ต่อเมื่อวาน..จะทำอย่างไร..เศรษฐกิจ(กระเป๋าตังค์)จึงจะดี...???และ มันไม่แน่..???
เมื่อวานได้พูดถึงเรื่อง"เศรษฐกิจ"ไปเล็กๆน้อยๆ...ที่ว่า..
สภาวะเศรษฐกิจนั้น..เปรียบคล้ายๆกับอุณหภูมิ...ที่มากระทบคนในพื้นที่นั้นๆ...
เศรษฐกิจดี..ก็เหมือนอุณหภูมิที่เย็นสบาย..
เศรษฐกิจแย่เหมือนอุณหภูมิที่..หนาวหรือร้อน..จนเกินไป..
แน่นอนบางครั้งเศรษฐกิจขึ้นลงตามธรรมชาติ..เหมือนที่เค้าเรียกว่า ช่วงโลว์ช่วงไฮ(ฮาย)..
แต่ผู้ที่มีปัญญา..ต้องสามารถแก้สถานะการณ์ที่เศรษฐกิจไม่ดี..ให้ดี..หรือผ่อนหนักเป็นเบาได้...
ผู้มีปัญญาจึงไม่โทษสภาวะเศรษฐกิจที่ย่ำแย่.. เหมือน จะไม่โทษอุณหภูมิ...
แต่จะใช้วิธีการต่างๆเพื่อพลิก"วิกฤติให้เป็นโอกาศ...."
การมองเห็นโอกาศในวิกฤติ จึงเป็นเรื่องของ"ปัญญา"โดยแท้...
ผมจะลองไล่เรียงเพิ่มเติมว่า..เราจะทำวิกฤติเป็นโอกาศอย่างไรต่อจากเมื่อวาน...
หนึ่งคือ..ที่ผมได้พูดไปเมื่อวานคือ... "อำนาจการต่อรอง"..??
หากเราเป็นผู้ขาย..เราจะรู้อย่างไรว่า..ผู้ซื้อต้องการซื้อมากกว่าเราที่ต้องการขาย...
และหากเราเป็นผู้ซื้อ เราจะรู้ได้อย่างไรว่า..ผู้ขายต้องการขายมากกว่าเราที่ต้องการซื้อ...
เพราะก็คือกฏ"อุปสงค์อุปมาน"นั่นเอง...
ความต้องการซื้อมาก..สินค้าจะมีราคาแพง..
ความต้องการขายมาก...สินค้าจะมีราคาถูก..เป็นเรื่องธรรมดา...
ตัวอย่างดูได้จากเรื่อง"ยางพารา"ที่นายกทักษิณ ทำให้ราคาดีขึ้นภายในพริบตา...
สองคือ.."การสร้างตลาด"..หรือเห็นโอกาศในส่ิงที่คนอื่นมองไม่เห็น...
บ่อยครั้งที่ธุรกิจเราไม่ดีเพราะเราเชื่อกระแสว่า..ตอนนี้เป็นแบบนี้..เศรษฐกิจแบบนี้..ไม่ดีแบบนี้...
แต่คนมี"ปัญญา"มักเห็นช่องทางที่คนทั่วไปมองไม่เห็น...
ผมเชื่อว่า ทุกท่านคงได้ยินเรื่อง ไปขายรองเท้าที่อัฟริกา มาแล้ว...
นั่นคือ ตัวอย่างของ การมองเห็นตลาด..ของผู้มีปัญญา...
สามคือ..การจัดการ...ทุกๆธุรกิจล้วนต้องใช้การจัดการที่ดี..
ธุรกิจที่ประสบความสำเร็จ คือธุรกิจที่ผู้นำมีวิสัยทัศน์..มองเห็นว่า..จะจัดการอย่างไร??
ให้ชนะใจผู้ซื้อได้..ให้ผู้ซื้อตัดสินใจว่า..ต้องซื้อกับคนๆนี้..แม้อาจจะแพงกว่า...
เพราะธรรมชาติของผู้ซื้อไม่ได้ต้องการสินค้าถูกเพียงอย่างเดียว...
ตามวลีที่ว่า....ในโลกนี้ของดีราคาถูกนั้นย่อมไม่มี...
ดังนั้นการจัดการที่ดี ที่ทำให้สินค้านั้นอยู่ในภาวะที่ตรงตามความต้องการของผู้ซื้อ..
จึงสามารถเอาชนะใจผู้ซื้อได้...
สี่คือ..การมีทีมงานที่ดี..ในองค์กรหนึ่งสิ่งสำคัญอย่างยิ่งคือ..การมี"ผู้นำ"ที่ดี...
แต่ที่สำคัญเช่นกันคือการมี "ทีมงาน"ที่แข็งแกร่ง...
ผู้นำดีจะสามารถสร้างทีมงานดี..ทีมงานที่ทำงานกันเป็นทีมอย่างขยันขันแข็ง...
เหมือนเช่นที่ทั้งโลกเชื่อกันว่า..ฟุตบอลหลายๆทีมชนะเพราะโค้ช..
ผู้นำที่ดีนอกจากมีคุณธรรมทั้ง 5 ประการ(อ่านในคุณสมบัติผู้นำที่เขียนไปแล้ว)..
สิ่งสำคัญยังต้องเป็นแบบอย่าง และ เข้มงวดในวินัยองค์กร..
ไม่ใช่ยืนหยัดว่า ตนเองซื่อสัตย์บริสุทธ์ แต่คนข้างกายโกงกินแหลกราญ แต่ตนเองบ่รู้..บ่หัน...
ถ้าเช่นนั้นองค์กรจะอยู่ได้อย่างไร???? ตนเองจะเป็นผู้นำทำไม????
การทำงานใดๆโดยเฉพาะการทำธุรกิจนั้น...
ไม่ใช่แค่ปล่อยตามกระแส..อ้างกระแสโลก....
แล้วจะทำให้องค์กร หรือ ประเทศ เจริญนั้น..เป็นไปได้ยากยิ่ง..
ยิ่งทุกวันนี้โลกได้เข้าใกล้ชิดกันจนแทบไม่มีสิ่งกีดกั้น..
สิ่งที่เกิดในมุมหน่ึงของโลกนี้ สามารถส่งไปยังอีกมุมของโลกในเพียงพริบตา...
ด้วยเทคโนโลยี ที่ทันสมัย ที่เราๆคนธรรมดาต่างก็รู้แก่ใจดี....
นอกจากไดโนเสาร์เต่าล้านปี เท่านั้นที่ยังคิดว่า..ตนเองสามารถ"ปิดฟ้าด้วยฝ่ามือ..."
อยากเรียนด้วยความกระดากว่า..ผมเรียนมาน้อย..
ที่พูดๆมาล้วนมาจากประสพการณ์ที่สร้างสมจากการทำงานมากว่า 30 ปี..
ดังนั้นจึงอาจเป็นการเอามะพร้าวห้าวมาขายสวน..ให้กูรูหลายท่านหัวเราะขบขัน..
เพียงแต่อยากเอาสิ่งที่ตนรู้เพียงน้อยนิดมาแชร์ให้ทุกท่านได้ข้อคิดบ้าง...
เพราะเห็นผู้บริหารบ้านเรา สามารถทำให้ของดีๆที่เรามี..กลายเป็นของบูดเน่าไปอย่างน่าเสียดาย...
ประเทศไทยนี้..เป็นประเทศหนึ่งในไม่กี่ประเทศที่มีศักยภาพก้าวไปถึงความเจริญอันดับต้นๆของโลก..
ดังเช่นคนชื่อ "นายกทักษิณ ชินวัตร" ได้เคยทำให้ประจักษ์มาแล้ว...
แต่น่าเสียดายว่า..เพียงปีเดียวที่ไล่คนๆนั้นไปแล้วมีคนมาทำลายทุกอย่างในยุคนั้น...
และต่อเนื่องมาถึงยุคนี้..ประเทศไทย ก็ก้าวสู่ความหายนะ จนยากที่จะกอบกู้...
หรืออาจจะต้องใช้เวลาอีกหลายปีที่จะกลับไปสู่ความยิ่งใหญ่เหมือนยุคนั้น...
(ไปอ่านกระทู้ ไทยจะต้องคืนเงินกู้อย่างไร??? ประกอบนะครับ....)
ครับ..กระทู้นี้คงเขียนเพื่อต่อเนื่องเรื่อง"จะสู้เศรษฐกิจที่ย่ำแย่อย่างไร???"
เท่าที่เวลาและพื้นที่อำนวย..หากคิดเพิ่มได้ หรือท่านใดต้องการร่วมเพิ่มเติม..ส่วนที่ยังขาด..
ก็ยินดีอย่างยิ่ง และจะมาต่อให้พรุ่งนี้ครับ....
ก่อนจากขอฝากธรรมะเป็นข้อคิด...
"สิ่งที่ืท่านเห็นมันก็ไม่ใช่..ส่ิงที่ท่านฟังมันก็ไม่ใช่...ยิ่งสิ่งที่ท่านคิดมันก็ไม่ใช่...
เพราะสิ่งเล่านั้นล้วนแต่มาทำให้ท่านเกิดกิเลส...
หากท่านขาด"สติ"ที่จะพิจารณาไตร่ตรองว่า..
สิ่งเหล่านั้นเป็นไปตาม..กฏของไตรลักษณ์ หรือไม่????..."
ครับ..พูดง่ายๆคือ.."มันไม่แน่" ครับ...
สวัสดีครับ...
บางทีผมก็รู้สึกเหนื่อยหน่ายใจที่จะถกสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นในบ้านเมืองเรา....
ปัญหาที่เกิดแค่เพราะมีคนอยากรักษาอำนาจของตนไว้...ไม่ให้เสื่อมสลายไปตามกาลเวลา..
จนแม้จะต้องเกิดการฆ่าแกงเพื่อนร่วมชาติเท่าใดก็ตาม...
นี่คือ..สิ่งที่เรียกว่า..อำนาจ..และผลประโยชน์ ย่อมทำให้คนมืดหน้าตามัว....มองไม่เห็นว่า ความถูกผิดเป็นเช่นไร???? ขอยึดหลักกูไว้ก่อน....เอาตนเองเป็นศูนย์กลางจักรวาล....เป็นความถูกต้อง..ใครไม่เห็นด้วยคือ ผิด...
ประเทศนี้..โลกนี้...ไม่ใช่ของใครคนใดคนหน่ึง...ไม่มีใครสามารถครอบครองสิ่งใดๆบนโลกนี้ไปจนนิรันดี์...
วันหนึ่งคุณก็ต้องตาย...ไม่มีใครหลีกลี้หนีพ้น...
แล้วจะสร้างเวรกรรมไปทำไม..??เพียงแค่เพื่อความร่ำรวยที่ไม่จีรัง...
นี่เป็นสิ่งที่ผมสงสัยว่า..ผู้มีอำนาจทั้งหลาย..ทั่นจะเอาไปทำไม..กับลาภยศสรรเสริญ ทั้งหลาย...
เปิดตาเปิดใจมองดูความจริงในโลกนี้เถอะ...