuna Belly พุงทูน่าละมุนลิ้นฝุดๆ ปลาไหลแบบสเปเชียลก็เริ่ด เค้าหยิบกุ้งลายเสือได้จานนึงด้วยเนื้อกุ้งต้มกำลังดีตัวอย่างใหญ่หวานกรอบเด้ง อร๊ากกกฟิน ![]() กินไปเรื่อยๆด้วยอารมณ์หิวอย่างหน้ามืดสองคนฟาดไปทั้งหมด 34 จานคร๊า!!! จานเรียงกันสูงดั่งหอคอยโตเกียว 555 มื้อนี้หมดไปทั้งสิ้น 34 x 137 = 4,658 yen ทางร้านคงสงสารปัดเศษ 8 yen ให้ เหลือ 4,650 yen = 1,466 บาท อิ่มแทบกลิ้งได้ตกคนละเจ็ดร้อยกว่าๆเทียบกับคุณภาพที่ได้คุ้มค่าคุ้มร้านนี้หมูปลื้ม ![]() ![]() อิ่มมากถึงมากที่สุดดีนะโรงแรมอยู่ใกล้เดินแทบไม่ไหว 555 ถึงโรงแรมพนักงานเค้ายกกระเป๋าไปไว้ให้เราที่ห้องแล้ว คืนนี้พักแบบเรียวกังเป็นห้องสไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิมปูด้วยเสื่อทาทามิ ที่นี่กางฟูกไว้ให้เสร็จสรรพอยากทิ้งตัวลงไปนอนซะตอนนั้นเลย หนังท้องตึงซะ! ![]() เรียวกังที่นี่แพงหน่อยอย่างที่บอกว่าทำเลดี และเป็นแบบมีห้องน้ำในตัวมีอ่างอาบน้ำเล็กๆให้ด้วย แต่ที่นี่มีออนเซ็นเลยไม่ค่อยได้ใช้อ่าง แต่ขอบอกว่าไม่ประทับใจออนเซ็นที่นี่นะห้องเล็กๆแคบๆ ไม่ได้มีอุปกรณ์หรือล็อกเกอร์ให้แบบที่โอซาก้าง่ะ น้ำในออนเซ็นที่นี่แช่แล้วผิวกระด้างนิดๆ ผิวไม่นุ่มๆลื่นๆแบบที่แรก สรุปว่าเทียบกับราคาแล้วสำหรับเค้าที่นี่จัดว่าแพงไปหน่อยหล่ะ ![]() อุปกรณ์อำนวยความสะดวกอื่นๆก็มีให้ครบครันดี มีขนมอะไรไม่รู้วางไว้ให้สองชิ้นรสชาติกัดไปปุ๊บนี่มันขนมโก๋บ้านเรานี่นา555 ชอบตรงมีชุดชาให้ชงไม่อั้นอากาศเย็นๆได้ซดชาค่อยยังชั่ว ไดร์เป่าผมที่นี่ก๊องแก๊งเกินดีนะพกไดร์เลอซาช่ามินิมาเอง ![]() ในขณะที่นั่งอืดๆอยู่นั้นคุณแฟนก็ยกเค้กชิ้นนี้มาให้ Surprice!!! Happy Birthday to me 3 Nov 2013 เย้ๆ เขิลอ้ะขอบคุณคร๊าบ แต่งงชิมิใน [Part 1] เค้าเพิ่งเบิร์ดเดย์คุณแฟนไป อิอิ เค้าเกิดห่างกันอาทิตย์นึงพอดีฮับ ปีนี้เลยฤกษ์ดีได้ฉลองวันเกิดครบ 27 ขวบที่ญี่ปุ่นทั้งคู่เลย นางแอบไปซื้อเค้กมาตอนไหนไม่รู้ก็เดินไปไหนมาไหนด้วยกันตลอด หมูละงง ขอบอกว่าเค้กอร่อยมว๊ากกก ครีมนุ๊มนุ่ม ไม่หวานมาก เบอร์รี่ฉ่ำสุดๆ แม้จะจุกซูชิมาแต่ก็ฟาดเค้กหมดเกลี้ยงเลย เห็นป่ะล่าว่าอร่อยจริงๆขอบคุณฮ้าฟ ![]() ![]() ฮี่ๆวันเกิดปีนี้ตั้งใจไว้แล้วขอฉลองในชุดกิโมโนหน่อยเถิ๊ดดดด ![]() หาข้อมูลจากในเน็ตไว้แล้วร้านที่เค้าจะเช่ามีเว็ปเป็นภาษาอังกฤษอ่านออก เย่! ใครไปเกียวโตจะเช่ากิโมโนร้านนี้แนะนำฮะเค้าว่าโอเคเลยที่สำคัญไม่แพง อิอิ คลิกตามลิงค์นี้ไปโลด>>> //www.yumeyakata.com/english/index.html หน้าหนาวคนญี่ปุ่นจะใส่เป็นกิโมโนผ้าจะหนามากใส่หลายชั้นให้ร่างกายอบอุ่น ส่วนยูกาตะจะใส่กันตอนหน้าร้อน ค่าเช่ากิโมโนต่อวันจะอยู่ที่ 2,500 yen (790 บาท) ร้านเปิดให้เช่าตั้งแต่ 10.00-18.00 น. เลือกได้ว่าจะคืนชุดภายในวันนั้นหรือคืนวันถัดไป เค้าจองผ่านเว็ปไปก่อนจะได้รับเป็นอีเมลล์ยืนยันพอไปถึงก็เปิดอีเมลล์ให้ทางร้านดูฮะ ร้านตั้งอยู่ใกล้ๆรถไฟใต้ดินสถานี Gojo ออกทาง Exit 1 เดินไปไม่ไกล ให้เล็งร้าน 100 yen ไว้ ร้านจะตั้งอยู่บนตึก Izutsu building ขึ้นลิฟต์ไปชั้น 7 ฮะ สามารถเลือก Option เพิ่มได้ เช่น ผ้าตัวในแบบมีลาย โอบิแบบมีลายพิเศษ เชือกคาดโอบิ ฯลฯ ราคาก็จะบวกเพิ่มไปชิ้นละ 200-500 yen แต่เค้าไม่ได้เอาอะไรเพิ่มเปลืองตัง 555 แบบเบสิกๆก็สวยละ อ้อลืมๆเค้าเอาเพิ่มอย่างนึง คือเสื้อคลุมกิโมโนด้านนอกเอาไว้กันหนาวจ่ายเพิ่มไป 500 yen ฮะ เค้าไปวันอาทิตย์สาวๆชาวญ๊่ปุ่นมาเช่ากิโมโนกันเยอะม๊ากกกแทบไม่มีที่ยืน ณ จุดนั้นเค้าคือชาวต่างชาติคนเดียวเท่าที่เห็น นอกนั้นสาวญี่ปุ่นล้วนเลย ยิ่งตรงพุงนะพันแล้วพันอีก อากาศให้หนาวแค่ไหนก็เอาอยู่อุ่นจริงจัง ใช้เวลาเลือกและต่อแถวรอใส่ชุดอยู่ประมาณเกือบหนึ่งชั่วโมง เสื้อผ้าและสัมภาระที่เราพกมาเค้าจะรับฝากไว้ แล้วให้มาเป็นบัตรหมายเลขมายื่นบัตรตอนรับของคืน หยิบออกแค่ของที่จะพกไปด้วย ซึ่งจะมีกระเป๋าผ้าเข้าชุดไว้ให้ยืมไม่คิดตังเพิ่มจ้า ที่นี่เค้ามีบริการแต่งหน้าทำผมด้วยคิดเพิ่มอย่างละ 1,500 yen (475 บาท) แอบขึ้นราคานะนี่ตอนที่เค้าไปเค้าแต่งหน้าไปเองแต่ไปให้ที่ร้านทำผมให้ ราคายังแค่ 1,050 yen อยู่เลย (3/11/2013) สงสัยขึ้นราคารับปีใหม่ อิอิ ผมมีทรงให้เลือก 6 ทรง แต่ถ้าจะทำทรงแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมเหมือนเกอิชาเลย ราคาจะสูงหน่อย 5,000 yen จ้า ช่างเค้าทำผมโอเคนะปักกิ๊บดำมาเต็มหัว ตอนแกะผมนับดูได้สามสิบกว่าตัวเอาออกหมดหัวเบาเลยจร้า 555 ผมเค้ายาวมากเลยเอวไปเยอะใช้เวลาทำผมประมาณครึ่งชั่วโมงกว่าจะม้วนกว่าจะเกล้า เล่นเอาช่างเหนื่อยเลย แหะๆ แอบถ่ายคลิปสั้นๆตอนทำผมไว้ด้วย >>>CLICK<<< ![]() ทรงผมทำออกมาได้ทรงนี้ฮะแบบว่าโมเดิร์นนะ555 ![]() เค้าเกล้าแบบยุ่งๆหลวมๆแต่ก็แน่นอยู่แต่วันนั้นฝนตกต้องเดินกางร่ม ทรงนี้ประสบปัญหาว่าร่มเกี่ยวผมแอบหลุดๆเหมือนกันแต่ก็ดูโอเคนะฮร้าไม่เยิน แต่ไปรอบหน้าขอเกล้าเรียบๆละกัน เรามีประสบการณ์ละ 555 ดอกไม้ที่ติดผมเค้าคิดเงินนะจ๊ะมีให้เลือกหลายขนาดหลายราคา ที่เลือกมานี่แทบจะถูกสุดในนั้นละ 600 yen อันแค่เนี้ยเกือบสองร้อย รอบหน้าจะเตรียมมาเองจากไทยเอาให้อลังเลย 555 ![]() ใส่ชุดกิโมโนเค้าแนะนำให้เกล้าผม เพราะชุดมันตันถ้าปล่อยผมจะยิ่งดูตันต้องเผยต้นคอหน่อยฮะ แต่งหน้าลุคนี้มีฮาวทูติดตามชมได้ที่ //www.katethailand.com จ้า ![]() แต่งตัวเสร็จแล้วก็ออกไปลั้นลาได้...แต่ปรากฎว่าแป่ว! ฝนตก ในรูปนี้คือวิ่งออกจากร่มไปถ่ายแชะ แต่ตกปรอยๆทั้งวันไม่รุนแรงฮะ รองเท้าที่ใส่เป็นเกี๊ยะผ้าเดินง่ายไม่ลื่นแต่เพราะฝนตกถุงเท้าเลยจะแฉะๆ แอบหนาวเท้านิดนึงนะชื้นแฉะทั้งวันเลย ฮือ ![]() ![]() จุดหมายแรกของเรา ศาลเจ้าเฮอันจินกุ : Heian Jingū Shrine เดินทางมาง่ายๆโดยรถเมล์สาย 5 หรือ 100 ลงป้าย Kyoto Kaikan Bijitusu-kan Mae นี้สังเกตทางเข้าง่ายมากจะมีเสาโทริอิสีแดงตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ เค้าไปวันอาทิตย์คนเยอะมากก ศาลเจ้าที่นี่เข้าฟรีไม่เสียค่าเข้า แต่จะมีในส่วนของสวนด้านในถ้าจะเข้าเสีย 600 yen จ้า ------------------------------------------------------------------------ วันนี้เน้นเดินทางโดยรถเมล์เลยซื้อเป็นตั๋วแบบ Kyoto Bus 1 Day ราคา 500 yen ขึ้นรถได้ทุกสายภายในวันที่ซื้อ โดยแค่เสียบเข้าที่เครื่องตรงข้างคนขับตอนขาขึ้น ส่วนขาลงโชว์บัตรให้คนขับรถดูวันที่บนบัตรก็พอ ซึ่งส่วนใหญ่เค้าไม่ค่อยขอดูฮะ ราคารถเมล์ปกติจะอยู่ที่ 220 yen ตลอดสาย ถ้าจะเที่ยวทั้งวันซื้อตั๋วแบบ 1 Day คุ้มซะยิ่งกว่าคุ้ม ทริกในการนั่งรถเมล์แนะนำให้เลือกรถที่เป็นเลข 3 หลัก เพราะจะเป็นรถด่วนหรือรถเที่ยว จะเน้นจอดป้ายใหญ่ๆที่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญๆ ถ้าเลขตัวเดียวหรือสองตัวจะจอดถี่ๆกว่าจ้า ![]() ก่อนเข้าวัดล้างมือล้างปากตามธรรมเนียมก่อน วิธีการดูได้ใน [Part 3] ฮับ ![]() ศาลเจ้าเฮอันสร้างขึ้นในปี 1895 เพื่อเป็นอนุสรณ์ครบรอบปีที่ 1100 ของเกียวโต โดยอุทิศถวายแด่สมเด็จพระจักรพรรดิองค์แรกและองค์สุดท้ายของนครแห่งนี้ เป็นศาลเจ้าในลัทธิชินโตมีลักษณะสถาปัตยกรรมแบบสมัยเฮอัน ซึ่งเป็นช่วงที่ได้รับอิทธิพลจากจีนสูงที่สุด บรรยากาศด้านในเลยเหมือนวัดจีนม๊ากมาก ![]() เจออาหมวยน้อยนั่งท่องเที่ยวชาวจีนแต่งตัวเหมือนกันเลยน่าร๊ากกก ขาออกมีคุณลุงชาวญี่ปุ่นพาโกลเด้นมาด้วยแสนรู้สุดๆสั่งนั่งเป็นนั่ง ลิ้นห้อยเชียวตะลึงในความงามเค้าละเซ่ 555 กล้าพูดนะนาง ![]() จุดหมายที่สองคือ วัดเงิน หรือ วัดกินคะคุจิ : Ginkakuji Temple นั่งรถเมล์สาย 5, 32 หรือ 100 ลงป้าย Ginkakuji-michi ทางเดินก่อนเข้าวัดจะมีร้านค้าร้านอาหาร/ขนมมากมาย เห็นร้านนี้คนเยอะดีเลยแวะเข้าไปมุงๆกะเค้าด้วย วู๊ว ชูครีมมมมม!!! ชื่อร้าน Genmai เค้าเขียนที่ห่อว่า Handmade Ginkakuji Temple Cream Puff มีให้เลือกหลากไส้ไม่ว่าจะเป็นวานิลลา ชาเขียว เกาลัด ฯลฯ ลูกละ 300 yen (95 บาท) มีแบบใส่ไอติมด้วย เลยจัดวานิลลารสเบสิกสุดมาลองชิ้นนึง ลูกใหญ่ใช้ได้เลย ไส้ครีมวานิลลาอร่อยโฮกเนียนนุ่มไม่หวานมาก แต่เค้าว่าแป้งมันแข็งๆไปหน่อยง่ะ ในร้านมีพื้นที่ให้นั่งหม่ำอยู่นิดนึง แต่ดีตรงมีชาเขียวอุ่นๆบริการฟรีฮะ ![]() เสียค่าเข้าชมวัดกันก่อน 500 yen (158 บาท) เมื่อเดินเข้าไปจะพบลานพื้นทรายเกลี่ยแต่งหน้าสวยงามแบบนี้ เค้าทำไว้เพื่อให้สะท้อนกับแสงจันทร์ยามค่ำคืนแสงจะได้ส่องสว่างไปทั่วลานวัดฮะ ![]() บรรยากาศด้านในวัดเงินวันฝนตกและคนล้นวัด ต้องเดินแถวเรียงหนึ่งทยอยๆกันเข้าไปเดินตามแนวที่เค้ากั้นไว้เท่านั้น ถ้าวันที่ฟ้าใสๆคนน้อยๆเค้าว่าวัดนี้เป็นวัดที่สวยคลาสสิกมาก ชอบมากกว่าวัดทองอีก ประวัติคร่าวๆ วัดเงิน หรือ วัดกินคะคุจิ : Ginkakuji Temple สร้างขึ้นเมื่อเมื่อปี พ.ศ. 2025 เป็นวัดในนิกายเซน สร้างโดยโชกุน อาชิคางะ โยชิมาสะ (Ashikaga Yoshimasa) ซึ่งตั้งใจจะห่อพลับพลาด้วยเงินทั้งหลัง ให้คู่กับวัดทองคินคะคุจิ (Kinkakuji) แต่ระหว่างนั้นได้เกิดสงครามโอนินขึ้น การก่อสร้างจึงหยุดชะงักลง โดยยังไม่ได้หุ้มแผ่นเงินซักกะแผ่นเดียวจนมาถึงในยุคปัจจุบัน ![]() วัดแห่งนี้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกในปี ค.ศ. 1994 ควรค่าแก่การเป็นมรดกโลกมากๆๆๆบรรยากาศในวัดชวนให้จิตใจสงบสุดๆ ถ้าไม่นับจำนวนนักท่องเที่ยวที่เบียดเสียดกันอยู่นะ แหะๆ พยายามถ่ายมาให้เห็นคนน้อยที่สุดละ ![]() จริงๆวันนี้ตั้งใจจะไป วัดน้ำใส หรือ วัดคิโยมิสึ Kiyomizu temple แต่ว่าไปไม่ทันวัดปิดห้าโมงเย็น ที่สำคัญฝนก็ตกชุดก็ไม่อำนวย เพราะวัดนี้ต้องเดินขึ้นไปเป็นกิโลเลยไม่รอดฮะเก็บไว้ทริปหน้าละกันเนอะ ออกจากวัดเงินนั่งรถเมล์สาย 100 มุ่งหน้าสู่ย่านกิองเหมือนที่ไปมาเมื่อวาน ผ่านศาลเจ้าอะไรไม่รู้ติดๆกะย่านกิองเลย ตอนแรกว่าจะขึ้นไปแต่ท้อแท้ คนเยอะได้อีกในภาพนี้นี่คนซาแล้วนะสรุปไม่ได้ขึ้น แหะๆ ![]() มุมนี้ถ่ายตรงใกล้ๆศาลเจ้ารูปบนนั่นแล คิดว่าเป็นทางเข้าร้านอาหารน้าแอบเข้าไปถ่ายแชะนึง แสงก็สวย มุมก็แจ่ม เริ่ดดดด! แต่เหมือนสีร่มจะแย่งซีน 555 ![]() เป็นความโชคดีบนความโชคร้ายที่วันนั้นฝนตกทั้งวัน ถนนหินในย่านกิองเลยเปียกๆขึ้นเงาสะท้อนกับไฟถ่ายรูปมาเลยดูสวยงามกว่าปกติ แต่ก็ต้องยอมเปียกจริงไม่ใช้แสตนอิน ถ่ายือร่มทุกรูปมันจะไปสวยอะไร ช่างมันเนอะวันเดียวไหนๆถุงเท้าก็แฉะแต่เช้าละ สู้ตายเพื่อภาพงามๆ ![]() ![]() ย่านกิองคืนนั้นคึกคักสาวๆใส่กิโมโนเดินกันเต็มเลยได้บรรยากาศดีน้า ![]() แสงเงา สีสันแสงไฟตัดกับสีท้องฟ้า บอกเลยว่านี่คือภาพดิบไม่ได้ปรับอะไรเลย ภาพนี้ถ่ายด้วยกล้อง Sony NEX-F3 คร้าบ ![]() Black & White รูปนี้เหมือนภาพย้อนยุคเลยเน้อ ชอบอ้ะ ![]() สรุปเป็นวันเกิดที่ประทับใจที่สุด! เที่ยวเกียวโตในชุดกิโมโนอร๊ายยฟิน ดูเวลาใกล้จะหกโมงเย็นละต้องรีบบึ่งกลับไปที่ร้านเพื่อคืนชุดร้านปิดรับชุดตอนทุ่มครึ่ง ขอบอกว่าเกือบไม่ทัน! คือร้านไม่ได้ไกลจากย่านกิองมาก แต่รถติดสุดพลังกระดึ๊บได้ทีละนิดลุ้นแทบตายแต่สุดท้ายก็ทันเย่! ![]() กลับมาในสภาพชุดธรรมดาเรียบร้อยกว่าจะฝ่ารถติดกลับมาถึงย่านที่พักก็เล่นเอาเหนื่อย ไม่คิดว่าเกียวโตรถจะติดได้ขนาดนี้น้องๆกรุงเทพเลยง่ะ หิวโซท้องร้องโครกคราก และร้านที่ตั้งใจจะฝากท้องไว้ก็คือร้านข้าวหน้าหมูทอดทงคตสึชื่อดังแห่งเกียวโต ร้าน Katsukara ตั้งอยู่ใน Kyoto Station ชั้น 11 โซน The Cube เมื่อวานมาเล็งแล้วหล่ะแต่คนเยอะมากต่อแถวยาวเฟื้อยเลยไปหม่ำซูชิเวียนแทน แต่วันนี้ดูแล้วแล้วพอมีอนาคตเอาฟระไหนๆก็หิวละอดทนต่อไปอีกหน่อยจะเป็นไร ![]() เมนูและราคามานี่ก็ต้องลองหมูทอดชิมิ สั่งเป็น Tenderloin Cutlet หรือเนื้อสันในซึ่งเป็นส่วนที่นุ่มที่สุด หิวๆๆจัดมาขนาดใหญ่สุด 160 g ราคา 1,760 yen (555 บาท) และ Prawns Cutlet กุ้งทอดเสิร์ฟละ 5 ตัว ราคา 1,480 yen (467 บาท) ![]() นั่งบดงาสร้างสมาธิระหว่างรออาหารด้วยความหิว งาคั่วหอมๆบดแล้วราดน้ำจิ้มรสเข้มข้นอืมมมมกระตุ้นน้ำย่อยเข้าไปใหญ่ สลัดมาแร้นเติมได้ไม่อั้น เป็นกระหล่ำปลีซอยเส้นบางๆราดด้วยน้ำสลัดแบบใส ผักสดกรอบสุดๆแต่น้ำสลัดรสชาติจะเปรี้ยวๆกลิ่นหอมส้มยูซุ สำหรับเค้าชอบน้ำสลัดงาแบบร้าน Saboten บ้านเรามากกว่า แล้วแต่คนชอบเนอะ ผักดองเค้าก็มีกลิ่นส้มยูซุ สงสัยเค้าจะไม่ค่อยชอบกลิ่นนี้เลยว่าไม่ค่อยโดนใจเท่าไหร่ ![]() เสิร์ฟแล้ววู๊วๆๆๆหิวๆๆๆ หน้าตาของจริงน่าหม่ำมากแต่แสงในร้านถ่ายมาแล้วดูชืดเชียว ความเด็ดของร้านนี้คือหมูสันในนุ่มเฟร่อ!!! กุ้งก็กรอบเด้งเนื้อหวานเชียว เกล็ดขนมปังชุปทอดทอดได้กำลังดีมากกรอบฟูกัดดังกร๊วบๆ ไม่เอือม ไม่อมน้ำมันเลย ยิ่งกินกะข้าวญี่ปุ่นเนื้อเม็ดอวบๆสั้นๆหุงผสมข้าวบาร์เล่ย์นะยิ่งเด็ดข้าวกลิ่นหอมกระจายในปาก ข้าวก็เติมได้ไม่อั้นทั้งอร่อยทั้งหิวเค้าคนเดียวฟาดข้าวไปหนึ่งโถใหญ่ ประมาณครึ่งหม้อข้าวได้มั้ง ขอเติมจนพนักงานตกใจนังผู้หญิงคนนี้กินล้างผลาญมาก 555 แหมก็มันอร่อยง่ะ ![]() ที่เด็ดอีกอย่างคือน้ำจิ้มรสเข้มข้นยิ่งจิ้มยิ่งอร่อยเป็นการหม่ำของทอดที่ไม่รู้สึกเอือมเลย กรี้ดดดดนั่งเขียนบล็อคไปหิวไปอยากกินอีก ร้านนี้แนะนำสุดใจ!!! ไปเกียวโตมิควรพลาดด้วยประการทั้งปวง มีหลายสาขาฮะลองหาใน Google ดูน้าคนรีวิวไว้ตรึม ![]() เป็นอีกหนึ่งวันในญี่ปุ่นที่ประทับใจที่สุด ![]() สุขสันต์วันเกิดนะจ๊ะนังหมู Good Night คร๊าบ ----------------------------------------------------------------------------- แล้วเจอกันใหม่ใน [PART 6] ฮับ ใครยังไม่ได้อ่านภาค 1-4 เข้าไปชมได้ตามลิงค์ด้านล่างจ้า Review : Japan Trip [Part 1] เปิดฉากตะลุยประเทศในฝัน ต้องเตรียมอะไรบ้าง & วันที่สอง ณ Akihabara Review : Japan Trip [Part 2]วันที่3หม่ำโซบะชื่อดัง ณ วัดJindai-ji & วันที่4ตะลุยชินจูกุชมวิวบนตึกสูง Review : Japan Trip [Part 3] วันที่5 ศาลเจ้า Meiji Jingu@Harajuku & วันที่ 6 นั่งชินคันเซ็นไปโอซาก้า Review : Japan Trip [Part 4] วันที่7 ตะลุยUniversalวันฮาโลวีน, หม่ำโอโคโนมิยากิร้านดัง Mizuno & วันที่8 ปราสาทโอซาก้า, ศาลเจ้า Temmagu และ Osaka Aquarium Kaiyukan ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาเยี่ยมชมล่วงหน้าคร๊าบ ![]() อยากมีโอกาสใส่ชุดเดินชมเมือง ชมวัดบ้างจังค่ะ
โดย: mariabamboo
![]() Hi, how's it going? Just shared this post with a colleague, we had a good laugh.
pas cher Louis Vuitton sac à main //porsector.com/acer/hko.cfm โดย: pas cher Louis Vuitton sac à main IP: 94.23.252.21 วันที่: 21 สิงหาคม 2557 เวลา:22:00:40 น.
นางแบบสวย รูปสวยค่ะ :)
โดย: แนน IP: 49.230.80.48 วันที่: 15 ตุลาคม 2557 เวลา:21:46:51 น.
k2mHga //www.FyLitCl7Pf7kjQdDUOLQOuaxTXbj5iNG.com
โดย: Bradley IP: 94.23.252.21 วันที่: 9 สิงหาคม 2558 เวลา:13:10:59 น.
gJMKeM //www.FyLitCl7Pf7kjQdDUOLQOuaxTXbj5iNG.com
โดย: gordon IP: 188.165.201.164 วันที่: 15 ตุลาคม 2559 เวลา:19:15:59 น.
|
บทความทั้งหมด
|