วันที่ 29 สิงหาคมที่ผ่านมา...
เป็นอีกวันที่คาดการณ์ว่าจะเกิดขึ้นกับครอบครัวเราตั้งแต่หลายปีมาแล้ว
แล้วก็เกิดจริง ๆ
วันที่..."ญาติ" ของเราลดน้อยลง แต่ "คนเคยรู้จัก" เราเพิ่มมากขึ้น
วันที่เหตุผลของแต่ละคนเป็นใหญ่
ทรัพย์สมบัติและผลประโยชน์เป็นเรื่องคอขาดบาดตายมากกว่าสัมพันธภาพ
บ้านของเราตกลงกันไว้เป็นที่เรียบร้อยในที
ว่าครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่จะสังฆกรรมร่วมกัน
หมดความเป็นพี่น้องเมื่อหมด "คุณตา"
เราเชื่อว่า "กรรม" เป็นผลของการกระทำ
ใครทำอะไรไว้ยังไงมันก็ต้องได้ไปตามนั้น
---------------------------------------------
ในจิตใต้สำนึกของฉัน ซึ่งเป็นความคิดส่วนบุคคล
ฉันมีมุมมองอย่างนึงเกี่ยวกับเรื่องของสิ่งมีชีวิตที่เรียกตัวเองว่า "คน"
ซึ่งในบางครั้ง จะได้ยินคำต่อท้ายว่า "เป็นสัตว์ประเสริฐ"
แต่คงลืมนึกกันไปว่า เหตุใด หรือเพราะอะไรจึง "ประเสริฐ" กว่าสัตว์อื่น
สิ่งที่ทำให้มันแตกต่าง คือ "ความรู้จักผิด ชอบ ชั่ว ดี" /
"ความยับยั้งชั่งใจ" นั่นแหละสำคัญ เพราะทุกคน ไม่ว่าจะเด็กหรือแก่
สาวหรืือหนุ่ม ล้วนมีสิ่งที่ติดตามเป็นเงาที่สลัดไม่หลุดไม่ว่าจะทำอย่างไร
นั่นคือ "กิเลส ตัณหา ราคะ รัก โลภ โกรธ หลง"
แน่นอนว่า รวมทั้งตัวฉันเองด้วย
ฉันไม่เคยบอกว่าตัวเองดี หรือวิเศษกว่าคนอื่น
แต่อย่างน้อย หากเกิดเหตุการณ์ที่ต้องสูญเสียบุพการีขึนมาเมื่อไหร่
สิ่งที่ฉันทำ คงไม่ใช่การไปตรวจสอบบัญชีทรัพย์สิน และสิทธิ์การเบิกจ่าย
ของผู้ตายที่พึงได้หลังหมดลมเหมือนที่มีใครบางคนทำเป็นอันดับแรกแน่นอน
เงินและทรัพย์สมบัติ เป็นสิ่งล่อตา ลวงใจ ใคร ๆ ก็อยากได้
แต่...ฉันเชื่อว่าหากได้มาอย่างไม่บริสุทธิ์ ไม่ถูกต้องแล้ว
มันก็เหมือนของร้อน ที่ในที่สุด มันก็มักจะอยู่กับผู้ครอบครองได้ไม่นาน
-------------------------------------
ฉันยินดีกับพวกเขาจริง ๆ ที่ได้ครอบครองในสิ่งที่ต้องการ
และอยากจะอวยพรให้วาระสุดท้าย...ลมหายใจสุดท้ายของชีวิตเขา
เอาเหรียญบาท หรือแบงค์พันแบงค์หมื่นในปาก ติดตัวไว้ใช้ยามสละ
กายหยาบได้ด้วยเถอะ จะได้ไม่เสียเปล่า กับการที่กอบที่โกยกันไว้ซะเยอะ
สุดท้ายก็เอาอะไรไปไม่ได้สักอย่าง สาธุ

ไว้รอออกวู๊ดดี้ ตีสิบ สุริวิภา เจาะใจก่อนนะครับ
ถึงค่อยว่าดัง 5555