Review : Amsterdam-Paris Trip [Part 1] ตะลุยอัมสเตอร์ดัมเนเธอร์แลนด์กับการไปยุโรปครั้งแรก!!!
Smiley Goedendag : คู้เดิ้นดัค : สวัสดีค่า Smiley
ขอแอ๊บทักทายเป็นภาษาดัตช์นิดนึง อิอิ
ต้อนรับบล็อคแรกของการตะลุยยุโรปครั้งแรกของเค้า
ด้วยการไปเยือนอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์
หรือชื่อเดิมที่เรารู้จักกันในนามประเทศฮอลแลนด์นั่นเอง
พร้อมแล้วไปเที่ยวด้วยกันเล้ยยยย!



การเดินทางครั้งนี้นั่งเครื่องบินสายการบินประจำชาติของเนเธอร์แลนด์เลย
นั่นก็คือ สายการบิน KLM เป็น Direct Flight บินตรงสู่อัมสเตอร์ดัม
ไม่ต้องเปลี่ยนเครื่องให้วุ่นวาย ใช้เวลาในการนั่งบนเครื่องบินประมาณ 12 ชั่วโมงจ้า
ซึ่งได้เล่าเม้ามอยอย่างละเอียดยิบไว้ให้แล้วในบล็อคแรก
ใครยังไม่ได้อ่าน เชิญไปเสพย์กันได้ตามลิงค์ด้านล่างเลยคร้าบ

Smiley Review : แชร์ประสบการณ์
นั่งสายการบิน KLM Royal Dutch Airlines ครั้งแรก
สู่อัมสเตอร์ดัม Netherlands


ขอบอกว่าเขียนไว้ละเอียดที่สุดของที่สุดตั้งแต่ขั้นตอนการจอง
การเช็คอินล่วงหน้า การโหลดกระเป๋า ราคา อาหารบนเครื่อง
รวมถึงการดูแลผิวเวลาต้องนั่งเครื่องบินนานๆ แนะนำว่ามิควรพลาดด้วยประการทั้งปวง อิอิ Smiley



ออกเดินทางจากสุวรรณภูมิตอน 12.20 น.
ไปถึงอัมสเตอร์ดัมเวลา 18.25 น. เวลาที่นู่นช้ากว่าเรา 6 ชั่วโมงฮะ
ซึ่งเค้าเองเป็นคนนอนดึกมากอยู่แล้วเลยไม่มีอาการเจ็ทแล็คเลยแม้แต่น้อย
ชอบจริงเป็นการเที่ยวที่ไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยหรือต้องปรับเวลาเลย 555
การบินไปยุโรปครั้งแรกบอกเลยว่าตื่นเต้นมาก ลุกมาชมวิวเป็นระยะๆ
วิวสวยเว่อร์จริงๆเค้าชอบนสุดคือช่วงที่บินผ่านตะวันออกกลาง
ภูเขาสีส้มๆมีหิมะปกคลุมที่ยอดมันสวยมากกกก Smiley



ด้วยความที่ สายการบิน KLM เป็นสายการบินยุโรป
ดังนั้นไซส์เก้าอี้ก็เลยเป็นไซส์ยุโรปไปด้วยสาวไซส์มินิอย่างเค้าบอกเลยว่ากว้างขวาง
นั่งสบายยืดขาจนสุดเข่ายังห่างจากเบาะข้างหน้าเป็นคืบเล้ย
ซึ่งขาที่นั่งไปนั้นได้เพื่อนใหม่เป็นคุณลุงชาวเดนมาร์กผู้น่ารัก
นั่งเม้ามอยกันหลายชั่วโมงราวกับเคยรู้จักกันมาก่อน 555
ประเด็นแรกที่คุยกันคือคุณลุงหันมามองเค้าแล้วเรียกเค้าว่า "Small Girl"
บอกยูนี่ดีจังนั่งเครื่องบินไปไหนก็สบายเพราะตัวเล็กที่นั่งดูกว้างไปเลย
เอ๊ะเดี๋ยวนะนี่ลุงชมหรือแอบด่าว่าหนูเตี้ยคะ 555 คือลุงเค้าสูงมาก 196 ซม.
เราก็เลยกลายเป็นสาวไซส์จิ๋วมากในสายตาเค้า แหม่ก็สูงห่างกันแค่ 30 ซม.เองนะ เอิ๊กๆ
เดินไปเข้าห้องน้ำพร้อมกันลุงมายืนเทียบแล้ววัดดูเค้าสูงแค่รักแร้ลุงเอง ยังกะสเมิร์ฟเลย555
จากประเด็นสาวจิ๋วเลยนั่งคุยนู่นนี่ไปเรื่อยจนถึงอัมสเตอร์ดัมเลย
โดนหยอกโดนแซวตลอดไฟลท์ ลุงเห็นเค้าถ่ายภาพทุกช็อตทุกมุมเพราะตั้งใจจะกลับมาเขียนรีวิวไง
ลุงเลยแกล้งแอบโผล่มาในเฟรมบ้าง ยื่นมือบังกล้องบ้าง สนุกดีน้าได้เพื่อนใหม่ตั้งแต่เริ่มทริป
บอกเลยว่าระดับภาษาอังกฤษเค้านั้นไม่ได้ดีเลย แต่เป็นคนไม่ค่อยอายที่จะพูด
ศัพท์แสงในสมองมีไม่กี่คำแต่ประติดประต่อให้เป็นประโยคแบบสื่อสารได้
และด้วยบุคลิกเราเป็นคนยิ้มง่ายฝรั่งคุยด้วยแล้วเค้ามักจะเอ็นดูเราเหมือนเราเป็นเด็ก
ทุกครั้งที่ไปเมืองนอกมักจะได้เพื่อนใหม่ระหว่างทริปเสมอๆ นี่แหละน้าเสน่ห์ของการเดินทาง Smiley



12 ชั่วโมงผ่านไปไวเหมือนโกหก ถึงอัมสเตอร์ดัมแล้ว เย้!
สนามบินที่เราไปลงคือ Schiphol Airport (อ่านว่า สะ-คิป-โพล บ้างคนออกเป็น โฮล)
ภาษาดัตช์อ่านออกเสียงยากมากกก ตัวสะกดเยอะจริงจัง
ไม่จำเป็นจะไม่อ่านป้ายอะไรใดๆทั้งนั้นมั่นใจว่าพูดไปเค้าก็ฟังเราไม่ออก
ถ้าต้องการสอบถามอะไรยื่นชื่อให้เค้าดูดีที่สุดฮะ
สนามบินเค้าก็กว้างขวางอยู่แต่ไม่ใหญ่โตอลังการดาวล้านดวงเท่าสุวรรณภูมิ
ซึ่งเค้าชอบนะไม่ต้องเดินไกล จุดรับกระเป๋าเดินไปนิดเดียว
สำหรับการเข้ายุโรปเราต้องทำการขอ
Shchengen Visa (วีซาเชงเก้น) มาก่อนอยู่แล้ว
ต้องขั้นตอนตม.จึงง่ายมากสะดวกรวดเร็ว ของเค้าเปิดดูพาสปอร์ตแว่บเดียว
ไม่ถามอะไรเลยปล่อยผ่านแบบชิลๆ ส่วนหลังจากรับกระเป๋า
ตรงทางออกจะมีแสกนกระเป๋าอีกนิดนึงตรงนั้นเจ้าหน้าที่ศุลกากรซึ่งยิ้มแย้มมาก
เค้าก็ถามทั่วไปมาเที่ยวเหรอ มากี่วัน แสกนกระเป๋าเจออาหารกระป๋องแพ็คๆก็ไม่มีปัญหาอะไรฮะ
เจ้าหน้าที่แลดูใจดีเลยถามวิธีการเข้าเมืองเค้าเสียเลย เค้าเข้าเมืองง่ายมาก
เดินผ่านตรงนี้ออกไปนิดเดียวเจอสถานีรถไฟอยู่ในตัวอาคารเลย
บอกเสร็จสรรพซื้อตั๋วตรงไหน ลงสถานีอะไร ขอบพระคุณมากคร้าบ



ออกมาปุ๊บสิ่งแรกที่เจอเลยคือบูทขายซิมการ์ด!!!
สวรรค์โปรดนี่แหละสิ่งที่ต้องการ เพราะเค้าศึกษาก่อนเดินทาง
หลายเสียงว่าไปยุโรปไม่แนะนำให้เปิด Roaming
อาจจะเกิดปัญหาหนี้สินบิลค่าโทรศัพท์ถล่มบ้านได้
การไปซื้อซิมที่นู่นใส่จึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่าเพราะราคาไม่สูงมาก
ในสนามบินบูทที่มาตั้งคือค่าย Lebara ซึ่งเป็นค่ายใหญ่มีใช้หลายประเทศทั่วโลก
ซึ่งเค้าเองก็เคยใช้ตอนอยู่ซิดนีย์ก็เลยคิดว่าน่าจะโอเค ราคาซิมก็ไม่แรงมาก
20 Euro ( 890 บาท) เล่นเน็ตได้ 7 วัน 3G แบบไม่จำกัด
เค้ามาเที่ยว 7 วันพอดีได้เน็ตแบบ Unlimit ด้วยโอ๊ยคิดเลยว่าเจ๋งมาก
ซื้อซิมเพียงอันเดียวใส่มือถือแล้วตั้งใจว่าจะเปิด Personal Hotspot
ปล่อยสัญญาณอินเตอร์เน็ตแชร์ให้ไอแพด คุ้มนะเนี่ยราคานี้เล่นได้สองเครื่อง
แต่........มันไม่เป็นอย่างที่คิด ค่ายมือถือที่นี่ร้ายนะฮร้าตั้งค่าล็อคไม่ได้เปิดแชร์เน็ต!!!
คือล็อคเครื่องไม่ให้ขึ้นโหมดเปิด Personal Hotspot ไปเลย รู้ทันความคิดเรามากกระซิกๆ
และบริเวณบูทนี้ก็มีเฉพาะ Micro Sim ใช้ได้เฉพาะมือถือรุ่นเก่า ไม่มี Nano Sim ขาย
ดังนั้นใครใช้ไอแพดหรือ iPhone5 หมดสิทธิ์นะจ๊ะ แชร์เน็ตก็ไม่ได้ไปหาใหม่เอาดาบหน้าฮือ
ส่วนเรื่องโปรค่าโทรศัพท์เค้าไม่ได้ดูน้าเพราะโทรกลับบ้านผ่านแอพใน Line เอาฮับ

***ที่นี่ใช้เงินสกุล Euro เพราะเป็นประเทศในสหภาพยุโรป
ช่วงที่เค้าไปค่าเงินประมาณ 43 กว่าๆไม่ถึง 44 บาทจ้า




หน้าตาของจุดขายตั๋วรถไฟเข้าเมือง ตั้งอยู่ในสนามบินเลยหาง่ายจริง
ทางลงสถานีก็อยู่ติดกันเลยเรียกได้ว่าสะดวกสบายสุดๆ
สถานีที่เค้าจะไปคือสถานีหลักกลางเมืองอัมสเตอร์ดัมเลย
Amsterdam Centraal Station เค้าพิมพ์ Centraal ไม่ผิดน้า
สะกดแบบภาษาดัตช์จะมีตัว a สองตัวจริงๆ การออกเสียงเค้าจะควบ ร ชัดเจน
เซ็น-เตร่าาาา สำเนียงคล้ายคนใต้บ้านเราแบบติดทองแดงๆนิดๆเลย มีเสน่ห์ดีน้า
ราคาตั๋วใบละ 4.40 Euro (195 บาท) แพงเอาเรื่องตามค่าครองชีพหล่ะนะ



แม้จะถามเจ้าหน้าที่มาเป็นอย่างดีแล้วว่าขึ้นชานชลาฝั่งไหน
แต่ด้วยความสามารถก็ขึ้นรถผิดคันอยู่ดี หลงตั้งแต่เริ่ม 555 ชินละ
ขอบอกว่าคนที่นี่น่ารักและเป็นมิตรสุดๆพอเค้าเห็นว่าเราหลง
ช่วยกันเช็คให้ใหญ่เลยว่าเราต้องเปลี่ยนรถตรงสถานีไหน ลงตรงไหน
เค้ายินดีช่วยเหลือเราสุดๆเปิดมือถือเช็คให้แบบเป๊ะๆ ซึ้งอ้ะขอบคุณมากๆคร้าบ
ณ อัมสเตอร์ดัมตอนนั้นอุณหภูมิประมาณ 9-10 องศาคนที่นู่นแต่งตัวจัดเต็ม
กรุณาดูคอสตูมคุณแฟนเค้านึกว่ามาช่วงซัมเมอร์แลดูคอนทราสก์เกิ๊น 555



และด้วยน้ำใจของชาวดัตช์เราก็มาถึง
Amsterdam Centraal Station ได้โดยสวัสดิภาพ เย้ๆ
สถานีนี้เป็นสถานีหลักตั้งอยู่กลางเมือง เป็นจุดที่ใช้ต่อรถไปยังเมืองต่างๆ
เป็นสถานีรถไฟที่สวยมากตั้งอยู่ตรงชายฝั่งอ่าวไอย์ (ij) สร้างมาตั้งแต่ปี 1889
อายุร้อยยี่สิบกว่าปีแน่ะ เป็นสถาปัตยกรรมแบบนีโอเรอเนสซองส์
ผสมผสานกับนีโอโกธิก คลาสสิก สวยงาม ดูมีมนต์ขลังเนอะ
เค้ามักเลือกที่พักที่ใกล้สถานีหลักเวลาเดินทางไปยังประเทศที่ไม่เคยไป
เพราะจะเป็นจุดที่สะดวกสุด สิ่งอำนวยความสะดวกครบ และค่อนข้างปลอดภัยจ้า




โรงแรมที่เค้าพักอยู่ไม่ไกลจากสถานี Centraal
สามารถเดินเข็นกระเป๋าเดินทางกระเตงๆไปได้ระยะทางประมาณ 850 เมตร
ตามแผนที่เค้าจะแนะนำให้ออกทางประตูกลาง
แต่ถ้าไม่มีสัมภาระเท่าไหร่เดินตัดออกไปออกประตูฝั่งซุปเปอร์มาร์เก็ต Albert Heijn
จะเดินใกล้ขึ้นอีกนิดนึง แต่จะต้องเดินข้ามตรงสถานีรถรางซึ่งรถค่อนข้างขวักไขว่นิดนึงฮะ
อยากจะบอกว่าการมีอินเตอร์เน็ตที่สามารถเปิด Google Map ได้
เป็นความอบอุ่นใจอย่างยิ่งในการเดินทางต่างแดน



และแล้วมามาถึงที่หมาย สำหรับเค้าอากาศเย็นๆเดิน 850 เมตรนี่ชิลๆน้าไม่เหนื่อย
โรงแรมที่เค้าจองมาคือ City Hotel Amsterdam โดยจองผ่านเว็ป Booking.com เว็ปประจำ
โดยตกราคาคืนละ 90 Euro (ประมาณ 4,000 บาท) แบบรวมอาหารเช้า
ในเว็ปแอบบอกว่าโรงแรมห่างจากสถานีแค่ 500 เมตร บอกสั้นกว่าทางจริงไปนิดนะฮร้า อิอิ
ข้อดีของการจองผ่าน
Booking.com คือใช้บัตรเครดิตในการจองแต่มาจ่ายเงินจริงที่โรงแรม
ซึ่งส่วนใหญ่ถ้าเราแลกเป็นเงินของประเทศนั้นๆมาจ่ายมักจะถูกกว่าฮะ
รีเซฟชั่นที่นี่มีหลายคนจะผลัดเปลี่ยนเวรกันไปเรื่อยๆ แต่อัธยาศัยดีทุกคนภาษาอังกฤษเป๊ะมั่กๆ



โรงแรมเป็นตึกแบบดั้งเดิมแต่ปรับปรุงด้านในให้เป็นห้องพัก
เค้าชอบการตกแต่งเรียบๆง่ายๆแต่ดูอบอุ่นดี มีเคาท์เตอร์บาร์ด้วย
ที่โรงแรมมีสัญญาณ Wi-Fi ให้เล่นฟรี แต่จะมีเฉพาะชั้นล่างเท่านั้น ที่ห้องพักไม่มีฮะ



แต่ขอบอกว่าโรงแรมแทบทุกแห่งของที่นี่มักจะเป็นอาคารดั้งเดิมแต่ปรับปรุงต่อเติมเป็นโรงแรม
ซึ่งมักจะเป็นอาคารที่สูงแค่ 3-4 ชั้น ดังนั้นจะ ไม่มีลิฟต์!!! ซะเป็นส่วนใหญ่นะคร้าบ
บันไดก็จะเหมือนบันไดในบ้านคนขนาดค่อนข้างแคบหน่อย
และจะไม่มีบริการหอบกระเป๋าขึ้นไปให้ที่ห้องพัก ดังนั้นถ้าผู้หญิงเดินทางคนเดียว
แนะนำว่าหอบสำภาระมาอย่าเยอะมากไม่งั้นสิ้นสภาพกลางบันไดแน่นอน
ดีนะเค้ามีพนักงานหิ้วกระเป๋าส่วนตัว <<< คุณแฟนนั่นเอง ช่วยหอบกระเป๋าขึ้นไปให้ อิอิ
แต่ด้วยความที่เป็นกระเป๋าเดินทางไซส์ใหญ่สุด 2 ใบ คุณแฟนก็เกือบสิ้นสภาพเช่นกัน 555



ท๊า ดา....สภาพภายในห้องพักกว้างขวาง สะอาด สวยงาม ประทับใจเลย



สิ่งอำนวยความสะดวกในห้องมีผ้าเช็ดตัวให้สองผืน
ไดร์เป่าผม เครื่องทำน้ำอุ่น เท่านี้ฮะ ไม่มีน้ำดื่มให้แบบบ้านเรา
สำหรับราคาสี่พันเทียบกับค่าครองชีพและทำเลแล้วเค้าโอเคมากเลยกับโรงแรมนี้แนะนำๆฮับ



สำหรับการมายุโรปครั้งแรกสิ่งที่เค้ากังวลสุดคือเรื่อง "อาหาร"
เพราะเป็นคนไม่ค่อยถูกกะอาหารฝรั่งเท่าไหร่ ไม่ชอบอะไรชีสๆเอือมๆง่า
เลยพกอาหารไทยสำเร็จรูปมาเต็มพิกัดซึ่งยุโรปสามารถนำเข้าประเทศได้ไม่มีปัญหา
ใครติดอาหารไทยแบบเค้าแนะนำข้าวหอมมะลิกระป๋องยี่ห้อ คุณเพิ่ม
หาซื้อได้ในโลตัสกระป๋องละ 16 บาท เวลาทานถ้าไม่มีไมโครเวฟ
สามารถอุ่นให้ข้าวนิ่มขึ้นได้ด้วยการแช่ในน้ำร้อนประมาณ 3-5 นาที
ก็เปิดน้ำร้อนจากก๊อกในห้องน้ำนั่นแหละฮะแช่ไว้เลย ข้าวจะนิ่มขึ้นบริเวณขอบๆกระป๋อง
แม้ตรงกลางกระป๋องจะแข็งๆหน่อยแต่ก็ทานได้ไม่แย่
ส่วนอาหารสำเร็จรูปเค้าแนะนำ โรซ่า แบบเป็นซองๆ เวิร์คมาก
มีอาหารให้เลือกหลากหลายประเภท อุ่นโดยการแช่น้ำร้อนก็ง่าย อุ่นไวกว่ากระป๋องเยอะ
เรื่องกินนี่ไม่เคยพลาดเตรียมพร้อมมาดีเสมอ แต่อายเกินจะบอกว่าตกม้าตายเรื่องนึง
ฝากไว้เลยว่าเตรียมอาหารมาพร้อมแล้วอย่าลืมเตรียม "ช้อน" มาด้วย !!!
จะกินแล้วเพิ่งคิดได้ว่าไม่มีช้อน เวรกรรมจริงๆฮือ เลยต้องเดินลงไปหาซื้อที่ซุปเปอร์ใกล้ๆ
ซึ่งก็มีอยู่ในสถานี Centraal ชื่อร้าน HEMA เป็นร้านที่มีทุกสิ่งเหมือนพวกโลตัสเอ็กเพรส
แต่มันน่าเจ็บใจนะ............มีทุกสิ่งจริงๆตั้งแต่อาหารสดยันเครื่องสำอาง แต่ไม่มีช้อน!!!
มื้อนี้คุณแฟนเลยต้องตัดฝาพลาสติกของกล่องแครกเกอร์ทูน่ามาใช้ตักข้าวแทนช้อน เฮร่ออ...



กว่าจะเอ้อระเหยทำนู่นนี่นั่นเสร็จก็ดึกเลยคืนนี้เลยขอเดินสำรวจแค่ใกล้ๆโรงแรมพอ
แม้จะอยู่กลางเมืองแต่เวลาประมาณสี่ทุ่มถนนที่นี่ก็เริ่มโล่งละนานๆมีรถโผล่มาคันนึง
แต่จะมีคนขี่จักรยานและคนเดินไปเดินมาเรื่อยๆ ทำให้บรรยากาศดูไม่เปลี่ยว
อัมสเตอร์ดัมเป็นเมืองที่เรียกได้ว่าสงบแต่ไม่เหงาถ้าได้มาสัมผัสจะรู้สึกได้
ว่าเป็นเมืองที่ให้ความรู้สึกปลอดภัย ไม่มีอะไรน่ากลัว เดินเล่นได้แบบสบายใจจริงๆนะ



ราตรีสวัสดิ์คืนแรก ณ อัมสเตอร์ดัมด้วยวิวคลองงามๆใกล้ๆโรงแรม
เมืองบ้าอะไรไม่รู้สวยคลาสสิกแบบไม่ต้องแต่งเดิม ตกหลุมรักซะละ Smiley



Goedemorgen : คู้เดอะ ม๊อร์เคิ่น : สวัสดีตอนเช้าค่า Smiley
เริ่มเช้าวันใหม่กันด้วยการหม่ำอาหารเช้าแบบบุฟเฟ่ต์กันที่โรงแรม
ห้องอาหารเป็นโถงสูงมีที่นั่งให้พอกับจำนวนแขกบรรยากาศน่านั่ง



อาหารเช้าที่นี่เรียกได้ว่า คุ้มมมมมมมมม!!! คือไม่ได้หลากหลายมากก็อเมริกันเบรคฟาสต์ทั่วไป
แต่ว่าก็ครบถ้วนและอิ่มอร่อย เค้าปลาบปลื้มกับแฮมและเบคอนของที่นี่มากคุณภาพดีสุดๆ
เกิดมาในชีวิตไม่เคยฟาดแฮมและเบคอนเยอะเท่านี้มาก่อนฟาดคนเดียวทีละสิบกว่าแผ่น!
เสียดายที่มีแต่ไข่ต้มถ้าได้ไข่ดาวกะแม็กกี้ด้วยนะจะฟินนาเล่ยิ่งกว่า
บนโต๊ะเค้าจะมีแค่เกลือและพริกไทยไว้ให้ ซึ่งใครเป็นพวกติดซอสแบบเค้า
แนะนำว่าพกซอสมะเขือเทศมาด้วยจะทำให้หม่ำได้เยอะขึ้นฮะ เปรี้ยวๆหน่อยแก้เอือม
ตอนเค้าไปพกซอสมะเขือยี่ห้อ ภูเขาทอง แบบเป็นซองใหญ่มีฝาเกลียว
น้ำหนักเบากว่าแบบขวด ที่สำคัญเทกินง่าย ซอสรสชาติอร่อยด้วย อิอิ



ความเด็ดอีกอย่างของมื้อเช้าคือขนมปังเค้าเนื้อแน่นนุ่มอร่อยมาก
เอามาปิ้งกินทาแยมแล้วเริ่ด ซึ่งมาสารพัดแยม เนย เนยถั่ว ฯลฯ ให้เลือก
ที่โดนใจเค้าสุดคือน้ำผึ้ง กะ เฮเซนัท เอามานั่งป้ายกินเล่นเลยอ้ะ หมูติดใจ Smiley



ปิดท้ายด้วยเครื่องดื่มที่เค้าชอบคือช็อคโกแล็ตสำเร็จรูปที่โรงแรมนี้ใช้คือยี่ห้อ Chocomel
รสชาติเข้มข้น หวานมัน ยิ่งราดนมสดที่เค้าเอาไว้ราดกาแฟลงไปด้วยอีกหน่อยนะ ฮร้ายยยฟิน
มื้อเช้าทุกวันในอัมสเตอร์ดัมเลยอิ่มหนำสำราญ อิ่มแปร้อยู่ได้ยันบ่ายประหยัดค่ากินไปเยอะคร้าบ



ฟาดมื้อเช้าจนอิ่มแล้วได้เวลาตะลุยอัมสเตอร์ดัมกันแล้ว เย้!
อากาศเช้าวันนี้ [28/11/2013] คือ 9 องศา คือเย็นอ้ะเค้าก็แต่งจัดเต็มเอาให้อุ่น
ท่อนบนใส่เสื้อ Uniqlo Heattech แขนยาวด้านใน
ทับด้วยเสื้อ Uniqlo Fleece คอเต่าแขนยาว
แล้วทับด้วยเสื้อไหมพรมอีกตัวนึง พร้อมพันผ้าพันคอ
ท่องล่างใส่เลกกิ้ง
Heattech แบบบางซ้อนกันสองชั้น
ใส่ถุงเท้าแบบถักจากขนแกะกับบูทยาว อุ่นแบบเอาอยู่สบายๆ
ส่วนคุณแฟนอิชั้นนั้น.............ไม่ต้องบรรยายแต่งตัวซัมเมอร์เหมือนเดิม
นางชอบอากาศเย็น เป็นคนขี้ร้อน แต่อันนี้ก็ขี้ร้อนไปม๊ายยย Smiley



มาทำความรู้จัก "อัมสเตอร์ดัม" กันก่อน!
อัมสเตอร์ดัม (Amsterdam) เป็นเมืองหลวงของประเทศเนเธอร์แลนด์
ตั้งอยู่ริมฝั่ง แม่น้ำอัมสเทล (Amstel) เริ่มก่อตั้งประมาณคริสต์ศตวรรษที่ 12
ชื่อเมืองมาจากคำ 2 คำ คือ Amstel แม่นํ้าอัมสเตล บวกกับคำว่า Dam ที่แปลว่าเขื่อน
เมื่อรวมความแล้วก็คือ “เขื่อนที่อยู่ริมเเม่นํ้าอัมสเตล”  นั่นเองจ้า



อัมสเตอร์ดัมเป็นเมืองที่มีลักษณะพื้นที่เป็นเกาะมีคูคลองล้อมรอบเมืองถึง 4 ชั้น
ซึ่งถูกขุดขึ้นเมื่อต้นศตวรรษที่ 17 มีความยาวรวมกันกว่า100 กม.
เพื่อใช้เป็นเส้นทางสัญจรและขนส่งสินค้ารวมถึงเป็นคูเมืองเพื่อป้องกันข้าศึกศัตรู
มีประตูกันน้ำถึง 16 แห่ง จึงเรียกได้ว่าอัมสเตอร์ดัมนี้เป็น เมืองแห่งคลอง
ด้วยลักษณะผังเมืองที่เชื่อมกันหมดทำให้เดินเที่ยวได้ง่ายมากกกไม่ต้องกลัวหลงเลยฮะ
และด้วยความที่เมืองเค้าอนุรักษ์ตัวอาคารให้เป็นแบบยุคก่อนเอาไว้
จึงเป็นเมืองที่สวยงามมีเสน่ห์ติดอันดับต้นๆของยุโรปเลย
มาเที่ยวที่นี่แค่เดินเล่นรอบเมืองก็คุ้มละ เดินเพลินมากสวยจริงจังค่า Smiley

Credit ขอบคุณข้อมูลจากเว็ป : //travel.thaiza.com  ค่า



บ้านสองฟากริมฝั่งคลองเป็นอาคารแบบยุโรปจ๋า
สะท้อนเงาในแม่น้ำไม่รู้จะบรรยายยังไง สวยจบ!
ภาษาหลักซึ่งเป็นภาษาราชการของที่นี่คือภาษาดัตช์
ซึ่งตามป้ายต่างๆก็เป็นภาษาดัตช์ ใช้ตัวอักษรแบบภาษาอังกฤษแต่ตัวสะกดจะเยอะแยะ
สำหรับเค้าคืออ่านป้ายไม่ออกเลย ไม่กล้าออกเสียง มั่นใจว่าออกเสียงไปก็ผิด 555
แต่สำหรับการมาเที่ยวไม่ต้องห่วงชาวดัตช์พูดภาษาอังกฤษกันได้ทุกคน และสำเนียงฟังง่ายมากจ้า
เคยอ่านเจอในหนังสือเค้าบอกคนอัมสเตอร์ดัมเฉลี่ยแล้ว
เป็นเมืองที่คนมีความสูงมากสุดในโลกด้วย ซึ่งก็จริงผู้ชายนี่ 180++ ส่วนผู้หญิงก็ 170++
เอาว่าสาวสเมิร์ฟอย่างเค้าอยู่แล้วตัวเท่าลูกหมาไปเลย คุยทีเงยหน้าซะเมื่อยคอ 555
จากที่สังเกตคนที่นี่จะมีหลายเชื้อชาติ แต่โดยรวมถือว่าเป็นเมืองที่คนเอเชียไม่เยอะมากค่ะ



สิ่งที่เราจะเห็นได้ทั่วเมืองก็คือ "จักรยาน"
ถือเป็นพาหนะหลักของคนที่นี่ ซึงเค้าจะมีเลนสำหรับจักรยานโดยเฉพาะ
เป็นเลนสวนเหมือนเลนรถยนต์เลย และตามข้างทางก็จะมีที่สำหรับจอดจักรยานให้รอบเมือง
การเดินเล่นในเมืองควรเดินบนทางเท้าและต้องระวังจักรยานเป็นพิเศษ
เนื่องจากเค้าปั่นจักรยานกันทั้งเมืองรถจะเยอะมากและคนที่นี่ปั่นกันเร็วมากไม่ค่อยเบรคนะฮะ



ประเทศเนเธอร์แลนด์จะแบ่งเป็น 4 ฤดู คือ
ใบไม้ผลิ        มีนาคม – เดือนพฤษภาคม
ร้อน      มิถุนายน – สิงหาคม
ใบไม้ร่วง    กันยายน – พฤศจิกายน
หนาว      ธันวาคม – กุมภาพันธ์

อากาศจัดว่าเย็นตลอดปีร้อนสุดก็แค่ 22 องศา หนาวสุดคือติดลบต้นๆ
ช่วงที่เค้าไปคือ 27 พฤศจิ - 3 ธันวา 2556 อยู่ในช่วงเข้าหน้าหนาว
อากาศจะค่อนข้างเย็นอุณหภูมิตอนกลางวัน 6-9 องศา
ตอนกลางคืนบางคืนนี่เหวี่ยงลงไปถึง -1 หรือ -2 เลย
เค้าไปตรงช่วงที่คาบเกี่ยวจากฤดูใบไม้ร่วงเลยได้เห็นใบไม้เปลี่ยนสีด้วย
ต้นไม้เหลืองๆแดงๆตามสองข้างทางให้บรรยากาศเหงาๆน่าเล่นเอ็มวีมาก อิอิ
ในช่วงหนาวๆแบบนี้ฟ้าจะครึ้มๆมัวๆหน่อยแทบไม่ได้จ๊ะเอ๋กับพระอาทิตย์
และฟ้าจะมืดเร็วมากประมาณ 4-5 โมงเย็นฟ้าก็มืดหมดแล้วจ้า



เป้าหมายวันนี้ที่ตั้งใจไว้คือไปเดินเล่นตรงจตุรัสกลางเมืองดัมสแควร์ (Dam Square)
แต่ระหว่างทางก่อนถึงขอแว่บเข้าย่านชอปปิ้งนี้ดดดนึง อิอิ
ย่านชอปปิ้งชื่อดังของอัมสเตอร์ดัมอยู่บนถนน Kalverstraat และ Leidsestraat
ใกล้ๆกับดัมสแควร์เลยฮะ สังเกตง่ายคนพลุกพล่านสองข้างทางมีร้านรวงเต็มเอี้ยดสองข้างทาง
มีแสงแดดโผล่มาให้ดีใจแว่บนึงแล้วแดดก็จากไป อากาศเริ่มเย็นขึ้นเรื่อยๆ
ต้องควักเสื้อ Uniqlo Ultra Light Down มาคลุมทับอีกชั้นนึง
ด้านในบุด้วยขนเป็ดเค้าสอยมาจากญี่ปุ่นตอนเซลล์ ขอบอกว่าคุ้มมาก
แนะนำให้ซื้อไว้ถ้าจะไปเที่ยวเมืองหนาว อากาศประมาณติดลบต้นๆเอาอยู่
น้ำหนักเบาพับแล้วเหลือตัวนิดเดียวพกพาง่าย
Uniqlo บ้านเราก็มีขายฮะ



ส่วนใหญ่เป็น Street Brand ทั่วไปๆที่เราคุ้นเคย เช่น H&M , Bershka , Nike ฯลฯ
ราคา H&M ที่นี่เค้าแว่บเข้าไปดูนิดนึงก็พอๆกะบ้านเราไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น
แต่ที่กรี้ดดดและตื่นเต้นคือ เครื่องสำอางแบรนด์ Flormar
เป็นแบรนด์ที่กำเนิดในอิตาลีแต่ผลิตในตุรกี มีช็อปส่วนใหญ่อยู่ในโซนยุโรป
พูดเลยว่ามาแล้วควรแวะ! ตอนที่ไปมีโปรซื้อ 4 จ่าย 3 ด้วยเริ่ด!



หน้าตาแอบคล้าย MAC เบาๆ แต่ราคาเบากว่าเย๊อะะะ
ลิปราคา 3-7 Euro บรัช/แป้ง 12-15 Euro
เค้าซื้อลิปมาแล้วกรี้ดดดเลยเนื้อครีมมี่พิกเมนต์เข้มข้นปกปิดสีปากมิด
กลับมาแล้วอยากได้อีก ฮือ นี่ขนาดไม่ใช่คนบ้าเครื่องสำอางนะนี่
รอบหน้าไปอีกไม่พลาดบอกเลย จัดให้เป็นของดีเมืองอัมสเตอร์ดัม555



แต่จริงๆเค้าไม่ได้จะมาชอปปิ้งไร้สาระนะที่แวะมาย่านชอปปิ้งเนี่ย อิอิ
แวะมาเพื่อซื้อซิมการ์ดใส่ไอแพดจ้า ซิมนาโนและโปรอินเตอร์เน็ตสำหรับไอแพดจะหายากหน่อย
เค้าซื้อจากร้าน Be!Company โดยใช้ค่าย Vodafone ซึ่งเป็นค่ายใหญ่มีทั่วโลกเช่นกัน
ถ้าเค้าจำไม่ผิดจะเป็นโปรเน็ต 7 วันใช้ได้ 300M ราคา 20 Euro (885 บาท)
ทางร้านจะเซ็ตตั้งค่าทุกอย่างให้เราเลย เราไม่สามารถทำเองได้อยู่ละเพราะเป็นภาษาดัตช์ล้วนๆ
โดยถ้าเราใช้เน็ตใกล้หมด 300M จะมีแมสเสจส่งมาเตือน (เป็นภาษาตัตช์แต่พอเดาได้)
เราสามารถเติมเงินซื้อโปรเน็ตเพิ่มได้ตามช็อปของร้าน
Be!Company
หรือช็อปของ
Vodafone เองจ้า ซึ่งในย่านชอปปิ้งที่เดินเล่นตะกี๊
ก็มีช็อป
Vodafone แหละเค้าเพิ่งมาเจอตอนหลัง แหะๆ Smiley มีอินเตอร์เน็ตแล้วเย้ๆอุ่นใจ



และแล้วก็มาถึง
จุดหมายปลายทางของเราเสียทีแวะไปซะหลายชั่วโมง
ดัมสแควร์ (Dam Square) จตุรัสกลางเมืองที่มักใช้เป็นจุดที่ใช้นัดพบกันเพราะสังเกตง่าย
เป็นลานกว้างขนาดใหญ่ที่รายล้อมไปด้วยสถานที่สำคัญๆไม่ว่าจะเป็น
พระราชวังหลวง (Royal Palace) ที่เห็นอยู่ในภาพ
เป็น 1 ใน 3 ของพระราชวังที่ยังใช้เป็นที่อยู่อาศัยของราชวงศ์อยู่ด้วยค่ะ
โดยปกติจะเปิดให้กับผู้คนทั่วไปในการเข้าชมด้านในได้ แต่ช่วงที่เค้าไปปิดปรับปรุง โธ่ Smiley,
อนุสรณ์สถานสงคราม (War Mermorial) , โบสถ์ใหม่(New Church)
นอกจากนี้บริเวณจัตุรัสดัมสแควร์ยังใช้เป็นสถานที่ประกอบพระราชพิธี
ของสำนักพระราชวัง พวกงานเฉลิมฉลองวันแห่งการรำลึก ฯลฯ
รวมถึงเป็นแหล่งที่มีนักแสดงมาร้องรำทำเพลงแสดงเปิดหมวกกันด้วยจ้า



บริเวณจตุรัสแห่งนี้คล้ายสนามหลวงบ้านเรามากตรงที่มีนกพิราบเยอะโฮกกกกก
แต่พิราบที่นี่อยู่ดีกินดีอวบอ้วนกว่าบ้านเราเยอะ อยู่กันเป็นฝูงไม่กลัวคนเลย



ด้านหน้าพระราชวังจะมีบริการนั่งรถม้าแบบยุคโบราณด้วยเสียเงินฮะแต่ไม่ได้ถามว่าเท่าไหร่
และแอบเล็งร้านรถเข็นสีแดงนี้ไว้จอดตระหง่ายอยู่ร้านเดียวกลางลานเลย
เป็นร้านขาย American Hot-Dogs ไส้ปลา Haring
เจ้าปลาแฮริ่งนี่แหละเป็นหนึ่งในอาหารประจำชาติของเนเธอร์แลนด์
เคยดูในรายการ Tonight Show ลักษณะเป็นปลาดิบดองในกระป๋อง
ให้ฟิลแบบปลาร้าบ้านเรา เห็นว่ากลิ่นร้ายกาจพอตัว แต่จะแล้วจนรอด
เค้าก็ได้แค่เล็ง แหะๆ สรุปแล้วมาเที่ยวครั้งนี้ไม่ได้ลองปลาแฮริ่งคร้าบ คราวหน้าต้องไม่พลาดๆ



ด้านขวามือของพระราชวังหลวงคือ
โบสถ์ใหม่(New Church)
ที่สร้างขึ้นในตอนปลายศตวรรษที่ 14 แล้วผ่านการบูรณะซ่อมแซม
จนถึงมีการสร้างใหม่จนสวยงามอย่างในทุกวันนี้ ตอนเค้าไปมีจัดนิทรรศกาล
โชว์วัฒนธรรมและข้าวของของจีนสมัยราชวงศ์หมิงด้วย แต่มิได้เข้าไปดูฮะ
จะเสียเงินมาดูประวัติศาสตร์จีนในอัมสเตอร์ดัมมันก็ยังไงอยู่เนอะ Smiley



ฝั่งขวามือของพระราชวังหลวงจะเป็น ห้าง
Peek & Cloppenburg
ซึ่งในห้างนี้จะมีพิพิธภัณฑ์โชว์หุ่นขี้ผึ้งของ Madame Tussaud
ในห้างนี้ไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่ เข้าไปแล้วโหรงเหรงๆ แหะๆ
ส่วนฝั่งตรงข้ามพระราชวังหลวงเลยจะเป็น ห้าง Kalvertoren
อันนี้สวรรค์ของนักชอปปิ้งผู้ชื่นชอบแบรนด์เนมทั้งหมด มีครบทุกแบรนด์ฮะ
ราคาในอัมสเตอร์ดัมจะสูงกว่าในฝรั่งเศษนิดหน่อยแต่หลักไม่กี่ร้อยบาท
เทียบกับบ้านเราแล้วก็ถือว่ายังถูกกว่าเยอะ หลายร้อยถึงหลายพัน
แต่อย่างพวก Longchamp อาจจะมีแบบให้เลือกไม่เยอะมากนัก เพราะขายหมดไวจ้า



ส่วนด้านหลังโบสถ์ New Church จะมีศูนย์การค้า Magna Plaza
ด้านในโล่งๆเงียบๆหน่อยไม่ค่อยมีร้านค้าอะไร แต่เค้าไปช่วงปลายพฤศจิ
ก็เริ่มมีการตกแต่งต้นคริสมาสต์กันแล้ว บรรยากาศเลยดูสดใสขึ้นทันตา
จริงๆแวะเข้าไปในห้างนี้เพื่อหาห้องน้ำเข้านี่แหละ
ในยุโรปสามารถหาห้องน้ำเข้าได้ตามห้างสรรพสินค้า
ตามร้านฟาสต์ฟู้ดอย่าง KFC , McDonald หรือตามร้านกาแฟ
แต่ทุกที่จะต้องเสียเงิน! ค่าเข้าห้องน้ำจะอยู่ที่ 0.5-0.75 Euro (20-30กว่าบาท)
มานี่ฉี่แพงมากกกก และอาจจะหาที่เข้ายากดังนั้นพยายามเข้าให้สุดตั้งแต่ที่โรงแรมดีกว่าฮะ



เดินลัดเลาะออกจาก Dam Square กลับสู่ฝั่งที่พักด้านสถานี Centraal
ช่วงที่ไปมีงานเหมือนตลาดนัดของกินด้วย แหล่มเลย
มีซุ้มขายขนมขายของกินมาตั้งเรียงเป็นแถวตามข้างทาง ตื่นตาตื่นใจมาก! Smiley



หูยของกินแต่ละอย่างหน้าตาน่ากินสุดๆ
โดยเฉพาะพวกขนมหวานอยากลองไปเสียทุกสิ่ง
โดยเฉพาะช็อคโกแล็ตเค้าทำเป็นรูปกล้องรูปเครื่องมือช่างน่าร๊ากมากก
แต่เห็นราคาแล้วก็ซีดนะ 7-12 Euro ต่อชิ้น ลดความอยากลงไปได้เยอะเลย 555
ถ่ายรูปมาเป็นที่ระลึกอย่างเดียวละกันเนอะ Smiley



แต่สิ่งนี้คือสิ่งที่มาถึงอัมสเตอร์ดัมแล้วต้องลอง ใครไม่ลองถือว่าผิด!
นั่นก็คือ
Stroopwafels (สโตรปวาฟเฟิล)
เป็นขนมเอกลักษณ์ของฮอลแลนด์ ทำจากวาฟเฟิลแผ่นบางกรอบ
สอดไส้ด้วยน้ำเชื่อมคาราเมลเข้มข้นหอมหวาน เนื้อจะกรอบแบบหนึบๆ
แนะนำให้ทานคู่กับชาหรือกาแฟดำ โดยวางไว้บนแก้วชาหรือกาแฟร้อนๆ
ทิ้งไว้แป๊บนึงให้คาราเมลละลายเยิ้มนิดๆ มีแต่คนบอกมากว่าฟินมาก
ส่วนเค้าเองลองทานเพียวๆก็อร่อยดี ชอบกลิ่นหอมของคาราเมลและความหนึบๆเวลาเคี้ยว
แต่ไม่ได้รู้สึกฟินมากมายเพราะเค้าว่ามันหวานมว๊ากกกกกกกกก หวานเกินไปง่า
แต่ก็นะมาถึงถิ่นแล้วแนะนำว่าต้องลองราคาไม่แพงมากห่อละ 2 Euro (90 บาท)
3 ห่อ 5 Euro สามารถซื้อเป็นของฝากกลับไปได้ฮะ



อีกหนึ่งสิ่งที่ถ้ามาอัมสเตอร์ดัมแล้วไม่ได้ลองถือว่าผิด!
ก็คือ เฟรนช์ฟรายด์ฮอลแลนด์ ร้านนี้คิดว่าเป็นร้านดัง
ชื่อร้าน Manneken Pis คนต่อแถวรุมเต็มหน้าร้านเลย



เค้าจะมีให้เลือกเป็นไซส์ S , M , L เค้าสั่งไซส์ M ราคา 3.75 Euro (165 บาท)
เฟรนช์ฟรายที่นี่ไม่มีซอสให้ต้องสั่งแอดเพิ่มต่างหาก
ซึ่งมานี่ต้องลองกินตามธรรมเนียมเค้าดูคนที่นี่จะทานเฟรนช์ฟรายด์ราดด้วยมายองเนส
แอดซอสมายองเนสเพิ่มคิด
0.5 Euro (22 บาท) รวมแล้ว 187 บาท
ก็ถือว่าราคาไม่ได้แพงมากน้าเพราะให้เยอะมากกก กินสองคนอิ่มเหมือนกินข้าวมื้อนึงเลยขอบอก
ความพิเศษคือเฟรนช์ฟรายด์เค้าจะแท่งอวบอ้วน กรอบนอกนุ่มใน
ทานตอนทอดเสร็จใหม่ๆหูยอร่อยมากกกอ้ะ แต่ต้องระวังมันลวกปาก
อากาศเย็นๆได้กินของทอดร้อนๆฟินเนอะ รสชาติก็เข้ากับมายองเนสดีน้านี่
แต่กินไปซักครึ่งนึงเค้าว่ามันเริ่มจะเอือม ถ้าราดซอสมะเขือเทศน่าจะตัดเลี่ยนได้ดีกว่า
ก็แล้วแต่คนชอบอ่านะ แต่มาแล้วควรลองแบบที่เค้าทานๆกันมันได้ฟิลกว่า ฮี่ๆ



มาต่อกันที่ย่านดังที่ต้องมาเห็นกับตาสักครั้ง ย่านเรดไลท์ (Red Light District)
หรือย่านโคมแดง เป็นย่านที่โสเภณีสามารถประกอบอาชีพได้อย่างถูกกฎหมาย OMG!!!
อัมสเตอร์ดัมเป็นเมืองที่ดูสง๊บ สงบ แต่มีกฎหมายที่ทำให้เราๆตะลึงได้สองอย่าง
คือเป็นโสเภณีเป็นอาชีพถูกกฎหมายสำหรับคนอายุเกิน18 ปีที่ทำงานนี้โดยสมัครใจ
และจะมีร้านกาแฟ คลับ หรือคอฟฟี่ช็อป ที่เปิดจำหน่ายกัญชาได้อย่างถูกกฎหมายด้วย!
น่าตะลึงพรึงเพริดยิ่งนัก ดังนั้นมาสักครั้งลองแวะมาดูเป็นการเปิดโลกทัศน์เนอะ
โดยสาวๆที่นี่จะใส่บิกินี่เซะซี่ยืนอยู่ในตู้กระจกแบบโจ๋งครึ่ม เดินเลือกได้เลยตามสองข้างทาง
ซึ่งถ้าตู้ไหนมีคนใช้บริการเค้าก็จะปิดม่านไว้ กฎเหล็กของการเดินย่านนี้
คือห้ามถ่ายภาพสาวๆเหล่านี้โดยเด็ดขาด!!! ให้เกียรติเค้าหน่อยอย่าแอบถ่ายมาโพสกันเลย



แม้จะเป็นย่านโลกีย์แต่ดูไม่น่ากลัวน้าเพราะคึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยว
และที่เค้าชอบคือคลองตรงกลางของย่านนี้มีฝูงหงส์ขาวอาศัยอยู่ตามธรรมชาติเยอะมาก
หงส์พวกนี้ไม่กลัวคนด้วย ว่ายอวดโฉมมาโชว์ตัวหน้ากล้องราวกับนางแบบ
มันดูสวยขัดกับบรรยากาศของย่านนี้มีความเป็นคอนทราสก์ที่ลงตัวอย่างบอกไม่ถูก



การเดินเล่นรอบเมืองทำให้ได้พบว่าที่นี่เรื่องเซ็กส์เป็นเรื่องเสรีจริงๆ
ร้านเซ็กส์ชอปเปิดกันทุกตรอกซอกถนน คั่นอยู่ระหว่างร้านอาหารกันเลยทีเดียว แหะๆ



ดึกแล้วเด็กดีกลับเข้าที่พักดีกว่า ก่อนกลับแวะซื้อผลไม้บำรุงร่างกายสักนิด

ร้านขายผักผลไม้สดของที่นี่ขายยันดึกจริงๆ เจออยู่ตามข้างทางนี่หล่ะ เกือบสี่ทุ่มละยังขายอยู่เลย



และนี่คืออาหารเย็นของคืนนี้ 555 มันเข้ากันไหมเนี่ย
น้ำร้อนใส่มาม่าขอมาจากเคาท์เตอร์บาร์ด้านล่างของโรงแรม
หม่ำกับข้าวราด เนื้อปลาผัดพริกขิงชาวเล (อร่อยเด็ดโฮกแนะนำๆซื้อในโลตัสฮะ)
ปิดท้ายของหวานด้วยสโตรปวาฟเฟิล และสตรอเบอร์รี่ที่ซื้อมาแพ็คละ
3.75 Euro (165 บาท)
อิ่มและอร่อยไปอีกหนึ่งมื้อ ดีใจที่ขนอาหารไทยมารสชาติที่คุ้นเคย อิอิ



Welterusten : เวลล์ เตอะ รึส เติ่น : Good Night :
ราตรีสวัสดิ์จ้า Smiley

-----------------------------------------------------------------------------

แล้วเจอกันบล็อคหน้าหมูจะพานั่งรถไฟ Thalys ไปเที่ยวปารีสกัน
อย่าลืมติดตามชมนะคร้าบ ใครยังไม่ได้อ่านบล็อคแรกเข้าไปชมกันได้ที่

Review : แชร์ประสบการณ์นั่งสายการบิน
KLM Royal Dutch Airlines ครั้งแรก สู่อัมสเตอร์ดัม Netherlands


ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาเยี่ยมชมล่วงหน้าค่า Smiley




Create Date : 02 กุมภาพันธ์ 2557
Last Update : 21 กุมภาพันธ์ 2557 21:54:18 น.
Counter : 19649 Pageviews.

3 comments
Day 7 เที่ยววันสุดท้าย Arashiyama กลางสายฝน khimyo
(10 เม.ย. 2567 12:51:53 น.)
แชร์ประสบการณ์... ตามรอยสแลมดังก์ ที่คามาคุระ-โตเกียว imuya
(10 เม.ย. 2567 00:13:46 น.)
สักการะองค์พญานาคใหญ่ที่สุดในไทย วัดถ้ำแจง เพชรบุรี นายแว่นขยันเที่ยว
(8 เม.ย. 2567 12:34:14 น.)
งานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติ ครั้งที่52 ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ นายแว่นขยันเที่ยว
(5 เม.ย. 2567 00:54:22 น.)
  
รูปสวยมาก เล่าละเอียดดี ขอบคุณครับ
โดย: มวนวน IP: 203.144.130.176 วันที่: 18 ธันวาคม 2557 เวลา:16:24:31 น.
  
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆๆ เพราะกำลังหาข้อมูลท่องเที่ยวเมืองนี้พอดี แบบBag Pack คนเดียว
โดย: จูดี้ IP: 49.230.75.37 วันที่: 26 มกราคม 2558 เวลา:11:57:01 น.
  
ถ้าจะไปซื้อรองเท้าบูทที่อัมสเตอดัมเพื่อใส่ไปเที่ยวไอซ์แลน ราคาถูกมั้ยคะ หรือควรซื้อจากไทยไปดีคะ ^^
โดย: Meii IP: 1.10.192.162 วันที่: 5 กันยายน 2559 เวลา:0:45:50 น.
ชื่อ :
Comment :
 *ใช้ code html ตกแต่งข้อความได้เฉพาะสมาชิก
 

Mhunoiii.BlogGang.com

SaRaY
Location :
กรุงเทพฯ  Thailand

[ดู Profile ทั้งหมด]
 ผู้ติดตามบล็อก : 535 คน [?]

บทความทั้งหมด