Review : AirAsia Hong Kong Trip 2014 ตะลุยฮ่องกงแบบอิ่มบุญ&อิ่มท้องไปกับแอร์เอเชีย สวัสดีค่าเมื่อวันที่ 10-12 พฤษภาคม 2014 ที่เพิ่งผ่านมานี้ หมูได้รับเกียรติจากทาง AirAsia ชวนให้ไปร่วมทริปทำบุญกันที่ฮ่องกง ถามมาปุ๊บตอบตกลงปั๊บ ระดับเค้าเรื่องเที่ยวไม่เคยต้องตัดสินใจ ให้ความสำคัญเป็นอันดับต้นๆเสมอ 555 มาตะลุยฮ่องกงไปด้วยกันเลยจ้า ![]() 10/05/2014 ทริปนี้มีบิวตี้บล็อคเกอร์ไปด้วยกันทั้งหมด 6 คน คือ พี่มด CinnamonGal , พี่ปูเป้ Pupe_so_sweet , พี่แป้ง Kirari , พี่ตูนน์ Tuniez83 , เอิ๊ก Erk-Erk และก็เค้า Mhunoiii ทุกคนบินกันไปตั้งแต่ไฟลท์ 15.35 น. หมูติดงานตอนเช้าเลยบินตามไปตอนเย็น ไฟลท์ FD502 ออกจากสนามบินดอนเมืองเวลา 17.20 น. เกท 21 ขอเม้านิดนึงว่าเค้าเสร็จงานจากเดอะมอลล์งามวงศ์วานตอนบ่ายสามกว่าๆ รีบขึ้นแท็กซี่มาดอนเมือง แต่พอเข้าเส้นวิภาวดีช่วงเลยม.เกษตรไปนิดนึง รถติดนิ่งสนิทเพราะมีม็อบเลยต้องต่อมอเตอร์ไซค์แทน ซึ่งพี่วินใจร้ายมากมายบอกว่าชั่วโมงเร่งด่วนด้านหน้ามีม็อบเห็นว่ามียิงกันด้วย เค้าบอกเค้าต้องเสี่ยงตายเลยขอคิดแพงหน่อย พอถามว่าคิดเท่าไหร่ก็ไม่ตอบ บอกให้เราเสนอมาเค้าเห็นว่าไม่ได้ไกลมากแล้วเลยถามว่าสองร้อยไหวไหมคะ พี่วินโกรธไล่ลงรถเลยจ้าบอกว่าให้แค่นี้ไม่ไปต้องห้าร้อย จ่ายแค่นี้ใครจะไป โชคดีมากมีมอเตอร์ไซค์คันข้างๆวิ่งรถเปล่ามาพอดีถามพี่เค้าว่าสองร้อยไปไหม เค้าบอกไปรีบย้ายขึ้นคันใหม่โดยด่วน สรุปก็บึ่งไปทันเวลาเช็คอิน เฮ้ออออโล่งอก พี่วินคันแรกคือหยาบคายและเอาเปรียบมากกกก แต่อยากเตือนสาวๆไว้ ว่าถ้าอยู่ในสถานการณ์แบบนี้อย่าเพิ่งปรี้ดแล้วไปมีเรื่องกับเค้า เราเป็นแค่ผู้หญิงคนเดียวอยู่ท้ายรถเค้าถ้าเค้าทำร้ายเราขึ้นมาไม่คุ้มเลย กับการเอาชีวิตไปเสี่ยงกับคนแบบนั้น สงบสติพูดจาดีๆและหาทางแก้ไป ท่องไว้ค่ะว่าชีวิตเรามีค่ามากกว่าจะเอามาแลกกับอารมณ์โกรธของคนแบบนี้ ![]() สำหรับการบินระหว่างประเทศเคาท์เตอร์เช็คอินจะเปิดก่อนเวลาขึ้นเครื่อง 3 ชั่วโมง เราสามารถเช็คอินออนไลน์ล่วงหน้าได้ในเว็ป www.airasia.com หรือโหลดเป็นแอพพลิเคชั่นไว้ในมือถือได้เลยชื่อแอพ AirAsia ซึ่งเราจะสามารถพิมพ์ตั๋วโดยสารได้เองจากที่บ้านสะดวกสบายขึ้นอีกเยอะจ้า สำหรับการโหลดสัมภาระต้องรีบมาให้ทันก่อนเวลาขึ้นเครื่อง 45 นาทีฮะ แม้จะเกิดเรื่องวุ่นวายแต่หมูก็ไปทันเวลาได้โหลดสัมภาระนะ อิอิ ![]() ขอแนะนำนิดนึงสำหรับใครที่อยากไปเที่ยวในราคาสบายกระเป๋า โดยเน้นเป็นแบบเที่ยวเองไม่ง้อทัวร์ เค้าแนะนำอย่างแรง ให้จองกับเว็ป www.airasiago.com ![]() มันง่ายและสะดวกมากเพราะเราสามารถจองตั๋วเครื่องบินพร้อมที่พักได้เลย ที่สำคัญการจองแบบแพ็คคู่แบบนี้ราคาจะถูกกว่าจองแยกกันมากกกกก!!! ความเด็ดคือลองนั่งเปิดหาไปเรื่อยๆจะเจอราคาดีๆโผล่มาให้ตกใจ แบบไม่ต้องไปนั่งแย่งกันจองเวลามาโปรตั๋วเครื่องบิน อันนั้นต้องใช้ความพยายาม เน็ตเค้าช้าไม่เคยจองทันเล้ยยยย แต่มาจองผ่านเว็ปนี้เอาได้ราคากระแทกใจตลอดฮะ ![]() เอาหลักฐานการพาครอบครัวไปเที่ยวฮ่องกงรอบที่แล้วมาอวด จองผ่าน AirAsiaGo แบบตั๋วเครื่องบินรวมที่พัก 4 วัน 3 คืน ได้ในราคาคนละ 10,996.08 บาท!!! กรี้ดดดดป่ะล่า โรงแรมที่เค้าเลือกคือ The City View Hotel ระดับ 3.5 ดาว ทำเลดีสุดๆๆๆอยู่ติดรถไฟใต้ดินสถานี Yua Ma Tei เลย เป็นย่านชอปปิ้งคนพลุกพล่านเดินเล่นได้ยันดึกไม่เปลี่ยวแหล่มมาก ราคาข้างต้นยังไม่รวมค่าน้ำหนักกระเป๋าแต่เค้าซื้อน้ำหนักเพิ่มทั้งไปและกลับ ตกแล้วราคาอยู่ที่คนละหมื่นหนึ่งกว่าๆ เรียกได้ว่าคุ้มสุดๆ หมูฟินเวลาจองได้ราคาถูก เพราะต้องจ่ายเองให้ทุกคนในทริป 555 ***ฟินยิ่งกว่าคือเค้าไป 5 คนแต่จองแค่ 2 ห้อง จัดเป็นนอน 3 คนหนึ่งห้องขอเตียงเสริม แต่พอไปถึง ทางโรงแรมแจ้งว่าทางแอร์เอเชียจองมาเป็น 4 ห้องต่อคืน อาจจะเกิดความผิดพลาดขึ้นดังนั้นตามราคาที่เราจ่ายไป เลยได้ห้องพัก 4 ห้องตลอด 3 คืนจ้า อลังเฟร่ออออ! ![]() ทางแอร์เอเชียจองที่นั่งแบบ Hot Seat ให้ เป็นที่นั่งในแถวที่ 1-5 แถวที่ 12 และ 14 ซึ่งจะได้เรียกขึ้นเครื่องก่อน ที่นั่งของเค้าคือ 1D แถวหน้าสุดริมทางเดิน เดินขึ้นเครื่องปุ๊บถึงเลย ใกล้ห้องน้ำ ความพิเศษคือมีพื้นที่ยืดขามากกว่าปกติ เหมาะมากสำหรับคนตัวสูงๆช่วงขายาวๆ ราคา Hot Seat แถว 1 จะแพงกว่าที่นั่ง Hot Seat ปกติ ประมาณ 50 บาท Hot Seat ซึ่งสำหรับไฟลท์ฮ่องกงราคา ปกติคือ 350 บาทค่ะ ![]() และนี่คือความปลาบปลื้มของเค้าบินเองหลายทีไม่เคยลองสั่งอาหารมาทาน อยากบอกว่าตัวเองพลาดมากเพราะอาหารบนเครื่องอร่อยมากกกก อาหารบนเครื่องเป็นของร้านสีฟ้า ของคาวเค้าหม่ำลาซานญ่าไก่เข้มข้นใช้ได้เลย แต่ที่เด็ดสุดๆคือของหวานแนะนำว่ามิควรพลาดคือ "ข้าวเหนียวมะม่วง" !!! ข้าวเหนียวหวานมันกลมกล่อมกำลังดี อัดมาแน่นไปนิดแต่เนื้อนุ่มนะ เสิร์ฟกับมะม่วงครึ่งลูกซีลพลาสติกมาเรียบร้อยไม่มีรอยช้ำแม้แต่น้อย เป็นมะม่วงน้ำดอกไม้หวานฉ่ำอมเปรี้ยวเล็กน้อยกินกับข้าวเหนียวนุ่มหนึบ แอร๊ยยยยฟิน ![]() สำหรับการสั่งอาหารแนะนำให้สั่งจองล่วงหน้าตอนจองตั๋วมาเลย เพราะราคาจะประหยัดกว่าอีก 20% เทียบกับการมาซื้อทานบนเครื่อง แถมยังได้เลือกสิ่งที่อยากทานมาเลยด้วย การซื้อบนเครื่องจะไม่ได้มีเมนูครบจ้า ราคาอาหารเค้าไม่ได้แพงเว่อร์นะ ราคาปกติมาก 100-190 บาทเอง อย่างข้าวเหนียวมะม่วงจานนี้ 100 บาทสำหรับการจองล่วงหน้าฮะ ถูกกว่าร้านดังสุดแพงตรงทองหล่ออีกอ้ะ แถมอร่อยกว่ามากด้วย สำหรับการสั่งอาหารเซ็ตจะได้น้ำเปล่าบริการให้ด้วยอีกหนึ่งขวดจ้า วันที่เค้าบินเครื่องออกดีเลย์เล็กน้อยตามกำหนดคือ 17.20 น. ออกช้าไปประมาณ 15-20 นาที แต่กัปตันซิ่งทำให้ถึงก่อนเวลา แลนด์ดิ้งคือ 21.05 น.นิดหน่อย อิอิ ใช้เวลาเดินทางประมาร 2.45 นาที เค้านับเวลาไม่ผิดนะเพราะเวลาฮ่องกงจะเร็วกว่าไทย 1 ชั่วโมงจ้า ![]() ถึงฮ่องกงแล้วก็บึ่งเข้าไปเก็บสัมภาระที่โรงแรม ทริปนี้พักที่ Holiday Inn Golden Mile ตรงถนน Nathan ใกล้กับรถไฟใต้ดินทางออกสถานี East Tsim Sha Tsui ซึ่งหมูนอนกับพี่เป้ พี่เป้วางของเป็นระเบียบเรียบร้อยมาก ช่วยให้เค้าต้องเก็บของให้เรียบร้อยไปด้วย แหะๆ ชอบของที่ระลึกที่ทางแอร์เอเชียเตรียมให้มากกกเป็นปลั๊กแถวที่มีช่องเสียบสาย USB ได้เลย ชีวิตสะดวกขึ้นอีกมากพกแค่สายไอโฟนไอแพด ขอบคุณมากๆนะค้า มีประโยชน์สุดๆ ![]() มื้อแรกในฮ่องกงเกือบเที่ยงคืนแล้วโชคดีมีร้านแถวๆโรงแรมเปิด 24 ชั่วโมง ชื่อร้าน Ngan Lung Restaurant อาหารรสชาติดีอร่อยใช้ได้เลย ราคาไม่แพงจานละ 30-50 HKD คิดเป็นเงินไทยเรทตอนที่ไปคูณ 4.2 ฮะ เค้าลอง Noodle with Spicy Pork (38 HKD) อร่อยดีน้า รสเข้มข้นเหมือนหมูผัดซอสมะเขือเทศ ซึ่งไม่แน่ใจเหมือนกันว่ามันสไปซี่ยังไง 555 จริงๆความเด็ดของร้านนี้อีกอย่างก็คือมี Free Wifi 20 นาที ให้ลูกค้าที่มาทานในร้านด้วยจ้า เห็นว่าเป็นร้านแบบเฟรนไชส์มีหลายสาขา ดีเนอะหาทานได้ 24 ชม. มีคนแนะนำมาด้วยว่าขนมปังปิ้งเค้าอร่อยไว้รอบหน้ามาลองน้า ![]() แวะไป 7-11 สำรวจตลาดนิดหน่อย ได้น้ำขวดใหญ่ นมกลิ่นมะม่วงผสมมะลอกอ และเยลลี่ผลไม้มาสองกล่อง แค่ที่เห็นนี่ก็ปาเข้าไป 35.48 HKD ละ น้ำเปล่าที่นี่ราคาจะสูงกว่าบ้านเราพอควรเลย ขวดนี้ประมาณ 50 บาทแน่ะ แนะนำว่าน้ำเปล่าให้ซื้อตามร้านขายของชำจะถูกกว่า 7-11 ฮะ แต่ตอนนั้นตีหนึ่งละไม่มีตัวเลือก ส่วนนมกลิ่นมะม่วงผสมมะลอกอ คิดเป็นเงินไทยกล่องละ 27 บาทไม่แพงอร่อยด้วยหอมๆดีฮับ ![]() 11/05/2014 มอร์นิ่งงงง....สวัสดีวันที่สองในฮ่องกงจ้า เริ่มมื้อเข้าสไตล์ฮ่องกงมาแล้วต้องไม่พลาดติ่มซำ แปดโมงเช้าไกด์พานั่งรถไปหม่ำที่ห้าง Paramount Banquet Hall อยู่บนถนน Waterloo ไม่ไกลจากโรงแรมที่เราพัก ตัวห้างยังไม่เปิดแต่สามารถลงบันไดเลื่อนไปยังร้านติ่มซำที่อยู่ชั้นล่างสุดได้ค่ะ เค้าเคยมาทานร้านนี้เมื่อตอนมาฮ่องกงครั้งแรก หูยนานมากละน่าจะ 4-5 ปีก่อน รสชาติอาหารเค้าใช้ได้นะพวกโจ๊ก ขนมจีบ ฮะเก๋า ปอเปี๊ยะ ฯลฯ แต่แอบเสียใจก๋วยเตี๋ยวหลอดของโปรดเค้าที่เคยกรี้ดตอนมาครั้งก่อน รอบนี้แย่ลงมากง่า คราวก่อนเป็นไส้กุ้งชิ้นนึงได้กุ้งสามตัว รอบนี้เป็นไส้หมูแดงที่ชิ้นนึงมีหมูใส่มาจิ๊ดเดียว เสียจายยยเค้าชอบเมนูนี้มากง่ะ ![]() แต่ก็ได้เมนูปลอบใจก็คือ ซาลาเปาลาวาไส้ครีมไข่เค็ม บิออกมาไส้ลาวาเยิ้มได้ใจ หวานมันเน้นรสเค็มมากกว่ารสหวาน กินพร้อมแป้งนุ่มๆ ฮร้ายยอาหย่อย ![]() ![]() ภารกิจวันนี้คือการตระเวนไหว้พระทำบุญวัดชื่อดังต่างๆในฮ่องกง เริ่มจากที่แรกที่พลาดไม่ได้สำหรับใครที่มาฮ่องกง คือการไปสักการะ เจ้าแม่กวนอิม ที่หาดรีพัลส์เบย์ Repulse Bay หรือวัดทินหัว Tin Hua ในทริปโชคดีมากนี้ทางแอร์เอเชียได้เชิญอาจารย์โอ๋ ซึ่งเป็นอาจารย์ชื่อดัง ในด้านศาสตร์ของดวงและฮวงจุ้ยมาร่วมทริปด้วย อาจารย์โอ๋จึงช่วยแนะนำทุกคนตลอดทริปว่าต้องมีพิธีการในการไหว้อย่างไร เพราะปกติถ้ามาเองเราก็ไหว้มั่วๆไปตามประสาอ่าน้า ได้ทำถูกพิธีก็ดีกว่าเนอะ เค้าจะพยายามแชร์วิธีการให้เท่าที่เค้าจำได้น้า เริ่มต้นการเดินเข้าซุ้มประตู สองด้านของซุ้มจะมีปี่เซี๊ยะหรือสิงห์จีนอยู่คู่หนึ่ง ด้านซ้ายจะเป็นเพศเมียเหยีบลูกสิงห์ ด้านขวาเพศผู้เหยียบลูกบอล ก่อนเดินเข้าให้ล้วงมือไปลูบลูกบอลในปากแล้วลูบตั้งแต่หัวจรดหางสามครั้ง โดยผู้ชายให้ลูบปี่เซี๊ยะเพศเมียด้านซ้าย ผู้หญิงให้ลูบเพศผู้ด้านขวา จากนั้นเดินผ่านซุ้มด้วยการก้าวเท้าซ้ายเข้าไปค่ะ เมื่อผ่านประตูเข้าไปจะพบเจ้าพญามังกรและรูปปั้นลูกแก้วสารพัดนึก ในจุดนี้เราสามารถถวายลูกแก้วที่เรานำมาไว้ได้แล้วทำการขอพร ไม่ว่าจะเป็นเรื่องหน้าที่การงาน การเงิน ครอบครัว ความรัก โดยการนำมือวางที่รูปปั้นลูกแล้วแล้วตั้งใจอธิษฐานค่ะ ![]() เมื่อเข้าไปด้านในก็จะพบรูปปั้นเจ้าแม่กวนอิมหันหน้าออกทะเล ให้จุดธูป 9 หรือ 16 ดอก ซึ่งจำนวนอาจารย์โอ๋จะแนะนำให้ แต่ละคนไม่เหมือนกันค่ะของเค้าจุด 9 ดอก แล้วนำมาไหว้โดยท่องบทสวดบูชาเจ้าแม่กวนอิม ซึ่งมีตั้งเป็นหินสลักภาษาไทยอยู่ที่หน้าองค์เจ้าแม่เลยค่ะ ![]() เมื่อไหว้เรียบร้อยให้ทำการถวายสร้อยมุก 9 เส้นที่เตรียมมา โดยแต่ละคนอาจารย์โอ๋จะแนะนำที่ถวายต่างกัน ของเค้าถวายที่เท้าซ้ายของเจ้าแม่กวนอิมทั้งเก้าเส้น เสร็จแล้วก็ทำการขอพรโดยไปยืนที่จุดมาร์กสี่เหลี่ยม ซึ่งเค้าเชื่อว่าเป็นหัวใจขององค์เจ้าแม่กวนอิม โดยเป็นจุดที่เมื่อยืนแล้วเงยหน้าขึ้นไปจะตรงกับพระพักตร์ของท่านพอดีค่ะ คนจะต่อแถวเพื่อเรียงคิวขอพร แนะนำว่ามาช่วงเช้าๆคนไม่เยอะมากจ้า ![]() ด้านขวาจะเป็นองค์เจ้าแม่ทับทิมซึ่งให้ขอพรให้เรื่องคุ้มครองความปลอดภัยในการเดินทาง สมัยก่อนเวลาชาวประมงจะออกเรือจะต้องมาขอพรที่เจ้าแม่ทับทิมนี้ค่ะ และบริเวณเหรียญทองด้านหน้าสามารถขอพรเรื่องทรัพย์สินเงินทองได้ เมื่อขอพรเสร็จให้ทำการลูบที่เหรียญสามครั้งแล้วทำท่าโกยเงินเข้ากระเป๋าจ้า ![]() จากนั้นไปเดินข้ามสะพานเพื่อต่ออายุ โดยเดินวนขึ้นสะพานสามรอบ ระหว่างเดินให้ตั้งจิตตามนี้ค่ะ รอบแรก : ให้นึกถึงหน้าที่การงานขอให้มีความมั่นคง รอบที่สอง : ให้นึกถึงสุขภาพ ขอให้ตนเองและคนที่รักแข็งแรง รอบที่สาม : ขอให้ทุกสิ่งในชีวิตหน้าที่การงานการเงินเจริญก้าวหน้า ขอให้พรทุกสิ่งที่ขอมาสมหวังดังที่ตั้งใจไว้ทุกประการ เมื่อเสร็จแล้วเวลาเดินกลับอย่าเดินสวนย้อนขึ้นไปบนสะพานนะคะ ให้เดินอ้อมไปยังทางธรรมดา เป็นความเชื่อว่าเดินย้อนทำให้อายุสั้นค่ะ ![]() ในศาลานี้จะมียันต์แปดทิศสามารถไปยืนในยันต์เพื่อทำการขอพรได้เช่นกันค่ะ วันนี้บิวตี้บล็อคเกอร์ทั้ง 6 คนแต่งตัวมา 6 แนว 6 สไตล์เลย อิอิ ![]() และจุดที่ทุกคนไม่เคยพลาดก็คือการมาไหว้ เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี้ย ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งโชคลาภและความร่ำรวย (God of wealth) โดยการนำแบงค์มาลูบที่องค์เทพเจ้าตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า 3 รอบ อาจารย์โอ๋แนะนำให้เป็นแบงค์ที่ลงท้ายด้วยเลข 89 เพราะเลข 8 และเลข 9 เป็นเลขมงคลแปลว่าร่ำรวยตลอดกาลตลอดไป เสร็จแล้วให้เก็บแบงค์นั้นไว้เป็นเงินก้นกระเป๋าพกติดตัวไว้จะช่วยให้มีโชคลาภ อ้ออย่าลืมลูบที่ก้อนทองด้านข้างด้วย ลูบเฉพาะก้อนใหญ่ด้านล่าง 3 รอบเช่นกันจ้า ก่อนออกจากวัดอาจารย์โอ๋แนะนำให้บริจาคเงินให้ทางวัดตามศรัทธา เพื่อเป็นการชำระหนี้สงฆ์ที่เราเข้ามาใช้สถานที่ท่าน มาขอพรจากท่าน ซึ่งทางวัดจะได้นำเงินนั้นไปบูรณะซ่อมแซมวัดต่อไปค่ะ และตอนเดินออกจากวัดให้ก้าวเท้าขวาในการเดินออกไปค่ะ ![]() เดินทางไปยังจุดหมายที่สองคือ วัดแชกุงหมิว (Che Kung Temple) หรือ วัดกังหัน วัดนี้เป็นเก่าแก่มากที่มีอายุกว่า 300 ปีตั้งอยู่ในเขตซาถิ่น (Satin) และด้วยความที่เป็นวัดที่โด่งดังทางรัฐบาลเลยมีการสร้างรถไฟใต้ดิน สถานี Che Kung Temple Station เพื่อให้เดินทางมาถึงที่วัดนี้ได้โดยสะดวก เห็นฮ่องกงเป็นเกาะเล็กๆแต่มีวัดมากกว่า 600 วัดเลยทีเดียว เพราะคนบนเกาะมีความศรัทธาและความเชื่อในเรื่องของเทพเจ้าและฮวงจุ้ยมากๆค่ะ เมื่อมาถึงด้านหน้าจะมีจุดให้ซื้อธูปและชุดบูชาราคาเริ่มต้น 38 HKD หรือประมาณ 210 บาท แล้วทำการเขียนชื่อของเรา คนในครอบครัว และคนที่เรารักลงไปเพื่อขอพร จากนั้นเจ้าหน้าที่ด้านในจะจุดธูปใหญ่ให้เราสามดอกและสวดนำให้เราไหว้ โดยหันไปไหว้ฟ้าดินทางประตูสามครั้ง แล้วหันกลับมาไหว้เทพเจ้าแชกุงอีกสามครั้งจึงทำการปักธูป ![]() เทพเจ้าแชกุง เดิมเป็นนายพลที่ทุกครั้งที่จะออกรบจะมีกังหันคู่กาย ก่อนออกรบจะมีพิธีหมุนกังหันซึ่งจะได้ชัยชนะกลับมาเสมอๆทำให้เป็นที่ เคารพ ศรัทธา น่าเกรงขามของผู้คน จนเมื่อท่านเสียชีวิตไป ได้เกิดโรคระบาดร้ายแรงขึ้นในหมู่บ้าน แล้วมีชาวบ้านนำกังหันคู่กายท่าน มาไว้ที่หน้าหมู่บ้านแล้วขอพรให้ช่วยปัดเป่าโรคร้ายออกไป โดยได้อธิฐานว่าถ้าโรคร้ายหายไปจะสร้างวัดถวายให้ท่านนั่นเอง องค์เทพเจ้าแชกุงจริงๆคือองค์เล็กด้านล่าง ส่วนองค์ใหญ่เป็นรูปปั้นเพื่อความยิ่งใหญ่น่าเกรงขามค่ะ ![]() ไฮไลท์ของการมาวัดนี้คือการหมุนกังหัน โดยคนทั่วไปให้หมุนแรงๆไปทางขวาสามรอบ เป็นความเชื่อว่ากังหันจะพัดพาสิ่งไม่ดีออกไปจากชีวิต แต่สำหรับคนปีชงให้หมุนกังหันไปทางซ้ายสามรอบและทางขวาหนึ่งรอบ เสร็จแล้วก็ไปทำการตีกลองสามครั้งเป็นอันเสร็จพิธี ซึ่งให้ทำแบบนี้ที่กังหันทั้งสองด้ายซ้ายขวาขององค์เทพเจ้าแชกุงจ้า ![]() บริเวณด้านขวาของวัดจะมี เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี้ย เทพเจ้าแห่งโชคลาภและความร่ำรวย เช่นเดียวกับที่รีพัลส์เบย์ โดยจะมีถังทองให้ทำการลูบตั้งแต่ด้ามตักลงมาที่ตัวถัง แล้วทำท่าโกยเงินเข้ากระเป๋า ทำแบบนี้สามครั้งค่ะ ![]() ด้ายซ้ายของวัดจะมีเทพเจ้าประจำปีเกิดเค้าถ่ายของปีขาลมาฝาก ของเค้าคือเทพองค์ขวาสุดประจำปีขาล 1986 เป็นเทพถือคทาฝักบัวแสดงถึงความร่ำรวยจ้า ![]() ได้เวลาหม่ำมื้อเที่ยงเป็นร้านอาหารทั่วไปมีข้าว บะหมี่ ก๋วยเตี๋ยว กาแฟ เค้าจำไม่ได้ว่าชื่อร้านอะไรแต่คงเป็นร้านดังอยู่คนเยอะใช้ได้เลยฮะ ![]() มื้อนี้เน้นทานเบาๆไปก่อนเพราะเราจะไปหนักที่มื้อเย็น นี่เรียกว่าเบาแล้วนะ สั่งมาแบ่งๆกันทาน ฮี่ๆ มีข้าวผัด ไก่ทอด เฟรนช์ฟราย ราดหน้าทะเล และปลาทอดราดซอสเนยกระเทียม ราคาไม่กลางๆ 40-80 HKD รสชาติอาหารโดยรวมก็อร่อยใช้ได้ค่า ![]() วัดต่อมาเป็นวัดดังเช่นกันคือ วัด Sik Sik Yuen Wong Tai Sin วัดนี้สามารถนั่งรถไฟใต้ดินมาลงได้ที่สถานี Sik Sik Yuen Wong Tai Sin Station สังเกตง่ายว่าวัดไหนที่เป็นวัดดัง เค้าจะมีสถานีรถไฟใต้ดินเป็นชื่อของวัดเลยอ่าเนอะ ![]() จุดหมายของการมาวัดนี้คือการมาไหว้เทพเจ้าหวังต้าเซียน ซึ่งเดิมทีท่านเป็นปุถุชนธรรมดาแต่ได้ร่ำเรียนวิชาการแพทย์ ท่านได้ช่วยเหลือคนเจ็บป่วยมากมายตลอดเวลา 40 ปี จึงได้รับการขนานนามให้เป็นเทพเจ้าแห่งสุขภาพ ดังนั้นการมาวัดนี้จึงเน้นการขอพรในเรื่องสุขภาพและโรคภัยไข้เจ็บ นอกจากนี้ยังมีองค์เจ้าแม่กวนอิมพันมือสามารถขอพรได้ทุกเรื่องอีกด้วย ![]() ไฮไลท์ของวัดนี้ที่คนจีนนิยมมากทำกันคือการเสี่ยงเซียมซี ซึ่งเป็นที่เล่าขานว่าแม่นมาก แต่คนจีนจะไม่เสี่ยงทายรวมๆเพียงครั้งเดียว จะเสี่ยงทายเป็นเรื่องๆไปไม่ว่าจะเป็นการงาน การเงิน ความรัก ฯลฯ ดังนั้นหนึ่งคนจึงใช้เวลานานในการเสี่ยงเซียมซี ![]() ไฮไลท์อีกหนึ่งอย่างคือการมาขอพรเรื่องความรัก กับเทพเจ้าหยุคโหลว ซึ่งเป็นเทพเจ้าแห่งความรัก ด้วยการผูกด้ายแดงเพื่อขอให้เจอเนื้อคู่ ขอให้สมพรในเรื่องความรัก ![]() ด้านขวาของวัดมีองค์พระถังซัมจั๋งให้ไหว้เพื่อขอให้คุ้มครองให้ปลอดภัยในการเดินทาง และท่านขงจื๊อซึ่งไหว้เพื่อขอพรในเรื่องของสติปัญญา และด้านหน้าวัดจะมีรูปปั้นของ 12 นักษัตรประจำปีเกิด เค้าเป็นสาวปีขาลดุนะพูดเลย อิอิ ![]() และวัดสุดท้ายของวันนี้คือ วัด Kwun Yam Temple ที่ย่านฮองฮัม Hung Hom สร้างขึ้นมาตั้งแต่ ค.ศ.1873 เป็นอีกวัดนึงที่ชาวฮ่องกงให้ความนับถือมากกกในเรื่องให้โชคลาภ ![]() ภายในวัดจะเป็นที่ประทับขององค์เจ้าแม่กวนอิมที่ศักดิ์สิทธิ์มาก ซึ่งถ้าเป็นช่วงตรุษจีนนี่ต้องมาต่อแถวกันข้ามคืนเพื่อรอเข้าวัดนี้กันเลยทีเดียว บ้างก็เรียกชื่อวัดนี้ว่าวัดกู้เงินเจ้าแม่กวนอิมเพราะสามารถมาขอพรเรื่องเงินที่นี่ได้ เมื่อประสบความสำเร็จก็มาทำบุญคือให้เหมือนการมาใช้หนี้เงินกู้ รวมถึงมีพิธีการขออั่งเปาซองแดงจากเจ้าแม่กวนอิมด้วยซึ่งจะนิยมทำกันช่วงตรุษจีนค่ะ ![]() หลังจากตระเวนทำบุญมาเรียบร้อยถึงสี่วัด ก็ถึงเวลา Free Time พักเบรคก่อนทานมื้อเย็น โดยรถบัสพาเรากลับไปส่งที่โรงแรมแล้วให้เวลาพักผ่อนเดินเที่ยวตามอัธยาศัย เจ๊มดเลยพาทุกคนมาตะลุย ห้าง Habour City ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากโรงแรม ![]() เป้าหมายของการมาห้างนี้ก็คือร้านขนมชื่อดังจากฝรั่งเศส "Pierre Herme" ซึ่งขนมที่มาร้านนี้แล้วต้องลองทานให้ได้ก็คือมาการอง หรือมากาฮอง (ออกเสียงแบบฝรั่งเศส) นั่นเอง!!! เรียกได้ว่าเป็นคู่แข่งกับ Laduree หลายคนก็ว่าปิแอร์อร่อยกว่า ซึ่งก็คือเค้าคนนึงแหละ คราวก่อนที่ไปฝรั่งเศสลองชิมเทียบสองยี่ห้อแล้ว เค้าประทับใจปิแอร์กว่าลาดูเร่น้า ซึ่งราคาแพงพอกัน ที่นี่ตกชิ้นละ 120 กว่าบาทแน่ะ มากาฮองร้านนี้ตัวเชลล์จะกรอบเบาเนื้อจะหนึบๆกำลังดี ที่เด็ดคือกลิ่นจะหอมฟุ้งมากกกก และเหลือกลิ่นในปากหลังทานเสร็จด้วยฮะ ![]() หม่ำไปคนละสองชิ้นมื้อนี้อภินันทนาการโดยเจ๊มด ขอบคุณเจ๊มากๆเลยคร้าบบบบ ![]() ![]() ติดๆกับร้าน Pierre Herme เป็นร้านช็อคโกแลตชื่อดังจากเบลเยี่ยม ร้าน Godiva นั่นเอง จัดช็อคโกแล็ตซอร์ฟเสิร์ฟไปคนละโคน โคนละ 45 HKD หรือประมาณ 190 บาท เนื้อไอติมช็อคโกแล็ตเข้มข้นสุดพลัง สำหรับเค้ารู้สึกว่ามันหวานแหลมไปหน่อย ทานแล้วแสบคออยู่ฮะ แต่ที่เด็ดโดนใจเจ้มากคือโคนวาฟเฟิลหอมกรอบอร่อยสุดๆไปเลย ![]() มื้อเย็นวันนี้ฝากท้องกันที่ร้าน Budaoweng Hotpot Cuisine อยู่ชั้น 23 ของตึก iSquare อยู่ตรงข้ามกับโรงแรม Holiday Inn Golden Mile ที่เราพักเลย ![]() มื้อนี้กรีดร้องงงงงงงงงงง.....ขอบอกว่าเป็นฮ็อตพอทที่เทพมากแนะนำเลย อร่อยเวิ่นเวอ มีปลาดิบสดๆเสิร์ฟมาลำนึงด้วย หมูเริงร่าสุดๆ ![]() ![]() เพิ่งเคยได้ลองทานหอยงวงช้างลวก เนื้อกรุบๆกรอบๆอาหย่อยเน้อ ส่วนเนื้อและหมูร้านนี้คอนเฟิร์มให้ว่าที่สุด!!! นุ่มละมุนลิ้นมากๆไม่มีคำว่าเหนียวเลย แต่น้ำจิ้มต้องเตรียมมาเองนะฮะ พี่ไกด์น่ารักมากซื้อน้ำจิ้มสุกี้พันท้ายนรสิงห์เตรียมไว้ให้เสร็จสรรพ บอกเลยว่าเป็นมื้อที่กินไปเยอะมากและฟินมากลวกหมูลวกเนื้อลวกผักมีฟามสุข ถ้าได้มาฮ่องกงอีกจะต้องมาหม่ำร้านนี้อีกให้จงได้ ให้ไปเลยห้าดาว ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ![]() ปิดท้ายด้วยของหวานที่ทางแอร์เอเชียเตรียมไว้ให้ มีเค้กกับสตรอเบอร์รี่ลูกเบิ้ม อร่อย อิ่ม และอืดไปตามๆกัน ขอบคุณสำหรับมือสุดพิเศษนี้มากๆนะค้า ![]() ![]() ปิดท้ายด้วยภาพวิวสวยๆจากร้านอาหารนี่ขนาดฝนตกยังสวยเลยเน้อ ช่วงสามวันที่มานี่โชคดีสุดๆคือตามพยากรณ์อากาศฝนจะตกแน่ๆทุกวัน ซึ่งก็ตรงแต่ว่าเป็นการตกเฉพาะช่วงเย็นและกลางคืน ช่วงกลางวันแค่ฟ้าครึ้มๆ ทำให้ไม่มีแดดเลยไม่ค่อยร้อนแม้อากาศจะ 25-27 องศาจ้า แต่ข้อเสียนิดนึงก็คือกลางคืนฝนตกหนักมากจะออกไปชอปปิ้งลั้นลาไม่สะดวกนั่นเอง แหะๆ ![]() 12/05/2014 มาเร็วเคลมเร็วจริงๆสวัสดีวันสุดท้ายในฮ่องกงค่า มื้อเช้าติ่มซ่ำตามธรรมเนียม เช้านี้คนละที่กับร้านแรก แต่ร้านแรกเมื่อวานอร่อยกว่าฮะ ร้านนี้ไม่มีซาลาเปาไส้ไหลเสียจาย ![]() ภารกิจของวันนี้คือการนั่งกระเช้า Ngong Ping 360 ไปไหว้พระใหญ่ ที่วัดโปลิน (PoLin Temple) บนเกาะลันตา เค้าจะมีกระเช้าสองแบบคือแบบธรรมดาและแบบคริสตัลคือเป็นใสๆทั้งตัวกระเช้า ราคาต่างกันเยอะอยู่ ทริปนี้นั่งกระเช้าแบบธรรมดา เค้าเคยมาสามครั้งก็นั่งแต่แบบธรรมดา เค้าว่าแค่นี้ก็สวยและเสียวใช้ได้ละฮับใครกลัวความสูงนี่ไม่ต้องพูดถึง ![]() วันนี้จังหวะดีมากตอนเช้าที่นั่งขึ้นไปมีเมฆลอยต่ำเป็นหมอกสีขาวๆ เวลากระเช้าค่อยๆเลื่อนไปจะเหมือนเราลอยเข้าสู่ม่านเมฆสวยมากกกก ![]() อากาศตอนอยู่บนกระเช้าเย็นสบายสุดๆประมาณ 23-24 องศา ![]() ขึ้นมาบนเกาะลันตาเห็นองค์ประใหญ่แล้ว สองครั้งก่อนที่มาก็ไหว้แค่ตรงนี้แต่วันนี้จะเดินขึ้นไปไหว้เป็นครั้งแรก ![]() บันไดทางเดินขึ้นองค์พระใหญ่ไม่สูงมากมีความสูงทั้งหมด 268 ขั้น ค่อยๆตั้งสติเดินท่อง ก้าวซ้าย-พุทธ/ก้าวขวา-โธ ไปเดี๋ยวก็ถึงค่ะ ![]() องค์พระใหญ่ทำจากทองสัมฤทธิ์หนัก 250 ตัน สูงถึง 34 เมตร นั่งอยู่บนฐานกลีบบัว ยกพระหัตถ์ขวาและแบพระหัตถ์ด้านซ้ายไว้บนตัก พระเนตรจ้องมองลงมาเหมือนดังว่ากำลังประทานพรให้แก่ผู้ที่ไปกราบไหว้ สำหรับการไหว้พระใหญ่อาจารย์โอ๋ให้สวดบทสวดแตกต่างกันตามวันเกิด เท่าที่จำได้คือของเค้าวันจันทร์สวดบทพาหุงมหากา สำหรับวันพฤหัสสวดคาถาชินบัญชร วันอาทิตย์สวดบทอิติปิโส 56 จบ เสร็จแล้วไม่ว่าเกิดวันไหนก็ปิดท้ายด้วยคาถาเงินล้าน พอสวดจบเงยหน้ามองพระพักตร์แล้วขอพรหนึ่งข้อค่ะ ถือเป็นการฝึกความอดทนอย่างหนึ่งเลยเพราะอากาศด้านบนร้อนมาก ฟ้าเปิดแดดเปรี้ยงสุดๆ แต่ทุกคนก็สามารถผ่านจุดนั้นมาได้ ![]() ![]() ได้เวลานั่งกระเช้ากลับไม่มีเมฆหมอกแล้ว ได้เห็นองค์พระใหญ่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่บนยอดเขาสวยงามมาก ![]() กองทัพต้องเดินด้วยท้องมาถึงมื้อเที่ยงของวันนี้แอร์เอเชียจัดเต็มอลังการให้อีกแล้ว ที่ ร้าน LEI GARDEN สาขา Elements Mall เป็นห้างใหญ่อยู่สถานี Kowloon ค่า อาหารมาเป็นเต็มโต๊ะแต่ละจานใหญ่อลังการหน้าตาน่าทานมาก ![]() ![]() เป็นอีกหนึ่งมื้อที่อร่อยเด็ดและประทับใจสุดๆ เสียดายที่เวลามีน้อยทุกคนรีบเพราะต้องเผื่อเวลาไปชอปปิ้งก่อนขึ้นเครื่อง เลยดื่มด่ำได้ไม่เต็มที่ แต่บอกเลยว่าอาหารเค้าอร่อยเริ่ดทุกอย่าง หมูแดงเนื้อฉ่ำเยิ้มน้ำราดอร่อยมากก หมูกรอบเรียกได้ว่ากรอบที่สุดตั้งแต่เคยกินมา เป็ดปักกิ่งห่อมาให้แบบพร้อมทานมีชิ้นที่เป็นหนังและชิ้นที่เป็นเนื้อรสชาติสุดยอด และสุดท้ายที่ฟินยิ่งกว่าฟินคือปูทอดกระเทียม ปูใหญ่มากสดมากเนื้อหวานเด้ง ![]() ![]() ปิดท้ายด้วยซาลาเปาไส้ไหลครีมไข่เค็มลาวา ร้านนี้เนื้อแป้งจะนุ่มๆไส้จะเน้นออกไปทางรสหวาน ไส้ไม่เยิ้มมากแต่ทานแล้วก็อร่อยเช่นกันค่า และของหวานก็คือสาคูมะม่วงใส่ส้มโอ เค้าชอบซดน้ำนะหอมมะม่วงอร่อยเลยแต่ส้มโอขมๆไปนิดจ้า หม่ำมื้อเที่ยงเสร็จก็มีเวลาให้ชอปปิ้งกรุบกริบๆประมาณหนึ่งชั่วโมง เดินเล่นกันได้เต็มที่ฟรีสไตล์แต่ต้องมาเจอกันในเวลา 16.45 น. เพื่อนั่งรถไปสนามบินให้ทันเวลาเช็คอิน ![]() แป๊บเดียวจะได้เวลากลับแล้วหลังจากเช็คอินเสร็จก็มานั่งรอกันในสนามบิน เค้าชอบสนามบินฮ่องกงมากกกกแบบว่าอินเตอร์เน็ตก็ฟรีมีที่ชาร์ตเป็นช่อง USB ให้อีก อยากกราบขอร้องให้สนามบินบ้านเราช่วยทำบ้าง ไม่รู้อีกนานแค่ไหนจะมีแบบนี้บ้างเนอะ สำหรับตลอดทริปนี้ใช้อินเตอร์เน็ตแบบแชร์มาจากเครื่องพี่ปูเป้ ซึ่งพี่เป้ซื้อซิมของฮ่องกงใส่เป็นซิมระบบ PCCW HKT แบบ 8 วัน ราคา 96 HKD (ประมาณ 405 บาท) ใช้อินเตอร์เน็ตได้ 5 GB ช่วยพี่เป้หารกับพี่แป้งใช้กันสามคนคุ้มกว่าเปิดโรมมิ่งมากมายจ้า ![]() บินกลับไทยไฟลท์ FD505 เวลา 19.50 น. เครื่องดีเลย์เล็กน้อย แต่ก็ถึงไทยไม่ช้าใช้เวลาพอๆกับขามาประมาณ 2.50 ชั่วโมงค่ะ สำหรับการมานั่งรอในสนามบินฮ่องกงตอนเช็คอิน บางครั้งที่ตั๋วเค้าจะยังไม่ระบุเกทให้ ต้องเข้าไปเช็คที่จอด้านในอีกที ดังนั้นควรมาเผื่อเวลาไว้เยอะหน่อย เพราะบางครั้งต้องนั่งรถไฟฟ้าเพื่อเปลี่ยนเทอมินอลถ้ามาแบบฉิวเฉียดอาจจะตกเครื่องได้จ้า ![]() ด้วยความที่เย็นย่ำค่ำแล้วขึ้นเครื่องปุ๊บเกิดอาการหิวเปิดส่องเมนูอาหารทันที 555 ราคาแม้จะเป็นการซื้อบนเครื่องก็ไม่ได้แพงกว่าราคาจองในเว็ปมากนัก แต่แค่จะไม่มีตัวเลือกให้เลือกเยอะเหมือนการสั่งจองล่วงหน้าจ้า ![]() เมนูบนเครื่องมื้อนี้ฟินอีกแล้วอาหย่อยมากกกกก แนะนำให้ลองกันสำหรับคนชอบกินเผ็ดกับเมนู "เล็กคาราบาว" เป็นไก่ต้มเค็มสูตรเด็ดของคุณเล็กคาราบาวที่ใส่พริกขี้หนูแบบไม่ยั้ง รสเค็มเผ็ดกินกับข้าวสวยร้อนๆนะสุดยอดดดแซ่บค่ะแซ่บ ซัดเกลี้ยงไม่ให้เหลือ ซึ่งเซ็ตเมนูเล็กคาราบาวนี้จะมาคู่กับโค้กหนึ่งกระป๋อง และของหวานที่เด็ดไม่แพ้ของคาวคือ "ลูกตาลลอยแก้ว" หวานเบาๆกำลังดีเนื้อลูกตาลไม่เละด้วยเอาไว้แก้เผ็ดไก่ได้อย่างลงตัว เซ็ตนี้ถ้าสั่งจองออนไลน์ราคาแค่ 190 บาทเองเน่อ อีกเซ็ตนึงคือไก่บาร์บีคิวอันนี้ก็ใช้ได้แต่บอกเลยว่าโดนเล็กคาราบาวแย่งซีนไปเต็มๆ 555 ![]() เรื่องของกินนี่ได้เรื่อยๆแม้จะจบหวานคาวไปแล้วก็ยังต่อแสน็กได้อีก 555 อันนี้ก็อร่อย กล้วยตากพลังงานแสงอาทิตย์ของ Banana Society บนเครื่องขายกล่องละ 60 บาท กล่องนึงมี 4 ชิ้นจ้า ![]() เป็นมื้อเย็นที่อิ่มและอร่อยอีกหนึ่งมื้อ จัดว่าเป็นอีกหนึ่งบริการของแอร์เอเชียที่เค้าเพิ่งเคยได้ลองและประทับใจ ไว้บินรอบหน้าจะลองสั่งอาหารเมนูอื่นมาลองคร้าบ รสชาติมันเด็ดไม่ใช่อาหารแบบที่เสิร์ฟบนเครื่องบินเหมือนที่เคยๆกินมากเลย ![]() ![]() ขอขอบคุณแอร์เอเชียและทีมงานทุกๆคนในทริปนี้ที่ดูแลเป็นอย่างดี (มากกกๆๆ) ตลอดทริป เป็นทริปที่สนุกสนานได้บุญและอิ่มท้องทุกมื้อด้วยอาหารอร่อยๆที่จัดเตรียมมาเป็นอย่างดี ขอบคุณพี่ๆเพื่อนๆบล็อคเกอร์ทุกคนที่ทำให้ทริปนี้ยิ่งสนุกและมีความสุขเข้าไปใหญ่ สุดท้ายขอบคุณทุกคนที่เข้ามาเยี่ยมชมบล็อคนี้ล่วงหน้าด้วยค่า ![]() ![]() ![]() thx u crab
โดย: Kavanich96
![]() Wow, amazing weblog layout! How long have you ever been blogging for? you make running a blog look easy. The entire look of your web site is fantastic, as neatly as the content material!
louis vuitton outlet //www.nercc.org/louisvuittonoutlet.cfm โดย: louis vuitton outlet IP: 94.23.252.21 วันที่: 21 สิงหาคม 2557 เวลา:7:52:50 น.
https://kloviagrli.com/ - best viagra alternatives https://vigedon.com/ - buying viagra online reviews https://llecialisjaw.com/ - no prescription cialis https://jwcialislrt.com/ - canadian cialis https://jecialisbn.com/ - when will cialis become generic
โดย: Grvteeva IP: 188.40.113.83 วันที่: 25 มีนาคม 2564 เวลา:6:36:18 น.
https://ljcialishe.com/ - over the counter cialis https://cialisvja.com/ - cialis 5mg best price https://viagraonlinejc.com/ - viagra stories https://viagratx.com/ - generic viagra prices https://buycialisxz.com/ - daily cialis
โดย: BrfgFunc IP: 188.40.113.83 วันที่: 26 มีนาคม 2564 เวลา:15:09:35 น.
|
บทความทั้งหมด
|