Review : Amsterdam-Paris Trip [Part 1] ตะลุยอัมสเตอร์ดัมเนเธอร์แลนด์กับการไปยุโรปครั้งแรก!!! ![]() ![]() ขอแอ๊บทักทายเป็นภาษาดัตช์นิดนึง อิอิ ต้อนรับบล็อคแรกของการตะลุยยุโรปครั้งแรกของเค้า ด้วยการไปเยือนอัมสเตอร์ดัม ประเทศเนเธอร์แลนด์ หรือชื่อเดิมที่เรารู้จักกันในนามประเทศฮอลแลนด์นั่นเอง พร้อมแล้วไปเที่ยวด้วยกันเล้ยยยย! ![]() การเดินทางครั้งนี้นั่งเครื่องบินสายการบินประจำชาติของเนเธอร์แลนด์เลย นั่นก็คือ สายการบิน KLM เป็น Direct Flight บินตรงสู่อัมสเตอร์ดัม ไม่ต้องเปลี่ยนเครื่องให้วุ่นวาย ใช้เวลาในการนั่งบนเครื่องบินประมาณ 12 ชั่วโมงจ้า ซึ่งได้เล่าเม้ามอยอย่างละเอียดยิบไว้ให้แล้วในบล็อคแรก ใครยังไม่ได้อ่าน เชิญไปเสพย์กันได้ตามลิงค์ด้านล่างเลยคร้าบ ![]() นั่งสายการบิน KLM Royal Dutch Airlines ครั้งแรก สู่อัมสเตอร์ดัม Netherlands ขอบอกว่าเขียนไว้ละเอียดที่สุดของที่สุดตั้งแต่ขั้นตอนการจอง การเช็คอินล่วงหน้า การโหลดกระเป๋า ราคา อาหารบนเครื่อง รวมถึงการดูแลผิวเวลาต้องนั่งเครื่องบินนานๆ แนะนำว่ามิควรพลาดด้วยประการทั้งปวง อิอิ ![]() ![]() ออกเดินทางจากสุวรรณภูมิตอน 12.20 น. ไปถึงอัมสเตอร์ดัมเวลา 18.25 น. เวลาที่นู่นช้ากว่าเรา 6 ชั่วโมงฮะ ซึ่งเค้าเองเป็นคนนอนดึกมากอยู่แล้วเลยไม่มีอาการเจ็ทแล็คเลยแม้แต่น้อย ชอบจริงเป็นการเที่ยวที่ไม่รู้สึกเหน็ดเหนื่อยหรือต้องปรับเวลาเลย 555 การบินไปยุโรปครั้งแรกบอกเลยว่าตื่นเต้นมาก ลุกมาชมวิวเป็นระยะๆ วิวสวยเว่อร์จริงๆเค้าชอบนสุดคือช่วงที่บินผ่านตะวันออกกลาง ภูเขาสีส้มๆมีหิมะปกคลุมที่ยอดมันสวยมากกกก ![]() ![]() ด้วยความที่ สายการบิน KLM เป็นสายการบินยุโรป ดังนั้นไซส์เก้าอี้ก็เลยเป็นไซส์ยุโรปไปด้วยสาวไซส์มินิอย่างเค้าบอกเลยว่ากว้างขวาง นั่งสบายยืดขาจนสุดเข่ายังห่างจากเบาะข้างหน้าเป็นคืบเล้ย ซึ่งขาที่นั่งไปนั้นได้เพื่อนใหม่เป็นคุณลุงชาวเดนมาร์กผู้น่ารัก นั่งเม้ามอยกันหลายชั่วโมงราวกับเคยรู้จักกันมาก่อน 555 ประเด็นแรกที่คุยกันคือคุณลุงหันมามองเค้าแล้วเรียกเค้าว่า "Small Girl" บอกยูนี่ดีจังนั่งเครื่องบินไปไหนก็สบายเพราะตัวเล็กที่นั่งดูกว้างไปเลย เอ๊ะเดี๋ยวนะนี่ลุงชมหรือแอบด่าว่าหนูเตี้ยคะ 555 คือลุงเค้าสูงมาก 196 ซม. เราก็เลยกลายเป็นสาวไซส์จิ๋วมากในสายตาเค้า แหม่ก็สูงห่างกันแค่ 30 ซม.เองนะ เอิ๊กๆ เดินไปเข้าห้องน้ำพร้อมกันลุงมายืนเทียบแล้ววัดดูเค้าสูงแค่รักแร้ลุงเอง ยังกะสเมิร์ฟเลย555 จากประเด็นสาวจิ๋วเลยนั่งคุยนู่นนี่ไปเรื่อยจนถึงอัมสเตอร์ดัมเลย โดนหยอกโดนแซวตลอดไฟลท์ ลุงเห็นเค้าถ่ายภาพทุกช็อตทุกมุมเพราะตั้งใจจะกลับมาเขียนรีวิวไง ลุงเลยแกล้งแอบโผล่มาในเฟรมบ้าง ยื่นมือบังกล้องบ้าง สนุกดีน้าได้เพื่อนใหม่ตั้งแต่เริ่มทริป บอกเลยว่าระดับภาษาอังกฤษเค้านั้นไม่ได้ดีเลย แต่เป็นคนไม่ค่อยอายที่จะพูด ศัพท์แสงในสมองมีไม่กี่คำแต่ประติดประต่อให้เป็นประโยคแบบสื่อสารได้ และด้วยบุคลิกเราเป็นคนยิ้มง่ายฝรั่งคุยด้วยแล้วเค้ามักจะเอ็นดูเราเหมือนเราเป็นเด็ก ทุกครั้งที่ไปเมืองนอกมักจะได้เพื่อนใหม่ระหว่างทริปเสมอๆ นี่แหละน้าเสน่ห์ของการเดินทาง ![]() ![]() 12 ชั่วโมงผ่านไปไวเหมือนโกหก ถึงอัมสเตอร์ดัมแล้ว เย้! สนามบินที่เราไปลงคือ Schiphol Airport (อ่านว่า สะ-คิป-โพล บ้างคนออกเป็น โฮล) ภาษาดัตช์อ่านออกเสียงยากมากกก ตัวสะกดเยอะจริงจัง ไม่จำเป็นจะไม่อ่านป้ายอะไรใดๆทั้งนั้นมั่นใจว่าพูดไปเค้าก็ฟังเราไม่ออก ถ้าต้องการสอบถามอะไรยื่นชื่อให้เค้าดูดีที่สุดฮะ สนามบินเค้าก็กว้างขวางอยู่แต่ไม่ใหญ่โตอลังการดาวล้านดวงเท่าสุวรรณภูมิ ซึ่งเค้าชอบนะไม่ต้องเดินไกล จุดรับกระเป๋าเดินไปนิดเดียว สำหรับการเข้ายุโรปเราต้องทำการขอ Shchengen Visa (วีซาเชงเก้น) มาก่อนอยู่แล้ว ต้องขั้นตอนตม.จึงง่ายมากสะดวกรวดเร็ว ของเค้าเปิดดูพาสปอร์ตแว่บเดียว ไม่ถามอะไรเลยปล่อยผ่านแบบชิลๆ ส่วนหลังจากรับกระเป๋า ตรงทางออกจะมีแสกนกระเป๋าอีกนิดนึงตรงนั้นเจ้าหน้าที่ศุลกากรซึ่งยิ้มแย้มมาก เค้าก็ถามทั่วไปมาเที่ยวเหรอ มากี่วัน แสกนกระเป๋าเจออาหารกระป๋องแพ็คๆก็ไม่มีปัญหาอะไรฮะ เจ้าหน้าที่แลดูใจดีเลยถามวิธีการเข้าเมืองเค้าเสียเลย เค้าเข้าเมืองง่ายมาก เดินผ่านตรงนี้ออกไปนิดเดียวเจอสถานีรถไฟอยู่ในตัวอาคารเลย บอกเสร็จสรรพซื้อตั๋วตรงไหน ลงสถานีอะไร ขอบพระคุณมากคร้าบ ![]() ออกมาปุ๊บสิ่งแรกที่เจอเลยคือบูทขายซิมการ์ด!!! สวรรค์โปรดนี่แหละสิ่งที่ต้องการ เพราะเค้าศึกษาก่อนเดินทาง หลายเสียงว่าไปยุโรปไม่แนะนำให้เปิด Roaming อาจจะเกิดปัญหาหนี้สินบิลค่าโทรศัพท์ถล่มบ้านได้ การไปซื้อซิมที่นู่นใส่จึงเป็นทางเลือกที่ดีกว่าเพราะราคาไม่สูงมาก ในสนามบินบูทที่มาตั้งคือค่าย Lebara ซึ่งเป็นค่ายใหญ่มีใช้หลายประเทศทั่วโลก ซึ่งเค้าเองก็เคยใช้ตอนอยู่ซิดนีย์ก็เลยคิดว่าน่าจะโอเค ราคาซิมก็ไม่แรงมาก 20 Euro ( 890 บาท) เล่นเน็ตได้ 7 วัน 3G แบบไม่จำกัด เค้ามาเที่ยว 7 วันพอดีได้เน็ตแบบ Unlimit ด้วยโอ๊ยคิดเลยว่าเจ๋งมาก ซื้อซิมเพียงอันเดียวใส่มือถือแล้วตั้งใจว่าจะเปิด Personal Hotspot ปล่อยสัญญาณอินเตอร์เน็ตแชร์ให้ไอแพด คุ้มนะเนี่ยราคานี้เล่นได้สองเครื่อง แต่........มันไม่เป็นอย่างที่คิด ค่ายมือถือที่นี่ร้ายนะฮร้าตั้งค่าล็อคไม่ได้เปิดแชร์เน็ต!!! คือล็อคเครื่องไม่ให้ขึ้นโหมดเปิด Personal Hotspot ไปเลย รู้ทันความคิดเรามากกระซิกๆ และบริเวณบูทนี้ก็มีเฉพาะ Micro Sim ใช้ได้เฉพาะมือถือรุ่นเก่า ไม่มี Nano Sim ขาย ดังนั้นใครใช้ไอแพดหรือ iPhone5 หมดสิทธิ์นะจ๊ะ แชร์เน็ตก็ไม่ได้ไปหาใหม่เอาดาบหน้าฮือ ส่วนเรื่องโปรค่าโทรศัพท์เค้าไม่ได้ดูน้าเพราะโทรกลับบ้านผ่านแอพใน Line เอาฮับ ***ที่นี่ใช้เงินสกุล Euro เพราะเป็นประเทศในสหภาพยุโรป ช่วงที่เค้าไปค่าเงินประมาณ 43 กว่าๆไม่ถึง 44 บาทจ้า ![]() หน้าตาของจุดขายตั๋วรถไฟเข้าเมือง ตั้งอยู่ในสนามบินเลยหาง่ายจริง ทางลงสถานีก็อยู่ติดกันเลยเรียกได้ว่าสะดวกสบายสุดๆ สถานีที่เค้าจะไปคือสถานีหลักกลางเมืองอัมสเตอร์ดัมเลย Amsterdam Centraal Station เค้าพิมพ์ Centraal ไม่ผิดน้า สะกดแบบภาษาดัตช์จะมีตัว a สองตัวจริงๆ การออกเสียงเค้าจะควบ ร ชัดเจน เซ็น-เตร่าาาา สำเนียงคล้ายคนใต้บ้านเราแบบติดทองแดงๆนิดๆเลย มีเสน่ห์ดีน้า ราคาตั๋วใบละ 4.40 Euro (195 บาท) แพงเอาเรื่องตามค่าครองชีพหล่ะนะ ![]() แม้จะถามเจ้าหน้าที่มาเป็นอย่างดีแล้วว่าขึ้นชานชลาฝั่งไหน แต่ด้วยความสามารถก็ขึ้นรถผิดคันอยู่ดี หลงตั้งแต่เริ่ม 555 ชินละ ขอบอกว่าคนที่นี่น่ารักและเป็นมิตรสุดๆพอเค้าเห็นว่าเราหลง ช่วยกันเช็คให้ใหญ่เลยว่าเราต้องเปลี่ยนรถตรงสถานีไหน ลงตรงไหน เค้ายินดีช่วยเหลือเราสุดๆเปิดมือถือเช็คให้แบบเป๊ะๆ ซึ้งอ้ะขอบคุณมากๆคร้าบ ณ อัมสเตอร์ดัมตอนนั้นอุณหภูมิประมาณ 9-10 องศาคนที่นู่นแต่งตัวจัดเต็ม กรุณาดูคอสตูมคุณแฟนเค้านึกว่ามาช่วงซัมเมอร์แลดูคอนทราสก์เกิ๊น 555 ![]() และด้วยน้ำใจของชาวดัตช์เราก็มาถึง Amsterdam Centraal Station ได้โดยสวัสดิภาพ เย้ๆ สถานีนี้เป็นสถานีหลักตั้งอยู่กลางเมือง เป็นจุดที่ใช้ต่อรถไปยังเมืองต่างๆ เป็นสถานีรถไฟที่สวยมากตั้งอยู่ตรงชายฝั่งอ่าวไอย์ (ij) สร้างมาตั้งแต่ปี 1889 อายุร้อยยี่สิบกว่าปีแน่ะ เป็นสถาปัตยกรรมแบบนีโอเรอเนสซองส์ ผสมผสานกับนีโอโกธิก คลาสสิก สวยงาม ดูมีมนต์ขลังเนอะ เค้ามักเลือกที่พักที่ใกล้สถานีหลักเวลาเดินทางไปยังประเทศที่ไม่เคยไป เพราะจะเป็นจุดที่สะดวกสุด สิ่งอำนวยความสะดวกครบ และค่อนข้างปลอดภัยจ้า ![]() โรงแรมที่เค้าพักอยู่ไม่ไกลจากสถานี Centraal สามารถเดินเข็นกระเป๋าเดินทางกระเตงๆไปได้ระยะทางประมาณ 850 เมตร ตามแผนที่เค้าจะแนะนำให้ออกทางประตูกลาง แต่ถ้าไม่มีสัมภาระเท่าไหร่เดินตัดออกไปออกประตูฝั่งซุปเปอร์มาร์เก็ต Albert Heijn จะเดินใกล้ขึ้นอีกนิดนึง แต่จะต้องเดินข้ามตรงสถานีรถรางซึ่งรถค่อนข้างขวักไขว่นิดนึงฮะ อยากจะบอกว่าการมีอินเตอร์เน็ตที่สามารถเปิด Google Map ได้ เป็นความอบอุ่นใจอย่างยิ่งในการเดินทางต่างแดน ![]() และแล้วมามาถึงที่หมาย สำหรับเค้าอากาศเย็นๆเดิน 850 เมตรนี่ชิลๆน้าไม่เหนื่อย โรงแรมที่เค้าจองมาคือ City Hotel Amsterdam โดยจองผ่านเว็ป Booking.com เว็ปประจำ โดยตกราคาคืนละ 90 Euro (ประมาณ 4,000 บาท) แบบรวมอาหารเช้า ในเว็ปแอบบอกว่าโรงแรมห่างจากสถานีแค่ 500 เมตร บอกสั้นกว่าทางจริงไปนิดนะฮร้า อิอิ ข้อดีของการจองผ่าน Booking.com คือใช้บัตรเครดิตในการจองแต่มาจ่ายเงินจริงที่โรงแรม ซึ่งส่วนใหญ่ถ้าเราแลกเป็นเงินของประเทศนั้นๆมาจ่ายมักจะถูกกว่าฮะ รีเซฟชั่นที่นี่มีหลายคนจะผลัดเปลี่ยนเวรกันไปเรื่อยๆ แต่อัธยาศัยดีทุกคนภาษาอังกฤษเป๊ะมั่กๆ ![]() โรงแรมเป็นตึกแบบดั้งเดิมแต่ปรับปรุงด้านในให้เป็นห้องพัก เค้าชอบการตกแต่งเรียบๆง่ายๆแต่ดูอบอุ่นดี มีเคาท์เตอร์บาร์ด้วย ที่โรงแรมมีสัญญาณ Wi-Fi ให้เล่นฟรี แต่จะมีเฉพาะชั้นล่างเท่านั้น ที่ห้องพักไม่มีฮะ ![]() แต่ขอบอกว่าโรงแรมแทบทุกแห่งของที่นี่มักจะเป็นอาคารดั้งเดิมแต่ปรับปรุงต่อเติมเป็นโรงแรม ซึ่งมักจะเป็นอาคารที่สูงแค่ 3-4 ชั้น ดังนั้นจะ ไม่มีลิฟต์!!! ซะเป็นส่วนใหญ่นะคร้าบ บันไดก็จะเหมือนบันไดในบ้านคนขนาดค่อนข้างแคบหน่อย และจะไม่มีบริการหอบกระเป๋าขึ้นไปให้ที่ห้องพัก ดังนั้นถ้าผู้หญิงเดินทางคนเดียว แนะนำว่าหอบสำภาระมาอย่าเยอะมากไม่งั้นสิ้นสภาพกลางบันไดแน่นอน ดีนะเค้ามีพนักงานหิ้วกระเป๋าส่วนตัว <<< คุณแฟนนั่นเอง ช่วยหอบกระเป๋าขึ้นไปให้ อิอิ แต่ด้วยความที่เป็นกระเป๋าเดินทางไซส์ใหญ่สุด 2 ใบ คุณแฟนก็เกือบสิ้นสภาพเช่นกัน 555 ![]() ท๊า ดา....สภาพภายในห้องพักกว้างขวาง สะอาด สวยงาม ประทับใจเลย ![]() สิ่งอำนวยความสะดวกในห้องมีผ้าเช็ดตัวให้สองผืน ไดร์เป่าผม เครื่องทำน้ำอุ่น เท่านี้ฮะ ไม่มีน้ำดื่มให้แบบบ้านเรา สำหรับราคาสี่พันเทียบกับค่าครองชีพและทำเลแล้วเค้าโอเคมากเลยกับโรงแรมนี้แนะนำๆฮับ ![]() สำหรับการมายุโรปครั้งแรกสิ่งที่เค้ากังวลสุดคือเรื่อง "อาหาร" เพราะเป็นคนไม่ค่อยถูกกะอาหารฝรั่งเท่าไหร่ ไม่ชอบอะไรชีสๆเอือมๆง่า เลยพกอาหารไทยสำเร็จรูปมาเต็มพิกัดซึ่งยุโรปสามารถนำเข้าประเทศได้ไม่มีปัญหา ใครติดอาหารไทยแบบเค้าแนะนำข้าวหอมมะลิกระป๋องยี่ห้อ คุณเพิ่ม หาซื้อได้ในโลตัสกระป๋องละ 16 บาท เวลาทานถ้าไม่มีไมโครเวฟ สามารถอุ่นให้ข้าวนิ่มขึ้นได้ด้วยการแช่ในน้ำร้อนประมาณ 3-5 นาที ก็เปิดน้ำร้อนจากก๊อกในห้องน้ำนั่นแหละฮะแช่ไว้เลย ข้าวจะนิ่มขึ้นบริเวณขอบๆกระป๋อง แม้ตรงกลางกระป๋องจะแข็งๆหน่อยแต่ก็ทานได้ไม่แย่ ส่วนอาหารสำเร็จรูปเค้าแนะนำ โรซ่า แบบเป็นซองๆ เวิร์คมาก มีอาหารให้เลือกหลากหลายประเภท อุ่นโดยการแช่น้ำร้อนก็ง่าย อุ่นไวกว่ากระป๋องเยอะ เรื่องกินนี่ไม่เคยพลาดเตรียมพร้อมมาดีเสมอ แต่อายเกินจะบอกว่าตกม้าตายเรื่องนึง ฝากไว้เลยว่าเตรียมอาหารมาพร้อมแล้วอย่าลืมเตรียม "ช้อน" มาด้วย !!! จะกินแล้วเพิ่งคิดได้ว่าไม่มีช้อน เวรกรรมจริงๆฮือ เลยต้องเดินลงไปหาซื้อที่ซุปเปอร์ใกล้ๆ ซึ่งก็มีอยู่ในสถานี Centraal ชื่อร้าน HEMA เป็นร้านที่มีทุกสิ่งเหมือนพวกโลตัสเอ็กเพรส แต่มันน่าเจ็บใจนะ............มีทุกสิ่งจริงๆตั้งแต่อาหารสดยันเครื่องสำอาง แต่ไม่มีช้อน!!! มื้อนี้คุณแฟนเลยต้องตัดฝาพลาสติกของกล่องแครกเกอร์ทูน่ามาใช้ตักข้าวแทนช้อน เฮร่ออ... ![]() กว่าจะเอ้อระเหยทำนู่นนี่นั่นเสร็จก็ดึกเลยคืนนี้เลยขอเดินสำรวจแค่ใกล้ๆโรงแรมพอ แม้จะอยู่กลางเมืองแต่เวลาประมาณสี่ทุ่มถนนที่นี่ก็เริ่มโล่งละนานๆมีรถโผล่มาคันนึง แต่จะมีคนขี่จักรยานและคนเดินไปเดินมาเรื่อยๆ ทำให้บรรยากาศดูไม่เปลี่ยว อัมสเตอร์ดัมเป็นเมืองที่เรียกได้ว่าสงบแต่ไม่เหงาถ้าได้มาสัมผัสจะรู้สึกได้ ว่าเป็นเมืองที่ให้ความรู้สึกปลอดภัย ไม่มีอะไรน่ากลัว เดินเล่นได้แบบสบายใจจริงๆนะ ![]() ราตรีสวัสดิ์คืนแรก ณ อัมสเตอร์ดัมด้วยวิวคลองงามๆใกล้ๆโรงแรม เมืองบ้าอะไรไม่รู้สวยคลาสสิกแบบไม่ต้องแต่งเดิม ตกหลุมรักซะละ ![]() ![]() Goedemorgen : คู้ ![]() เริ่มเช้าวันใหม่กันด้วยการหม่ำอาหารเช้าแบบบุฟเฟ่ต์กันที่โรงแรม ห้องอาหารเป็นโถงสูงมีที่นั่งให้พอกับจำนวนแขกบรรยากาศน่านั่ง ![]() อาหารเช้าที่นี่เรียกได้ว่า คุ้มมมมมมมมม!!! คือไม่ได้หลากหลายมากก็อเมริกันเบรคฟาสต์ทั่วไป แต่ว่าก็ครบถ้วนและอิ่มอร่อย เค้าปลาบปลื้มกับแฮมและเบคอนของที่นี่มากคุณภาพดีสุดๆ เกิดมาในชีวิตไม่เคยฟาดแฮมและเบคอนเยอะเท่านี้มาก่อนฟาดคนเดียวทีละสิบกว่าแผ่น! เสียดายที่มีแต่ไข่ต้มถ้าได้ไข่ดาวกะแม็กกี้ด้วยนะจะฟินนาเล่ยิ่งกว่า บนโต๊ะเค้าจะมีแค่เกลือและพริกไทยไว้ให้ ซึ่งใครเป็นพวกติดซอสแบบเค้า แนะนำว่าพกซอสมะเขือเทศมาด้วยจะทำให้หม่ำได้เยอะขึ้นฮะ เปรี้ยวๆหน่อยแก้เอือม ตอนเค้าไปพกซอสมะเขือยี่ห้อ ภูเขาทอง แบบเป็นซองใหญ่มีฝาเกลียว น้ำหนักเบากว่าแบบขวด ที่สำคัญเทกินง่าย ซอสรสชาติอร่อยด้วย อิอิ ![]() ความเด็ดอีกอย่างของมื้อเช้าคือขนมปังเค้าเนื้อแน่นนุ่มอร่อยมาก เอามาปิ้งกินทาแยมแล้วเริ่ด ซึ่งมาสารพัดแยม เนย เนยถั่ว ฯลฯ ให้เลือก ที่โดนใจเค้าสุดคือน้ำผึ้ง กะ เฮเซนัท เอามานั่งป้ายกินเล่นเลยอ้ะ หมูติดใจ ![]() ![]() ปิดท้ายด้วยเครื่องดื่มที่เค้าชอบคือช็อคโกแล็ตสำเร็จรูปที่โรงแรมนี้ใช้คือยี่ห้อ Chocomel รสชาติเข้มข้น หวานมัน ยิ่งราดนมสดที่เค้าเอาไว้ราดกาแฟลงไปด้วยอีกหน่อยนะ ฮร้ายยยฟิน มื้อเช้าทุกวันในอัมสเตอร์ดัมเลยอิ่มหนำสำราญ อิ่มแปร้อยู่ได้ยันบ่ายประหยัดค่ากินไปเยอะคร้าบ ![]() ฟาดมื้อเช้าจนอิ่มแล้วได้เวลาตะลุยอัมสเตอร์ดัมกันแล้ว เย้! อากาศเช้าวันนี้ [28/11/2013] คือ 9 องศา คือเย็นอ้ะเค้าก็แต่งจัดเต็มเอาให้อุ่น ท่อนบนใส่เสื้อ Uniqlo Heattech แขนยาวด้านใน ทับด้วยเสื้อ Uniqlo Fleece คอเต่าแขนยาว แล้วทับด้วยเสื้อไหมพรมอีกตัวนึง พร้อมพันผ้าพันคอ ท่องล่างใส่เลกกิ้ง Heattech แบบบางซ้อนกันสองชั้น ใส่ถุงเท้าแบบถักจากขนแกะกับบูทยาว อุ่นแบบเอาอยู่สบายๆ ส่วนคุณแฟนอิชั้นนั้น.............ไม่ต้องบรรยายแต่งตัวซัมเมอร์เหมือนเดิม นางชอบอากาศเย็น เป็นคนขี้ร้อน แต่อันนี้ก็ขี้ร้อนไปม๊ายยย ![]() มาทำความรู้จัก "อัมสเตอร์ดัม" กันก่อน! อัมสเตอร์ดัม (Amsterdam) เป็นเมืองหลวงของประเทศเนเธอร์แลนด์ ตั้งอยู่ริมฝั่ง แม่น้ำอัมสเทล (Amstel) เริ่มก่อตั้งประมาณคริสต์ศตวรรษที่ 12 ชื่อเมืองมาจากคำ 2 คำ คือ Amstel แม่นํ้าอัมสเตล บวกกับคำว่า Dam ที่แปลว่าเขื่อน เมื่อรวมความแล้วก็คือ เขื่อนที่อยู่ริมเเม่นํ้าอัมสเตล นั่นเองจ้า ![]() อัมสเตอร์ดัมเป็นเมืองที่มีลักษณะพื้นที่เป็นเกาะมีคูคลองล้อมรอบเมืองถึง 4 ชั้น ซึ่งถูกขุดขึ้นเมื่อต้นศตวรรษที่ 17 มีความยาวรวมกันกว่า100 กม. เพื่อใช้เป็นเส้นทางสัญจรและขนส่งสินค้ารวมถึงเป็นคูเมืองเพื่อป้องกันข้าศึกศัตรู มีประตูกันน้ำถึง 16 แห่ง จึงเรียกได้ว่าอัมสเตอร์ดัมนี้เป็น เมืองแห่งคลอง ด้วยลักษณะผังเมืองที่เชื่อมกันหมดทำให้เดินเที่ยวได้ง่ายมากกกไม่ต้องกลัวหลงเลยฮะ และด้วยความที่เมืองเค้าอนุรักษ์ตัวอาคารให้เป็นแบบยุคก่อนเอาไว้ จึงเป็นเมืองที่สวยงามมีเสน่ห์ติดอันดับต้นๆของยุโรปเลย มาเที่ยวที่นี่แค่เดินเล่นรอบเมืองก็คุ้มละ เดินเพลินมากสวยจริงจังค่า ![]() Credit ขอบคุณข้อมูลจากเว็ป : //travel.thaiza.com ค่า บ้านสองฟากริมฝั่งคลองเป็นอาคารแบบยุโรปจ๋า สะท้อนเงาในแม่น้ำไม่รู้จะบรรยายยังไง สวยจบ! ภาษาหลักซึ่งเป็นภาษาราชการของที่นี่คือภาษาดัตช์ ซึ่งตามป้ายต่างๆก็เป็นภาษาดัตช์ ใช้ตัวอักษรแบบภาษาอังกฤษแต่ตัวสะกดจะเยอะแยะ สำหรับเค้าคืออ่านป้ายไม่ออกเลย ไม่กล้าออกเสียง มั่นใจว่าออกเสียงไปก็ผิด 555 แต่สำหรับการมาเที่ยวไม่ต้องห่วงชาวดัตช์พูดภาษาอังกฤษกันได้ทุกคน และสำเนียงฟังง่ายมากจ้า เคยอ่านเจอในหนังสือเค้าบอกคนอัมสเตอร์ดัมเฉลี่ยแล้ว เป็นเมืองที่คนมีความสูงมากสุดในโลกด้วย ซึ่งก็จริงผู้ชายนี่ 180++ ส่วนผู้หญิงก็ 170++ เอาว่าสาวสเมิร์ฟอย่างเค้าอยู่แล้วตัวเท่าลูกหมาไปเลย คุยทีเงยหน้าซะเมื่อยคอ 555 จากที่สังเกตคนที่นี่จะมีหลายเชื้อชาติ แต่โดยรวมถือว่าเป็นเมืองที่คนเอเชียไม่เยอะมากค่ะ ![]() สิ่งที่เราจะเห็นได้ทั่วเมืองก็คือ "จักรยาน" ถือเป็นพาหนะหลักของคนที่นี่ ซึงเค้าจะมีเลนสำหรับจักรยานโดยเฉพาะ เป็นเลนสวนเหมือนเลนรถยนต์เลย และตามข้างทางก็จะมีที่สำหรับจอดจักรยานให้รอบเมือง การเดินเล่นในเมืองควรเดินบนทางเท้าและต้องระวังจักรยานเป็นพิเศษ เนื่องจากเค้าปั่นจักรยานกันทั้งเมืองรถจะเยอะมากและคนที่นี่ปั่นกันเร็วมากไม่ค่อยเบรคนะฮะ ![]() ประเทศเนเธอร์แลนด์จะแบ่งเป็น 4 ฤดู คือ ใบไม้ผลิ มีนาคม เดือนพฤษภาคม ร้อน มิถุนายน สิงหาคม ใบไม้ร่วง กันยายน พฤศจิกายน หนาว ธันวาคม กุมภาพันธ์ อากาศจัดว่าเย็นตลอดปีร้อนสุดก็แค่ 22 องศา หนาวสุดคือติดลบต้นๆ ช่วงที่เค้าไปคือ 27 พฤศจิ - 3 ธันวา 2556 อยู่ในช่วงเข้าหน้าหนาว อากาศจะค่อนข้างเย็นอุณหภูมิตอนกลางวัน 6-9 องศา ตอนกลางคืนบางคืนนี่เหวี่ยงลงไปถึง -1 หรือ -2 เลย เค้าไปตรงช่วงที่คาบเกี่ยวจากฤดูใบไม้ร่วงเลยได้เห็นใบไม้เปลี่ยนสีด้วย ต้นไม้เหลืองๆแดงๆตามสองข้างทางให้บรรยากาศเหงาๆน่าเล่นเอ็มวีมาก อิอิ ในช่วงหนาวๆแบบนี้ฟ้าจะครึ้มๆมัวๆหน่อยแทบไม่ได้จ๊ะเอ๋กับพระอาทิตย์ และฟ้าจะมืดเร็วมากประมาณ 4-5 โมงเย็นฟ้าก็มืดหมดแล้วจ้า ![]() เป้าหมายวันนี้ที่ตั้งใจไว้คือไปเดินเล่นตรงจตุรัสกลางเมืองดัมสแควร์ (Dam Square) แต่ระหว่างทางก่อนถึงขอแว่บเข้าย่านชอปปิ้งนี้ดดดนึง อิอิ ย่านชอปปิ้งชื่อดังของอัมสเตอร์ดัมอยู่บนถนน Kalverstraat และ Leidsestraat ใกล้ๆกับดัมสแควร์เลยฮะ สังเกตง่ายคนพลุกพล่านสองข้างทางมีร้านรวงเต็มเอี้ยดสองข้างทาง มีแสงแดดโผล่มาให้ดีใจแว่บนึงแล้วแดดก็จากไป อากาศเริ่มเย็นขึ้นเรื่อยๆ ต้องควักเสื้อ Uniqlo Ultra Light Down มาคลุมทับอีกชั้นนึง ด้านในบุด้วยขนเป็ดเค้าสอยมาจากญี่ปุ่นตอนเซลล์ ขอบอกว่าคุ้มมาก แนะนำให้ซื้อไว้ถ้าจะไปเที่ยวเมืองหนาว อากาศประมาณติดลบต้นๆเอาอยู่ น้ำหนักเบาพับแล้วเหลือตัวนิดเดียวพกพาง่าย Uniqlo บ้านเราก็มีขายฮะ ![]() ส่วนใหญ่เป็น Street Brand ทั่วไปๆที่เราคุ้นเคย เช่น H&M , Bershka , Nike ฯลฯ ราคา H&M ที่นี่เค้าแว่บเข้าไปดูนิดนึงก็พอๆกะบ้านเราไม่มีอะไรน่าตื่นเต้น แต่ที่กรี้ดดดและตื่นเต้นคือ เครื่องสำอางแบรนด์ Flormar เป็นแบรนด์ที่กำเนิดในอิตาลีแต่ผลิตในตุรกี มีช็อปส่วนใหญ่อยู่ในโซนยุโรป พูดเลยว่ามาแล้วควรแวะ! ตอนที่ไปมีโปรซื้อ 4 จ่าย 3 ด้วยเริ่ด! ![]() หน้าตาแอบคล้าย MAC เบาๆ แต่ราคาเบากว่าเย๊อะะะ ลิปราคา 3-7 Euro บรัช/แป้ง 12-15 Euro เค้าซื้อลิปมาแล้วกรี้ดดดเลยเนื้อครีมมี่พิกเมนต์เข้มข้นปกปิดสีปากมิด กลับมาแล้วอยากได้อีก ฮือ นี่ขนาดไม่ใช่คนบ้าเครื่องสำอางนะนี่ รอบหน้าไปอีกไม่พลาดบอกเลย จัดให้เป็นของดีเมืองอัมสเตอร์ดัม555 ![]() แต่จริงๆเค้าไม่ได้จะมาชอปปิ้งไร้สาระนะที่แวะมาย่านชอปปิ้งเนี่ย อิอิ แวะมาเพื่อซื้อซิมการ์ดใส่ไอแพดจ้า ซิมนาโนและโปรอินเตอร์เน็ตสำหรับไอแพดจะหายากหน่อย เค้าซื้อจากร้าน Be!Company โดยใช้ค่าย Vodafone ซึ่งเป็นค่ายใหญ่มีทั่วโลกเช่นกัน ถ้าเค้าจำไม่ผิดจะเป็นโปรเน็ต 7 วันใช้ได้ 300M ราคา 20 Euro (885 บาท) ทางร้านจะเซ็ตตั้งค่าทุกอย่างให้เราเลย เราไม่สามารถทำเองได้อยู่ละเพราะเป็นภาษาดัตช์ล้วนๆ โดยถ้าเราใช้เน็ตใกล้หมด 300M จะมีแมสเสจส่งมาเตือน (เป็นภาษาตัตช์แต่พอเดาได้) เราสามารถเติมเงินซื้อโปรเน็ตเพิ่มได้ตามช็อปของร้าน Be!Company หรือช็อปของ Vodafone เองจ้า ซึ่งในย่านชอปปิ้งที่เดินเล่นตะกี๊ ก็มีช็อป Vodafone แหละเค้าเพิ่งมาเจอตอนหลัง แหะๆ ![]() ![]() และแล้วก็มาถึงจุดหมายปลายทางของเราเสียทีแวะไปซะหลายชั่วโมง ดัมสแควร์ (Dam Square) จตุรัสกลางเมืองที่มักใช้เป็นจุดที่ใช้นัดพบกันเพราะสังเกตง่าย เป็นลานกว้างขนาดใหญ่ที่รายล้อมไปด้วยสถานที่สำคัญๆไม่ว่าจะเป็น พระราชวังหลวง (Royal Palace) ที่เห็นอยู่ในภาพ เป็น 1 ใน 3 ของพระราชวังที่ยังใช้เป็นที่อยู่อาศัยของราชวงศ์อยู่ด้วยค่ะ โดยปกติจะเปิดให้กับผู้คนทั่วไปในการเข้าชมด้านในได้ แต่ช่วงที่เค้าไปปิดปรับปรุง โธ่ ![]() อนุสรณ์สถานสงคราม (War Mermorial) , โบสถ์ใหม่(New Church) นอกจากนี้บริเวณจัตุรัสดัมสแควร์ยังใช้เป็นสถานที่ประกอบพระราชพิธี ของสำนักพระราชวัง พวกงานเฉลิมฉลองวันแห่งการรำลึก ฯลฯ รวมถึงเป็นแหล่งที่มีนักแสดงมาร้องรำทำเพลงแสดงเปิดหมวกกันด้วยจ้า ![]() บริเวณจตุรัสแห่งนี้คล้ายสนามหลวงบ้านเรามากตรงที่มีนกพิราบเยอะโฮกกกกก แต่พิราบที่นี่อยู่ดีกินดีอวบอ้วนกว่าบ้านเราเยอะ อยู่กันเป็นฝูงไม่กลัวคนเลย ![]() ด้านหน้าพระราชวังจะมีบริการนั่งรถม้าแบบยุคโบราณด้วยเสียเงินฮะแต่ไม่ได้ถามว่าเท่าไหร่ และแอบเล็งร้านรถเข็นสีแดงนี้ไว้จอดตระหง่ายอยู่ร้านเดียวกลางลานเลย เป็นร้านขาย American Hot-Dogs ไส้ปลา Haring เจ้าปลาแฮริ่งนี่แหละเป็นหนึ่งในอาหารประจำชาติของเนเธอร์แลนด์ เคยดูในรายการ Tonight Show ลักษณะเป็นปลาดิบดองในกระป๋อง ให้ฟิลแบบปลาร้าบ้านเรา เห็นว่ากลิ่นร้ายกาจพอตัว แต่จะแล้วจนรอด เค้าก็ได้แค่เล็ง แหะๆ สรุปแล้วมาเที่ยวครั้งนี้ไม่ได้ลองปลาแฮริ่งคร้าบ คราวหน้าต้องไม่พลาดๆ ![]() ด้านขวามือของพระราชวังหลวงคือ โบสถ์ใหม่(New Church) ที่สร้างขึ้นในตอนปลายศตวรรษที่ 14 แล้วผ่านการบูรณะซ่อมแซม จนถึงมีการสร้างใหม่จนสวยงามอย่างในทุกวันนี้ ตอนเค้าไปมีจัดนิทรรศกาล โชว์วัฒนธรรมและข้าวของของจีนสมัยราชวงศ์หมิงด้วย แต่มิได้เข้าไปดูฮะ จะเสียเงินมาดูประวัติศาสตร์จีนในอัมสเตอร์ดัมมันก็ยังไงอยู่เนอะ ![]() ![]() ฝั่งขวามือของพระราชวังหลวงจะเป็น ห้าง Peek & Cloppenburg ซึ่งในห้างนี้จะมีพิพิธภัณฑ์โชว์หุ่นขี้ผึ้งของ Madame Tussaud ในห้างนี้ไม่ค่อยมีอะไรเท่าไหร่ เข้าไปแล้วโหรงเหรงๆ แหะๆ ส่วนฝั่งตรงข้ามพระราชวังหลวงเลยจะเป็น ห้าง Kalvertoren อันนี้สวรรค์ของนักชอปปิ้งผู้ชื่นชอบแบรนด์เนมทั้งหมด มีครบทุกแบรนด์ฮะ ราคาในอัมสเตอร์ดัมจะสูงกว่าในฝรั่งเศษนิดหน่อยแต่หลักไม่กี่ร้อยบาท เทียบกับบ้านเราแล้วก็ถือว่ายังถูกกว่าเยอะ หลายร้อยถึงหลายพัน แต่อย่างพวก Longchamp อาจจะมีแบบให้เลือกไม่เยอะมากนัก เพราะขายหมดไวจ้า ![]() ส่วนด้านหลังโบสถ์ New Church จะมีศูนย์การค้า Magna Plaza ด้านในโล่งๆเงียบๆหน่อยไม่ค่อยมีร้านค้าอะไร แต่เค้าไปช่วงปลายพฤศจิ ก็เริ่มมีการตกแต่งต้นคริสมาสต์กันแล้ว บรรยากาศเลยดูสดใสขึ้นทันตา จริงๆแวะเข้าไปในห้างนี้เพื่อหาห้องน้ำเข้านี่แหละ ในยุโรปสามารถหาห้องน้ำเข้าได้ตามห้างสรรพสินค้า ตามร้านฟาสต์ฟู้ดอย่าง KFC , McDonald หรือตามร้านกาแฟ แต่ทุกที่จะต้องเสียเงิน! ค่าเข้าห้องน้ำจะอยู่ที่ 0.5-0.75 Euro (20-30กว่าบาท) มานี่ฉี่แพงมากกกก และอาจจะหาที่เข้ายากดังนั้นพยายามเข้าให้สุดตั้งแต่ที่โรงแรมดีกว่าฮะ ![]() เดินลัดเลาะออกจาก Dam Square กลับสู่ฝั่งที่พักด้านสถานี Centraal ช่วงที่ไปมีงานเหมือนตลาดนัดของกินด้วย แหล่มเลย มีซุ้มขายขนมขายของกินมาตั้งเรียงเป็นแถวตามข้างทาง ตื่นตาตื่นใจมาก! ![]() ![]() หูยของกินแต่ละอย่างหน้าตาน่ากินสุดๆ โดยเฉพาะพวกขนมหวานอยากลองไปเสียทุกสิ่ง โดยเฉพาะช็อคโกแล็ตเค้าทำเป็นรูปกล้องรูปเครื่องมือช่างน่าร๊ากมากก แต่เห็นราคาแล้วก็ซีดนะ 7-12 Euro ต่อชิ้น ลดความอยากลงไปได้เยอะเลย 555 ถ่ายรูปมาเป็นที่ระลึกอย่างเดียวละกันเนอะ ![]() ![]() แต่สิ่งนี้คือสิ่งที่มาถึงอัมสเตอร์ดัมแล้วต้องลอง ใครไม่ลองถือว่าผิด! นั่นก็คือ Stroopwafels (สโตรปวาฟเฟิล) เป็นขนมเอกลักษณ์ของฮอลแลนด์ ทำจากวาฟเฟิลแผ่นบางกรอบ สอดไส้ด้วยน้ำเชื่อมคาราเมลเข้มข้นหอมหวาน เนื้อจะกรอบแบบหนึบๆ แนะนำให้ทานคู่กับชาหรือกาแฟดำ โดยวางไว้บนแก้วชาหรือกาแฟร้อนๆ ทิ้งไว้แป๊บนึงให้คาราเมลละลายเยิ้มนิดๆ มีแต่คนบอกมากว่าฟินมาก ส่วนเค้าเองลองทานเพียวๆก็อร่อยดี ชอบกลิ่นหอมของคาราเมลและความหนึบๆเวลาเคี้ยว แต่ไม่ได้รู้สึกฟินมากมายเพราะเค้าว่ามันหวานมว๊ากกกกกกกกก หวานเกินไปง่า แต่ก็นะมาถึงถิ่นแล้วแนะนำว่าต้องลองราคาไม่แพงมากห่อละ 2 Euro (90 บาท) 3 ห่อ 5 Euro สามารถซื้อเป็นของฝากกลับไปได้ฮะ ![]() อีกหนึ่งสิ่งที่ถ้ามาอัมสเตอร์ดัมแล้วไม่ได้ลองถือว่าผิด! ก็คือ เฟรนช์ฟรายด์ฮอลแลนด์ ร้านนี้คิดว่าเป็นร้านดัง ชื่อร้าน Manneken Pis คนต่อแถวรุมเต็มหน้าร้านเลย ![]() เค้าจะมีให้เลือกเป็นไซส์ S , M , L เค้าสั่งไซส์ M ราคา 3.75 Euro (165 บาท) เฟรนช์ฟรายที่นี่ไม่มีซอสให้ต้องสั่งแอดเพิ่มต่างหาก ซึ่งมานี่ต้องลองกินตามธรรมเนียมเค้าดูคนที่นี่จะทานเฟรนช์ฟรายด์ราดด้วยมายองเนส แอดซอสมายองเนสเพิ่มคิด 0.5 Euro (22 บาท) รวมแล้ว 187 บาท ก็ถือว่าราคาไม่ได้แพงมากน้าเพราะให้เยอะมากกก กินสองคนอิ่มเหมือนกินข้าวมื้อนึงเลยขอบอก ความพิเศษคือเฟรนช์ฟรายด์เค้าจะแท่งอวบอ้วน กรอบนอกนุ่มใน ทานตอนทอดเสร็จใหม่ๆหูยอร่อยมากกกอ้ะ แต่ต้องระวังมันลวกปาก อากาศเย็นๆได้กินของทอดร้อนๆฟินเนอะ รสชาติก็เข้ากับมายองเนสดีน้านี่ แต่กินไปซักครึ่งนึงเค้าว่ามันเริ่มจะเอือม ถ้าราดซอสมะเขือเทศน่าจะตัดเลี่ยนได้ดีกว่า ก็แล้วแต่คนชอบอ่านะ แต่มาแล้วควรลองแบบที่เค้าทานๆกันมันได้ฟิลกว่า ฮี่ๆ ![]() มาต่อกันที่ย่านดังที่ต้องมาเห็นกับตาสักครั้ง ย่านเรดไลท์ (Red Light District) หรือย่านโคมแดง เป็นย่านที่โสเภณีสามารถประกอบอาชีพได้อย่างถูกกฎหมาย OMG!!! อัมสเตอร์ดัมเป็นเมืองที่ดูสง๊บ สงบ แต่มีกฎหมายที่ทำให้เราๆตะลึงได้สองอย่าง คือเป็นโสเภณีเป็นอาชีพถูกกฎหมายสำหรับคนอายุเกิน18 ปีที่ทำงานนี้โดยสมัครใจ และจะมีร้านกาแฟ คลับ หรือคอฟฟี่ช็อป ที่เปิดจำหน่ายกัญชาได้อย่างถูกกฎหมายด้วย! น่าตะลึงพรึงเพริดยิ่งนัก ดังนั้นมาสักครั้งลองแวะมาดูเป็นการเปิดโลกทัศน์เนอะ โดยสาวๆที่นี่จะใส่บิกินี่เซะซี่ยืนอยู่ในตู้กระจกแบบโจ๋งครึ่ม เดินเลือกได้เลยตามสองข้างทาง ซึ่งถ้าตู้ไหนมีคนใช้บริการเค้าก็จะปิดม่านไว้ กฎเหล็กของการเดินย่านนี้ คือห้ามถ่ายภาพสาวๆเหล่านี้โดยเด็ดขาด!!! ให้เกียรติเค้าหน่อยอย่าแอบถ่ายมาโพสกันเลย ![]() แม้จะเป็นย่านโลกีย์แต่ดูไม่น่ากลัวน้าเพราะคึกคักไปด้วยนักท่องเที่ยว และที่เค้าชอบคือคลองตรงกลางของย่านนี้มีฝูงหงส์ขาวอาศัยอยู่ตามธรรมชาติเยอะมาก หงส์พวกนี้ไม่กลัวคนด้วย ว่ายอวดโฉมมาโชว์ตัวหน้ากล้องราวกับนางแบบ มันดูสวยขัดกับบรรยากาศของย่านนี้มีความเป็นคอนทราสก์ที่ลงตัวอย่างบอกไม่ถูก ![]() การเดินเล่นรอบเมืองทำให้ได้พบว่าที่นี่เรื่องเซ็กส์เป็นเรื่องเสรีจริงๆ ร้านเซ็กส์ชอปเปิดกันทุกตรอกซอกถนน คั่นอยู่ระหว่างร้านอาหารกันเลยทีเดียว แหะๆ ![]() ดึกแล้วเด็กดีกลับเข้าที่พักดีกว่า ก่อนกลับแวะซื้อผลไม้บำรุงร่างกายสักนิด ร้านขายผักผลไม้สดของที่นี่ขายยันดึกจริงๆ เจออยู่ตามข้างทางนี่หล่ะ เกือบสี่ทุ่มละยังขายอยู่เลย ![]() และนี่คืออาหารเย็นของคืนนี้ 555 มันเข้ากันไหมเนี่ย น้ำร้อนใส่มาม่าขอมาจากเคาท์เตอร์บาร์ด้านล่างของโรงแรม หม่ำกับข้าวราด เนื้อปลาผัดพริกขิงชาวเล (อร่อยเด็ดโฮกแนะนำๆซื้อในโลตัสฮะ) ปิดท้ายของหวานด้วยสโตรปวาฟเฟิล และสตรอเบอร์รี่ที่ซื้อมาแพ็คละ 3.75 Euro (165 บาท) อิ่มและอร่อยไปอีกหนึ่งมื้อ ดีใจที่ขนอาหารไทยมารสชาติที่คุ้นเคย อิอิ ![]() Welterusten : เวลล์ เตอะ รึส เติ่น : Good Night : ราตรีสวัสดิ์จ้า ![]() ----------------------------------------------------------------------------- แล้วเจอกันบล็อคหน้าหมูจะพานั่งรถไฟ Thalys ไปเที่ยวปารีสกัน อย่าลืมติดตามชมนะคร้าบ ใครยังไม่ได้อ่านบล็อคแรกเข้าไปชมกันได้ที่ Review : แชร์ประสบการณ์นั่งสายการบิน KLM Royal Dutch Airlines ครั้งแรก สู่อัมสเตอร์ดัม Netherlands ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาเยี่ยมชมล่วงหน้าค่า ![]() รูปสวยมาก เล่าละเอียดดี ขอบคุณครับ
โดย: มวนวน IP: 203.144.130.176 วันที่: 18 ธันวาคม 2557 เวลา:16:24:31 น.
ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีๆๆ เพราะกำลังหาข้อมูลท่องเที่ยวเมืองนี้พอดี แบบBag Pack คนเดียว
โดย: จูดี้ IP: 49.230.75.37 วันที่: 26 มกราคม 2558 เวลา:11:57:01 น.
ถ้าจะไปซื้อรองเท้าบูทที่อัมสเตอดัมเพื่อใส่ไปเที่ยวไอซ์แลน ราคาถูกมั้ยคะ หรือควรซื้อจากไทยไปดีคะ ^^
โดย: Meii IP: 1.10.192.162 วันที่: 5 กันยายน 2559 เวลา:0:45:50 น.
|
บทความทั้งหมด
|